ณ เรือนตระกูลหลี่
“กลับมาแล้วหรือเ้าพวกตัวซวย หายหัวไปทั้งคืนยังกล้ากลับมาที่นี่อีกนะ”
เสียงแหลมสากของแม่เฒ่าหม่าดังขึ้นด้านหลัง ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังย่องกลับไปยังห้องเก็บฟืน
“ท่านย่า”
หญิงชรามีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ที่เด็กสาวหันมาพูดกับตนด้วยสีหน้าเ็า ทั้งที่ในยามปกติมักจะแสดงท่าทีขลาดกลัว
เป็ครั้งแรกที่ได้พบหญิงชราหลังจากย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลี่อันหนิงกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธแค้นที่ปะทุขึ้นภายในใจ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเป็เพราะหญิงชราผู้นี้ วันหน้านางจะต้องตอบแทนอย่างสาสมให้สมกับที่ครอบครัวของตนได้รับมา
หลี่อันหนิงสบถสาบานในใจ
“ท่าย่ามีอะไรจะใช้ข้าหรือ”
เด็กสาวถามเสียงห้วน ไร้ท่าทีขลาดกลัวดั่งเช่นวันวาน
“วันนี้พวกแกสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้ทานอาหาร ต้องทำงานที่เหลือจากเมื่อวานให้เสร็จทั้งหมด จากนั้นก็ขึ้นเขาไปเก็บผักป่ามาซะ”
หลี่อันหนิงบิดปากเล็กน้อย ห้ามทานอาหารหรือ อาหารที่แม้แต่หมูยังไม่อยากทานใครมันจะกลืนลงท้องได้ เด็กน้อยทั้งสองไม่ตอบโต้ กลับทำตามที่หญิงชราสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งต่างจากท่าทีเฉยชาที่แสดงออก
หลี่เจียนเจียนเดินผ่านสองพี่น้องที่กำลังหอบชุดเสื้อผ้าคนบ้านหลี่ไปยังริมน้ำ หญิงสาวมองอย่างดูแคลนก่อนเดินผ่านเลยไป เหตุเพราะวันนี้อารมณ์ดี จึงไม่คิดตอแยเอ่ยถึงเื่เมื่อวานที่พวกนางทำให้ตนขายหน้า
เด็กสาวหันมองด้านหลังอาหญิงของตนด้วยท่าทางครุ่นคิด ไม่คิดว่าคนร้ายกาจอย่างนางจะยอมปล่อยพวกตนไปอย่างง่ายดาย
“นี่พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าหลี่เจียนเจียนของบ้านหลี่กำลังดูตัวกับบัณฑิตหลิวหมู่บ้านข้างๆ”
เสียงซุบซิบของเหล่าแม่บ้านกำลังพูดถึงเื่อาเล็กของนาง หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าตั้งใจซักผ้าและมิได้สนใจเื่ที่ทุกคนกำลังพูดคุย
นางรู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานหลี่เจียนเจียนจะต้องถูกปฏิเสธการดูตัวแน่นอน คนดีดีอย่างหลิวซีห่าวไหนเลยจะยอมลดตัวมาแต่งงานกับสตรีไร้ยางอาย ใช้เงินซื้อบุรุษเช่นหลี่เจียนเจียน
