“หยวนหนิง เ้ารู้ไหมว่าทำไมเมื่อเกิดเื่กับฮูหยินน้อยเสิ่น ข้ากับน้องห้าถึงได้เรียกเ้ามาที่นี่” องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่มีฐานะใหญ่ที่สุด ณ ที่แห่งนี้เท่านั้น แต่ยังอายุมากที่สุดอีกด้วย ทว่าเขากลับมีใบหน้าเยาว์วัย หน้าตาหล่อเหล่า ซึ่งถ้าดูจากแค่ใบหน้าแล้ว ดูจะอายุน้อยกว่าตวนอ๋องและเสิ่นเยี่ยนอีก
น่าแปลกที่องค์หญิงสิบเอ็ดดูเกรงกลัวองค์รัชทายาทมาก นางนิ่งสลดพลางตอบเสียงเบา “ก็เพราะสงสัยข้าไม่ใช่หรือไง?”
“ข้ากับน้องห้าไม่ได้สงสัยเ้า เ้าเติบโตมากับพวกเรา ข้าไม่คิดว่าเ้าจะกล้าทำเื่โง่ๆ แบบนั้นหรอก” องค์รัชทายาทพูดอย่างเ็า
องค์หญิงสิบเอ็ดมองพี่ชายทั้งสองด้วยความสงสัย
กู้เจิงสังเกตว่าพระชายารัชทายาทกับกู้อิ๋งไม่ได้อยู่ที่นี่ ดูท่าเื่ที่จะคุยกับองค์หญิงสิบเอ็ดจะเป็เื่สำคัญมาก
“หมู่นี้ ฟู่ผิงเซียงกับพี่สะใภ้สามมักจะนัดพบปะกันที่โรงน้ำชาอวิ๋นเซียง แต่เ้ามักจะมาเล่นอยู่ที่นี่ แต่ฟู่ผิงเซียงเป็สหายของเ้า เ้าเคยบอกนางเื่ของตำหนักบูรพากับจวนตวนอ๋องหรือไม่?”
องค์หญิงสิบเอ็ดนิ่งอึ้ง ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ข้าไม่เคยนะ อีกอย่าง เื่ของพี่รัชทายาทและพี่ห้า จะมีอะไรให้ข้าไปพูดได้เล่า?” นางรู้อยู่แก่ใจว่าเหล่าพี่ชายกำลังทำอะไร เพียงแต่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยว
“ไม่เคยจริงๆ น่ะหรือ?” ตวนอ๋องเอ่ยถามเสียงเฉียบขาด
องค์หญิงสิบเอ็ดใ กู้เจิงเองก็ใ นางไม่เคยเห็นตวนอ๋องโกรธขนาดนี้มาก่อน
ตวนอ๋องแอบเห็นว่ากู้เจิงใเสียงของเขา สีหน้าจึงยิ่งทะมึนเข้าไปใหญ่
“ข้า ข้า...” เสียงเจือสะอื้นขององค์หญิงสิบเอ็ดดังขึ้น “ข้างกายข้าไม่มีสหายคนใดให้คุยด้วยได้ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ข้าเห็นอะไรก็จะบอกฟู่ผิงเซียง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ไม่ควรพูด”
“แล้ว่นี้เ้าคุยอะไรกับนางบ้าง? เล่าออกมาให้ละเอียดทั้งหมด” ตวนอ๋องเห็นกู้เจิงดึงชายเสื้อของเสิ่นเยี่ยน เขาจึงอดโมโหไม่ได้
“ข้าก็บอกไปแล้ว ว่าเหตุใดพี่รัชทายาทถึงให้ความสำคัญกับผู้ช่วยของสำนักราชเลขาคนนี้ถึงเพียงนี้กัน? แม้แต่บุตรีอนุคนนี้ก็ยังมีชื่ออยู่ในงานเลี้ยงนี้ด้วย” องค์หญิงสิบเอ็ดสะอึกสะอื้น
“เื่อื่นๆ ในตำหนักบูรพากับจวนตวนอ๋อง เ้าก็บอกฟู่ผิงเซียงทั้งหมดหรือ?”
