บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความคลั่งแค้น
สองวันก่อนถึงวันประมูลผ่านไปราวกับพริบตา สำหรับตระกูลหลี่ มันคือสองวันที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและการเตรียมตัวอย่างขะมักเขม้น แต่สำหรับคฤหาสน์ตระกูลสวี มันคือสี่สิบแปดชั่วโมงแห่งความล้มเหลวและความอัปยศอดสู
ภายในห้องทดลองย้อมผ้าที่เคยโอ่อ่า บัดนี้กลับมีสภาพไม่ต่างจากสมรภูมิรบที่เพิ่งผ่านพายุพัดถล่ม เศษผ้าสีแดงเพี้ยนๆ กองระเกะระกะอยู่เต็มพื้น บ้างก็เป็สีแดงอมส้มราวสนิมเหล็ก บ้างก็แดงคล้ำจนเกือบดำราวกับเืแห้งกรัง กลิ่นไหม้ กลิ่นสารเคมี และกลิ่นแห่งความล้มเหลวลอยคลุ้งตลบอบอวลจนน่าเวียนหัว
เหล่าอาจารย์ช่างย้อมที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสองวันเต็มๆ ต่างมีสภาพอิดโรย ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและหวาดกลัว พวกเขาลองผิดลองถูกมาแล้วนับร้อยครั้ง แต่ก็ไม่มีใครสามารถสร้างสีแดงที่งดงามเจิดจรัสได้แม้เพียงครึ่งหนึ่งของเศษผ้าชิ้นเล็กๆ ชิ้นนั้น
เพล้ง!
เสียงถ้วยชากระเบื้องชั้นดีถูกขว้างลงบนพื้นจนแตกกระจายละเอียด!
"ไร้ประโยชน์! พวกเ้ามันไร้ประโยชน์สิ้นดี!" สวีจื่อเชินตวาดลั่น ใบหน้างดงามของเขาบัดนี้บิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว "ข้าเลี้ยงดูพวกเ้ามาอย่างดี ให้เงินเดือนสูงกว่าใครในเมืองนี้ แต่พวกเ้ากลับทำได้แค่สร้างขยะสีแดงพวกนี้ขึ้นมางั้นรึ!"
เหล่าช่างย้อมต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้น ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
"ขะ... ข้าน้อยพยายามแล้วขอรับคุณชาย!" อาจารย์ช่างาุโคนหนึ่งโขกศีรษะลงกับพื้น "แต่สีแดงนั่น... มันผิดธรรมชาติเกินไป! ไม่ว่าจะใช้รากเชี่ยนเฉ่าชั้นดีที่สุด หรือผสมกับแร่หินชาดที่แพงที่สุด มันก็ไม่ได้สีเช่นนั้น! ข้าน้อยคิดว่า... พวกสกุลหลี่ต้องใช้มนต์ดำหรืออาคมบางอย่างเป็แน่!"
"มนต์ดำรึ!?" สวีจื่อเชินแค่นเสียงหยัน "นั่นมันข้ออ้างของคนไร้ฝีมือ! ถ้ามีมนต์ดำจริง ป่านนี้โรงย้อมของพวกมันคงไม่ใกล้เจ๊งหรอก!"
‘ไม่ใช่แค่มนต์ดำ แต่มันคือ เคล็ดวิชา อะไรบางอย่าง! เคล็ดวิชาที่ข้าต้องได้มา! ข้าไม่เชื่อว่าเด็กสาวอย่างหลี่ซือซือจะคิดค้นมันขึ้นมาเองได้ มันต้องเป็สูตรลับที่ตกทอดกันมาแน่ๆ! ข้าต้องเค้นความลับนั้นออกมาจากปากพวกมันให้ได้!’สวีจื่อเชินกำหมัดแน่น
"พ่อบ้านฝู!" เขาตวาดเรียก
"ขอรับคุณชาย!" สวีฝูรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างๆ
"พรุ่งนี้คือวันประมูลแล้วใช่หรือไม่?"
"ใช่แล้วขอรับ"
"ดี..." สวีจื่อเชินแสยะยิ้มอย่างอำมหิต "ในเมื่อพวกเราสร้างมันขึ้นมาไม่ได้ เราก็แค่ทำลายของจริงทิ้งเสียก็สิ้นเื่"
สวีฝูเบิกตากว้าง "คุณชายท่านหมายความว่า..."
"คืนนี้" ดวงตาของสวีจื่อเชินทอประกายเหี้ยมเกรียม "ข้า้าให้โรงย้อมสกุลหลี่กลายเป็เถ้าถ่าน! ให้ผ้าในตำนานของพวกมันมอดไหม้ไปพร้อมกับความหวังสุดท้ายของพวกมันเสีย!"
"แต่ แต่คุณชาย! นั่นมันเสี่ยงเกินไป! หากถูกจับได้ขึ้นมา ชื่อเสียงของตระกูลเรา..."