“กลับเถอะ เป่าเอ๋อ วันนี้ต้องขึ้นเขาเพื่ออนาคตของเราทั้งสอง”
เด็กสาวยกถังผ้าที่ซักเสร็จแล้วเดินกลับไปยังเรือนตระกูลหลี่ หลังจากทำงานทั้งหมดเสร็จสิ้น สองพี่น้องก็คว้าตะกร้าสะพายหลังเดินขึ้นเขาไปโดยไม่สนใจสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น
“เป่าเอ๋อ วันนี้เราจะไม่เก็บผักป่า แต่เราจะขุดหัวมันที่ขึ้นในูเาทั้งหมด เอากลับไปเก็บไว้ในถ้ำน้ำร้อน”
เด็กน้อยเอียงหน้ามองพี่สาวด้วยท่าทีสงสัย
“ทำไมเล่า”
“อืมม จะพูดอย่างไรดี คงต้องบอกว่าท่านแม่บอกให้ทำเช่นนี้กระมัง อีกไม่นานจะเกิดภัยแล้งขึ้น หัวมันป่าที่ไม่มีใครกินพวกนี้จะมีประโยชน์กับเราพี่น้องในอนาคต”
หลี่อันหนิงอธิบายให้น้องสาวฟัง โดยมิได้บอกว่าตนเองเป็คนที่ย้อนกลับมาเกิดใหม่ และรู้บางเื่ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต
“ได้ ถ้าท่านแม่บอกว่ามันจะเกิดขึ้น เป่าเอ๋อก็จะเชื่อ”
หัวมันที่ฝังอยู่ในดินนางเคยทานมันหลายครั้ง เพราะในอดีตตนและมารดาเมื่อยามที่ขึ้นเขามาเก็บผักป่า ก็มักจะใช้หัวมันเหล่านี้แทนอาหารเพื่อบรรเทาความหิวโหย ทุกสิ่งเป็มารดาของนางที่สอนมา
หลี่อันหนิงรู้ว่าตรงจุดไหนของูเามีดงต้นหัวมันขึ้นมากกว่าปกติ ในวันหน้าสิ่งเหล่านี้คือหลักประกันมิให้พวกนางต้องอดอยาก
“พี่ใหญ่ข้าขุดได้หัวใหญ่มากท่านดูสิ”
หลี่อันหนิงมองหัวมันที่อยู่ในมือของน้องสาว ที่มีขนาดเกือบเท่ากับตัวของนางเลยทีเดียว
“เป่าเอ๋อน้องทำได้อย่างไร”
เด็กสาวรับหัวมันที่อยู่ในมือของหลี่ซางเป่ามาพิจารณา เด็กน้อยยกยิ้มด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“ท่านแม่สอนข้า”
“จริงหรือ ท่านแม่บอกว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
นางรู้แค่ว่าต้องขุดตรงที่มีลำต้นของหัวมัน และตอนนั้นยังเล็กมากจึงเป็ผู้เฝ้าดูเท่านั้นมิได้ขุดด้วยตนเอง
“ท่านดูที่รอยแตกของดินตรงนี้นะเ้าคะ นี่คือที่ที่มีหัวมันอันใหญ่ซ่อนอยู่”
หลี่ซางเป่าชี้ให้ผู้เป็พี่สาวดู และหลี่อันหนิงก็ทดลองขุดด้วยตนเอง มันจริงอย่างที่นางเอ่ย หัวมันขนาดเขื่องนอนแอ้งแม้งซ่อนตัวอยู่ในดิน นางไม่จำเป็ต้องเริ่มขุดจากลำต้นของมันเลยสักนิด
“ขอบคุณท่านแม่ที่ช่วยสั่งสอน”
เด็กสาวคุกเข่าคำนับสามครั้งอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นจึงลงมือทำงานของตนอย่างขะมักเขม้น