องค์หญิงสิบเอ็ดสะอื้นไห้พลางพยักหน้า นางไม่มีสหายอื่นนอกจากฟู่ผิงเซียงอีกแล้ว “ต่อไปข้าจะไม่พูดอีกแล้ว”
“ใครก็ได้ มาส่งองค์หญิงกลับไปที” องค์รัชทายาทเรียกนางกำนัลอย่างเ็า
ภายในตำหนักเงียบสงัด
กู้เจิงพอจะคาดเดาได้ว่า คนที่จับตัวนางไปน่าจะได้รับคำสั่งมาจากองค์ชายสาม ฟู่ผิงเซียงอาศัยสืบข่าวของตวนอ๋องและองค์รัชทายาทจากองค์หญิงสิบเอ็ด จากนั้นก็นำข่าวไปบอกแก่พระชายาสาม ซึ่งนำเื่ไปบอกสามีคือองค์ชายสามอีกที แต่คำถามก็คือมันเกี่ยวอะไรกับนาง?
“เสด็จพี่ เมื่อเดือนก่อนพี่สามได้มาหาเสิ่นเยี่ยน และได้ทาบทามให้เสิ่นเยี่ยนไปรับใช้เขา”ตวนอ๋องแจ้งข้อมูลแก่องค์รัชทายาท
“ตอนนั้นองค์ชายสามมาทาบทามให้กระหม่อมไปเป็คนของเขา หากไม่เช่นนั้นก็จะไม่ยอมให้กระหม่อมได้มาช่วยงานองค์รัชทายาทเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเยี่ยนมองกู้เจิงอย่างละอายใจ เขามองไปยังองค์รัชทายาทและกล่าวว่า “หากเื่ของภรรยากระหม่อมเป็ฝีมือขององค์ชายสามจริงๆ ก็น่าจะเป็คำเตือนแก่กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทแค่นเสียงเย็น “ในวันที่ประกาศผลสอบของเ้า เขาได้เลี้ยงรับรองผู้ที่สอบได้จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวา ตอนนี้คนเ่าั้ก็กลายไปเป็คนของเขาหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะน้องห้ามีแผนจะวางคนของเราไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าทุกคนก็คงไปอยู่ฝั่งเขาจนหมด”
กู้เจิงเหลือบมองเสิ่นเยี่ยน ก่อนหน้านี้นางก็เคยสงสัยเื่ลำดับการสอบของเสิ่นเยี่ยนอยู่แล้ว นางลองเลียบเคียงถามขึ้นว่า “องค์รัชทายาทเพคะ หากไม่ต้องทำตามแผนการของท่านอ๋อง ที่จริงแล้วการสอบของสามีข้าจะต้องได้อันดับที่เท่าไหร่หรือเพคะ?”
ทุกคนกำลังคุยเื่งานกันอยู่ แต่จู่ๆ กู้เจิงก็ถามแทรกขึ้นกลางคัน หากว่ากันตามมารยาทแล้ว การที่พวกเขาให้สตรีเข้ามามีส่วนร่วมในเื่เช่นนี้ก็นับว่าผ่อนปรนให้แล้ว แต่นี่นางกลับกล้าเอ่ยขัดขึ้นกลางวง
องค์รัชทายาทที่รู้สึกชอบเสิ่นเยี่ยนเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว เขาไม่อยากจะเอาเื่เอาความ
ส่วนตวนอ๋องก็รู้แต่แรกอยู่แล้วว่ากู้เจิงเป็คนเช่นไร เขาจึงไม่แปลกใจเท่าไรนัก
ด้านเสิ่นเยี่ยนได้แต่ยืนอึ้งอยู่เงียบๆ
“ด้วยคะแนนของเสิ่นเยี่ยน ตำแหน่งจ้วงหยวนย่อมต้องตกเป็ของเขา” องค์รัชทายาทเอ่ยตอบคำถามของกู้เจิง
กู้เจิงมองสามีอย่างเลื่อมใส “ท่านพี่ ท่านเก่งมากเลยเ้าค่ะ”
องค์รัชทายาทหลุดยิ้มออกมา เขาอดนึกถึงชายารองที่ตนรับไว้ไม่ได้ พวกนางเคารพ เลื่อมใสและพยายาม เอาอกเอาใจเขาอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าดวงตาของพวกนางกลับไร้ซึ่งความจริงใจ เขาเหลือบมองน้องห้าที่โตมาด้วยกันั้แ่เล็ก เห็นตวนอ๋องลอบมองฮูหยินน้อยเสิ่นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เขาก็แปลกใจเล็กน้อย
“องค์รัชทายาท ท่านอ๋อง เมื่อพูดถึงจ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวา กระหม่อมเห็นพวกเขาในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพระชายารัชทายาทเมื่อวานนี้พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเยี่ยนกล่าว
