“ชายาสิบสาม? อ๋อ...ข้าจำได้แล้ว! ใช่แล้วตอนนั้นฮ่องเต้ผู้โเี้พระองค์หนึ่งชอบพอนางอีกทั้งยังประกาศกร้าวอีกว่าหากไม่ส่งตัวชายาของฮ่องเต้ให้กับเขา เขาจะโจมตีเมืองต้าจิ้นฮ่องเต้องค์ก่อนไม่มีทางเลือกดังนั้นจึงแอบส่งตัวชายาสิบสามไปแต่งงานอย่างเป็ความลับก่อนจะประกาศว่านางป่วยและตายไปอย่างกะทันหัน!”
เื่ราวในอดีตเื่นี้เป็ที่โจษจันเล่าขานทั่วทั้งเมืองว่ากันว่าพระชายาของฮ่องเต้สาบานต่อหน้าฟ้าดินว่านางยอมตายดีกว่าไปแต่งงานกับฮ่องเต้โฉดชั่วผู้นั้น
หากไม่มีเื่พระชายาของฮ่องเต้ถูกส่งตัวไปแต่งงาน เื่นี้ก็คงไม่เป็ที่ถกเถียงกันขนาดนี้
คนในราชวงศ์ล้วนไร้หัวใจ เพื่อประเทศชาติแล้ว ลูกสาวลูกชายล้วนเป็เพียงหมอกควันเท่านั้น
ซ่างกวนฉิงมีประสบการณ์ทางด้านนี้อย่างลึกซึ้งที่สุด
“ถูกต้องเมื่อก่อนข้าเคยได้ยินพ่อของเ้าและลูกน้องพูดกันถึงเื่นี้ว่า ฮ่องเต้แห่งซีฟานมีองค์ชายพระองค์หนึ่งเป็ที่รักและเอ็นดูอย่างมากอีกทั้งยังเก่งกล้าสามารถเื่ออกรบ แต่ถึงกระนั้นเขากลับชอบของสวยงามสิ่งที่เขาชอบที่สุดคือสาวงามแห่งเมืองต้าจิ้น”
หลินเมิ้งหวู่เข้าใจได้ในทันที ดวงตาพลันเปล่งประกาย
“หากเขาได้เห็นหลินเมิ้งหยาแล้วละก็ แม้นางจะเป็ชายาอวี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องออกไปแต่งงานอยู่ดีมิใช่หรือ?”
สองแม่ลูกไร้ยางอายครุ่นคิดหาวิธีการนำหลินเมิ้งหยาไปขาย
แต่พวกนางคงลืมไปว่าหลินเมิ้งหยาเป็คนเช่นไรนางหาใช่คนที่คิดจะนำไปขายก็ขายได้
วันเวลาล่วงเลยไปราวครึ่งเดือน หลงเทียนอวี้และหลงชิงหานกำลังยุ่งกับการตระเตรียมการต้อนรับฮ่องเต้ิ
เป็ไปดั่งที่หลินเมิ้งหยาคาดหลังจากไท่จื่อกลับไปแล้วก็หายเงียบเข้ากลีบเมฆไป
นอกจากออกมาถวายคำนับฮองเฮา เขาไม่ยินยอมออกจากตำหนักของตนเองเลยแม้แต่น้อย
หลินเมิ้งหยาออกคำสั่งกับคนรับใช้ทั้งหมดว่าห้ามแพร่งพรายเื่คืนนั้นในที่สาธารณะโดยเด็ดขาด
ทว่าในที่ลับก็แล้วแต่วิจารณญาณ
บรรยากาศด้านหน้ากำลังเย็นชื้นบัดนี้เมืองหลวงเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
หลินเมิ้งหยาที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองทางเหนือและชินกับการอยู่ในทุกฤดูกาลรู้สึกสบายกายสบายใจขึ้นมา
จวนอวี้ที่ถูกปกครองโดยรูปแบบของไม้แข็งและไม้อ่อนของหลินเมิ้งหยาเริ่มเป็ระบบระเบียบมากขึ้น
