“แน่นอนว่ามี”
นางหลิวเปลี่ยนจากอาการกังวลเป็ยินดี กล่าวอย่างซาบซึ้งสุดเปรียบว่า “ขอบคุณหมอเทวดาน้อย ข้าจะโขกหัวให้ท่าน”
“ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ ให้ข้ารักษาอาการของผู้ป่วยให้หายดีก่อนเถิด” หลี่หรูอี้ใช้มือทั้งสองประคองนางหลิวขึ้นมา
ลุงโจวก็รู้สึกยินดีในใจ เขามองไปทางเจียงชิงอวิ๋นแล้วกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่า “นายท่าน หมอเทวดาน้อยบอกว่า อาการป่วยของบ่าวมีทางช่วยขอรับ”
ในใจของเจียงชิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า “เ้าจะใช้วิธีการอันใดนำก้อนหินในถุงน้ำดีของลุงโจวออกมา”
หลี่หรูอี้สังเกตเห็นถึงความไม่เชื่อถือที่ปรากฏอยู่ในแววตาของเจียงชิงอวิ๋น ตลอดจนสายตาดูถูกของเขานางก็เห็นทั้งหมด แต่ในเมื่อนางตัดสินใจว่า จะรักษาให้ลุงโจวแล้ว ก็จะปฏิบัติกับลุงโจวเหมือนเป็ผู้ป่วยอย่างจริงจัง จะไม่ยอมทอดทิ้งลุงโจวเพียงเพราะท่าทีของเจียงชิงอวิ๋นแน่นอน
คิดได้ดังนั้นนางก็กล่าวไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “นิ่วในถุงน้ำดีที่ผู้ป่วยเป็คืออาการนิ่วในถุงน้ำดีเฉียบพลัน ทุกครั้งที่อาการกำเริบจะปวดจนทนไม่ไหว ตอนนี้อาการกำลังกำเริบอยู่ แต่การดื่มน้ำจำนวนมากหรือเคลื่อนไหวร่างกายหนักๆ จะทำให้นิ่วในถุงน้ำดีย้ายตำแหน่งและเ็ปน้อยลง”
นางหลิวมิอาจทนเห็นสามีของตนได้รับความเ็ปทรมานอีก นางไม่คิดให้ละเอียดก็จะให้สามีของตนทำตามวิธีรักษาของหลี่หรูอี้ด้วยการดื่มน้ำมากๆ และเคลื่อนไหวร่างกายหนักๆ แล้ว
ััที่หกของลุงโจวทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวหลี่หรูอี้อย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน เขาจะทำตามที่นางบอกทั้งหมด
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่กำลังจับจ้อง ลุงโจวดื่มน้ำไปสามถ้วยใหญ่ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม ปัสสาวะออกไปหลายครั้ง ขณะที่เขากำลังจะออกวิ่งก็รู้สึกว่าไม่ปวดท้องแล้ว พริบตาเดียวก็ฟื้นฟูเป็ปกติราวกับคนไม่เคยเป็อะไรมาก่อน
นางหลิวดีใจจนน้ำตาไหล “ตาแก่ เ้าไม่ปวดแล้วจริงหรือ”
“ไม่ปวดแล้ว ไม่ปวดแล้วจริงๆ” ลุงโจวอยากจะเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะดังๆ ยิ่งนัก หากรู้ว่าการดื่มน้ำมากจะช่วยลดทอนความเ็ปของโรคประหลาด ยามอาการกำเริบเพียงเขากรอกน้ำเข้าท้องไปก็พอแล้ว หากรู้จักหมอเทวดาน้อยให้เร็วกว่านี้ก็คงดี เขาคงไม่ต้องทนรับความเ็ปทรมานมากเพียงนั้น