่บ่ายดวงตะวันคล้อยไปอีกด้าน หลี่อันหนิงถือกระบอกน้ำไปยังลำธารที่อยู่ห่างออกไป ลำธารสายนี้ไหลมาจากน้ำตกที่อยู่ใจกลางูเาและไหลไปเรื่อยๆ เพื่อหล่อเลี้ยงอีกหลายหมู่บ้าน
เด็กสาวมองลงไปยังสายน้ำที่ใสจนมองเห็นตัวปลา
“เป่าเอ๋อวันนี้เราทานปลาย่างกันดีกว่า”
หลี่อันหนิงผู้ได้รับประสบการณ์ของเ้าเสือดำและแม่ทัพผู้จากไป นางเดินหาก้อนหินขนาดเท่าหัวของตน ก่อนจะรอคอยเ้าปลาที่ว่ายผ่าน จากนั้นทุ่มหินลงไปอย่างแรง ไม่นานปลาหลายตัวก็ลอยหงายท้องขึ้นมาบนผิวน้ำ
“เป่าเอ๋อก่อไฟ”
หลี่อันหนิงจับปลาส่วนหลี่ซางเป่าเป็ผู้สนับสนุน สองพี่น้องใช้ชีวิตอย่างอิสระอยู่ภายในป่าโดยที่ไม่จำเป็ต้องหวาดกลัวสัตว์ร้ายตัวอื่น เพราะูเาละแวกนี้เป็เขตแดนของเ้าเสือดำ
“ท่านพี่ เรากลับไปหาเ้าตัวน้อยทั้งสองที่ถ้ำดีหรือไม่ เป่าเอ๋อ อยากทานพร้อมกับพวกมัน”
เด็กสาวเองก็คิดเช่นนั้น
“ได้สิ ทำตามที่น้อง้าได้เลย”
สองพี่น้องใช้กระบอกไม้ไผ่ตักน้ำที่ลำธารกลับไปพร้อมทั้งห่อปลาย่างอีกหลายตัว
ระหว่างทางหลี่อันหนิงได้ขนเอาหัวมันที่ขุดกองไว้ กลับไปเก็บยังถ้ำลับของพวกนางด้วย
“เรากลับมาแล้ว”
เด็กสาวะโเรียกเ้าสองหน่อที่นอนอยู่ในโพรงเล็กของมัน
เ้าก้อนขนทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงของหลี่อันหนิง ใบหูเล็กทั้งสองข้างก็กระดิกเบาๆ พวกมันจดจำกลิ่นของสองพี่น้องได้ดี เมื่อเด็กสาววางสัมภาระลง เ้าตัวน้อยก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนราวกับว่านางคือมารดาของมัน
“เป็อย่างไรเ้าตัวน้อย อยู่กันเองดื้อหรือไม่ จำเอาไว้ว่าถ้าเราไม่มาพวกเ้าห้ามออกจากถ้ำเด็ดขาด เพราะมันอันตราย”
หลี่อันหนิงเอ่ยกับลูกเสือดำทั้งสองอย่างเอ็นดู เ้าตัวน้อยราวกับฟังที่นางพูดรู้เื่ พวกมันกระดิกหูเบาๆ ทุกครั้งที่นางเอ่ยสั่งสอน
หลังจากทานปลาย่างจนอิ่มหนำ สองคนกับอีกสองตัวก็นอนกลางวันจนกระทั่งเสียงนกป่าร้องขับขานเมื่อยามกลับรังนอน
สองพี่น้องใช้เวลาบนเขาทั้งวันจนกระทั่งท้องนภาเปลี่ยนสี ั้แ่ที่คิดตัดขาดกับคนตระกูลหลี่ หลี่อันหนิงก็ไม่คิดว่าตนต้องกังวลเื่เกี่ยวกับพวกเขาอีก นางและน้องสาวใช้ชีวิตอย่างอิสระเมื่อไม่้ากลับตระกูลหลี่ก็ใช้ถ้ำแห่งนั้นเป็สถานที่หลับนอนมันซะเลย
่เวลากลางวันที่นี่ระบายอากาศได้ดีเหมาะสำหรับใช้อยู่อาศัย กลางคืนก็อบอุ่นเพราะมีบ่อน้ำพุร้อน แล้วพวกนางยังจะอยากกลับไปยังห้องเก็บฟืนที่ทั้งเหม็นอับและเล็กแคบทำไมกัน
