เพียงพริบตา ก็มีเวลาไม่ถึงหนึ่งวันสำหรับการแข่งท้าประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณี
ในวันนี้ ที่ทางเข้าของสถานที่จัดการท้าประลองในทางตะวันตกของเมืองเทียนโหมวชั้นนอกได้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
กลุ่มศิษย์อัจฉริยะต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน และมีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังมองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหาใครสักคน แต่ในการสนทนาของผู้คนทั้งหมดนี้ แทบจะพูดกันถึงเื่ของคนคนเดียว
หลี่โหย่วฉาย!
“พวกเ้าคิดว่าหลี่โหย่วฉายจะกล้ามาหรือไม่? จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเขาเลย!”
“ฮึ หลี่โหย่วฉายนั่นยังกล้าจะโผล่หัวออกมาอีกหรือ? ข้าคิดว่าตอนนี้คงจะหาที่ซ่อนตัวมุดหัวเหมือนเต่าในกระดองอยู่น่ะสิ”
“ข้ากล้าเดิมพันเลย ว่าหลี่โหย่วฉายอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้อย่างแน่นอน และอาจต้องเปลี่ยนโฉมหน้าของตนเอง ไม่เช่นนั้น... หากการท้าประลองเริ่มขึ้น หลี่โหย่วฉายจะต้องกลายเป็เป้าวิจารณ์ของผู้คนแน่นอน”
“โลภมากมักลาภหาย แม้ว่าหลี่โหย่วฉายจะมีพร์ที่น่าทึ่ง แต่เขาก็โลภมากเกินไป หลอกลวงคนร่วมพันคนในเวลาเดียวกัน... อีกอย่าง ยังล่อลวงพวกเขาให้ลงเดิมพันด้วยอาวุธเต๋า อาวุธชื่อเซียน หรือแม้แต่อาวุธเซียนอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะคิดว่ามีผู้เฒ่าร้องไห้หนุนหลัง เขาจะกล้าแสดงออกอย่างโอ้อวดเช่นนี้ในแดนต้าโหมวเทียนหรือ? ฮึ ขอแค่ไม่ผ่านการทดสอบสามสิบหกขุนพล์ ข้าก็อยากรู้นักว่าเขาจะไปเอาอาวุธเต๋า และอาวุธชื่อเซียนเ่าั้มาจากไหน ถึงตอนนั้น ผู้เฒ่าร้องไห้เองก็คงจะไล่เขาออกจากสำนัก!”
“หลี่โหย่วฉายมีฐานการฝึกฝนขั้นกุมารทิพย์ระดับกลาง พวกเ้ายังจะกล้าเดิมพันกันอีกหรือว่าเขาจะได้เป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์? แม้ว่าเขาจะเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงในระยะสองจ้างได้แล้วจะทำไม? หรือเขาจะได้ของดีอะไรจากผนึกจอมอสูรจึงสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับฉิงเทียนหวังได้หรือ? น่าขำ... ข้าเดาว่า หลี่โหย่วฉายนั่นคงจะมีสิ่งพิเศษในร่างกาย จึงทำให้เขาสามารถเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้ เขารู้สึกเช่นนั้นจริงหรือว่าการเข้าใกล้ผนึกว่านเซี่ยงได้ ก็หมายถึงเขารู้เื่ผนึกจอมอสูรอย่างลึกซึ้งแล้ว?”
“ขั้นกุมารทิพย์ระดับกลาง... ยังไม่ต้องพูดถึงสามสิบหกขุนพล์ แม้แต่ด่านที่หนึ่งของเจ็ดสิบสองอสูรธรณีก็คงเป็ปัญหาแล้วล่ะ!”
“ข้าอยากจะลองดูว่าหลี่โหย่วฉายนั่นจะอยู่ได้ถึงเมื่อไร ต่อให้เขาผ่านด่านแรกไปได้ แต่อย่าได้คิดถึงชัยชนะในด่านที่สองเลย!”
