เงียบ!
บริเวณนี้ต่างเกิดความเงียบงัน ชายหนุ่มและหญิงสาวเ่าั้ที่้าประจบไก้อู๋ซวงทั้งหมดต่างถอยหลังไปหนึ่งก้าว แผ่นหลังของพวกเขาเย็นเยียบ
ความกลัวเข้าเกาะกินหัวใจของพวกเขา ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง
พวกเขาต่างรู้ว่ามู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตามีพลังที่แข็งแกร่งมาก
มู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตาล้วนเป็อัจฉริยะที่มีความสามารถโดดเด่นในแคว้นเหยียนหลง ทั้งสองถือได้ว่าเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มีพลังอยู่ในลำดับต้นๆ ของแคว้นทั้งแปดร้อยแคว้น และมีคุณสมบัติเข้าข่ายในการเป็ผู้ที่แข็งแกร่งของดินแดนเหยียนหวง
แน่นอนว่ามีดและดาบของพวกเขาย่อมมีพลังที่รุนแรง แต่หลัวเลี่ยกลับจับมันด้วยมือเปล่าได้
อีกทั้งเขายังไม่ได้ใช้วิชายุทธ์อีกด้วย
เมื่อเห็นพลังของหลัวเลี่ย คนอื่นๆ ที่เฝ้ามองอยู่ต่างไม่กล้ายั่วยุเขาอีก พลังของหลัวเลี่ยทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างมาก
“ปล่อยมือ!”
ร่างกายของหลิวเย่เตาเริ่มเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง ร่างทั้งร่างของเขาแผ่ไอสังหารออกมา มีดกับตัวของเขาผสานรวมเป็หนึ่ง จากนั้นมีดของเขาก็เปล่งแสงขึ้น เขากำลังจะตัดมือของหลัวเลี่ยที่จับมีดของเขาไว้
มู่เจี้ยนเฟยตะคอกอย่างเ็าและส่งพลังอย่างรุนแรงออกมา
ทั้งมู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตาต่างไม่ได้หวั่นไหวไปกับท่าทางอันสงบนิ่งของหลัวเลี่ย เพราะพวกเขายังคงมีความมั่นใจในตนเองอยู่
แต่ที่พวกเขาไม่รู้คือหลัวเลี่ยมั่นใจในตนเองมากกว่าพวกเขา
ก่อนหน้านี้ที่หลัวเลี่ยใช้หมัดด้วยวิธีเดียวกับตอนเขาต่อสู้กับจั่วซุน เพราะเขา้าที่จะลองหยั่งเชิงถึงความแตกต่างทางพลังของระดับผู้ฝึกตนและระดับหยินหยาง
เมื่อเข้าสู่ระดับหยินหยางที่มีพลังของหยินและหยางไหลเวียนอยู่ในร่างกายแล้ว ทำให้เห็นได้ชัดว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็อย่างมาก
ตอนนี้ถึงเวลาหยั่งเชิงพละกำลังทางกายภาพของตนเองแล้ว
หลัวเลี่ยที่มีทั้งเคล็ดวิชาั์ เคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม และผลึกสุริยนที่มีแก่นพลังดวงอาทิตย์บวกกับพลังของแสงจันทร์ ทุกสิ่งทำให้หลัวเลี่ยสามารถก้าวเข้าสู่ระดับหยินหยางได้โดยที่พลังของเขามีความแข็งแกร่งมาก
ดาบและมีดนั้นแม้ไม่อาจเทียบได้กับสมบัติวิเศษ แต่ก็นับว่าความแข็งแกร่งไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงกล้าที่จะคว้าดาบ
มู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตาเป็อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ในสายตาของหลัวเลี่ย พวกเขาก็เป็แค่คนธรรมดาเท่านั้น
“ความจริงแล้วข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้าแข็งแกร่งเพียงใด”
“ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่ข้าได้ต่อสู้กับผู้คนมากมาย ก็เพื่อจะทดสอบความแข็งแกร่งของตนเอง และตอนนี้ข้าก็จะทำเช่นนั้นกับพวกเ้าเหมือนกัน”
“มาดูกันว่าข้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน”
เมื่อหลัวเลี่ยเผชิญหน้ากับพลังที่รุนแรงของชายทั้งสอง ทันใดนั้นเขาก็ส่งแรงไปที่มือทั้งสองข้าง
ทั้งความแข็งแกร่งทางกายภาพ ความแข็งแกร่งทางพลังลมปราณ และความโดดเด่นของเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม เมื่อทุกอย่างรวมกันก็กลายเป็พลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
กึก!
