พวกเขากลับมาถึงฮวาเล่อทิงอย่างรีบร้อน หลงจู๊แค่เห็นจิ่งฝานก็รีบเดินหน้าเข้ามาทัก กำลังจะเอ่ยทักทายอย่างเป็ทางการก็ถูกจิ่งฝานตัดบท “เตรียมน้ำสะอาดมาหน่อย ส่งคนไปที่คลังยาไปเอายามา ใบสั่งยาเดี๋ยวข้าเขียนให้”
หลงจู๊คนนั้นรีบรับคำ ใช้คนอื่นไม่ทันแล้ว จึงไปเตรียมน้ำมาด้วยตนเอง
ทางด้านจิ่งฝานเพิ่งจะพาอ๋าวหรานมาวางบนเตียง หลงจู๊คนนั้นก็นำน้ำสะอาดเข้ามาแล้ว
จิ่งฝานประคองอ๋าวหรานขึ้นมาพิงไว้ข้างเตียง ใช้น้ำสะอาดค่อยๆ เช็ดตาให้เขา แล้วพูดกับจิ่งจื่อว่า “เ้าไปเตรียมกระดาษพู่กัน แล้วเขียนตามที่ข้าบอก”
จิ่งจื่อพยักหน้า
จิ่งเซียงเองก็มีสีหน้าร้อนรน นั่งลงข้างเตียง จับมือของอ๋าวหรานจับชีพจรให้เขา
น้ำสะอาดถูกเช็ดลงที่ตา ทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น อ๋าวหรานจึงค่อยๆ มีสติขึ้นมา เขาไอพลางลูบมือของจิ่งเซียง ก่อนจะพูดว่า “ดีขึ้นมากแล้ว พวกเ้าไม่ต้องกังวลไป ทำราวกับว่าข้าเป็โรคร้ายอย่างนั้นแหละ”
จิ่งเซียงตีเขาไปทีหนึ่ง “พูดจาเหลวไหล!”
พูดจบประโยค ก็พูดต่ออย่างโกรธแค้นว่า “คนชั่วสองคนนั่น ต่อไปถ้าเจออีกจะอัดให้น่วม ไม่ให้พวกมันได้อยู่ดีแน่!”
จิ่งฝานที่นั่งอยู่ข้าเตียงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาดำมืดซ่อนอยู่ใต้แพขนตา
อ๋าวหรานหัวเราะฮ่าฮ่า เอามือของจิ่งฝานที่เช็ดตาให้ตนอยู่ออกไป ลุกขึ้นนั่งยิ้มแล้วพูดกับคนทั้งสองว่า “ไม่เป็ไรแล้ว ตอนนี้ไม่รู้สึกทรมานแล้วล่ะ ผงยานั่นก็คงจะไม่ใช่พิษอะไรหรอก คงจะเป็แค่ของเอาไว้แกล้งคนก็เท่านั้น”
จิ่งฝานหยิบผ้าขนหนูที่อยู่บนราวมา เช็ดมือไปทีหนึ่ง แล้วแปะไปบนหน้าของอ๋าวหราน อ๋าวหรานรีบเอามือมารับไว้ เช็ดน้ำที่อยู่บนหน้า
จิ่งฝาน “ก็แค่หญ้าค้งที่บดเป็ผง หญ้าชนิดนี้ไม่มีพิษอะไร จะทำให้คนวิงเวียนอยู่่ระยะเวลาไม่นาน เมื่อกินเข้าไปก็จะส่งผลกระทบต่อหลอดลม ปอด และหัวใจ สถานเบาจะต้องไอไปหลายวัน สถานหนักจะกระอักเืออกมาจนตาย หากเข้าตา ดีหน่อยก็แค่น้ำตาไหล แต่ก็ยังมีสิทธิ์ตาบอดได้”
ที่ตาของอ๋าวหรานถึงแม้จะไม่รู้สึกทรมานแล้ว แต่น้ำตายังไหลไม่หยุด ได้ยินที่จิ่งฝานพูด อึ้งไปเล็กน้อย “หา? จริง...จริงหรือ?”
ริมฝีปากของจิ่งฝานโค้งขึ้นเล็กน้อย “แน่นอน”
จะทำอย่างไรคนที่น้ำตาไหลท่วมตาก็ไม่อาจมองเห็นปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ได้ “.......”