“แม้ว่าเกณฑ์การเข้าร่วมทดสอบเจ็ดสิบสองอสูรธรณีจะเป็ระดับฝึกฝนขั้นกุมารทิพย์ แต่ในบรรดาเจ็ดสิบสองอสูรธรณีนอกจากสิ่งยกเว้นพิเศษทั้งสองแล้ว มีใครบ้างที่ไม่ได้อยู่ในระดับฝึกฝนระดับสูงสุดของขั้นเทพ์?”
“ดังนั้น ไม่ว่าหลี่โหย่วฉายจะมีความหวังได้หรือไม่ก็ตาม พวกเราก็ต้องขัดขวางอย่างเต็มที่ เมื่อถึงตอนนั้น ทุกคนที่เข้าร่วมการเดิมพันก็จะได้รับการชดเชย!”
เสียงสนทนาเช่นนี้ดังขึ้นมากมาย และเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ต้องบอกเลยว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนที่ตั้งความหวังกับการเดิมพันครั้งนี้อยู่ ศิษย์อัจฉริยะที่ร้อนใจอยู่ก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะสงบลง แต่ยังไม่เป็กังวลอีกด้วย ตามที่คนเหล่านี้พูดคุยกัน ขอเพียงขัดขวางไม่ให้ฉินอวี่ได้เป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีได้สำเร็จ ก็นับว่าชนะการเดิมพัน และเมื่อถึงตอนนั้นจะต้องได้รับอาวุธที่อยู่ในระดับเต๋าแน่นอน
ทันใดนั้น หมอกที่ปกคลุมหัวใจของเหล่าศิษย์อัจฉริยะก็เริ่มจางหายไป คนจำนวนมากต่างอดทนรอแทบไม่ไหวกับการเริ่มต้นท้าประลอง!
“จริงสิ การท้าประลองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ล้อมหลี่โหย่วฉายนั่นไว้ให้ได้มากที่สุด หากคิดจะหนีก็ตัดขาเขาทิ้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทำได้มากที่สุดก็แค่ทำให้เหลือครึ่งชีวิต อย่าให้ถึงแก่ชีวิตเป็อันขาด ไม่เช่นนั้น ใครจะเป็คนชดใช้สิ่งที่เดิมพันไปให้กับพวกเรา?” อัจฉริยะหนุ่มสาวที่มองโลกแง่ดีจำนวนมากพูดขึ้นเสียงดัง เพราะเกรงว่าหากเริ่มการท้าประลอง แล้วฉินอวี่อาจจะถูกสังหาร
“พูดได้มีเหตุผล ขอแค่เขามีชีวิตอยู่ก็พอ อีกอย่าง ต่อให้หลี่โหย่วฉายจะมีผู้เฒ่าร้องไห้อยู่เื้ัก็ไม่ต้องเป็กังวล ต่อให้ผู้เฒ่าร้องไห้จะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่มีสิทธิ์แทรกแซงการเดิมพันเจ็ดสิบสองอสูรธรณีของแดนต้าโหมวเทียน
“หากหลี่โหย่วฉายยอมสู้ตายล่ะ พวกเราจะทำอย่างไร?” มีใครบางคนพูดขึ้นเบาๆ
“เื่นี้ก็อาจเป็ไปได้จริงๆ หากถึงตอนนั้นหลี่โหย่วฉายเกิดตายเสียก่อน พวกเราก็ไม่ทางไปทวงหาสิ่งชดใช้ในการเดิมพันจากผู้เฒ่าร้องไห้ได้เลย... ดังนั้น ทุกคนต้องระวังให้มาก อย่าทำให้หลี่โหย่วฉายเป็อันตรายถึงชีวิต จำไว้ให้ดี!”
