เรือนที่หว่านฉืออยู่ชื่อเรือนทิงหลาน ห่างไกลจากเรือนของหรงซิวกับอวิ๋นอี้มาก เกือบจะอยู่มุมตรงข้ามกันของจวนเลยทีเดียว
หลังจากหรงซิวจากไป เขามิได้ไปหาอวิ๋นอี้ แต่เข้าไปในห้องหนังสือ
ระหว่างทางพ่อบ้านบอกเขาว่า กุญแจมรกตในห้องลับนั้นหายไปแล้ว สถานการณ์ร้ายแรง ทำให้เขาตื่นตระหนกเล็กน้อย
กุญแจดอกนั้นจะหายไปมิได้เด็ดขาด มันมีดอกเดียวในโลก หากหายไปเขาก็จะสูญเสียสิ่งที่ทุ่มเททำงานมาอย่างหนัก
ไม่เพียงแต่ความร่ำรวยของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ของเขา เหล่าทหารและอื่นๆ อีก
หรงซิวลงกลอนประตูห้องหนังสือ เข้าไปในห้องลับอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่โต๊ะแล้วเทกระบอกพู่กันลง พู่กันหกลงบนโต๊ะ ก็ไม่เห็นมีกุญแจ
หลังจากรู้ว่าของหายไปแล้วจริงๆ เขากลับสงบนิ่งแทน
ในห้องลับนี้ มีคนไม่เกินสามคนที่จะได้รู้
เขา พ่อบ้าน ยาชิง
ยาชิงโตมากับเขา พ่อบ้านก็เป็คนที่ดูแลชีวิตประจำวันของเขามาั้แ่ในคราที่ท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่
หรงซิวไม่สงสัยพวกเขา นอกจากนี้แล้ว จะมีผู้ใดรู้อีกนะ?
เขาจับคางครุ่นคิด ผิวหน้าราวกับน้ำ สว่างไสวและริบหรี่ในเงาสลัว
ทันใดนั้น ใบหน้าที่งดงามก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
ไม่นานมานี้เขาพาอวิ๋นอี้มาซ่อนข้างใน ดูเหมือนว่าหลังจากวันนั้น เขาก็มัวยุ่งอยู่กับงานอภิเษก มิได้เข้ามาในห้องลับอีกเลย และยิ่งมิได้สนใจว่าของได้หายไปหรือไม่
หากไม่ใช่ว่าพ่อบ้านพูดถึงมัน เกรงว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ กว่าเขาจะรู้ว่ากุญแจมรกตนั้นได้หายไป
บางทีอาจจะเป็อวิ๋นอี้ที่เอาไปก็เป็ได้?
หากนางหยิบไปโดยมิได้ตั้งใจ เหตุใดนางจึงไม่บอก หากนางตั้งใจเอาไป เช่นนั้นนางจะรู้หรือไม่ว่ากุญแจดอกนั้นมีความหมายสำหรับเขา?
หรงซิวมีความคิดมากมาย เขาไม่อยากจะไปคาดเดาไร้สาระ แต่กุญแจหายไปนั้นคือเื่จริง
ที่นางเอากุญแจไป ้าจะทำกระไรกันแน่?
เขาหงุดหงิดใจ ทั้งปนไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
กว่าทั้งสองจะเข้ากันไปดีเช่นนี้ กว่าที่เขาจะเชื่อว่าอวิ๋นเส่าต้าวกับการตายของท่านพ่อไม่เกี่ยวข้องกัน แต่การกระทำของนาง ทำให้เขาต้องรู้สึกสงสัยอีกครา
ความไม่เชื่อใจระหว่างสามีภรรยา หากโปรยเมล็ดลงดินแล้ว มันก็จะหยั่งรากลึก ลงไปที่ส่วนที่อ่อนแอที่สุด ดูเหมือนจะสงบ แต่ก็ดูเหมือนงูพิษ มันจะลอบกัดใส่เขาในตอนที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว
เขาควรเผชิญหน้ากับนางอย่างไร ควรจะถามไปตามตรง หรือควรจะอ้อมตี ลองเชิงดูก่อน
หรงซิวเบื่อการแสดงละครเช่นนี้ การเล่นเกมทดสอบกันและกัน!
“ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ?” พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ไม่พูดกระไรเลยในตอนแรก เพียงแค่มองดูสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของเ้านายตนเอง ยิ่งดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆ จนบรรยากาศรอบๆ เงียบสงัดลงหมด เขาถึงได้ถามอย่างคาดเดา “หรือฝ่าาจะรู้ว่าผู้ใดเป็ผู้ขโมยกุญแจไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เป็ไปได้อย่างมาก
หรงซิวไม่พูดกระไร เพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านตรวจสอบห้องลับ ว่าที่อื่นจะมีร่องรอยกระไรไหม?
“ด้านล่างของชั้นหนังสือมีคนเคยลื้อดูพ่ะย่ะค่ะ แต่้ามิมีกระไร” พ่อบ้านรายงานตามจริง แล้วให้เหตุผลประกอบ “หรือว่าคนที่เอากุญแจไปจะเป็คนตัวเตี้ยพ่ะย่ะค่ะ? แต่ว่า ไม่น่าจะใช่นะพ่ะย่ะค่ะ! อีกฝ่ายมีเป้าหมายในการเอากุญแจไป ทั้งยังรื้อชั้นหนังสืออีกด้วย มิมีเหตุผลที่เขาจะละเว้นส่วนบนไปนี่พ่ะย่ะค่ะ!”
ผลการตรวจสอบ เน้นย้ำการคาดเดาของหรงซิว ต้องเป็อวิ๋นอี้แน่นอนวันที่หยิบกุญแจไป เป็วันนั้นด้วยแน่
เขาเม้มปาก ยืนขึ้นแล้วพูด “เื่กุญแจที่หายไป ข้าคิดออกแล้ว เ้ามิต้องทำกระไรแล้วล่ะ ไปทำงานเถิด!”
พ่อบ้านมีความสงสัยมากมายในใจ แต่การเป็คนรับใช้มาหลายปีทำให้รู้ว่าเื่ที่ไม่ควรถาม ควรจะหุบปากไว้ เขาทำความเคารพ แล้วเดินออกไป ทำให้ในห้องลับเหลือเพียงคนเดียว
หรงซิวอยู่ในห้องลับ กว่าอีกครึ่งชั่วยาม ถึงจะตัดสินใจได้
เื่การหายไปของกุญแจมั่นใจขึ้นแล้ว ความกังวลในใจก็ลดลงครึ่งหนึ่ง อวิ๋นอี้อยู่ข้างกายเขา เป็คนหลับนอนร่วมหมอนกับเขา ทุกการเคลื่อนไหวของนางไม่อาจจะละสายตาของเขาไปได้
สิ่งที่้าจะรู้ให้แน่ชัดก็คือ อวิ๋นอี้รู้เื่เกี่ยวกับกุญแจมากน้อยเท่าใดกันนะ
ในขณะเดียวกัน เื่นี้ก็ย้ำเตือนเขา สาเหตุการเสียชีวิตของท่านพ่อเมื่อหลายปีก่อน เขาจำเป็ต้องตรวจสอบให้เข้มขึ้น เขาต้องรู้ความจริงโดยเร็วที่สุด ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี
หรงซิวครุ่นคิดตลอด่บ่าย คิดจนปวดหัวไปหมด ก็ไม่เจอความเกี่ยวข้องใดๆ ที่จะนำอดีตไปสู่ความเป็จริงในตอนนี้ได้เลย
หากไม่ใช่เพราะพ่อบ้านมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น เขาก็คงจะวุ่นวายอยู่ในความคิดของตนเอง
ตามประเพณีแล้ว การทานอาหารเย็นควรจะทานด้วยกันพร้อมหน้าสามคน เพื่อเป็การกระชับความสัมพันธ์ของพระชายาและนางสนม แต่อวิ๋นอี้คิดว่า สามารถละเว้นการแสดงที่เสแสร้งนี้ไปได้
นางกับหว่านฉือ จะแสดงความสงบสุขต่อหน้าผู้คนก็ไม่นับว่าง่าย หากจะให้แสดงไปถึงชีวิตประจำวันด้วยแล้วคงจะต้องตายแน่
อีกอย่างก็คือหากนางมิได้เห็นท่าทีเสแสร้งของนาง หว่านฉือก็อาจจะลดอคติที่มีต่อนางบ้าง
ในโถงที่มีอาหารรสเลิศมากมาย จัดวางอยู่บนโต๊ะ แต่มิมีผู้ใดเลยที่จะอยากอาหาร