จิ่งเซียงขำพรืดออกมา “พี่ข้าหลอกเ้าเป็แน่ ต่อให้ตาบอดจริง พี่ข้าก็สามารถรักษาเ้าให้หายได้”
อ๋าวหรานโยนผ้าขนหนูในมือไปทางจิ่งฝาน “......” เ้าเด็กนี่รู้จักแกล้งคนอื่นเป็แล้ว?
จิ่งฝาน “อาการไอนี่เดี๋ยวกินยาเข้าไปก็คงดีขึ้น แต่น้ำตาเกรงว่าคงจะต้องไหลไปอีกหลายวัน เ้าทนเอาหน่อยแล้วกัน”
อ๋าวหรานพยักหน้า ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยน้ำตา
จิ่งเซียงเห็นสภาพเช่นนี้ของเขา บันเทิงใจเสียเหลือเกิน หยิกแก้มของเขา “อ๋าวหราน ท่าทางเ้าเช่นนี้เหมือนกระต่ายเลย ทำไมถึงตลกขนาดนี้”
จิ่งจื่อเองก็บันเทิงใจเช่นกัน “เหมือนจริงด้วย”
อ๋าวหรานกัดฟัน “ทั้งสองท่าน เนรคุณกันเร็วไปหน่อยกระมัง”
จิ่งเซียงหัวเราะฮ่าฮ่า
พวกเขาหยอกล้อกันอีกพักหนึ่ง จิ่งเซียงถอนหายใจพูดว่า “วันนี้ไม่ได้เที่ยวให้สนุกเลย พรุ่งนี้ต้องชดเชย!”
อ๋าวหราน “แรงเ้าเยอะดีจริงนะ”
จิ่งเซียงส่งเสียงเหอะไปหนึ่งเสียง “คืนพรุ่งนี้จะพาเ้าไปตำหนักเทพดอกจินมู่ ไปขอพรเื่เนื้อคู่ได้”
จิ่งจื่อที่อยู่อีกด้านยิ้มอย่างชั่วร้าย “จิ่งเซียง เ้าคงไม่ใช่ว่าอายุน้อยแค่นี้ก็ร้อนใจจะแต่งงานแล้วหรอกนะ?”
จิ่งเซียงไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าหมอนบนเตียง ซัดไปทางจิ่งจื่อ
จิ่งฝานเห็นพวกเขาโวยวายกันไม่หยุด “รีบไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยเล่นต่อ”
จิ่งเซียงเก็บหมอนที่ตั้งใจจะซัดออกไปอีก ถามจิ่งฝาน “ท่านพี่ คืนนี้อ๋าวหรานก็พักกับท่านหรือ?”
จิ่งฝานส่งเสียงอืมออกมาหนึ่งเสียง
จิ่งจื่อถอนหายใจ หน้าตาดูไม่อยากจะเชื่อ “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าโจรเด็ดดอกไม้นั่นก็คือหลางฉา? นางคงไม่ใช่ว่าอยากลวนลามพี่จิ่งฝานแล้วไปผิดห้องหรอกนะ?”
จิ่งเซียงท่าทางดุร้าย “คาดว่าคงมีจุดประสงค์อื่นอยู่อีก เ้าบื้ออ๋าวหรานก็แค่เผลอถูกลวนลามไปด้วยก็เท่านั้น”
จิ่งจื่อจี้ถาม “จุดประสงค์อะไร หลางฉาพูดว่าหวางฮวายเหล่ยมาที่นี่ก็มีจุดประสงค์อื่น พวกเขามีจุดประสงค์เดียวกันหรือเปล่า?”
อ๋าวหราน “......” ฉลาดดีนี่
จิ่งจื่อหยุดไปนิดหนึ่ง จู่ๆ แววตาก็เหมือนมีไฟลุก จ้องจิ่งเซียงพูดว่า “จิ่งเซียง ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเ้ารู้เื่บางอย่างที่ข้าไม่รู้?”
จิ่งเซียงใจสั่น แต่แกล้งทำสีหน้าสงบนิ่ง โบกมือพูดว่า “จะเป็ไปได้อย่างไร? ข้าก็แค่คาดเดาไปเพียงเท่านั้น?”