เสียงจำนวนมากดังขึ้นมาพร้อมกัน ท้ายที่สุดก็เป็เพราะความอ่อนเยาว์และทรงพลัง เพียงคำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำ ทุกคนต่างก็ลืมความหวาดกลัวและความทรมานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่กลับเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่
ท่ามกลางผู้คน
หยางเต้ามองไปยังเหล่าศิษย์อัจฉริยะที่เริ่มมีรอยยิ้ม ด้วยท่าทางที่เฉยเมย ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย คนเหล่านี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ในตอนแรก ฉินอวี่เคยวิ่งไล่ล่าอันดับหนึ่งของเผ่าหยาจื้อด้วยระดับการฝึกฝนในขั้นกุมารทิพย์ระดับต้น ในตอนนี้ พละกำลังอันน่ากลัวของเขาคงจะเปลี่ยนไปไปมาก
เท่าที่หยางเต้ารู้จักฉินอวี่มา ฉินอวี่จะไม่มีวันทำในสิ่งที่ตนเองไม่มั่นใจ ดังนั้น เื่นี้สามารถสรุปได้เลยว่า คนเหล่านี้ต้องเสียน้ำตาแน่นอน
เพียงแต่ ในตอนนี้ สิ่งที่หยางเต้าคิดถึงมากที่สุดก็คือ เื่ในด่านแรกของการประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณี อาจารย์ของตนเอง้าช่วยฉินอวี่สักครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม หากคนเหล่านี้ผนึกพลังร่วมกันขึ้นมา ต่อให้ฉินอวี่จะวิเศษเพียงใด น้ำน้อยก็แพ้ไฟ หากตนเองเข้าร่วมด้วย ความมั่นใจของฉินอวี่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าหยางเต้าไม่ได้คิดทำเช่นนี้เพื่อให้ฉินอวี่มาติดหนี้บุญคุณตนเอง แต่เป็เพราะทั้งสองคนล้วนแต่เป็คนนอก และเป็ศิษย์ของสำนักยุทธ์ว่านจ้งเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่มีความสนิทกัน แต่ทั้งคู่ต่างจับตามองกันและกัน หรืออาจพูดได้ว่า ในเวลาวิกฤติ ทั้งสองคนจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุด หากจะพูดย้อนกลับไป พวกเขาต่างรู้จักฝีมือของกันและกัน และใน่เวลาสั้นๆ กลับสามารถเพิ่มความเชื่อใจกันให้มากขึ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ ทางอีกด้านหนึ่ง
ไป๋ฉีและหยางซานกำลังหันซ้ายมองขวาเพื่อมองหาฉินอวี่ แต่มองหาอยู่เป็เวลานาน ก็ยังคงมองไม่เห็นแม้เงาของฉินอวี่ ต่างเป็กังวลถึงฉินอวี่มากขึ้นเื่ๆ
ต้องบอกเลยว่า ในงานเลี้ยง ทุกสิ่งที่ฉินอวี่ได้กระทำไปนั้นทำให้ฉวีหย่งเซิง ไป๋ฉี และหยางซานต่างประทับใจยิ่งนัก โดยเฉพาะเื่ที่เขากล้าทำให้เหลยจั๋วเยว่นำอาวุธเซียนมาวางเดิมพัน สิ่งนี้ยิ่งทำให้ทั้งสามคนต่างชื่นชมฉินอวี่มากขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เหล่าเอ้อ เ้าว่าเหลาอู่มีโอกาสผ่านการทดสอบของเจ็ดสิบสองอสูรธรณีมากแค่ไหน?” หลังจากไม่พบฉินอวี่ในฝูงชน ไป๋ฉีก็หันกลับไปถามทันที
ในอดีตหยางซานเคยเป็หนึ่งในเจ็ดสิบสองอสูรธรณีมาก่อน และเขาไม่สามารถรักษามันไว้ได้เมื่อการท้าประลองในครั้งที่ผ่านมา แต่เขามีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับการท้าประลองของเจ็ดสิบสองอสูรธรณีเป็อย่างมาก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยางซานก็ส่ายศีรษะ “โอกาสน้อยมาก”
