“แม่นางเมื่อครู่ข้าเห็นเ้าถามถึงกลุ่มัขาว เ้าพอจะบอกได้หรือไม่ ว่าเ้าตามหากลุ่มัขาวด้วยเหตุผลใด”
จางเหม่ยเลื่อนสายตามองเถ้าแก่ร้านขายผ้า พลันล้วงเอาเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้เขาเพื่อแลกกับข่าวสารบางอยางที่นางอยากรู้ ภายในโรงน้ำชาขนาดเล็ก หญิงสาวยกชาขึ้นดื่มแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เมื่อครู่ท่านบอกว่า กลุ่มัขาว เคยช่วยท่านไว้งั้นเหรอ” เขาพยักหน้า
“เดิมทีข้าคิดไม่บอกเ้า เพราะไม่อยากวุ่นวาย อยากอยู่อย่างสงบ แต่เห็นเ้าตามหากลุ่มัขาวอย่างไม่ลดละ รู้สึกเห็นใจและเผื่อว่า เื่ราวของข้าจะเป็ประโยชน์ต่อเ้าบ้าง”
“กลุ่มัขาว เป็คนดีจริงหรือไม่” หญิงสาวเอ่ยถามในทันที
“ข้าไม่รู้หรอก ว่าเป็คนดีหรือไม่ แต่ก่อนหน้ามีโจรออกอาละวาด ปล้นชิงชาวบ้าน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แจ้งกับทางการไปทุกอย่างเงียบ ไม่มีการส่งคนเข้ามาปราบปราม” หญิงสาวเอียงศีรษะเล็กน้อย
“คนของสกุลเยว่ ก็ช่วยปราบปรามอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” นางถามด้วยแววตาใคร่รู้ ก่อนเถ้าแก่ร้านขายผ้าจะส่ายศีรษะ
“สกุลเยว่ได้รับความดีความชอบก็จริง แต่การปราบปรามโจรชั่วนั้นไม่ได้เป็ฝีมือของคนสกุลเยว่ แต่เป็ฝีมือของกลุ่มัขาว หลังจากฆ่าโจรกลุ่มนั้นทิ้ง คนของสกุลเยว่มาพบเข้า ก็นำศพของกลุ่มโจรกลับไป แล้วไม่กี่วันต่อมาก็ได้รับความดีความชอบ ถูกสรรเสริญจากทุกคน” จางเหม่ยนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากบิดาจะมีความดีความชอบเื่การปกป้องดินแดนแล้ว ยังมีความดีความชอบหลายอย่าง การจัดการดูแลความเรียบร้อยในเมือง ก็เป็ความดีความชอบส่วนหนึ่งของเขา
“เื่ของข้าที่เจอกับกลุ่มัขาว ในตอนนั้นข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะถูกกลุ่มโจรดักปล้นชิงสินค้ากลางทาง เสี้ยวเวลาของชีวิต กลุ่มัขาวก็เข้ามาต่อสู้ ไล่โจรกลุ่มนั้นไป ข้าไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็รับรู้ได้ว่าพวกเขามีเมตตาต่อผู้คนอย่างมาก ข้าไม่รู้ว่าเ้าเจออะไรมา แต่กลุ่มัขาวเป็กลุ่มที่ทำงานลับหลังผู้คน ไม่เคยคิดเอาความดีความชอบใส่ตัวเหมือนใครบางคน” คำตอบของเถ้าแก่ขายผ้า ทำให้จางเหม่ยสัดส่ายสายตาไปมาด้วยความสับสน
นางเดินกลับไปพร้อมหวนนึกถึงวัน ที่คนชั่วกำลังลงมือสังหารนางอย่างโเี้ ทั้งท่าทางและชุดที่สวมใส่ บ่งบอกว่าพวกนั้นเป็คนของกลุ่มัขาว กระบี่วาววับพุ่งตรงมายังร่างของนาง ปักเข้ากลางหัวใจหมายเอาชีวิต ภาพเลวร้ายนั้นยังจำฝังใจไม่อาจปล่อยวางได้ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้น แล้วเผลออุทานออกมาเบา ๆ