แต่ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคือซ่างกวนฉิงมิได้สร้างความเดือดร้อนใดๆอีกทว่า่สองสามวันมานี้นางกลับพาหลินเมิ้งหวู่เข้ามาคุยเล่นกับตนเองที่ตำหนักหลิวซิน
เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินใจดำอำมหิตคนนี้หลินเมิ้งหยาจึงระมัดระวังคำพูดมากขึ้น
แม้แต่เจียงหรูฉินเองก็เลิกรังควานนางดังนั้น่เวลาที่ผ่านมาจึงค่อนข้างผ่อนคลาย
แม้จะเป็ต้นฤดูใบไม้ร่วงแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความหนาวเหน็บแผ่ซ่านกระทบร่าง
หลินเมิ้งหยาขดตัวอยู่ภายในผ้าห่มขนจิ้งจอกที่ศาลาเล็กพลางจ้องมองใบไม้สีเหลืองด้วยสายตาเหม่อลอย
“พี่สะใภ้อารมณ์ดีเสียจริงมาเสพความสุขในฤดูใบไม้ร่วงที่นี่กระนั้นหรือ?”
เสียงยุแหย่เล็กน้อยของหลงชิงหานดังขึ้น หลินเมิ้งหยาหันหน้าไปผลปรากฏว่านางได้เห็นองค์ชายใบหน้าหล่อเหลาซึ่งสวมใส่ชุดสีม่วงอ่อนกำลังเดินตรงเข้ามา
“ลมอันใดพัดพาองค์ชายหกมาได้เล่า?”
น้ำเสียงเกียจคร้าน ยิ่งอยู่ในร่างนี้นานเท่าไร อุปนิสัยเดิมของนางก็ยิ่งเผยออกมาให้เห็นมากเท่านั้น
แม้จะบอกว่าหญิงสาวที่ภายนอกใสซื่อบริสุทธิ์ แต่กลับมีแผนเ้าเล่ห์อยู่ในหัวตลอดเวลามาอยู่ในร่างของสาวใสซื่อไร้เดียงสาแต่คนที่มาอยู่ทีหลังกลับยากที่จะหาเส้นทางแห่งความสมดุลในการใช้ชีวิตได้
คนที่อยู่ใกล้ชิดหลินเมิ้งหยาล้วนคิดว่านางเป็จอมวางแผนมากขึ้นทุกที
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกว่าความสุขุมของตนเองกำลังถูกจิตใจของเ้าของร่างเดิมทำให้ตนเองกลายเป็คนสดใสร่าเริงขึ้นมาเรื่อยๆ
ความคิดที่เคยมีแต่ด้านลบเริ่มถูกปรับเปลี่ยนไปทีละน้อย
บางทีอาจเพราะเ้าของร่างที่เป็เด็กสาวใจดีและฉลาดเฉลียวคนนั้น้าส่งมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายให้นางกระมัง
“เพราะว่ามีธุระต่างหากข้ากล้ามาสร้างความวุ่นวายให้พี่สะใภ้สามที่ไหนกัน! คือ...คือว่าเ้าจิ้งจอกเ้าเล่ห์ในคุกเริ่มผิดปกติไป”
ชิงหู?หลินเมิ้งหยาเกือบลืมเ้าคนเ้าเล่ห์คนนี้ไปเสียสนิท
ดวงตาเปล่งประกายราวกับหยดน้ำหรี่เล็กลงหลินเมิ้งหยาหันไปมองทางดอกไม้ด้านนอกราวกับว่าเมื่อคืนสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงจะพัดผ่านมาทำให้ดอกเบญจมาศเริ่มเบ่งบานแล้ว
“ผิดปกติเช่นไร?พวกเ้ามิได้เอ่ยว่าเขาปิดปากเงียบตลอดเวลาและเอ่ยเพียง้าอยากพบข้ากระนั้นหรือ?”
