เหนือปากปล่องูเาไฟตอนนี้มีคนยืนอยู่ เป็บุรุษสองคน และสตรีหนึ่งคน
บุรุษหนุ่มสองคนสวมชุดสีม่วงและสีแดง มีอายุประมาณยี่สิบปี บุรุษชุดสีม่วงมีหน้าตาหล่อเหลา ถือแส้หางม้าสีม่วงไว้ในมือ ให้ความรู้สึกถึงความสง่างาม
ส่วนบุรุษที่สวมชุดสีแดงมีหน้าตางดงามราวกับหญิงสาว ริมฝีปากแดงสด มีจริตจะก้าน เหมาะสมกับชุดสีแดงบนร่าง ขนตางอนยาวและวาดขอบตาเด่นชัดยิ่งกว่าหญิงสาวทั่วไปเสียอีก เขากำลังใช้มือป้องปากกล่าวกับบุรุษหนุ่มชุดม่วง ยักคิ้วให้ด้วยท่าทางยั่วยุ
“หลีกไป”
ไม่มีใครคาดคิดว่าบุรุษชุดม่วงจะกล่าวเช่นนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงเ็า ลึกเข้าไปในแววตาฉายความรังเกียจชัดเจน
“เฮ้อ คนจากวังดารามีอำนาจยิ่งใหญ่นัก ทำให้ผู้อื่นรู้สึกขัดเขินไปหมด”
บุรุษชุดแดงเหมือนจะคุ้นเคยกับนิสัยของอีกฝ่าย เขายกแขนเสื้อขึ้นมาบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งพลางส่ายหัวแล้วกล่าว
“พวกเรามีเป้าหมายต่างกัน ขอแม่นางหยุนโปรดช่วยย้อนภาพเหตุการณ์ของที่นี่ด้วยเถอะ”
บุรุษชุดม่วงอารมณ์เสียกับบุรุษชุดแดง แต่กลับชื่นชอบสตรีชุดขาวผู้นั้น น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงกว่าเดิมมาก
สตรีชุดขาวเสื้อผ้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ในมือถือกระบี่ยาว ผิวขาวเนียน มีรูปลักษณ์งดงาม ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับบุรุษชุดม่วง
“ใช่แล้วแม่นางหยุน หากได้ของดีมา พวกเราเอามาแบ่งกัน” บุรุษชุดแดงกล่าวเช่นกัน
แม่นางหยุนผู้นั้นปรายตามองทั้งสองคนด้วยแววตาเยือกเย็น สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย นางมองลงไปยังปากปล่องูเาไฟเบื้องล่าง ััถึงไอพลังที่อยู่ตรงนั้นเล็กน้อย จากนั้นใช้กระบี่ยาววาดอักขระยันต์ขึ้นกลางอากาศ
ทุกๆ การตวัดลายเส้น จะทิ้งรอยไว้ในมิติแห่งนี้หนึ่งเส้น
หลังจากนั้น ภายใต้พลังของนางที่กระตุ้นอยู่ อักขระยันต์ที่วาดขึ้นเรียบร้อยแล้วได้แสดงพลังโดยเปลี่ยนเป็ภาพวาดภาพหนึ่ง และภาพวาดนี้ยังแสดงร่างของเสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างยืนคุยกันอยู่ตรงปากปล่องูเาไฟอีกด้วย
ภาพที่เกิดขึ้นนี้คือตอนที่เสิ่นเสวียนเพิ่งกลับออกมาจากในลาวา ในมือถือหลินจือโมราขนาดใหญ่เอาไว้ และยังมีเสี่ยวเหยียนลอยอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนคุยกันไม่กี่คำก็ลงไปจากูเาไฟและเลือนหายไปจากภาพวาดนี้
“เคล็ดวิชาภาพเสมือนสามารถแสดงเหตุการณ์ได้ใน่เวลาสั้นๆ เท่านั้น” แม่นางหยุนมองภาพนั้นแล้วกล่าวเสียงเรียบ
“นั่นน่าจะเป็หลินจือโมราในตำนานใช่ไหม!”
บุรุษชุดแดงที่มีท่าทางตุ้งติ้งผู้นั้นมีความรู้มากมาย เขามองหลินจือโมราด้วยแววตาลุกวาว
“คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีของล้ำค่าเช่นนี้ด้วย!”
แม่นางหยุนผู้นั้นคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หลินจือโมราโดนคนที่มีพลังต่ำกว่าขั้นราชันสองคนเอาไปแล้ว ช่างเสียเปล่าจริงๆ
“นั่นคืออะไร!”
