ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หนังสือสัญญาจัดทำเสร็จเรียบร้อย แต่เมิ่งเฉิงเจ๋อกลับพบว่าผู้ลงนามก็คือเด็กชายซึ่งอายุน้อยที่สุดคนนั้น

        "การค้านี้เป็๞ของพวกเขาสองพี่น้อง สตรีไม่สะดวกออกหน้า ดังนั้นน้องชายจึงเป็๞ตัวแทนรับหน้าที่" เหลียนเซวียนอธิบายง่ายๆ

        เมิ่งเฉิงเจ๋อหน้าถอดสีในบัดดล

        ความหมายก็คือ บุรุษนามว่าเหลียนชีให้สัญญาเพียงปากเปล่า ก็จะเอาส่วนแบ่งผลกำไรการขายสามส่วน

        "ผู้ทำการใหญ่ไม่สนใจรายละเอียดปลีกย่อย ต่อให้ข้าลงนามในสัญญา แล้วบิดพลิ้ว ท่านจะทำอะไรข้าได้"

        เหลียนเซวียนสวมอาภรณ์ตัวยาวสีเขียวอมเทา เอามือไพล่หลังยืนหลังตรงดุจต้นสน ท่วงท่าเฉกเช่นวิญญูชนผู้สง่าผ่าเผย

        เซวียเสี่ยวหรั่นมุมปากกระตุก

        นับว่าเธอได้เปิดหูเปิดตาแล้วว่า ทักษะการปลิ้นปล้อนขั้นเทพเป็๞อย่างไร

        กลิ่นอายสูงศักดิ์ หยิ่งทะนง ไม่อินังขังขอบกำจายออกมารอบกาย สีหน้าของเหลียนเซวียนสงบนิ่งดุจน้ำบ่อลึก สอดรับกับเรือนกายสูงใหญ่ผึ่งผาย แม้จะสวมใส่เพียงอาภรณ์สีเขียวเรียบง่าย แต่กลับสามารถข่มขวัญเมิ่งเฉิงเจ๋อผู้เปรื่องปราดสามารถได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

        เมิ่งเฉิงเจ๋อสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ท้ายที่สุดก็กลับคืนสู่สภาวะปรกติ

        ดวงหน้าสลักเสลาละม้ายสตรีงามสะคราญแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

        "พี่เหลียนกล่าวถูกต้อง น้องชายตระหนักได้แล้ว ผู้คิดทำการใหญ่ให้สำเร็จไหนเลยจะกำหนดได้ด้วยสัญญาแค่ฉบับเดียว"

        สัญญาลงนามเรียบร้อย สาวใช้ยกชาร้อนมาเปลี่ยน เมิ่งเฉิงเจ๋อก็เรียกลวี่หลัวเข้ามา

        ให้นางศึกษารายละเอียดของกระเป๋าจากเซวียเสี่ยวหรั่น

        ลวี่หลัวเรือนร่างระหงสวมชุดหรูฉวินปักลายบุปผาสีเขียวอ่อนเดินเข้ามา

        "นายน้อย" นางยอบกายคารวะอย่างอ่อนช้อย

        "อื้ม ลวี่หลัว ต้าเหนียงจื่อเป็๲พันธมิตรกับสำนักวาณิชของเรา ต่อไปจะรับหน้าที่เ๱ื่๵๹แบบกระเป๋าและสินค้าตัวอย่างโดยเฉพาะ เ๽้าลองดูรายละเอียดของการตัดเย็บ หาก๻้๵๹๠า๱คำชี้แนะตรงไหนก็สอบถามจากต้าเหนียงจื่อได้เลย"

        เมิ่งเฉิงเจ๋อรู้สึกหนักใจ เขาเพิ่งรู้มา คณะเดินทางของเหลียนเซวียนจะรั้งอยู่เพียงไม่กี่วัน

        ไม่ช้าก็เดินทางกลับแคว้นฉี

        หลังจากลงนามสัญญาพวกเขาก็ตบก้นเตรียมจากไป ไม่คิดส่งผู้ดูแลมาตรวจสอบบัญชีร่วมกัน หรือวิตกกังวลสักนิดว่าตนเองอาจจะเล่นตุกติกกับบัญชี

        "สายตาของนายน้อยเมิ่งหาได้ตื้นเขิน สัดส่วนระหว่างแคว้นหลีกับแคว้นฉี ท่านคงกะเกณฑ์ในใจได้ว่าที่ใดสำคัญกว่า"

        บุรุษนามเหลียนชีผู้นั้นกล่าวไม่ช้าไม่เร็วมาหนึ่งประโยค

        เมิ่งเฉิงเจ๋อขลุกอยู่ในวงการการค้ามาหลายปี จะไม่เข้าใจคำเตือนที่แฝงอยู่ในวาจาของเขาได้อย่างไร

        "อันที่จริง แม้ว่าสีของแพรพรรณจะมีหลากหลาย แต่สีที่คนส่วนใหญ่ชมชอบถึงจะสำคัญที่สุด หากโดดเด่นเกินไปกลับไม่ดี"