จิ่งจื่อหรี่ตา
เื่นี้ พวกเขายังไม่เคยบอกจิ่งจื่อ อ๋าวหรานคิดว่าต่อไปก็คงจะต้องบอกเขาให้ชัดเจนไปเลยจะดีกว่า จิ่งจื่อเป็คนที่คุ้มค่าจะคบเป็สหาย คู่ควรให้ไว้ใจได้
ทางด้านจิ่งเซียงเห็นว่าจิ่งจื่อไม่ค่อยเชื่อ ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนที่เราออกมาจากร้านอาหารนั้น หลางฉาไม่ได้ตามมาใช่หรือไม่? นางคงจะไม่มาโจมตีกลางคืน ทำอะไรไม่ดีหรอกนะ”
พูดอยู่ก็ยิ้มอย่างคนมีลับลมคมในกำชับจิ่งฝานว่า “ท่านพี่ กลางคืนต้องระวังหน่อย หากหลางฉามาอีก คงจะลวนลามทั้งสองคน”
จิ่งฝานคร้านจะสนใจน้องสาวที่คิดอะไรก็ไม่รู้อยู่ในหัว ตอบไปคำเดียวว่า “รีบไปนอนได้แล้ว”
แต่จะทำอย่างไรได้ตอนที่คนทั้งสองกำลังคิดจะจากไป กลับได้ยินเสียงคนเคาะประตูอยู่ด้านนอก “คุณชายอ๋าว ท่านอยู่หรือไม่?”
คนในห้องพร้อมใจกันหันมามองอ๋าวหราน
จิ่งเซียงถามเสียงเบา “หวางฮวายเหล่ย?”
จิ่งจื่อพยักหน้า
อ๋าวหรานเช็ดดวงตา หวางฮวายเหล่ยมาหาเขา แต่กลับมาหาที่ห้องของจิ่งฝาน นี่มันน่ากระอักกระอ่วนเกินไปแล้ว เมื่อหันศีรษะไปมองจิ่งฝาน จิ่งฝานพยักหน้า ดึงจิ่งเซียงและจิ่งจื่อไปแอบด้วยกันที่หลังฉากบังลม
อ๋าวหรานกระแอมออกมาเสียงหนึ่ง ถามว่า “เป็ผู้ใด?”
หวางฮวานเหล่ย “คุณชายอ๋าว ข้าเอง หวางฮวายเหล่ย วันนี้เพิ่งพบกันไป”
อ๋าวหรานร้องอ้อออกมาเสียงหนึ่ง “คุณชายหวางหรือ รีบเข้ามาเถิด”
หวางฮวายเหล่ยผลักประตูเข้ามา ผู้คุมกันชุดดำที่อยู่ด้านหลังกลับไม่ได้ตามเข้ามาด้วย เห็นอ๋าวหรานนั่งอยู่บนเตียง ถามว่า “คุณชายอ๋าวจะพักผ่อนแล้วหรือ? รบกวนแล้วจริงๆ ”
อ๋าวหรานส่ายหน้า “เพิ่งจะเอนหลังลงนอนเท่านั้นเอง”
หวางฮวายเหล่ยยิ้มอย่างเป็มิตร “เช่นนั้นก็ดี กลัวว่าจะรบกวนท่าน เอ๋? คุณชายอ๋าว ดวงตาท่านเป็อันใด?”
อ๋าวหราน “ไม่เป็อะไร ทรายเข้าตาน่ะ เป็เช่นนี้บ่อยๆ”
หวางฮวายเหล่ยท่าทางร้อนรนเป็ห่วง “ต้องรีบไปหาหมอนะ ถามน้องจิ่งฝานดูหรือยัง?”
อ๋าวหรานพยักหน้า “ถามแล้ว เขาบอกว่าพักผ่อนสักหน่อยก็หาย”
หวางฮวายเหล่ยพยักหน้าติดๆ กัน “เช่นนั้นก็ดียิ่ง ดีที่เ้ารู้จักคนตระกูลจิ่ง ทุกคนต่างก็มีวิชาแพทย์เลิศล้ำกันทั้งนั้น”
อ๋าวหรานคร้านจะพูดอ้อมโน่นอ้อมนี่ไปกับเขา “คุณชายหวางเหตุใดจึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้? ไม่ทราบว่ามีเื่อันใดหรือไม่?”