ชิงหูเป็ผู้กระทำความผิดองครักษ์ในจวนต้องอดทนจับตาดูเขาวันละสิบสองชั่วยาม
ทว่าเ้าเด็กนั่นกลับดื้อรั้นเกินคน แม้จะถูกทรมานร่างกายแต่เขากลับไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ ออกมา
พี่สะใภ้สามเองก็ไม่ยอมลงไปหาเขาที่คุกใต้ดินดังนั้นแม้เวลาจะล่วงเลยไปถึงหนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังไร้ซึ่งความคืบหน้าใดๆ
“ถูกต้อง ทว่าเมื่อหลายวันก่อนเขามักจะเป็ลมอยู่เป็พักๆแม้ว่าหมอหลวงจะมาตรวจแต่ก็ไม่พบความผิดปกติอันใดเกรงว่าหากเป็เช่นนี้ต่อไปเขาคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
ั์ตาของหลินเมิ้งหยาเผยให้เห็นความเข้าใจอะไรบางอย่างเมื่อลองคำนวณเวลาดูก็นับว่าใกล้แล้ว
“เ้าสั่งให้คนไปเก็บดอกเบญจมาศร้อยลี้ที่เพิ่งเบ่งบานมาและลงไปที่คุกใต้ดินกับข้าเถิด”
นางลุกขึ้นพาสาวใช้ทั้งสามจากไป ทิ้งหลงชิงหานที่ยังคงมึนงงจ้องมองแผ่นหลังของหลินเมิ้งหยาที่กำลังจากไป
เขาไม่เข้าใจเล็กน้อยเหตุใดพี่สะใภ้สามที่จะไปสร้างความทุกข์ทรมานให้ผู้อื่นจะต้องนำดอกไม้ไปด้วย?
ณ คุกใต้ดิน
ยังคงอับชื้นและมืดสนิท อีกทั้งยังมีกลิ่นคาวเืและเหม็นเน่าคละคลุ้ง
นานมากแล้วที่มิได้มาที่นี่พริบตาเดียวก็มีนักโทษเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
หลินเมิ้งหยาไม่มีอะไรมาก นางมีรูปแบบในการจัดการของตนเอง หลงเทียนอวี้เองก็มีวิธีการของเขาพวกเขาจะไม่เข้ามายุ่มย่ามในวิธีการของอีกฝ่ายต่างฝ่ายต่างทำตามแบบแผนของตนเองเป็การดีที่สุด
ชุดสีแดงทับทิมเปล่งประกายเมื่ออยู่ในคุกแห่งนี้
ลูกน้องที่ผลัดเวรเข้าๆ ออกๆ ล้วนจดจำใบหน้างดงามมีเสน่ห์ตรงหน้าได้แล้วอีกทั้งยังจำกิตติศัพท์ของพระชายาอวี้ที่แสนโเี้ได้อีกด้วย
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนสงสัยใคร่รู้
ทว่าหญิงสาวที่แม้จะอยู่ในคุกอันแสนมืดมิดแต่สีหน้ากลับยังไม่เปลี่ยนไปเกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ผู้หญิงคนนี้กล้าหาญเหลือเกิน!