หลี่ซางเป่าที่พึ่งงัวเงียตื่น ชี้ไปยังอีกฟากของโถงถ้ำ
“ท่านพี่ ท่านแม่บอกข้าว่ามีบางสิ่งอยู่ที่นั่น”
หลี่อันหนิงมองตามมือของน้องสาว อีกฟากของโถงถ้ำมีต้นไม้และหญ้าขึ้นค่อนข้างหนาทึบ เพราะไม่ใช่ถ้ำปิดทำให้พืชและสิ่งมีชีวิตเติบโตและอาศัยอยู่ได้
“ท่านแม่บอกว่ามีสิ่งใดหรือ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ นางบอกว่าเคยสอนเกี่ยวกับเื่นั้นให้ท่านแล้ว ท่านต้องไปดูด้วยตนเอง”
เด็กสาวพยักหน้าก่อนเดินไปยังจุดที่น้องสาวชี้ให้ดู
หลี่อันหนิงแหวกหญ้าออกเพื่อสำรวจว่าที่ตรงนี้มีสิ่งใดกันแน่ นางมองหาสิ่งที่คิดว่าอาจมีประโยชน์ต่อพวกตน ทว่าสุดท้ายก็ไม่เห็นมีสิ่งใดนอกจากต้นไม้และหญ้า
เด็กสาวเดินกลับมาหาน้องสาวด้วยท่าทีผิดหวัง
“เป่าเอ๋อที่นั่นไม่มีอะไรเลยนอกจากหญ้า พี่ไม่คิดว่าน้องจะโกหกหรอกนะ แต่บางทีเป่าเอ๋ออาจเข้าใจผิด”
หลี่ซางเป่าเกาหัวตนเอง
“ท่านแม่บอกน้องเช่นนั้นจริงๆ นะ พี่ใหญ่ลองดูอีกครั้งได้หรือไม่”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวยืนยันหนักแน่นหลี่อันหนิงก็ไม่คิดจะขัดขวาง ซ้ำยังสนับสนุนให้หลี่ซางเป่าค้นหาด้วยตนเอง
“ได้เช่นนั้นเราก็หาดูอีกทีก็แล้วกัน”
สองพี่น้องเดินเข้าไปในพงหญ้าทึบ ใช้ไม้แหวกเส้นทางออกทีละน้อยเพื่อมองหาบางสิ่งที่น้องสาวเอ่ยถึง ผ่านไปได้เพียงไม่นานหลี่ซางเป่าก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยท่าทางตื่นเต้น
“พี่ใหญ่!! พี่ใหญ่!! ท่านดูนี่สิ เป่าเอ๋อบอกแล้วว่าท่านแม่มิได้โกหก”
หลี่อันหนิงมองดูตามนิ้วมือของเด็กน้อยที่ชี้ไปยังหญ้าต้นหนึ่ง
ใบของมันคล้ายรูปฝ่ามือส่วนขอบหยักเป็ฟันเลื่อยมีขนาดกว้างสองสามชุ่น (2-3 นิ้ว) ความยาวของใบประมาณห้าถึงหกชุ่น สามใบ้าจะมีขนาดใหญ่กว่าใบด้านล่าง เส้นหน้าใบมีขนปกคลุมเล็กน้อยส่วนด้านหลังไม่มีเส้นขน ที่สำคัญมีเมล็ดสีแดงชูช่ออยู่้า
มองอย่างไรก็คือโสมชัดๆ ก่อนหน้านี้นางมองหาจนทั่วทว่ากลับมองไม่เห็นอะไรเช่นนี้เลย หลี่อันหนิงหันกลับไปมองน้องน้อยที่ยืนตาเป็ประกายใกล้ๆ ตน หรือว่าเป่าเอ๋อจะเป็คนนำโชคมาให้เราพี่น้อง
เด็กน้อยไม่รอช้ารีบขุดมันออกมาอย่างระมัดระวัง ระหว่างที่เสียมจ้วงแทงลงในดิน หัวใจของนางเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ไม่คิดว่าพวกตนจะโชคดีเพียงนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้