หากเป็คนอื่น หยางซานอาจตอบไปในทันทีว่าไม่มีทางเป็ไปได้ สำหรับฉินอวี่แล้ว หยางซานไม่อาจคาดการณ์อะไรได้เลย เพราะถึงอย่างไร เขาก็เคยเห็นด้วยตาตนเองมาแล้วว่าฉินอวี่สามารถเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้ในระยะสองจ้าง และเป็เพราะเหตุนี้เอง เขาจึงไม่คิดจะทำการเดิมพันอะไรกับฉินอวี่
“เหล่าต้าได้เข้าร่วมการทดสอบแล้ว ไม่มีทางช่วยเหลาอู่ได้เลย เฮ้อ เหลาอู่ก็เหมือนกัน หากไม่มีการเดิมพันแบบนี้ ไม่แน่เหลาอู่ก็อาจจะมีโอกาสได้เป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้... กลายเป็ที่พูดกันของผู้คนไปแล้ว เกรงว่าการผ่านด่านแรกคงเป็เื่ยากเสียแล้ว” ไป๋ฉีกล่าวอย่างเสียดาย
หยางซานไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่อยู่เงียบๆ รอเวลาที่การท้าประลองจะเริ่มขึ้น เพียงแต่ ในใจของเขายังคงมีความคาดหวังอยู่อย่างคลุมเครือ...
วันรุ่งขึ้น
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก่อนเริ่มการท้าประลอง ผู้โดดเด่นวัยหนุ่มสาวจำนวนกว่าหมื่นคนมารวมตัวกันอยู่ตรงพื้นที่ว่างทางตะวันตกของเมืองเทียนโหมวชั้นนอก
“เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามแล้ว หลี่โหย่วฉายคงจะไม่เปลี่ยนใจไม่เข้าร่วมการท้าประลองหรอกนะ?”
“เป็ไปไม่ได้ หากเขาไม่เข้าร่วมการประลอง ก็เท่ากับเขายอมรับความพ่ายแพ้มิใช่หรือ?”
“หรือว่า... หลี่โหย่วฉายนั่นจะเป็เต่าหดหัวอยู่ในกระดองจริงๆ?”
ทุกคนต่างสนทนากัน มีบางคนถึงกับะโก่นด่า และสาปแช่ง เพื่อกระตุ้นฉินอวี่ให้ออกมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองหาฉินอวี่อยู่นั้น ฉินอวี่ได้แปลงกายปกปิดตนเองอยู่ในร่างของชายฉกรรจ์ไว้หนวดเครา และพูดด้วยเสียงดัง “ข้าว่าหลี่โหย่วฉายคงไม่กล้าปรากฏตัวแน่... เดี๋ยวสิ... หลี่โหย่วฉายนั่นเดิมพันแค่เื่เขาจะได้เป็สามสิบหกขุนพล์หรือไม่ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเมื่อไร... เป็ไปได้หรือไม่ว่า... เขาจะไม่คิดเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้? เขาอาจกำลังหมายถึงการทดสอบครั้งถัดไป?”
พื้นที่โล่งที่วุ่นวายสงบเงียบลงทันที ทุกคนต่างจ้องตรงมาทางฉินอวี่
“จริงด้วย หลี่โหย่วฉายนั่นบอกแค่ว่าเดิมพัน... แต่ก็ไม่ได้พูดว่าเป็การเดิมพันครั้งนี้ ไม่บอกเวลาที่แน่ชัดไว้เลย อาจจะเป็ครั้งนี้ แต่จะเป็ครั้งหน้าก็ได้...”
“หรือว่า... หลี่โหย่วฉายไม่ได้หมายถึงครั้งนี้? หรือว่าเขารอการทดสอบสามสิบหกขุนพล์ครั้งต่อไป?”
“พวกเราถูกหลอกหรือ?”
“ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะ หลี่โหย่วฉายนั่นอยู่เพียงขั้นกุมารทิพย์จะกล้าเดิมพันสามสิบหกขุนพล์หรือ ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ เป็เช่นนี้นี่เอง!”
“ตัวแสบจริงๆ!”