ตอนนี้เจียงชิงอวิ๋นตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว โรคประหลาดที่หมอหลวงและหมอเลื่องชื่อหลายสิบคนมิอาจรักษา กลับถูกหมอเทวดาน้อยใช้วิธีดื่มน้ำมากๆ รักษาได้
หลี่ฝูคังกล่าวกับลุงฝูด้วยสีหน้าภูมิใจ “วิชาแพทย์ของน้องสาวข้าสูงส่งยิ่งนัก ผู้ป่วยที่มาให้นางรักษามาด้วยสีหน้าทุกข์ตรม ล้วนแต่กลับไปด้วยหน้าตาเบิกบาน”
“สมชื่อหมอเทวดาน้อยแล้วจริงๆ” สายตาที่ลุงฝูมองหลี่หรูอี้ปรากฏความเลื่อมใสมากขึ้น
ฐานะของหมอชาวบ้านในแคว้นต้าโจวค่อนข้างต่ำต้อย แต่นั่นเป็หมอชาวบ้านธรรมดา มิได้หมายถึงหมอเลื่องชื่อและมิได้หมายถึงหมอเทวดา หากเป็หมอเทวดาคนหนึ่งที่มีวิชาแพทย์ถึงขั้นปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็อำนาจ อิทธิพล หรือความนับถือเลื่อมใสใดๆ ล้วนมีทั้งสิ้น
เจียงชิงอวิ๋นเดินมาข้างหน้าสองก้าวแล้วถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดการดื่มน้ำมากๆ จึงช่วยหยุดอาการปวดของลุงโจวได้”
ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ปรากฏเบื้องหน้าหลี่หรูอี้ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เมื่อได้เห็นชายหนุ่มรูปงามในระยะใกล้เช่นนี้ทำให้นางรู้สึกสบายตายิ่งนัก ในแววตาของชายหนุ่มรูปงามไม่เหลือความไม่พอใจอยู่เลย กลับแทนที่ด้วยความสงสัยเสียมากกว่า นางเดินอยู่บนเส้นทางการแพทย์มาหลายปี ใช้วิชาแพทย์อันสูงส่งทำให้คนที่เคยสงสัยนางเปลี่ยนท่าทีมามากมาย คราวนี้ย่อมไม่แตกต่างเช่นกัน
“เมื่อครู่ข้าบอกไปแล้ว การดื่มน้ำจำนวนมากหรือการเคลื่อนไหวอย่างแรงจะทำให้ตำแหน่งของนิ่วในถุงน้ำดีเคลื่อนย้ายและทำให้ไม่ปวดอีก”
“แต่ก้อนหินก็ยังคงอยู่ในถุงน้ำดีใช่หรือไม่”
“ใช่”
“เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ปวดเล่า”
หลี่หรูอี้ชูกำปั้นเล็กๆ ขึ้น แกว่งไปมาเบื้องหน้าเจียงชิงอวิ๋น “ถุงน้ำดีของคนเราใหญ่เท่านี้ ก้อนหินต้องอยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของถุงน้ำดีจึงจะทำให้ปวด หากไม่อยู่ในตำแหน่งนั้นก็จะไม่ปวด”
“เป็เช่นนี้นี่เอง” ตอนนี้เจียงชิงอวิ๋นเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันจะบังเอิญเกินไปหรือไม่
หลี่หรูอี้สังเกตดูแล้วพบว่า ในสายตาของเจียงชิงอวิ๋นยังคงมีความสงสัยปรากฏอยู่ จึงอธิบายอย่างอดทนว่า “ก่อนหน้านี้ลุงโจวอาการกำเริบหลายครั้งแล้วจู่ๆ ก็ดีขึ้น นั่นเป็เพราะเขาดื่มยาน้ำลงไปมากมาย สำหรับเขาแล้วประโยชน์ของยาน้ำไม่ใช่ที่ตัวยา แต่เป็ที่น้ำต่างหาก น้ำจำนวนมากทำให้ก้อนหินที่อยู่ในถุงน้ำดีของเขาเคลื่อนตำแหน่งไป ทำให้เขาไม่ปวดอีก”