“ข้าเชิญมาเอง” ตวนอ๋องแค่นเสียงตอบ “ตอนที่เสด็จพี่สามให้คนไปเชิญเ้าในที่ลับ ข้าก็ได้ไปเชิญคนของเขามาในที่แจ้ง แขกที่มาร่วมงานเมื่อวานล้วนแล้วแต่เป็คุณหนูคุณชายสูงศักดิ์ และพวกเขาทั้งสามคนก็ยังมีอายุไล่เลี่ยกัน การจะมาร่วมงานคงไม่ทำให้ดูเป็ที่น่าสงสัย”
“ข้ายังนัดพบพวกเขาสามคนเป็การส่วนตัวด้วย เสด็จพี่สามคงจะระแวงมาก หลายวันมานี้เขาคงกำลังคิดหาวิธีอยากรู้ว่าข้าคุยอะไรกับพวกเขาบ้าง?” เมื่อองค์รัชทายาทนึกถึงเื่นี้ เขาก็รู้สึกอิ่มเอมใจยิ่ง
“ครั้งนี้องค์ชายสามแตะต้องภรรยาของกระหม่อม กระหม่อมจึงอยากจะส่งมอบของเป็ตัวแทนกลับไป” เสิ่นเยี่ยนประสานมือเอ่ยว่า “ขอองค์รัชทายาทกับตวนอ๋องทรงเห็นชอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทกับตวนอ๋องมองหน้ากัน ก่อนจะตอบรับออกมาเบาๆ “ตามใจเถิด”
ตอนจะออกจากวัง พระชายารัชทายาทก็ออกมาส่งกู้เจิงถึงหน้าประตู และยังมอบของกำนัลให้อีกมากมาย
ปกติเมื่อทั้งสองคนขึ้นมารถม้า กู้เจิงจะเข้ามาแอบอิงตัวเขาอย่างเกียจคร้าน แต่วันนี้นางกลับเอาแต่มองจ้องเขาด้วยตากลมโต เสิ่นเยี่ยนแกล้งทำเป็ไม่สนใจั์ตาลึกล้ำมองนางอย่างเฉยเมย “เ้าอยากจะพูดอะไร?”
“ท่านพี่” กู้เจิงเอามือมาคล้องแขนเสิ่นเยี่ยน นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่ว่าจะทำการอะไร พวกเราต้องคำนึงถึงชีวิตเอาไว้ก่อนนะเ้าคะ ครั้งนี้คนที่พวกเขาจับไปคือข้า หากครั้งหน้าเกี่ยวพันถึงท่านพ่อท่านแม่ของท่านหรือญาติพี่น้องคนอื่น จะทำอย่างไรเ้าคะ?”
ทำไมพวกนั้นถึงได้เลือกจับกู้เจิง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็เพราะเสิ่นเยี่ยน เขาคงทำอะไรที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหวาดกลัวในความสามารถของเขาอย่างแน่นอน
กู้เจิงรู้ว่าตนเองไม่ใช่คนกล้าหาญอะไร นางเป็เพียงสตรีอ่อนแอขี้กลัวคนหนึ่ง ชาติก่อนนางก็เป็แค่ผู้ช่วยเสมียนเล็กๆ ไม่เคยต้องสู้รบปรบมือกับใคร แต่ดันได้ข้ามผ่านกาลเวลามาอยู่ในยุคสมัยนี้ และยังต้องคอยหนีเอาชีวิตรอดในเกมการเมืองของคนรอบข้างอีก
แต่ชีวิตแบบนี้ก็อาจจะมีสีสันดี หากไม่เข้าสู่ยุทธภพก็คงต้องอยู่ในขุนเขาลึก นางเลือกอยู่ในยุทธภพเสียดีกว่า แต่แค่ไม่อยากถูกมีดแทงตายไปก่อน
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เ้าตกอยู่ในอันตรายแบบนี้อีก และจะไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่และญาติพี่น้องเป็อันตรายด้วยเช่นกัน” เสิ่นเยี่ยนจับมือกู้เจิงมากุมเอาไว้
“ท่านก็ต้องระวังตัวนะเ้าคะ คนพวกนั้นทำได้ทุกอย่าง” กู้เจิงนึกถึงนางกำนัลที่ถูกฆ่า และชายลึกลับทั้งสองคนนั้น
“ข้าจะระวังตัว ตอนนี้เ้ายังกลัวอยู่ไหม?” เขาหมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“ข้ากลัวสุดๆ เลยเ้าค่ะ แต่ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว ข้าว่ามันก็ตื่นเต้นดีเหมือนกันนะเ้าคะ” กู้เจิงตอบ
เสิ่นเยี่ยน “...”
