เฮ่อเหล่าไท่จวินกับฉู่เหลียนออกมาจากปีกข้างตำหนัก ในขณะนั้นมีสาวใช้ผู้หนึ่งแอบเฝ้ามองอยู่ในเงามืด เมื่อเห็นคนทั้งคู่เดินออกจากห้องไป นางก็จากไปอย่างเงียบงัน
ณ โถงกว้างของตำหนัก ทันทีที่ย่าหลานเข้ามาในห้อง ผานฮูหยินก็เหลือบเห็นเฮ่อเหล่าไท่จวินในทันใด นางจึงรีบเดินไปหาพร้อมด้วยลูกสะใภ้ที่เื้ั นางเดินมาข้างกายเฮ่อเหล่าไท่จวินด้วยรอยยิ้มที่เป็มิตร ผงกศีรษะทักทายอย่างนอบน้อม เหล่าไท่จวินเองก็กำลังจะทักทายตอบแต่กลับถูกผานฮูหยินห้ามไว้ก่อน
“เฮ่อเหล่าไท่จวิน ท่านก็อายุมากแล้ว ไม่ต้องมากพิธีกับข้าหรอกเ้าค่ะ วันนี้ข้าไม่เห็นฮูหยินจิ่งอันป๋อมาด้วย สุขภาพของนางเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ? ”
เฮ่อเหล่าไท่จวินตอบด้วยท่าทีที่ใจเย็นราวกับไม่เคยเกิดเื่ขนมตั้นเกาหายมาก่อน “ขอบคุณท่านที่นึกถึงลูกสะใภ้ข้าผานฮูหยิน ยามนี้ร่างกายของนางยังอ่อนแออยู่บ้าง จึงได้แจ้งมายังวังหลวงเมื่อหลายวันก่อนว่าไม่อาจมาร่วมงานเลี้ยงนี้ได้”
สายตาของผานฮูหยินกวาดตามองผ่านสตรีสองนางเื้ัเฮ่อเหล่าไท่จวิน ก่อนจะสังเกตเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของฉู่เหลียน นางฉีกยิ้มกว้างดูอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม “คุณหนูเื้ัท่านคงเป็หลานสะใภ้คนล่าสุดกระมัง? ”
“ใช่ ภรรยาของซานหลาง นางอาจจะยังเด็ก ทว่ารู้ความมากทีเดียว”
เมื่อเฮ่อเหล่าไท่จวินเอ่ยจบ ฉู่เหลียนก็ผงกศีรษะทักทายผานฮูหยิน
รอยยิ้มบนใบหน้าผานฮูหยินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “เฮ่อเหล่าไท่จวิน ท่านช่างโชคดีเหลือเกินที่มีหลานสะใภ้รู้ความ ทั้งยังเป็สตรีจากจวนอิ้ง เช่นนี้อีกไม่นานท่านคงได้เล่นกับเหลนชายแล้ว”
การเปลี่ยนหัวเื่กะทันหันของผานฮูหยินทำให้สีหน้าของสามสตรีจากจวนจิ่งอันเปลี่ยนไป เนื่องจากนางพูดถึงความสามารถของสตรีจวนอิ้งเพื่อกระทบกระเทียบฉู่เหลียน เอ่ยถึงเหลนชายเพื่อยั่วยุโจวซื่อซึ่งไม่อาจคลอดซื่อจื่อน้อยได้สักที ทั้งยังกล่าวว่าอีกไม่นานก็คงได้เล่นกับเหลนชาย นั่นนับเป็การตบหน้าทั้งฉู่เหลียนและเฮ่อเหล่าไท่จวินไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งเมืองหลวงนี้ใครบ้างจะไม่ทราบข่าวคุณชายสาม เฮ่อซานหลางแห่งจวนจิ่งอันละทิ้งภรรยาเข้าร่วมกองทัพหลังแต่งงานได้เพียงสามวัน ยามนี้ไร้สามีอยู่บ้าน หากภรรยาเกิดท้องขึ้นมาจะหมายความว่าอย่างไร?