"ใครจะจับได้?" สวีจื่อเชินสวนกลับ "ก็แค่ไฟไหม้จากอุบัติเหตุ เตาฟืนเก่าๆ ของโรงย้อมผุๆ พังๆ มันก็มีโอกาสได้อยู่แล้วมิใช่รึ? ส่วนเื่สัญญาพนัน เมื่อไม่มีของมาประมูล สัญญาก็ถือเป็โมฆะโดยปริยาย และพวกมันก็ยังคงเป็หนี้เราอยู่เหมือนเดิม! มันคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ!"
เขาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของพ่อบ้านคนสนิท "ไปหาคนมาจัดการซะ ทำให้มัน ดูเหมือนอุบัติเหตุ ที่สุด เข้าใจหรือไม่?"
"ข้าน้อย รับบัญชา" สวีฝูรับคำเสียงสั่น แม้จะรู้ว่ามันเป็แผนการที่ชั่วช้า แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำสั่งของผู้เป็นาย
ค่ำคืนสุดท้ายก่อนวันประมูล...
บ้านสกุลหลี่สว่างไสวไปด้วยแสงตะเกียง ทุกคนกำลังทำงานแข่งกับเวลาเป็ครั้งสุดท้าย
หลี่เจิ้งกำลังใช้พู่กันอย่างบรรจงเขียน คำอธิบายสรรพคุณ ของผ้าลงบนกระดาษว่าวเนื้อดี ตัวอักษรของเขาแม้จะไม่ได้เขียนมานาน แต่ก็ยังคงความสง่างามและทรงพลัง "นามกร: อาภรณ์ชาดอัคคี ถือกำเนิดจากแก่นแท้แห่งพสุธาและเปลวเพลิง ชุบิญญาด้วยเคล็ดวิชาที่หลับใหลมานับร้อยปี"
หลี่เหวินกำลังใช้ผ้านุ่มขัดหีบไม้จื่อถานเป็ครั้งสุดท้ายจนขึ้นเงางามราวกับกระจกสะท้อนแสงจันทร์
ส่วนหลี่ซือซือ นางกำลังทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด...
นางกำลัง "ย้อมผ้า" อีกครั้ง!
"ซือซือ! นี่เ้าจะทำอะไร!?" หลี่เหวินร้องถามอย่างใเมื่อเห็นน้องสาวก่อไฟที่บ่อย้อมเล็กอีกครั้ง "พรุ่งนี้ก็จะถึงวันประมูลแล้วนะ!"
"ข้ารู้พี่ใหญ่" นางตอบขณะที่กำลังคนส่วนผสมบางอย่างในหม้อ "แต่นี่คืออาวุธชิ้นสุดท้ายของเรา"
นางไม่ได้ย้อมผ้าทั้งผืน แต่กลับนำผ้าฝ้ายสีขาวผืนเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือหลายสิบผืนลงไปย้อมในบ่อด้วยสี "ชาดแรกอรุณ" สูตรเดียวกับผ้าผืนใหญ่
"เ้าจะย้อมผ้าเล็กๆ พวกนี้ไปทำไมกัน?" หลี่เจิ้งที่เดินออกมาดูถามขึ้นด้วยความสงสัย
ซือซือยิ้มอย่างมีแผนการ "ท่านพ่อ ท่านเคยได้ยินคำว่า 'น้ำจิ้มชั้นดี ย่อมทำให้ของธรรมดากลายเป็อาหารเลิศรส' หรือไม่?"
"หมายความว่าอย่างไร?"
"ผ้าผืนใหญ่ของเราคืออาหารจานหลัก แต่ผ้าชิ้นเล็กๆ พวกนี้คือ ของทดลองชิม ที่จะทำให้แเื่ในงานประมูลคลั่งตายยังไงล่ะเ้าคะ" นางขยิบตาอย่างน่ารัก "เราจะแจกมันให้กับผู้เข้าร่วมประมูลทุกคน เพื่อให้พวกเขาได้เห็นและััความมหัศจรรย์ของมันด้วยตัวเอง"
"สุดยอด!" หลี่เหวินอุทาน "นี่มันเป็การตลาดแบบถึงเนื้อถึงตัวชัดๆ! พอพวกเขาได้เห็นของจริงกับตา มีหรือจะไม่ทุ่มเงินประมูลกันอย่างบ้าคลั่ง!"
หลี่เจิ้งได้แต่ส่ายหน้าอย่างทึ่งๆ ในความคิดที่ทันสมัยของลูกสาว เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตามโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วของนางไม่ทันเสียแล้ว
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังทำงานกันอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่า ภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาในความมืด!