บุรุษชุดม่วงสะบัดแส้หางม้าในมือเบาๆ พลางจ้องไปยังตำแหน่งของเสี่ยวเหยียนในภาพวาด ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
สีแดงเพลิงทั่วทั้งร่าง มีเขาบนหัว หางแดงขนาดใหญ่ รูปร่างหน้าตาและพลังเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงเสี่ยวเหยียนที่ต่างออกไป
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
แม่นางหยุนกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
“น่า...น่าจะใช่!”
บุรุษตุ้งติ้งพยักหน้าเช่นกัน
“มิน่าที่นี่ถึงมีไอพลังของเผ่าอนธการด้วย ก่อนหน้านี้ข้าไม่ทันสังเกตเห็น! ที่แท้ก็ซ่อนไอพลังไว้ เผ่าอนธการบังอาจนัก!” บุรุษตุ้งติ้งกล่าวต่อ ดวงตางดงามคู่นั้นมีความไม่พอใจปรากฏอยู่
ก่อนหน้านี้สามคนจากเผ่าอนธการซ่อนพลังไว้ โดยเฉพาะพี่ใหญ่ผู้นั้นที่กดพลังยุทธ์ของตนเองจากขั้นราชันลงไปถึงขั้นบรรพบุรุษ แม้จะตายไปแล้วก็ยังไม่ได้แสดงพลังออกมา เพราะมหาปุโรหิตผนึกพลังของเขาเอาไว้
พวกมดปลวกที่พลังขั้นต่ำกว่าราชันคนเ่าั้ไม่ใส่ใจกันอยู่แล้ว หากมีขั้นราชันปรากฏตัวออกมา อำนาจอื่นๆ จะต้องพบเจอได้อย่างแน่นอน ทว่ามหาปุโรหิตไม่ทันได้คิดถึงเสิ่นเสวียน ทำให้เสิ่นเสวียนได้รับชัยชนะในครั้งนี้ไป
“ดูเหมือนสำนักบุปผาของพวกเ้าก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร แม้แต่เผ่าอนธการยังป้องกันไม่ได้”
แม่นางหยุนส่งเสียงอยู่ในลำคอ สีหน้าแสดงชัดถึงการเหยียดหยาม
“แม่นางหยุนกล่าวเช่นนี้ไม่ได้หรอก แม้สองคนนั้นจะสวมเสื้อผ้าของเผ่าอนธการของข้า แต่ก็ไม่แน่ว่าจะมาจากเผ่าอนธการ” บุรุษตุ้งติ้งกล่าวทันที
“ใช่หรือไม่แค่จับตัวมาถามก็รู้แล้ว ว่าอย่างไร จะร่วมมือไหม”
บุรุษชุดม่วงจากวังดารากล่าวขึ้นอย่างหมดความอดทน
“ร่วมมืออย่างนั้นหรือ น้องชายเห็นแก่ผลประโยชน์ขนาดนี้ พวกเราตกลงแล้วกัน” คำของบุรุษตุ้งติ้งทำให้บุรุษชุดม่วงควันออกหู ในหัวได้แต่คิดว่าโลกนี้ทำไมถึงมีบุรุษตุ้งติ้งเช่นนี้ด้วย!
แม่นางหยุนที่สวมชุดสีขาวยืนอยู่บนปากปล่องูเาไฟอย่างสง่างาม นางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า นางรู้ว่าอีกฝ่ายออกจากที่นี่ไประยะหนึ่งแล้ว ร่องรอยเลือนหายไป คิดจะจับตัวพวกเขามา การร่วมมือคือวิธีการเดียว
ณ ปากปล่องูเาไฟ ปรากฏร่างเงาสามร่าง สีม่วง สีขาว และสีแดงยืนอยู่ จากนั้นมีลำแสงสีเดียวกันพุ่งออกมาจากร่างของแต่ละคน สุดท้ายลำแสงเหล่านี้ก็หลอมรวมเข้าด้วยกันในมิติเหนือร่างของพวกเขา
“์ลงทัณฑ์!”
บุรุษตุ้งติ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ ะโเสียงดัง เสียงฟ้าร้องคำรามลั่นอยู่เบื้องบน เมฆดำก่อตัวบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณมืดลง
เปรี้ยง!