กึก!
มีเสียงแตกร้าวที่ะเืเข้าไปถึงจิตใจของผู้คนดังขึ้นสองครั้ง
มันเป็เสียงจากดาบที่ถูกหลัวเลี่ยหักด้วยมือ
หลังจากสิ้นเสียงนั้น พลังที่รุนแรงของมู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตาก็แตกสลายไป เศษดาบที่แตกสลายลอยปะทะใบหน้าของพวกเขา ลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวของหลัวเลี่ยกระแทกเข้าที่ตัวของมู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตา จนทั้งสองรู้สึกราวกับว่ากระดูกหน้าอกของพวกเขากำลังจะหัก จากนั้นร่างของทั้งคู่ก็ลอยออกไปพร้อมกับเืที่ไหลซึมออกมาจากมุมปาก
ในระหว่างที่ลงมือ หลัวเลี่ยสามารถควบคุมอัจฉริยะทั้งสองอย่างมู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตาโดยไม่ได้เคลื่อนไหวเพิ่มเติมเลยสักนิด เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนที่มองอยู่ล้มเลิกความคิดที่จะโจมตีหลัวเลี่ยไปโดยปริยาย
“หลัวเลี่ยช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว”
“สมกับเป็อ๋องเซี่ยแห่งแคว้นเป่ยสุ่ย เขามีพลังที่รุนแรงมาก”
“ดูท่าว่าคำพูดของเขาที่กล่าวว่าจะสังหารไก้อู๋ซวง คงไม่ใช่คำพูดลอยๆ เสียแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะทำมันได้จริงๆ”
“การต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
พวกเขาทั้งวิตก ทั้งตื่นเต้น
การเผชิญหน้ากันของผู้ที่แข็งแกร่งทั้งสองคนนี้ ทุกคน้าที่จะเห็นมันด้วยตาของพวกเขาเอง
หลัวเลี่ยยืนอยู่บนโขดหิน เขายังคงอยู่ในท่าเดิม นั่นคือเอามือไพล่หลังและมองอย่างเ็าไปที่ไก้อู๋ซวง ซึ่งกำลังเดินช้าๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ข้าคือไก้อู๋ซวง ผู้ที่ก่อกำเนิดขึ้นมาจากผืนฟ้าและปฐี การขึ้นสู่ระดับเทพคือเป้าหมายเดียว และเป็เป้าหมายสูงสุดของข้า คนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของข้าก็เป็ได้แค่มดปลวกเท่านั้น การที่เ้าได้เป็คนแรกที่ข้ามองเห็น และถูกข้าปลิดชีพ ก็นับว่าเป็เกียรติของเ้าแล้ว ในยามที่ข้าขึ้นสู่ระดับเทพ ข้าจะจดจำไว้ว่ามีคนคนหนึ่งที่ชื่อหลัวเลี่ยเป็ผู้ที่คู่ควรพอให้ข้าลงมือด้วย”
ในขณะที่ไก้อู๋ซวงกำลังพูด จังหวะการก้าวเดินของนางก็ไม่เคยช้าลง ทุกๆ ก้าวเป็ระยะทางเท่ากัน แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากกายของนางกลับรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
หากตอนแรกไก้อู๋ซวงดูเหมือนราชินีผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เช่นนั้นตอนนี้นางก็ดูเหมือนเทพธิดาที่สามารถทำลายผืนฟ้าและปฐีได้ เส้นผมของนางปลิวไสวอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับชุดสีแดงเพลิงของนางที่ปลิวล้อไปกับสายลมเช่นกัน อากาศที่อยู่รอบกายนางเริ่มปั่นป่วน ก่อนที่ข้างกายของนางก็มีัตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้น
กลิ่นอายกดดันแผ่ออกมาจากกายของไก้อู๋ซวง
ไม่ว่าไก้อู๋ซวงจะเดินผ่านไปที่ใด ต้นไม้ข้างทางล้วนหักโค่น ก้อนหินแตกเป็เสี่ยงๆ ทุกอย่างล้วนถูกทำลายโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้าเลยสักนิด นางเป็เหมือนเทพีแห่งการทำลายล้างจริงๆ
แค่แรงกดดันนี้ก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวแล้ว
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าไก้อู๋ซวงไม่ธรรมดาถึงขั้นที่ทำให้บรรพชนอันดับต้นๆ อย่างบรรพชนอูอวิ๋นเซียนยอมรับนางเป็ศิษย์ได้ ทั้งยังเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะเอาชนะบรรพชนตัวเป่า เป็คู่ประลองกับบรรพชนข่งเซวียน ซึ่งเป็บรรพชนอันดับที่หนึ่งของดินแดนนี้ และยังพูดอีกว่าจะขึ้นเป็เทพ เช่นนั้นไก้อู๋ซวงคงไม่เพียงทรงพลังธรรมดา แต่ต้องทรงพลังมาก
ทุกคนรู้เื่นี้เป็อย่างดี แต่พอได้มาเห็นพลังที่แท้จริงของไก้อู๋ซวง ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่าพลังของนางแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก
แค่นางเดินผ่านไปก็ทำให้ผู้คนรู้สึกไร้พลังที่จะต่อต้าน และก้าวถอยหลังให้นางเองแล้ว
ส่วนหลัวเลี่ยก็ถูกพลังกดดันของนางตรงเข้ามาปะทะเข้าที่หน้าอกของเขาโดยตรง และพลังกดดันนั้นก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ชิ้ง!