ชายชุดดำสามคนเคลื่อนไหวอย่างเงียบกริบราวกับเงาปีศาจ พวกมันลอบเข้ามาทางกำแพงหลังบ้านที่ผุพังได้อย่างง่ายดาย ในมือของพวกมันถือคบเพลิงและขวดน้ำมันก๊าด
หัวหน้าของพวกมันให้สัญญาณมือ อีกสองคนพยักหน้ารับ พวกมันกำลังจะแยกย้ายกันไปราดน้ำมันตามกองไม้และตัวอาคารโรงย้อม
ทันใดนั้นเอง!
ฟุ่บ!
ก้อนหินเล็กๆ ก้อนหนึ่งพุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูง กระแทกเข้าที่ข้อมือของชายคนหนึ่งที่กำลังจะจุดคบเพลิงอย่างแม่นยำ!
"โอ๊ย!"
ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเ็ป คบเพลิงหลุดจากมือร่วงลงบนพื้นหญ้าที่เปียกชื้นจนไฟดับไป
"ใครน่ะ!?" ชายอีกสองคนหันขวับไปทางต้นเสียงทันที พวกมันชักมีดสั้นออกมาด้วยความตื่นตัว
บนยอดหลังคาของโรงย้อม ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดผ้าเนื้อหยาบ เขามีอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี ใบหน้ามอมแมมแต่ดวงตากลับสุกใสและแฝงไว้ด้วยความทะเล้น ในมือของเขาถือง่ามหนังสติ๊กอันหนึ่ง
"เฮ้ๆๆ พวกท่านลุงกลางค่ำกลางคืนไม่หลับไม่นอน แอบมาเล่นซ่อนหากันที่บ้านคนอื่นแบบนี้ มันเสียมารยาทนะขอรับ" เด็กหนุ่มพูดพลางผิวปากอย่างไม่ทุกข์ร้อน
"แกเป็ใคร!?" หัวหน้าโจรตวาดถาม
"ข้ารึ? ข้าก็แค่... เด็กส่งปลาที่บังเอิญผ่านมาเห็นคนกำลังจะทำเื่ไม่ดีเท่านั้นแหละ"
"ไสหัวไปซะ! ถ้าไม่อยากตาย!"
"แหม ใจร้ายจัง" เด็กหนุ่มยักไหล่ "แต่ข้าไปไม่ได้หรอก เพราะเถ้าแก่เนี้ยของข้าสั่งไว้ว่า คืนนี้ห้ามให้ยุงแม้แต่ตัวเดียวบินเข้าไปรบกวนบ้านสกุลหลี่ได้"
คำว่า "เถ้าแก่เนี้ย" ทำให้ซือซือที่ได้ยินเสียงเอะอะและแอบมองลอดหน้าต่างออกมาถึงกับขมวดคิ้ว นางไม่เคยจ้างใครมาเฝ้ายามนี่นา?
"พูดมาก! จัดการมัน!"
ชายชุดดำสองคนพุ่งทะยานขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว หมายจะจัดการเด็กหนุ่มที่น่ารำคาญ
แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งกว่า! เขาะโตีลังกาหลบหลีกคมมีดได้อย่างง่ายดายราวกับลิงลม ในขณะเดียวกันก็ใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินสวนกลับไปอย่างต่อเนื่อง
ปั่ก! ปั่ก!
ก้อนหินแต่ละก้อนพุ่งเข้าใส่จุดสำคัญบนร่างกายของพวกมันอย่างแม่นยำ ทั้งข้อมือ ข้อเท้า หรือแม้แต่ดั้งจมูก! ทำให้พวกมันเสียหลักและเ็ปจนไม่อาจต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
"บ้าน่า! แค่หนังสติ๊กเนี่ยนะ!?" หัวหน้าโจรถึงกับอึ้ง
การต่อสู้บนหลังคาที่ดูเหมือนการเล่นไล่จับของเด็กๆ แต่กลับแฝงไว้ด้วยทักษะยุทธ์ที่ร้ายกาจ ทำให้หลี่เจิ้งและหลี่เหวินที่วิ่งตามออกมาดูถึงกับตาค้าง
"เกิดอะไรขึ้น!?"
"เด็กนั่นเป็ใครกัน!?"
ซือซือที่แอบมองอยู่ไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนพ่อกับพี่ชาย นางกำลังใช้พลังพิเศษของนางเพ่งมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้น
นางเห็นออร่าจางๆ สีเดียวกับที่นางเคยเห็นจากตัวของเซียวจิ่นเหยียน! แม้จะเบาบางกว่ามาก แต่มันก็เป็พลังงานชนิดเดียวกัน!
‘หรือว่า... เขาจะเป็คนของบุรุษลึกลับคนนั้น!? เขาส่งคนมาช่วยพวกเราอย่างนั้นรึ? ทำไม?’
ในที่สุด ชายชุดดำทั้งสามก็ตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าฝีมือสูงกว่าพวกมันมากนัก พวกมันจึงตัดสินใจล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว