เห็นได้ชัดว่าคำตอบนี้ทำให้ซูเต๋อเหยียนพอใจมาก
เขาไม่ได้ดูผิด ซูเฟยซื่อไม่เหมือนหญิงใจคอคับแคบเ่าั้ นางรู้จักกาลเทศะมาก
“ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้น...”
“ถ้าเฟยซื่อกล่าวแล้ว ขอท่านพ่ออย่าได้ตำหนิแม่ใหญ่ นางแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะเท่านั้น” ซูเฟยซื่อกล่าวจบก็คุกเข่าโครมลงบนพื้น น้ำตาไหลพรั่งพรู
เห็นแบบนี้ ทั้งได้ฟังเนื้อหาที่ซูเฟยซื่อพูดจา ซูเต๋อเหยียนอดไม่ได้ที่จะมึนงงไปแล้ว
กำลังช่วยขอร้องแทนนางแซ่หลี่? ขอร้องเื่อะไร? หรือว่า...
ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจซูเต๋อเหยียนอย่างรวดเร็ว “เกิดเื่อะไร รีบพูด!”
“วันนี้เฟยซื่อ... เฟยซื่อเดินผ่านเรือนเปลี่ยวได้เห็น... เห็นแม่ใหญ่ถูกผู้ชายคนหนึ่งกอดไว้โดยไม่ทันระวัง เฟยซื่อไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร เพียงแต่ในใจรู้สึกกลัว ก็รีบมาหาท่านพ่อแล้ว” เฟยซื่อกล่าวจบ ก็ยิ่งร้องไห้หนัก
แต่หน้าของซูเต๋อเหยียนกลับดำทะมึนจนดูราวกับก้นหม้อไปแล้ว ทว่าเขาเป็คนที่ผ่านพายุใหญ่มาก่อน แค่คำพูดไม่กี่คำของซูเฟยซื่อย่อมไม่อาจหลอกเขาได้
เขาระงับความโกรธ แล้วเรียกสติกลับมาโดยเร็ว “ไป พาพ่อไปดู”
แววเหี้ยมเกรียมปราดหนึ่งแวบผ่านดวงตาของซูเฟยซื่อ สุนัขจิ้งจอกเฒ่า ตามที่คาด เขาไม่เชื่อนางง่ายๆ
แต่ครั้งนี้ความจริงได้วางอยู่ต่อหน้า นางกลับ้าดูว่าซูเต๋อเหยียนจะจัดการอย่างไร
คิดแล้ว ซูเฟยซื่อรีบลุกขึ้นนำซูเต๋อเหยียนเดินไปยังเรือนเปลี่ยว เดินพลางไม่ลืมที่จะช่วยขอร้องแทนนางแซ่หลี่ไปพลาง
ระหว่างทางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อกวนให้อารมณ์ซูเต๋อเหยียนยิ่งยุ่งเหยิง อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้ายิ่งเร็วขึ้น ไม่นานก็ถึงเรือนเปลี่ยว
สองคนเพิ่งเดินเข้าไปในเรือนเปลี่ยว ก็ได้ยินเสียงครางเบาๆ ของผู้หญิงกับเสียงหอบกระชั้นของผู้ชายในห้อง
ซูเฟยซื่อแกล้งทำเป็ใช้หางตาเหลือบกวาดมองใบหน้าของซูเต๋อเหยียนอย่างไม่ตั้งใจ เห็นเส้นเอ็นปูดโปนเขียวไปนานแล้ว สองตาแดงก่ำจ้องถลึง
เขากับนางแซ่หลี่เป็สามีภรรยามาหลายสิบปี เสียงนี้เขาคุ้นเคยจนไม่อาจเคยชินไปกว่านี้แล้ว
ซูเต๋อเหยียนเร่งฝีเท้าเร็วไปหลายก้าว เตะประตูเปิดออก ภาพที่เห็นทำเอาเขาเดือดดาลจนแทบลมจับ
เพียงเห็นนางแซ่หลี่กำลังกอดรัดพัวพันกับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทั่วหน้าแฝงความสุขสม ผู้ชายใช้แรงไถหนัก นางแซ่หลี่ร้องอย่างสุขสันต์
กลางวันแสกๆ ยังถูกซูเฟยซื่อจับได้คาหนังคาเขา แล้ววันข้างหน้าหน้าตาเขาจะอะไรอีก?
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธที่สุดคือ เมื่อผู้ชายคนนั้นได้ยินเสียงประตูถูกผลักออก ก็ลนลานรีบลงมาจากเตียง แต่นางแซ่หลี่กลับกอดผู้ชายไว้แน่นไม่ปล่อยไป ทั้งดวงหน้าดูกระสันไม่อิ่ม “ทูนหัว เ้าจะไปไหน อย่าไป อย่าไปนะ”
ทูนหัวเสียงเดียวทำเอาซูเต๋อเหยียนโกรธจนยกมือขึ้นตบหน้านางแซ่หลี่หลายครั้ง “นังหญิงแพศยาไร้ยางอาย จวนอัครมหาเสนาบดีข้าทำไม่ดีต่อเ้าตรงไหน ถึงกับกล้าทรยศข้าคบชู้?”