ผานฮูหยินผู้นี้เบื้องหน้าเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่แท้จริงนางกลับเป็จ้าวแห่งการยั่วยุจริง ๆ
เฮ่อเหล่าไท่จวินมีประสบการณ์มากกว่าใคร ประกายแห่งความฉุนเฉียวทอวาบในแววตา ก่อนจะคืนสู่ความใจเย็นอย่างรวดเร็ว “ผานฮูหยิน ท่านคงเก็บตัวอยู่ในจวนมากเกินไป จึงไม่ทราบว่าหลานชายอกตัญญูของข้าจากไปเข้าร่วมกองทัพชายแดนเหนือนานแล้วกระมัง”
ความตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าผานฮูหยิน นางรีบขอโทษขอโพย “เฮ่อเหล่าไท่จวิน เป็ความผิดข้าที่พลั้งปากไป ท่านคงไม่ถือสาหาความข้ากระมัง ใครจะไปคาดคิดว่าเฮ่อซานหลางจะรีบร้อนจากไปเพียงนั้นเล่า? เว้นเสียแต่ว่า…” สายตานางหันไปจ้องฉู่เหลียน ปล่อยการกล่าวโทษที่ไร้ถ้อยคำแขวนค้างในอากาศ และนำพาเอาความไม่ประทับใจมาสู่สามสตรีเบื้องหน้า
เมื่อพวกนางคุยกันได้สักพัก ฮูหยินบางคนก็เริ่มเห็นการสนทนาเ่าั้ แม้สีหน้าจะไม่แสดงออก แต่หูกลับพยายามจับจดทุกถ้อยคำของเฮ่อเหล่าไท่จวินและผานฮูหยิน ดวงตาเปล่งประกายราวกับนกแร้งคุ้ยเขี่ยค้นหาข่าวซุบซิบ
ผานฮูหยินพยายามจะกล่าวโทษถึงเหตุที่เฮ่อฉางตี้จากไปเป็เพราะภรรยาที่เพิ่งแต่งของเขา แม้นางจะเอ่ยไม่จบประโยค แต่คนที่มีสมองก็เข้าใจได้ว่านางพยายามจะสื่ออะไร ยามนั้นโจวซื่อที่ก้มหน้าอยู่ แม้ผานฮูหยินกำลังพูดจายียวนหาเื่จวนจิ่งอัน แต่นางกลับไม่โกรธแม้แต่น้อย ใจนางตอนนี้อาจเรียกได้ว่ารู้สึกดีมากทีเดียว!
ผานฮูหยินบังเอิญสบตากับฉู่เหลียน ดวงตากลมโตใสสะอาดคู่นั้นมองนางโดยไร้ซึ่งวี่แววแห่งความโกรธ ผานฮูหยินจึงชะงักงันไปและมิได้เอ่ยถ้อยคำใดเพื่อยั่วยุอีกฝ่ายต่อ อีกทั้งแววตานั้นยังทำให้นางรู้สึกราวกับสิ่งที่ทำไปนั้นล้มเหลวไม่เป็ท่า เหมือนกับการสาดน้ำเย็นลงตะกร้าไผ่ น้ำเย็น ๆ นั้นมิได้ทำให้ตะกร้าเสียหายแต่อย่างใด และสามารถไหลผ่านออกไปได้โดยง่าย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผานฮูหยินที่ทำให้ฉู่เหลียนโกรธไม่ได้กลับเป็ฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดเสียเอง นางจ้องฉู่เหลียนขณะเอ่ยต่อ “ยามนี้เฮ่อซานหลางเข้าร่วมกองทัพที่ชายแดนเหนือ หากเขาไม่อาจทำความชอบได้ท่านหญิงคงต้องทำใจอดทนรอถึงห้าปี ช่างน่าเสียดาย่วัยที่ดีที่สุดของท่านหญิงจินอี่จริง ๆ ”
ฉู่เหลียนไม่ได้รู้สึกอะไรในคำพูดพวกนั้นสักนิดและเห็นว่าเื่นี้ออกจะน่าขบขันเสียด้วยซ้ำ เกิดอะไรขึ้นเล่า? ทำไมทุกคนถึงพยายามโจมตีที่นางด้วยเนี่ย? นี่เป็ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสพบกับผานฮูหยินแห่งจวนผานที่มีศักดิ์สูงกว่านางอยู่มากโข ย่อมต้องไม่เคยปะทะกันมาก่อนนางแต่งงานแน่ แล้วเหตุใดผานฮูหยินจึงมาหาเื่นางเสียได้?
หรือจะเป็เพราะฉู่ฉีเจิ้งไปจวนผานกันนะ?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ สีหน้าฉู่เหลียนก็มืดมน นางอาจไม่เคยขอให้บิดามารักก็จริง แต่เขาก็ไม่ควรฉุดนางลงให้ตกต่ำไปด้วยเหมือนกัน!