อวิ๋นอี้รำคาญหว่านฉือ หว่านฉือริษยาอวิ๋นอี้ หรงซิวก็ครุ่นคิดเื่ในใจ อาหารมื้อนี้มิมีผู้ใดหน้าตาเบิกบานสักคน
ยังไม่จบเวลาอาหาร ไทเฮาก็ส่งแม่นมมา โดยบอกนัยๆ ว่าดึกมากแล้ว ฝ่าาและพระชายาเหนื่อยมาทั้งวัน ควรจะเข้าห้องไปพักผ่อนได้แล้ว
อีกความหมายก็คือ ควรจะร่วมหอได้แล้ว
หรงซิวยืนขึ้นเดินไปทางเรือนทิงหลาน หว่านฉือก็ลุกขึ้นตาม ก่อนที่จะจากไปนางยังคงเก็บความรู้สึกไม่อยู่ ยิ้มด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายส่งให้อวิ๋นอี้ ราวกับกำลังประกาศอำนาจ
น่าเบื่อ ปัญญาอ่อนมาก
อวิ๋นอี้เย้ยหยันอย่างไม่ใส่ใจ นางยืนขึ้นช้าๆ ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของนางก็ทำหน้าผี ทำเอาหว่านฉือที่กำลังอวดดีอยู่นั้นใจนชะงักอยู่กับที่
นางที่ได้รับชัยชนะ ก็ชูสองนิ้ว “เย่” ใส่หว่านฉือ
หว่านฉือดูความหมายของการชูมือไม่ออกหรอก แต่เห็นท่าทีร่าเริงของอวิ๋นอี้เช่นนี้ นางก็รู้ถึงความอวดดีของอีกฝ่าย
ไม่สิ อาจจะเป็เพียงการตบตา นางคิดว่าคืนนี้หรงซิวไปนอนกับนาง อวิ๋นอี้คงแกล้งทำเป็ไม่ใส่ใจ เพื่อที่จะรักษาภาพพจน์
ใช่ ต้องเป็เช่นนั้นแหละ หว่านฉือคิดวุ่นวายไป รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
แต่อย่างไร อารมณ์ดีของนางก็อยู่ได้ไม่นาน
นางกลับขึ้นไปบนห้อง ล้างตัวอย่างจริงจัง จากนั้นก็ตั้งใจใส่กระโปรงบางเป็พิเศษ เมื่อสวมใส่บนตัว ก็เชยชมตนเองในกระจก ยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองงามเลิศ ตอนที่กำลังปรับอารมณ์ กำลังจะเดินออกไปนั้น ก็ได้ยินเสียงของหรงซิว เข้ามาข้างหู เขาพูดอย่างอ่อนโยน ไม่ลืมที่จะมีมารยาทกับนาง “พระชายา ข้าขอโทษด้วย ข้ามีธุระกะทันหัน อยู่กับเ้ามิได้ หากเ้าเหนื่อยก็นอนก่อนเถิด”
ว่าอย่างไรนะ?
ภาพที่หว่านฉือจินตนาการไว้มากมายเกี่ยวกับการร่วมหอในคืนส่งตัว มิมีทางที่จะน่าอับอายเช่นนี้แน่
นางทั้งรีบร้อนและกลัว เสียงของนางสั่น มิได้ห่วงภาพพจน์ความเป็สตรี หยิบบุรุษกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกมา ดึงชายเสื้อหรงซิวไว้ “ฝ่าาเพคะ วันนี้เป็คืนส่งตัวของเรา มีเื่กระไร ฝ่าาค่อยจัดการวันพรุ่งมิได้หรือเพคะ?”
หรงซิวหยุดฝีเท้า ก้มหน้าลงขมวดคิ้ว ก็เห็นมือของนาง
ข้อนิ้วและเส้นเืชัดเจน
นางพยายามที่จะรั้งเขาไว้
เขาหันกลับมาช้าๆ เอามือของนางออก หว่านฉือก็มองมา จ้องมือของเขา แล้วมองหน้าเขา น้ำเสียงเหมือนอยากจะร้องไห้ “ฝ่าา หมายความว่าอย่างไรเพคะ?”
“หว่านฉือ เ้าไม่ควรจะแต่งเข้ามาเลย” หรงซิวถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ไม่ควรจะใช้วิธีการนี้ แต่งเข้ามา เราจบกันตั้งนานแล้ว เ้าสิ่งเหล่านี้ไปเพื่อกระไร!”
“ข้า...”
“หากความปรารถนาของเ้าคือการอภิเษกเข้ามา เช่นนั้นข้าก็ช่วยให้เ้าทำสำเร็จแล้ว ต่อไปนี้เ้ามิควรจะร้องขอความรักใดๆ จากข้าอีก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้