ชิงหูถูกจับขังเดี่ยว
หลินเมิ้งหยาสั่งให้คนเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปในคุกพร้อมกับกล่องดอกเบญจมาศเพียงคนเดียว
ในมุมหนึ่งภายในห้องของคุกใต้ดิน ร่างกายของชิงหูผอมบางเืที่เคยเป็สีแดงสดกลับกลายเป็สีดำคล้ำ เขาขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งร่างกายสงบนิ่งประหนึ่งคนตาย
“ลุกขึ้น ไม่ต้องแสร้งตายหรอก ลมหายใจของเ้ายังคงสมดุลดีแม้จะต้องสูดเข้าไปนานหน่อยก็ตาม หากเข้ายังแสร้งตายแล้วละก็ข้าจะปล่อยให้เ้าตายไปจริงๆ”
น้ำเสียงหวานใสดังก้องกังวาน
ชิงหูที่อยู่ในมุมแห่งนั้นค่อยๆ ขยับตัว
เขาเงยใบหน้าซูบตอบขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูหญิงสาวหน้าตาสวยงามตรงหน้าริมฝีปากสีขาวซีดฝืนหยักยิ้มออกมา
“เ้า...เข้าใจเหยียดีเหลือเกิน แม้แต่ความสงสารสักนิดก็ไม่มียัยผีบ้า!”
น้ำเสียงยังคงเหมือนเดิม ทว่าเสียงของเขากลับแหบแห้งจนนางรู้สึกผิดปกติใบหน้าหล่อเหลารูปไข่ดูอำมหิตขึ้นมาก
แม้แต่ดวงตาเ้าเล่ห์ประหนึ่งจิ้งจอกที่คิดจะแก้แค้นนางของเขายังมืดมนลง
“เ้าบ้าไปแล้วหรือ? ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรืออย่างไร? ข้าเคยบอกเ้าแล้วอย่างไรเล่าว่าให้เลิกใช้ยานั่นเสียมิเช่นนั้นเ้าจะต้องตาย!”
ทว่าชิงหูกลับพิงกำแพงแล้วยิ้มเล็กน้อย
ดวงตาไร้จิติญญา ราวกับว่าเขาได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้วร่างกายอ่อนแอ แม้แต่จะพูดยังต้องออกแรงส่งเสียง
“เ้าไม่เข้าใจโลกใบนี้หรอก หากข้าสูญเสียความสามารถไปเพียงพริบตาเดียวข้าก็จะถูกเสือจับกินแล้ว เ้าเด็กน้อย เ้ารู้หรือไม่? ตลอดหลายปีที่ผ่านมา่เวลาเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขคือการได้อยู่ในตำหนักของเ้าได้นั่งดื่มชาของเ้าและกินขนมของเ้า”
น้ำเสียงเจือไว้ซึ่งความโดดเดี่ยวที่หลินเมิ้งหยาไม่เข้าใจ
หากจะให้พูดแล้วละก็ นางกับชิงหูต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
แม้สุดท้ายชิงหูจะถูกจับอยู่ในกำมือของนาง
แต่ถึงกระนั้นชิงหูคนนี้ไม่เคยทำร้ายนางมาก่อนเลย
ดังนั้นนางจะมอบโอกาสให้ชิงหูอีกครั้ง
“ของชิ้นนี้ชื่อว่าหลงมั่ว ภายนอกเป็เพียงดอกเบญจมาศร้อยลี้ธรรมดาแต่เมื่อบานแล้วจะเป็ยาพิษที่หายากที่สุดในโลก”
หลินเมิ้งหยาวางหลงมั่วที่ถืออยู่ในมือลงตรงหน้าชิงหู
นี่คือยาที่ถูกพบโดยบังเอิญโดยเ้าของร้านว่าเหย้าเก๋อ
หลงมั่วมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับดอกเบญจมาศสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือเส้นสีแดงหนึ่งเส้นที่พาดบนกลีบดอก
ของสิ่งนี้ประหลาดนัก แม้จะเป็สีเหลืองนวลทว่ามันกลับเป็หนึ่งในยาพิษที่อันตรายที่สุด
ทว่าใบของมันกลับเป็ยารักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างล้นเหลือ
ดังนั้นมันจึงเหมาะกับร่างกายในตอนนี้ของชิงหูที่สุด
“นี่มัน...ยาพิษหรือ?”