นางหลิวกล่าวเสียงดัง “หมอเทวดาน้อยกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
ลุงโจวกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ทุกครั้งที่ข้าดื่มยาน้ำไปจำนวนมากจากนั้นก็ไม่ปวดอีก ข้าคิดว่าเป็เพราะยาทำให้อาการของข้าดีขึ้น วันนี้เมื่อได้ฟังคำพูดของหมอเทวดาน้อยแล้วจึงค่อยรู้ว่าเป็ที่น้ำไม่ใช่ที่ตัวยา”
เมื่อได้ยินดังนั้นเจียงชิงอวิ๋นก็คิดในใจว่า หลี่หรูอี้นับเป็หมอเลื่องชื่อได้เลย แต่ยังไม่ถึงขั้นหมอเทวดา
แต่หมอเลื่องชื่ออายุเก้าขวบคนหนึ่ง ต่อให้มาจากครอบครัวธรรมดาที่อยู่ในหมู่บ้านชนบท ก็ทำให้เจียงชิงอวิ๋นรู้สึกดีและนับถือได้แล้ว
เื่นี้โค่นล้มความรู้ความเข้าใจของเจียงชิงอวิ๋นจนสิ้น ที่แท้บนโลกใบนี้ก็ยังมีเื่มหัศจรรย์ที่ไม่อาจเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอยู่จริงๆ
สองสามีภรรยาลุงโจวคุกเข่าขอบคุณหลี่หรูอี้ หลี่หรูอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ข้ายังไม่ได้นำก้อนหินในถุงน้ำดีของท่านออกมา อาการป่วยของท่านยังไม่หาย ขอบคุณข้าตอนนี้ยังนับว่าเร็วเกินไป”
เจียงชิงอวิ๋นกล่าวเสียงแ่ “เ้าจะเอาก้อนหินในถุงน้ำดีของลุงโจวออกมาได้จริงๆ หรือ” หากเป็เช่นนั้นจริงๆ หลี่หรูอี้ก็สมควรได้รับชื่อหมอเทวดาน้อยแล้ว
“ไม่ใช่เอาออกมา แต่เป็ระบายออกมาเ้าค่ะ” น้ำเสียงของหลี่หรูอี้เต็มไปด้วยความสงบนิ่ง “ข้าจะต้มยาให้ลุงโจวดื่ม หลังจากดื่มติดต่อกันหลายวัน ลุงโจวก็จะระบายก้อนหินในถุงน้ำดีออกมาได้”
วิธีที่นางใช้เป็ตำรับลับ โดยใช้น้ำแอปเปิลและน้ำมันมะกอกมาผสมเป็น้ำสมุนไพรให้ผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีดื่ม หลังจากนั้นหลายวันนิ่วในถุงน้ำดีของผู้ป่วยจะถูกระบายออกมาพร้อมกับของเสีย
น้ำแอปเปิลและน้ำมันมะกอกช่วยให้นิ่วในถุงน้ำดีอ่อนตัวลงได้ เมื่อก้อนนิ่วอ่อนตัวลงก็สามารถระบายออกมาได้สะดวกขึ้น
ตำรับลับนี้มีเงื่อนไขก็คือ ก้อนนิ่วที่สะสมอยู่ในถุงน้ำดีของผู้ป่วยต้องมีไม่มาก
เมื่อครู่นางใช้วิธีการจับชีพจรและสอบถามผู้ป่วยมาวินิจฉัยแล้วว่าก้อนนิ่วในถุงน้ำดีของลุงโจวยังมีไม่มาก จึงตัดสินใจใช้วิธีลับนี้
แคว้นต้าโจวไม่มีน้ำมันมะกอกจึงใช้น้ำมันงาแทน
ที่ห้องใต้ดินของบ้านหลี่มีแอปเปิลอยู่สองตะกร้า หนักประมาณร้อยกว่าชั่ง จะต้องใช้ยี่สิบชั่งมาทำน้ำแอปเปิล
เจียงชิงอวิ๋นคิดในใจว่า หลายวันเป็เวลาไม่นาน เขาจะรอดูเสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้นก็จะรู้ว่าคำพูดของนางจริงหรือเท็จ คิดได้ดังนั้นจึงพยักหน้าช้าๆ “ลำบากเ้าต้มน้ำสมุนไพรแล้ว”