หวางฮวายเหล่ยยิ้มอย่างอบอุ่นราวแสงตะวัน “ก็ถามเด็กรับใช้ในร้านเอา ถึงได้รู้ว่าเ้าพักอยู่ห้องนี้”
อ๋าวหรานพยักหน้า “......” เด็กรับใช้คงไม่ได้บอกเ้าสินะว่าจิ่งฝานก็พักอยู่ห้องนี้ด้วย
หวางฮวายเหล่ยพูดต่อไปว่า “วันนี้ล่วงเกินไปบ้าง พูดถึงเื่ที่ทำให้คุณชายอ๋าวเสียใจขึ้นมา วนเวียนอยู่ในใจมาค่อนคืนรู้สึกไม่สงบเลยแม้แต่น้อย จึงคิดว่าจะมาหาคุณชายอ๋าวเพื่อขออภัย ขอให้คุณชายอ๋าวอภัยให้ข้าด้วย”
อ๋าวหรานส่ายศีรษะ “ไม่เป็ไร คุณชายหวางไม่ต้องคิดมาก”
หวางฮวายเหล่ยสีหน้ายินดีในทันใด “คุณชายอ๋าวใจกว้างอย่างแท้จริง”
พูดแล้วก็นั่งลงข้างเตียงอ๋าวหรานเสียเลย หยิบหยกงามชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ สีเขียวแวววาวใสเป็อย่างมาก แค่มองดูก็ทำให้คนละสายตาออกไปไม่ได้ บนหยกสลักลวดลายัสง่างามราวกับตัวจริงเอาไว้ ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
หวางฮวายเหล่ยส่งให้อ๋าวหราน “คุณชายอ๋าว นี่คือหยกที่สีดีที่สุดในปีนี้จากตระกูลข้า ราคาควรเมือง บิดาข้าตั้งใจเสาะหาช่างแกะสลักฝีมือดีที่สุด ลงแรงไปไม่น้อย จึงสลักเสลาออกมาเป็ลายัที่คู่ควรส่งเสริมกันกับหยกชิ้นนี้ วันนี้ล่วงเกินคุณชายอ๋าวไปมาก หยกนี้ขอให้คุณชายอ๋าวรับไว้ ถือเสียว่าเป็ของกำนันแทนคำขออภัยจากความไร้มารยาทของข้าในวันนี้”
อ๋าวหรานคิดในใจว่า คนคนนี้้าจะใช้ไม้อ่อน ซื้อใจดึงเขาไปเป็พวกหรือ?
ในใจคิดอะไรไปมากมาย แต่อ๋าวหรานกลับแสดงออกมาแค่อาการตาลุกวาว ดวงตาราวกับไม่อาจละสายตาไปจากหยกนั้นได้เลย มือขยับไปมาไม่หยุด “ไม่ได้หรอก เช่นนี้ไม่ได้หรอก ของล้ำค่าเช่นนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”
หวางฮวายเหล่ยเห็นว่าลูกตาเขาแทบจะหล่นลงไปอยู่บนหยกแล้ว ในใจดูถูก ปากกลับบอกว่า “คุณชายอ๋าวอย่าได้เกรงใจ เป็แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น หากท่านไม่รับไว้ ข้าคงจะเสียใจ”
อ๋าวหรานปฏิเสธอีกรอบ ก่อนที่สุดท้ายจะรับไว้ ‘อย่างเสียไม่ได้’ ถือไว้ในมือ แล้วกลิ้งเล่นไปมา
หลังฉากกันลมจิ่งเซียงเห็นการแสดงที่ฉุดไม่อยู่แล้วตอนนี้ของอ๋าวหราน ก็แอบกรอกตามองบน กลับเป็จิ่งจื่อที่แสดงท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หวางฮวายเหล่ยพูดอย่างยิ้มแย้ม “หากคุณชายอ๋าวชอบ ของเล่นพวกนี้ตระกูลหวางของข้ามีเยอะแยะ ท่านไปเลือกเอาได้เลย”
อ๋าวหรานมีความสุขจนปากฉีกไปถึงหลังหูแล้ว ทำให้ไอออกมาไม่หยุด เสร็จแล้วก็รีบเก็บซ่อนอารมณ์ “นี่ แค่กแค่ก... จะได้อย่างไร”