ดวงตาของชิงหูกลอกกลิ้งลงมองดอกไม้สีเหลืองนวลบนพื้น
“หลงมั่ว เมื่อถึงเวลาเติบโตเต็มที่ต้นหญ้าจะไม่มีทางขึ้นอยู่ใกล้ๆ ภายในระยะห่างสิบลี้และใน่เวลานั้นจะไม่มียาตัวใดเข้ามาควบคุมมันได้”
“หากกินมัน?เหยียจะเป็เช่นไร?”
ทั้งที่เพิ่งพูดไปเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นแต่ชิงหูกลับหลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
หลินเมิ้งหยาหลุบตาต่ำพลางเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“มันสามารถทำลายยาพิษในร่างกายของเ้าที่ได้รับก่อนหน้าได้ทั้งหมดเพียงแค่...ยาชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพเพียงสามปีเท่านั้นสามปีให้หลังดวงจิตของเ้าจะดับสูญ ไร้ซึ่งทางรักษา”
ราวกับว่าชิงหูได้เห็นเทพธิดาแห่งความตายภายในคุกใต้ดินแห่งนี้ชิงหูมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างยากลำบาก
เหตุใดทางเลือกที่นางมอบให้จึงมีเพียงความตายกันนะ?
ราวกับว่าหลังจากที่ได้พบกับนางแล้วหายนะพลันมาถึงตัวเขาทันทีอย่างไรอย่างนั้น
“เ้ากำลังจะบอกว่าข้าจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามที่ข้า้าในระยะเวลาสามปีโดยไม่มีใครเข้ามาควบคุมข้าได้อีกต่อไปอย่างนั้นหรือ?”
หลินเมิ้งหยาลังเลเล็กน้อย แล้วพยักหน้าลง
ถูกควบคุมตลอดชีวิตกับการมีชีวิตอิสระเพียงสามปีตัวเลือกนี้ไม่มีใครอาจบอกได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า
“เฮ้อ เ้านี่หนา เป็ตัวซวยของเหยียจริงๆ ไม่สิเป็ดวงดาวผู้ช่วยชีวิตต่างหาก แม้จะได้ใช้ชีวิตอิสระเพียงแค่สามปี ไม่สิแม้จะแค่สามวันก็นับว่าคุ้มค่า”
ชิงหูถอนหายใจเบาๆ ถูกใส่กุญแจมือเอาไว้แต่ถึงกระนั้นเขากลับไปลังเลเลยที่จะหยิบดอกเบญจมาศขึ้นมา
ใส่มันเข้าไปในปาก ออกแรงเคี้ยวแล้วกลืนลงไป
“ดอกไม้ดอกนี้ภายนอกสวยงาม เหตุใดจึงรสชาติขมขื่นถึงขนาดนี้?”
หลินเมิ้งหยายืนเงียบเฉียบอยู่อีกฝั่งสายตาจ้องมองชิงหูที่กำลังกลืนดอกไม้ดอกนั้นลงกระเพาะไป
แม้ของชิ้นนี้จะเป็ยาถอนพิษ แต่ถึงกระนั้นกลับมีประสิทธิภาพรุนแรงดูเหมือนกำลังกายของชิงหูจะฟื้นตัวกลับมาแล้ว
“เอ๋? เ้าเด็กน้อยเหตุใดร่างกายของข้าจึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลยเล่า?”
ทั้งที่เตรียมรับความทรมานเอาไว้แล้ว แต่หลังจากรออยู่สักพักชิงหูเพิ่งพบว่าร่างกายของตนเองเพียงแต่อบอุ่นขึ้นเท่านั้นและไม่มีปฏิกิริยาอื่นใด
หลินเมิ้งหยาอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เขาก่อนจะยัดกลีบดอกไม้ที่เหลือใส่เข้าไปในปากของเขา
“เ้าคิดว่ามันเป็ยาวิเศษหรืออย่างไร?คิดหรือว่าจะต้องทรมานเพื่อแลกมันมา?”