คิ้วซูเฟยซื่อกลับขมวดย่น สถานการณ์ของนางแซ่หลี่ไม่ถูกต้อง นางสั่งซูจิ้งเซียงไม่ให้ใช้ยาปลุกกำหนัดชัดๆ หรือซูจิ้งเซียงจะไม่ฟังคำสั่งของนาง?
นางสูดอากาศในห้องเข้าไปเฮือกหนึ่ง ตามคาดในอากาศมีรสหวานนิดๆ ในดวงตานางถึงกับดับไปวูบหนึ่ง
เื่เล็กน้อยอดทนไม่ได้จะทำให้เสียแผนการใหญ่ แผนของนางถูกซูจิ้งเซียงทำลายไปหมดสิ้น
นางแซ่หลี่ถูกวางยาปลุกกำหนัดแล้ว แม้จะถูกตบหน้าแต่ก็ยังมึนเมาไม่ได้สติ “ทูนหัว ทูนหัว เ้าไปไหนแล้ว?”
เมื่อเห็นฉากนี้ ซูเต๋อเหยียนยกมือขึ้นจะตบอีก แต่ซูเฟยซื่อหยุดไว้ “ท่านพ่ออย่าได้ตีแม่ใหญ่เลย ตามที่เฟยซื่อดู สถานการณ์แบบนี้ไม่ถูกต้องเ้าค่ะ”
เดิมนางสามารถสังหารนางแซ่หลี่ได้ในคราเดียว
แต่น่าเสียดายที่ซูจิ้งเซียงไม่สามารถรอให้นางแซ่หลี่นอกใจด้วยตัวนางเอง ฝืนใช้ยาปลุกกำหนัดทำลายแผนการของนางแล้ว
ตอนนี้นางได้แต่พูดความสงสัยของนางออกมา
ไว้ชีวิตนางแซ่หลี่ชีวิตหนึ่ง ยังพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับเื่ทั้งหมดด้วย
มิฉะนั้นตำแหน่งของนางในจวนอัครมหาเสนาบดียังไม่มั่นคง ถ้านางถูกซูเต๋อเหยียนสงสัยเข้า เกรงว่าเส้นทางในวันข้างหน้าจะยิ่งเดินลำบาก
“มีอะไรผิดปกติหรือ?” ซูเต๋อเหยียนเพิ่งถูกบดบังด้วยความโกรธเมื่อสักพัก ตอนนี้ถูกซูเฟยซื่อเตือนชี้แนะแบบนี้ ก็เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาระงับทั้งความโกรธเกลียดชังในใจ พิจารณานางแซ่หลี่อย่างรอบคอบคราหนึ่ง
เห็นสองแก้มนางแดงเรื่อ แววตาพร่ามัวเลื่อนลอย ดมกลิ่นอากาศในห้องนี้อีก ดวงตาทั้งคู่พลันหรี่ลง
ยาปลุกกำหนัด? ดูเหมือนว่าเื่นี้จะไม่ธรรมดา บางคนจงใจวางแผนเล่นงานนางแซ่หลี่
เพียงแต่คนคนนั้นเป็ใคร? กล้าทำเื่แบบนี้สองครั้งในจวนอัครมหาเสนาบดีของเขา!
ไม่ บางทีอาจไม่ใช่สิ่งที่บุคคลภายนอกทำ แต่เป็คนภายในจวนอัครมหาเสนาบดี มิฉะนั้นจะรู้ว่าเรือนเปลี่ยวของจวนอัครมหาเสนาบดีอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทั้งยังสามารถวางยาปลุกกำหนัดนางแซ่หลี่มา แล้วยังดันให้ซูเฟยซื่อได้พบเห็นเข้า
ทุกสิ่งนี้เป็เื่บังเอิญเกินไป แต่ถ้าบอกว่าเป็คนที่มีความแค้นลึกเช่นนี้กับนางแซ่หลี่
ซูเต๋อเหยียนเบนสายตาไปยังร่างซูเฟยซื่อช้าๆ นางแซ่หลี่ปฏิบัติต่อซูเฟยซื่ออย่างไรเขาทราบดี
อีกทั้งเื่นี้พอดีอีกว่าเป็ซูเฟยซื่อบอกเขา ถ้าทุกสิ่งนี้ต่างไม่ใช่เื่บังเอิญละก็ ซูเฟยซื่อก็เป็ผู้ต้องหาที่น่าสงสัยที่สุด
ประเสริฐ ในจวนอัครมหาเสนาบดีถึงกับเลี้ยงหมาป่าตาขาว คนเนรคุณที่โหดร้ายอำมหิตคนหนึ่งแบบนี้ไว้แล้ว ให้เก็บไว้ได้อย่างไร?