เปลวเพลิงที่ลุกโชนทั่วร่างของหลัวเลี่ยพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าและแผ่พลังออกมาเต็มูเาในทันที พลังของเขาเริ่มดูดซับพลังจากจันทร์เต็มดวงที่อยู่บนท้องฟ้า จากนั้นพลังที่ส่งขึ้นไปก็ะเิเป็แสงจันทร์สว่างจ้าฉายลงมาที่ร่างของหลัวเลี่ย
พลังจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ผสานกัน หยินและหยางมากัน ก่อให้เกิดขุมพลังขึ้น
ในตอนนี้หลัวเลี่ยช่างดูคล้ายกับจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม เพราะพลังจากทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ูเา และแม่น้ำที่อยู่รอบกายล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
หลัวเลี่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่เขาก็ส่งพลังออกไปข้างหน้าจนมันพุ่งเข้าชนกับไอพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากไก้อู๋ซวง
ตูม!
การปะทะกันโดยตรงของไอพลังที่รุนแรงทั้งสองนั้นเหมือนกับการปะทะกันของสองโลก
พลังที่น่าสะพรึงกลัวกลายเป็คลื่นอากาศที่จับต้องได้และกระจายออกไปในทันที พลังพวกนั้นได้ทำลายต้นไม้โดยรอบทั้งหมด และทำให้พื้นดินแตกร้าวเป็เสี่ยงๆ
มันเป็พลังของหลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพลังของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน
หลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวงแสดงความประหลาดใจออกมาบนใบหน้า รวมทั้งอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึงพร้อมกัน
“นึกไม่ถึงว่าจะสามารถต้านพลังของข้าเอาไว้ได้”
พวกเขาต่างก็ประหลาดใจในพลังของกันและกัน
สำหรับหลัวเลี่ยแล้ว นี่อาจเป็ผลจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์และเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม จึงทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกัน
ส่วนไก้อู๋ซวงนั้น นางถือกำเนิดขึ้นมาจากผืนฟ้าและปฐี ซึ่งสามารถก้าวข้ามระดับผู้ฝึกตนมาได้ และได้กำหนดเส้นทางของตนเอง จนทำให้นางแข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกันเช่นกัน
การปะทะกันระหว่างสองคนนี้สามารถอธิบายได้ว่าเป็การปะทะกันของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
หลังจากประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และมองหน้ากันด้วยสายตาที่เชือดเฉือนและเ็า
“ฆ่า!”
ไก้อู๋ซวงกลายเป็ดั่งัเพลิงที่บ้าคลั่ง นางตรงเข้ามาหาหลัวเลี่ยอย่างรวดเร็ว
หลัวเลี่ยก็ะเิพลังออกมาเช่นกัน หินใต้เท้าเขาแตกออกเป็ชิ้นเล็กๆ เส้นผมปลิวไปตามสายลม มีเสียงน้ำดังขึ้นรอบกาย แล้วหลังจากนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้าหาไก้อู๋ซวงเช่นกัน
ตูม!
ในที่สุดพวกเขาก็ปะทะกันแล้ว
การปะทะกันครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็มวยถูกคู่
พื้นดินโดยรอบสั่นะเื กิ่งไม้และใบไม้ร่วงหล่นลงสู่พื้น ก้อนกรวดสั่นระริกราวกับถูกกระแทก
ทั้งสองก็ใเช่นกัน พวกเขาต่างถอยไปครึ่งก้าว หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าหากันอีกครั้ง
การต่อสู้ที่อันตรายที่สุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้