เมื่อรถม้ามาจอดลงหน้าบ้าน สองสามีภรรยาก็เดินเคียงกันเข้าไปด้านใน ในบ้านชุนหงกำลังซักเสื้อผ้าของทุกคนอยู่
“ทำไมถึงกลับมาช้านักล่ะ?” นายหญิงเสิ่นถามขึ้นอย่างเป็ห่วง
“คุณหนู นี่มันอะไรกันเ้าคะ?” ชุนหงเข้ามารับกล่องของกำนัลจากมือของคุณหนูของนาง
กู้เจิงบีบแก้มของชุนหงอย่างหมั่นเขี้ยว “พระชายารัชทายาททรงประทานให้”
ชุนหงถึงกับอุทานออกมาไม่เป็คำ นางนึกสงสัยว่า่นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีของประทานมาให้คุณหนูของนางเยอะแยะไปหมด ทั้งของจากฮ่องเต้ องค์รัชทายาท และนี่ยังมีของของพระชายารัชทายาทอีก
“เมื่อวานมีคนจากในวังมาแจ้งว่า เ้าเมาจนต้องพักค้างอยู่ที่ตำหนักบูรพา ข้ายังแปลกใจ เพราะเ้าไม่ใช่คนดื่มจนเมา” นายหญิงเสิ่นเห็นสีหน้าอ่อนเพลียของลูกชาย แต่ท่าทางของบุตรชายก็ยังดูไม่เหมือนคนเมาค้างอยู่ดี
“เพียงแค่ดื่มมากเกินไปหน่อย ไม่ได้เมาขอรับ เป็ตวนอ๋องที่เมาแล้วยื้อให้ข้าอยู่ต่อเป็เพื่อน” เสิ่นเยี่ยน
กล่าวเสียงเรียบ
กู้เจิงลอบมองสามี ไม่นึกว่าเขาจะกุเื่เก่งปานนี้
นายท่านเสิ่นเดินเข้ามาพอดี เขาเข้ามากระตุกแขนเสื้อของภรรยา เป็สัญญาณให้นางเลิกซักถามได้แล้ว “ลูกอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ดื่มได้แค่ไหนเขาย่อมรู้ดี”
“ยังไม่ได้กินอาหารเช้ากันมากระมัง? มีโจ๊กมันเทศยังร้อนอยู่ ข้าจะไปเอามาให้” นายหญิงเสิ่นรีบเข้าห้องครัวไป
หลังจากกินโจ๊กมันเทศร้อนๆ ไปชามหนึ่ง กู้เจิงก็รู้สึกว่าพลังกลับมาอีกครั้ง นางถามแม่สามีว่า “ท่านแม่ ท่านป้าสามกับเสี่ยวเหมาเอ๋อร์เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนเองก็เป็ห่วงเื่นี้เช่นกัน เขาหันไปมองมารดา
นายหญิงเสิ่นถอนหายใจ “เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ปฏิเสธ เขาบอกว่าเขาอยากทำงานในค่ายทหาร”
ไม่สำเร็จงั้นหรือ? อันที่จริงกู้เจิงก็เดาแบบนี้เช่นกัน
“หากการเกลี้ยกล่อมเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ง่ายขนาดนั้น ตอนนั้นข้าก็คงทำได้ไปแล้ว” เสิ่นเยี่ยนกล่าวเสียงเรียบ
กู้เจิงตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็คิดว่าเสิ่นเยี่ยนพูดถูก