ััถึงแววตาของซูเต๋อเหยียน ซูเฟยซื่อยังอดใไม่ได้ ตามที่คาดขิงแก่ยังคงเผ็ดร้อน ชั่วพริบตาก็สงสัยมาถึงนางทันที
โชคดีที่นางฉลาดขึ้นเมื่อครู่ เปลี่ยนคำร้องเรียกว่าเื่นี้มีบางอย่างผิดปกติ แทนที่จะกัดนางแซ่หลี่ให้ตาย มิฉะนั้นนางต้องถูกซูจิ้งเซียงทำร้ายจนตายแล้วจริงๆ
คิดแล้ว ซูเฟยซื่อเอ่ยปากเสียเลย ใช้การรุกแทนการถอย “ท่านพ่อ ลักษณะแม่ใหญ่แบบนี้มีบางอย่างไม่ปกติจริงๆ ถ้าบังเอิญถูกผู้คนพบเห็นลือออกไป เกรงว่าไม่เพียงเป็ชื่อเสียงของแม่ใหญ่เท่านั้น กระทั่งชื่อเสียงของจวนอัครมหาเสนาบดีเราก็เสียหายไปด้วย ให้เฟยซื่อสวมเสื้อผ้าแม่ใหญ่ให้เรียบร้อยก่อน รอแม่ใหญ่ได้สติแล้วท่านค่อยจัดการดีไหมเ้าคะ?”
ซูจิ้งเซียงล้มเหลวในการทำงาน ทิ้งเศษสวะแบบนี้ไว้ นางก็ได้แต่ต้องจัดเก็บ
ในเมื่อสิ่งที่ซูเต๋อเหยียนเห็นสำคัญที่สุดเป็ชื่อเสียง ถ้าเช่นนั้นนางก็จับชิ้นนี้ไว้ ชิงเวลาให้ตัวเองเล็กน้อย
ได้ยินวาจาของซูเฟยซื่อ ในดวงตาของซูเต๋อเหยียนมีแววสับสนกระแสหนึ่งวาบผ่านอย่างรวดเร็ว
ถ้าเื่นี้ทั้งหมดเป็การวางแผนของซูเฟยซื่อ ถ้าเช่นนั้นวัตถุประสงค์ย่อมต้องเป็กำจัดนางแซ่หลี่ทิ้ง ตอนนี้ควรอาละวาดปานฟ้าผ่าใส่เขา ให้เขาจัดการลงโทษความผิดของนางแซ่หลี่จึงจะถูก
แต่วาจาซูเฟยซื่อแต่ละประโยคกลับคิดเผื่อชื่อเสียงของนางแซ่หลี่กับจวนอัครมหาเสนาบดี
หรือเป็เขาที่คิดมากไป หรือเื่นี้ไม่เกี่ยวกับซูเฟยซื่ออย่างสิ้นเชิง?
แต่ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ซูเฟยซื่อกลับพูดถูกประโยคหนึ่ง ถ้าเื่นี้แพร่ออกไปชื่อเสียงของจวนอัครมหาเสนาบดีต้องถูกทำลายแน่ๆ
คิดถึงตรงนี้ ซูเต๋อเหยียนรีบเอ่ยปาก “ที่เ้ากล่าวเช่นนั้นก็ถูก...”
แต่ก็เป็ในขณะที่ซูเต๋อเหยียนกำลังครุ่นคิด ซูเฟยซื่อได้เบนสายตามองผู้ชายแวบหนึ่ง ส่งสัญญาณให้เขารีบะโหน้าต่างจากไปอย่างรวดเร็ว
โดยไม่รอให้ซูเต๋อเหยียนพูดจบ ผู้ชายคนนั้นได้ลุกขึ้นวิ่งไปที่หน้าต่าง
“อ๊ะ ท่านพ่อ คนนั้นกำลังจะหนีไปแล้ว เร็ว...” ซูเฟยซื่อแสร้งทำเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแกมใ ทว่ายังไม่พูดจบก็รีบหุบปากฉับ “ไม่ได้ๆ เราเรียกคนไม่ได้ มิฉะนั้นเื่นี้คงปิดไม่มิดแน่”
วาจานี้เป็นางจงใจพูดให้ซูเต๋อเหยียนฟัง ที่้าก็คือให้ซูเต๋อเหยียนเรียกคนไม่ได้ ตนเองต้องไปจับเอง
ด้วยศักดิ์ศรีของซูเต๋อเหยียน แน่นอนว่าไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้สวมหมวกเขียวให้ตนแล้ววิ่งหนีไปแน่ เขาต้องจับคนนี้ใช้ห้าม้าแยกร่างเป็ชิ้นๆ แก้แค้นให้จงได้