‘จริงสิ ข้าลืมไปได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนบอกว่า ข้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นหมายความว่ายังไม่มีผู้ใดพบศพข้า ดังนั้นหลักฐานการตายทั้งหมดต้องอยู่ที่ศพ ใช่แล้วล่ะ! ข้าจะต้องกลับไปที่เดิม!’ เมื่อคิดได้ดังนั้นจางเหม่ยก็รีบวิ่งตรงไปยังสถานที่เกิดเหตุด้วยความมุ่งมั่น สองเท้าก้าวตรงไปท่ามกลางสายลมพัดโชยมาให้ชุดสีแดงของนางสะบัดไหวไปตามแรง
‘ข้าจะต้องรู้ให้ได้ ว่าผู้ใดสังหารข้าอย่างเืเย็น เสี้ยวเวลาสุดท้าย ข้าขอแค่มีลมหายใจอยู่ต่อ แต่จิตใจของเขาคับแคบเกินไป เพียงกระบี่เดียวก็ทำให้ข้าสิ้นลม ไม่อาจเอ่ยวาจาขอร้อง ไม่มีสิทธิ์ต่อรองนอกจากความตายที่เขามอบให้’ น้ำตาของหยางเซียวในร่างของจางเหม่ยร่วงหล่น พร้อมสองเท้าวิ่งมายังบริเวณตีนเขา นางเลื่อนสายตามองดูรอบ ๆ ด้วยสายตาหวาดหวั่น พร้อมภาพคืนนั้นจะฉายวนกลับมา ในที่สุดนางก็มาถึงจุดหมาย ด้านหน้าคือพงหญ้าที่นางถูกกลุ่มัขาวปลิดชีพ สองเท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเข้าไปอย่างช้า ๆ พร้อมหยดน้ำตารินไหลอาบแก้ม นางทบทวนทุกอย่างด้วยความเ็ป ก่อนจะตัดสินใจแหวกพงหญ้าเพื่อสืบหาความจริง ทว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับกลายเป็ความว่างเปล่า ไร้ซึ่งศพของนางนอนอยู่
‘หายไปไหน?’ นางขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ พลันวนหาศพตัวเองบริเวณนั้นด้วยสายตาหวาดหวั่น
‘ต้องอยู่ตรงนี้สิ ข้าจำได้ว่า ข้าหมดความรู้สึกจากตรงนี้ ศพจะหายไปได้ยังไง?’ หยางเซียวไม่สนใจสิ่งรอบข้าง นางเดินหาศพของตัวเองด้วยความมุ่งมั่น วนเวียนเหยียบย้ำพงหญ้าบริเวณนั้นจนราบเรียบ ร่างบอบบางภายใต้อาภรณ์สีแดงที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ แหวกหาร่างอันไร้ิญญาของตัวเอง อยู่ภายใต้สายตาขององค์ชายสาม ที่ยืนมองนางอยู่ไม่ไกลนัก
ก่อนชายหนุ่มจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาพระยาชาจางเหม่ย ก่อนนางจะหันมาชนเขาอย่างไม่ตั้งใจ ร่างเล็กเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดชาว ในมือถือกระบี่ทอดสายตามองมาด้วยกิริยาราบเรียบ
“องค์ชายสาม!” จางเหม่ยเผลออุทานออกมา พลางถอยหลังออกห่างจากเขาสองสามก้าว ก่อนจะเผยดวงตาหวาดหวั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เ้ามาทำอะไร ในสถานที่แห่งนี้” หญิงสาวอึกอัก พลันหันมองไปรอบ ๆ ที่พงหญ้าเ่าั้ถูกนางแหวกเป็ร่องไว้อย่างไม่เป็ระเบียบ อีกทั้งสายตาแน่นิ่ง ขององค์ชายสามจับจ้องมองมาหมายเอาคำตอบ
“หม่อมฉัน...” นางอึกอัก มือนิ้วมือทั้งสองข้าง เกี่ยวพันไปมาพยายามคิดหาคำแก้ตัว ต้าเหรินซีจับจ้องไปยังนิ้วมือทั้งสองข้างของนางพร้อมภาพของหยางเซียวจะฉายวนกลับมา ทุกครั้งที่นางพยายามหาทางคิดแก้ตัว นิ้วเรียวเล็กจะเกี่ยวพันกันไปมาอย่างใช้ความคิดเช่นนี้เสมอ เป็เขาเองที่ยอมแพ้โอนอ่อนให้ เพราะความรัก อยู่ ๆ น้ำตาของชายหนุ่มก็เอ่อขึ้นพร้อมความคิด