หลี่หรูอี้กล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้อาการของผู้ป่วยอยู่ในภาวะเสถียรชั่วคราว จะต้องกินอาหารและพักผ่อนให้ดี บ้านข้าทำโจ๊กข้าวโพดและซาลาเปาไส้ผัก ให้ผู้ป่วยกินก่อนเถิด”
เจียงชิงอวิ๋นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้องกลับร้องขึ้นมาเสียก่อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่หรูอี้ที่อายุไม่ถึงสิบขวบในสภาพเช่นนี้จึงไม่ทราบว่าจะทำเช่นไร เขาเขินอายจนแก้มแดงไปหมดแล้ว
ส่วนหลี่หรูอี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มรูปงามผู้อ่อนแอ ในใจก็เกิดความสงสาร จึงกล่าวไปว่า “ท่านร่างกายอ่อนแอ ทนหิวไม่ไหว กินข้าวที่บ้านข้าก่อนเป็อย่างไร”
ลุงฝูเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วกล่าวเสียงเบา “หมอเทวดาน้อย นายท่านของบ้านข้าอยู่ใน่ไว้ทุกข์ ไม่กินอาหารจานเนื้อ”
เมื่อได้ยินดังนั้นคนบ้านหลี่ก็รู้สึกเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว มิน่าเล่าเจียงชิงอวิ๋นจึงสวมใส่อาภรณ์สีดำทั้งร่าง ที่แท้ก็กำลังไว้ทุกข์แสดงความกตัญญูอยู่นี่เอง ในใจพากันคาดเดาไปว่าเจียงชิงอวิ๋นไว้ทุกข์ให้ผู้ใด เป็บิดามารดาหรือปู่ย่ากันแน่?
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด ในบ้านหลี่ก็คิดไม่ถึงว่าเจียงชิงอวิ๋นจะไว้ทุกข์ให้คนทั้งตระกูล ไว้ทุกข์คราวนี้เป็การไว้ทุกข์ที่นานถึงห้าปี
เจียงชิงอวิ๋นมองไปรอบๆ คราวนี้เมื่อนับรวมลุงโจวแล้วพวกเขามาบ้านหลี่ด้วยกันทั้งสิ้นสิบคน ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ของบ้านหลี่หกคน ยังมีอีกสี่คนรออยู่ที่รถม้าด้านนอก นอกจากนี้พวกเขายังต้องรอหลี่หรูอี้ต้มยาอยู่ที่บ้านหลี่อีก อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม คิดได้ดังนี้จึงกล่าวเสียงแ่ “คือ…”
จ้าวซื่อมีความรู้สึกดีต่อเจียงชิงอวิ๋น จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายท่านเจียง ซาลาเปาไส้มังสวิรัติของบ้านเราคือ ไส้ผัก เต้าหู้ และผักดอง ใช้น้ำมันงาทำ ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อเลยแม้แต่น้อย”
ไม่ใช่ว่าเจียงชิงอวิ๋นไม่อยากกินและมิใช่ว่าเขาพิถีพิถันแต่อย่างใด แต่เขากลัวว่าจะเป็การรบกวนบ้านหลี่ต่างหาก ในขณะที่กำลังกังวลอยู่นั้นก็เห็นหลี่หรูอี้ปรายตามองมา ในดวงตาของนางปรากฏความขุ่นเคืองอยู่หลายส่วน
“ท่านยอมทนหิว แต่ไม่ยอมกินข้าวบ้านข้าหรือ?”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้