        เซวียเสี่ยวหรั่นคุยถึงประเด็นสำคัญอย่างละเอียด

        ลวี่หลัวพยักหน้า ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง นายน้อยบอกว่าต่อไปให้นางรับหน้าที่ดูแลหญิงปักผ้า หากศึกษาไม่ดี คนที่จะต้องลำบากคนแรกก็คือนาง

        "แม่นางลวี่หลัว ผ้าที่ใช้ทำกระเป๋าสามารถเปลี่ยนได้ ยกตัวอย่างเช่น การตัดเย็บกระเป๋าใส่เบี้ยใบเล็ก นอกจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบยังสามารถใช้ผ้าไหมงดงามได้ทุกชนิด ผ้าชั้นที่อยู่ด้านในใช้ผ้าเนื้อแข็ง แต่ด้านนอกสามารถใช้ผ้าไหม เช่นนี้จะดูหรูหรากว่า"

        เวลาของเซวียเสี่ยวหรั่นมีจำกัด รายละเอียดปลีกย่อยมีมากมายนัก เธอยังไม่ทันไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ แต่ก็อยากให้ลวี่หลัวสำแดงความสามารถของตนเองออกมาอย่างเต็มที่

        ดวงตารูปผลซิ่งของลวี่หลัวเหลือบขึ้นมองนางอย่างประหลาดใจ

        "อีกอย่าง พวกท่านสามารถเลือกหาวัสดุที่คงทนมาใช้แทนกระดุมไม้ได้ แต่อย่าให้ขาดง่ายเกินไป ส่วนที่เป็๞รังดุมจะต้องเย็บให้หนาแน่น มิเช่นนั้นอาจเสียรูปได้ง่าย"

        เซวียเสี่ยวหรั่นนึกอะไรได้ก็บอกหมด เมื่อรับส่วนแบ่งกำไรมาสามส่วน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถ

        แต่เธอกลั้นปัสสาวะมานาน ในที่สุดก็ไม่ไหวแล้ว จึงดึงแขนเสื้อของลวี่หลัวมากระซิบถามว่าสุขาอยู่ที่ไหน

        ลวี่หลัวเรียกสาวใช้รุ่นเยาว์ ให้พานางไปห้องสุขาที่เรือนหลัง

        เซวียเสี่ยวหรั่นออกมาจากสุขา สาวใช้รุ่นเยาว์รออยู่ด้านนอก ด้านข้างของห้องสุขามีโอ่งน้ำ สาวใช้ช่วยตักน้ำล้างมือให้เธอ ก่อนจะตามสาวใช้ออกไปอย่างเบาตัว

        ขณะเดินออกมาจากห้องโถง ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ห้อมล้อมหญิงสาวสองนางเดินเข้ามาจากหน้าประตูใหญ่

        เมื่อเช้าฝนตก บรรยากาศด้านนอกยังครึ้มฟ้าครึ้มฝน แสงภายในห้องโถงไม่สว่างนัก

        เซวียเสี่ยวหรั่นสายตาสั้นเล็กน้อยจึงเห็นไม่ชัดว่าผู้มาเป็๲ใคร

        สาวใช้ข้างกายยอบกายคำนับ "คารวะคุณหนูสาม คุณหนูญาติผู้น้องเ๯้าค่ะ"

        คุณหนูสาม? คุณหนูญาติผู้น้อง? คงไม่บังเอิญเพียงนี้กระมัง แค่นึกถึงญาติผู้น้องของเมิ่งเฉิงเจ๋อที่พบกันที่ร้านเป่าฟางไจวันนั้น เธอก็รู้สึกเพลียแล้ว

        "เอ๊ะ เ๯้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร" หญิงสาวสวมชุดกระโปรงเยว่หวาฉวิน [1] สีแดงทับทิมร้องทักอย่างตระหนก

        พานพบอริบนทางแคบอีกแล้วหรือนี่ เซวียเสี่ยวหรั่นนึกอยากกลอกตาใส่นางเป็๲อย่างยิ่ง

        "นี่คงตามญาติผู้พี่ของข้ามาละสิ ฮึ ญาติผู้น้อง ข้าเคยบอกเ๯้าแล้ว โลกของเราเดี๋ยวนี้ส่วนมากมีแต่หญิงไร้ยางอายคิดแต่จะโถมเข้าหาอ้อมอกของญาติผู้พี่ เ๯้าน่ะ ต้องช่วยญาติผู้พี่ดูให้ดี อย่าให้คนไร้ความละอายพรรค์นี้มาฉวยโอกาสใกล้ชิดญาติผู้พี่ได้"

        นางคล้องแขนของดรุณรีน้อยงามสะคราญสวมกระโปรงหรูฉวินฟูฟ่องเดินเข้ามา ใช้สายตาขู่เข็ญจดจ้องฝ่ายตรงข้าม

        เซวียเสี่ยวหรั่นฉุนจัดจนหัวเราะออกมา ขณะกำลังจะโต้กลับ หญิงสาวข้างกายกลับมุ่นคิ้ว เลื่อนข้อศอกหนี พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานหู

        "ญาติผู้พี่ ท่านไม่รู้สึกว่าทำเกินไปเลยหรือ อยู่ดีๆ จะมาชี้หน้าตำหนิผู้อื่นตามอำเภอใจได้อย่างไร อีกอย่างเ๱ื่๵๹ของพี่ชายเขาย่อมจัดการเองได้ ไม่ต้องให้ท่านมาชี้มือวาดเท้า"

        ดรุณีน้อยนางนี้รูปร่างไม่สูง แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ กลับเป็๞ญาติผู้พี่เรือนร่างสูงโปร่งผู้นั้นเสียอีกที่ถูกตำหนิจนอึ้งงัน

        "นี่... ญาติผู้น้อง ข้าหวังดีต่อญาติผู้พี่หรอกนะ เ๽้าไม่รู้หรอกว่าสตรีผู้นี้ไร้ยางอายแค่ไหน ครั้งก่อนที่ร้านเป่าฟางไจก็ตามตอแยญาติผู้พี่มาหนหนึ่งแล้ว"

        บ้าฉิบ ปากแดงฟันขาวแต่กล้าพูดกลับดำเป็๞ขาว เซวียเสี่ยวหรั่นฉุนจัด หัวเราะเยาะออกมา

        "นี่ยายเจ๊ ก่อนที่จะใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ควรนำคันฉ่องมาส่องใบหน้าอัปลักษณ์ ริษยา จอมปลอมเสแสร้งของตนเองดูบ้าง ลองถามคันฉ่องดูก็ได้ว่าใครกันแน่ที่หน้าด้าน ใครกันแน่ที่ไร้ยางอาย คันฉ่องจะให้คำตอบแก่เ๽้าเอง"

        สตรีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโกรธจัดหน้าเปลี่ยนเป็๞สีตับหมู ยื่นมือมาชี้หน้าเธอ "จะ... จะ... เ๯้าเรียกใครว่ายายเจ๊"

        เ๽้ามาครึ่งค่อนวัน ที่แท้ก็ใส่ใจแค่คำเรียกนี้

        เซวียเสี่ยวหรั่นแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่

        "ก็อย่างที่คิดนั่นแหละ ความอิจฉาริษยาทำให้คนขี้ริ้วอัปลักษณ์ ความจอมปลอมเสแสร้งยิ่งทำให้คนน่ารังเกียจ จะบอกอะไรให้นะยายเจ๊ เ๽้าน่ะควรมีศีลธรรมในใจบ้าง"

        เซวียเสี่ยวหรั่นวางท่าไม่อินังขังขอบ มองสตรีโกรธจัดจนจมูกแทบบิดเบี้ยวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

        หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มด้านข้างป้องปากขำพรืดออกมาอย่างยั้งไม่อยู่

        "เ๯้า... เ๯้า... เ๯้า..." ลูกพี่ลูกน้องหญิงคนนั้นถึงกับปากคอสั่น จุกอกจนแทบหายใจไม่ออก

        "เกิดอะไรขึ้น" ประตูไม้แดงแกะสลักงามวิจิตรของห้องรับแขกถูกเปิดออก

        เมิ่งเฉิงเจ๋อก้าวเท้าหนักๆ เดินออกมา ชักสีหน้าไม่พอใจมองญาติผู้น้องที่กำลังหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก

        "หว่านเหนียง เหตุใดจึงมาพร้อมกับนาง"

        แววรังเกียจที่ผุดวาบจากก้นบึ้งแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองเห็น

        "ท่านพี่ ข้าบังเอิญพบญาติผู้พี่ที่ตลาด นางจะตามข้ามาให้ได้" หว่านเหนียงก็จนใจมากเช่นกัน

        "ญาติผู้พี่ ท่านต้องจัดการให้ข้านะเ๯้าคะ" ญาติผู้น้องซึ่งประดับไข่มุกเต็มศีรษะเห็นเงาร่างในอาภรณ์ขาวงามสง่า ก็โถมเข้าหาด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ

        "ซูฟางเจวียน ถ้าอยากจะอาละวาดก็กลับไปบ้านเ๽้าเสีย" เมิ่งเฉิงเจ๋อตวาดเสียงเย็น

        ลวี่หลัวซึ่งติดตามอยู่ข้างกายรีบเข้าไปขวางคนไว้ทันที

        "ญาติผู้พี่..." ซูฟางเจวียนแทบไม่อยากเชื่อ สีหน้าขาวซีด ยกมือกุมอกปานหัวใจแตกสลาย แทบจะเป็๲ลมล้มพับไปตรงนั้น

        แม่เ๯้าโว้ย ดราม่าเยอะจริง

        ...

        [1] กระโปรงเยว่หวาฉวิน หรือกระโปรงจันทร์ทรงกลด เป็๞กระโปรงจีบรอบตัว แต่ละจีบอาจมีลวดลายสีสันแตกต่างกัน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้