ขณะนั้นเอง เมฆอัสนีก่อตัวขึ้นท่ามกลางเมฆดำกลุ่มนั้นและฟาดกระจายออกมา
ณ ด้านล่างของูเาไฟ ตอนนี้เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างแสดงท่าร่างหนีออกไปอย่างรวดเร็วไกลถึงสองร้อยลี้แล้ว พวกเขาจึงค่อยหยุดพัก แต่จู่ๆ ก็มีเมฆดำเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า สายฟ้าแลบแปลบปลาบเป็ระยะ
เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างมองไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นเสิ่นล่างจึงกล่าวขึ้น “หนีเร็ว ฝนจะตกลงมาแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ฝนจะตกได้”
“เอ๋!”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นล่าง บนหัวของเสิ่นเสวียนพลันมีเส้นใยสีดำพุ่งออกมามากมาย
“นี่ไม่ใช่ฝน มีคนกำลังแสดงเคล็ดวิชาบางอย่างอยู่”
หากเป็เมฆอัสนีบนท้องฟ้าเสิ่นเสวียนคุ้นเคยเป็อย่างดี ชาติก่อนในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เขาต้องฝ่าด่านเคราะห์์กว่าพันปี ด่านเคราะห์อัสนีเก้าครั้งยังผ่านมาแล้ว เมฆอัสนีบนท้องฟ้าสำหรับเขาแล้วเพียงสะกิดให้คันเท่านั้น ทว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเขาในตอนนี้ยังมิอาจรับมือได้
โดยเฉพาะเมฆอัสนีเหล่านี้กำลังเล็งเป้ามาที่พวกเขา
“แสดงเคล็ดวิชา!”
เสิ่นล่างรู้สึกใ ความสามารถขนาดนี้มิอาจแสดงออกมาได้หากไม่ใช่ผู้มีอำนาจ ที่สำคัญคือที่นี่เป็เพียงอาณาเขตห่างไกลเท่านั้น อะไรกันแน่ที่ดึงดูดให้ผู้มีอำนาจมาถึงที่นี่ได้
เปรี้ยง!
ขณะนั้นเอง ลำแสงสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าออก แล้วลำแสงนั้นก็สว่างวาบขึ้นจากใจกลางเมฆดำ
“ไปเร็ว!”
เสิ่นเสวียนะโเสียงดังก้อง บังคับเปิดมิติของผังเมืองซานเหอที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยออก เพื่อให้เขา เสิ่นล่าง และเสี่ยวเหยียนเข้าไปซ่อนตัวในนั้นได้
ในพริบตานั้นมิติพลันปิดลง ทำให้พวกเขาหายไปจากตรงนั้นทันที
ตูม!
แทบจะในเวลาเดียวกัน สายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงในตำแหน่งที่พวกของเสิ่นเสวียนยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ทำให้พื้นดินตรงนั้นกลายเป็หลุมใหญ่กว่าสามจั้ง
“์ลงทัณฑ์!” บุรุษชุดแดงที่อยู่เหนือปากปล่องูเาไฟะโออกมาอีกครั้ง สายฟ้าฟาดลงไปยังตำแหน่งเดิมทำให้หลุมลึกลงไปอีก แต่ก็ยังไม่เจอร่องรอยของพวกเสิ่นเสวียน
“ที่นี่คือที่ไหน”
ภายในมิติของผังเมืองซานเหอ เสิ่นล่างมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง อาณาเขตเพียงหนึ่งตารางเมตร นอกจากพวกเขาแล้วยังมีร่างไร้ิญญาของพี่ใหญ่เผ่าอนธการผู้นั้นด้วย ทำให้ใบหน้าของเสิ่นล่างแนบชิดกับใบหน้าของอีกฝ่าย
“นี่คือมิติที่ข้าเปิดออก เมื่อครู่นี้พวกเราโดนเพ่งเล็งแล้ว โชคดีที่หนีเร็ว” เสิ่นเสวียนกล่าว
“โดนเพ่งเล็ง!”
เสิ่นล่างสงสัยอีกครั้งว่ามีผู้มีอำนาจมาถึงที่นี่จริงๆ หรือเปล่า
ขณะนั้นเอง เขาก็ััได้ว่ามีไอพลังแข็งแกร่งสามสายกำลังพุ่งตรงเข้ามาหา
“หนึ่งในนั้นเป็คนจากสำนักไท่อี!” เสิ่นล่างกล่าว
ส่วนที่ด้านนอก สามคนนั้นกำลังยืนอยู่เหนือหลุมขนาดใหญ่ที่โดนสายฟ้าฟาดเมื่อครู่นี้
“สถานที่ที่โดนอัสนี์โจมตี พวกเขาน่าจะยังซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
แม่นางหยุนมองหลุมเบื้องล่างพลางกล่าวเสียงเรียบ
“พวกเราแยกกันไปตามหา”
บุรุษจากวังดารากล่าวจบ เขาก็เหาะไปตามหาทางด้านหนึ่งทันที