เสียงก่นด่าดังขึ้นต่อเนื่อง พื้นที่ว่างขนาดใหญ่ที่รวมคนนับหมื่นเอาไว้ก็วุ่นวายขึ้นทันที เสียงก่นด่าดังขึ้นกึกก้องไปบนอากาศ
บริเวณด้านนอกของพื้นที่ว่าง อินิ หลัวอวิ๋นทุน และเหล่าชายหนุ่มหญิงสาวอีกสิบคนเริ่มมีสีหน้าที่ไม่ดีขึ้นมาทันที นับั้แ่งานเลี้ยงมาพวกเขาล้วนแต่วางแผนสำหรับขัดขวางฉินอวี่ไว้แล้ว แต่กลับนึกไม่ถึง ว่าพวกเขาลงทุนเตรียมการมาเป็เวลานาน แต่กลับมาพบว่า ตนเองก็ไม่รู้เลยว่าหลี่โหย่วฉายจะเข้าร่วมการทดสอบในครั้งใด...
บนหอแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล เหลยจั๋วเยว่กำลังยืนมือไพล่หลังด้วยสีหน้าที่น่ากลัวยิ่งนัก เมื่อนึกย้อนกลับไปให้ดี จึงเห็นชัดว่าไม่มีการกำหนดวันที่แน่นอนเอาไว้ั้แ่ต้นในตอนเดิมพัน หรืออาจพูดได้ว่า ขอเพียงหลี่โหย่วฉายคิด เขาสามารถจะเลือกได้ว่าจะเป็ครั้งถัดไป หรือครั้งถัดๆ ไป อีกก็เป็ได้...
ความคิดเขาวกวนไปมาอยู่หลายต่อหลายรอบ เหลยจั๋วเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย และพูดอย่างเยือกเย็น “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ทำตามแผนการเดิม!”
แม้ว่าจะมีโอกาสไม่มากนักที่หลี่โหย่วฉายจะเข้าร่วมการท้าประลองครั้งนี้ แต่ขอเพียงแค่มีโอกาสไม่ว่ามากหรือน้อย เหลยจั๋วเยว่ก็ต้องทำตามแผนที่วางไว้ เพราะเขาไม่้าจะเปิดโอกาสให้หลี่โหย่วฉายได้ประโยชน์!
ในเวลาเดียวกัน
“จำไว้ มีเพียงโอสถสำหรับการรักษาและสมานแผล อาวุธที่อยู่ระดับต่ำกว่าระดับเต๋า และอาวุธิญญาป้องกันเท่านั้นที่นำติดตัวเข้าไปในการท้าประลองได้ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกสังหารไม่มีข้อยกเว้น” เสียงที่แก่ชราดังขึ้นมาจากอากาศ
การทดสอบในการท้าประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณีเป็เื่ของพละกำลัง ไม่สามารถใช้ตัวช่วยจากภายนอกได้ ดังนั้น ผู้สามารถเป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีได้นั้น จะต้องมีความสามารถที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด!
“พาเข้าไปได้เพียงยารักษาหรือ?” ปากของฉินอวี่ขยับ เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะได้ยินกฎเหล่านี้มาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ยินกับหูตนเอง เขาก็อดที่จะดีใจไม่ได้ หากอนุญาตให้นำอาวุธระดับเต๋าเข้าไปได้ เช่นนั้น... ฉินอวี่ก็คงมีความมั่นใจอย่างยิ่งที่จะชนะเจ็ดสิบสองอสูรธรณี!
เมื่อฉินอวี่นำวงแหวนมิติฝากเอาไว้ เขาก็ได้รับป้ายคำสั่งเข้าไปยังวังวนพลังที่จุดหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงอันเ็าก็ดังเข้ามาในหู “ทุกคนอย่าเพิ่งไปไหน ผู้อยู่ระดับต่ำกว่าขั้นเทพ์ลุกขึ้นมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าตระกูลเหลยไม่เกรงใจ!”