หวางฮวายเหล่ยสีหน้าไม่เห็นด้วย “คุณชายอ๋าวเกรงใจกับข้าหรือ? วันนี้ข้าอยากจะคบคุณชายอ๋าวเป็สหาย ถึงได้มาหาท่าน มอบน้ำใจนี้ให้ท่าน หากท่านปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ ก็ถือว่าไม่นับท่านเป็สหาย ไม่ยอมรับข้า”
อ๋าวหรานโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้า...แค่กแค่ก ไม่ใช่ว่าข้าไม่นับท่านเป็สหาย พวกเรา...แค่กแค่ก...รู้จักกันโดยบังเอิญ เ้าดูแลข้าเช่นนี้ ข้าก็...แค่ก...ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งแล้ว ไม่อาจ แค่กแค่ก...เห็นแก่ได้มากไปกว่านี้แล้วจริงๆ”
หวางฮวายเหล่ยลูบหลังอ๋าวหรานพูดด้วยความเป็ห่วงว่า “คุณชายอ๋าวท่านป่วยหรือ? ทำไมถึงไอเช่นนี้ น้องจิ่งฝานคนนั้นของข้าไม่ได้จ่ายยาให้เ้าหรือ?”
อ๋าวหรานไอไปส่ายหัวไป “ไม่...แค่ก ไม่เป็ไร”
หวางฮวายเหล่ยพูดอย่างจริงใจว่า “คุณชายอ๋าวมีเื่ใดก็มาถามข้าได้ ข้าหวางฮวายเหล่ยวันนี้คบท่านเป็สหาย แน่นอนว่าจะไม่ละเลยท่านแน่ ไม่เพียงแค่ข้า แต่ตระกูลหวางของข้าเองก็จะเป็กำลังให้ท่านด้วย”
อ๋าวหรานเงยหน้า มองหวางฮวายหวายเหล่ยด้วยดวงตาวาวน้ำตา ท่าทางซาบซึ้งถึงที่สุดอย่างแท้จริง
หวางฮวายเหล่ยถูกแววตานี้ทำให้ร้อนตัวเป็อย่างยิ่ง เขาไอแห้งๆ สองครั้ง ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ฝืนประคับประคองการแสดงนี้ต่อไป
อ๋าวหรานซาบซึ้งเสร็จ ก็ถามอีกว่า “เหตุใดคุณชายหวางถึงดีกับข้าเช่นนี้?”
หวางฮวายเหล่ยไออีกสองที “ตลอด...ตลอดทางมานี้ฟังเื่ของตระกูลอ๋าวมาไม่น้อย คุณชายอ๋าวอายุยังน้อย ต้องมาประสบโชคร้ายเช่นนี้ ฮวายเหล่ยได้ยินแล้วก็สงสารเป็อย่างยิ่ง ประกอบกับเจอกันครั้งแรกก็เปิดแผลช้ำใจของท่านเข้า ละอายใจยิ่งนัก จึงคิดว่าจะชดเชยให้ท่านมากๆ ท่านอย่าได้โทษข้าเลย”
อ๋าวหรานส่ายหน้า ราวกับว่าปวดใจ “จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร น้ำใจนี้ อ๋าวหรานต้องซาบซึ้งใจเสียด้วยซ้ำไป”
หวางฮวายเหล่ยซื้อใจคนเสร็จแล้ว เห็นว่าอ๋าวหรานถือตนเองเป็มิตรแท้ผู้รู้ใจ ในใจเบิกบานเป็อย่างยิ่ง “รบกวนมาตั้งนาน ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว เ้ายังป่วยอยู่ รีบพักผ่อนเสียเถิด พรุ่งนี้ข้าค่อยมาหาเ้าใหม่ เรามาคุยเื่อื่นๆ กัน เ้าคงยังไม่เคยไปภาคตะวันตกสินะ ถึงตอนนั้นข้าจะเล่าให้เ้าฟัง”
อ๋าวหรานรีบพยักหน้า ท่าทางที่ทั้งรอคอย ทั้งตัดใจไม่ได้ เช่นนี้ทำให้ภายใจของหวางฮวายเหล่ยรื่นเริงเป็อย่างยิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้