“ขอบคุณผานฮูหยินสำหรับความห่วงใยนี้นะเ้าคะ สามีข้าเป็คนโชคดียิ่ง ย่อมต้องมีเหตุพลิกผันให้โชคแก่เขาเป็แน่” ฉู่เหลียนตอบกลับแบบกลาง ๆ ขี้คร้านจะเอ่ยอ้อมค้อมกับผานฮูหยิน แต่ก็ไม่อยากนิ่งเฉย ไม่โต้ตอบกลับ ผานฮูหยินนั่นพยายามใช้วาจากลั่นแกล้งนาง แล้วทำไมนางจะต้องยอมทนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเล่า?
ฉู่เหลียนไม่ใช่คนชอบอดกลั้น และนี่ย่อมเป็ความพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว
ผานฮูหยินสำลักกับคำตอบของฉู่เหลียน รอยยิ้มสุดท้ายค่อย ๆ เลือนหายไป ก่อนจะโยนประโยคสุดท้ายให้ฉู่เหลียนด้วยเสียงเรียบเย็น “มิคาดว่าท่านหญิงจินอี่จะใจกว้างยิ่งนัก! ”
ฉู่เหลียนโคลงศีรษะไปข้างหนึ่ง ยิ้มสดใสเจิดจ้าให้ผานฮูหยิน
ผานฮูหยินถูกฉู่เหลียนปั่นหัวจนโมโหกับคำตอบเป็ที่เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ ๆ นางก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เฮ่อเหล่าไท่จวิน ขนมตั้นเกาของท่านอยู่ไหนหรือ? ข้ายังไม่เห็นขนมตั้นเกาจากจวนท่านเลยเ้าค่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือไม่? หรือท่านคิดจะหลอกลวงไทเฮา? ”
เฮ่อเหล่าไท่จวินหันมองฉู่เหลียนที่ถือกล่องงดงามอยู่ ก่อนจะยกให้ผานฮูหยินดู “ขอบคุณผานฮูหยินที่เตือนข้าเื่ขนมตั้นเกา ตอนนี้ข้าคงต้องไปแสดงขนมแล้ว ขอตัวก่อน”
เมื่อกล่าวจบ ฉู่เหลียนก็นำขนมตั้นเกาและสาวใช้ของนางจากไปเพื่อคารวะไทเฮา
ผานฮูหยินมองตามร่างฉู่เหลียนที่จากไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อรู้สึกตัวอีกทีท่านหญิงน้อยก็หายไปในฝูงชนเสียแล้ว อารมณ์ดี ๆ ของผานฮูหยินถูกทำลายลงด้วยบทสนทนาสั้น ๆ กระนั้นแม้นางจะฉุนเฉียว แต่ก็ยังไม่ลืมหันไปมองโจวซื่อด้วยความดูถูกดูแคลนก่อนจะจากไป
ฮูหยินรอบ ๆ เห็นว่านายหญิงใหญ่แห่งจวนจิ่งอันอย่างโจวซื่อมิได้เป็ผู้ถวายขนมตั้นเกา ต่างก็หันมองโจวซื่อเป็ตาเดียว ในวินาทีนั้นนางแทบอยากจะขุดหลุมอำพรางตัวเสียให้ได้
เมื่อฉู่เหลียนเข้าถวายขนมตั้นเกาเป็ที่เรียบร้อยแล้ว นางก็กลับมาอยู่ข้างกายเฮ่อเหล่าไท่จวินอีกครั้ง องค์หญิงต้วนเจี่ยเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบร้อนเข้ามาหา เอนกายกระซิบถามข้างหูฉู่เหลียนว่า้าให้ช่วยอะไรหรือไม่
ฉู่เหลียนได้แต่ยิ้มส่ายหน้า กล่าวว่าทุกสิ่งล้วนไม่มีปัญหา
องค์หญิงต้วนเจี่ยจึงมีสีหน้าผ่อนคลาย พยักหน้าแล้วจากไป
ในขณะนี้ งานเลี้ยงใกล้เริ่มต้น การตัดสินผลขนมตั้นเกาก็ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด องค์หญิงต้วนเจี่ยเป็คนจากจวนเว่ยอ๋องจึงไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกับฉู่เหลียนได้
เมื่อบรรดาแขกฝ่ายหญิงนั่งลงที่โต๊ะอย่างพร้อมเพรียงแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็ทางการ
องค์หญิงต้วนเจี่ยนั่งกับพระชายาเว่ยอ๋องติดกับสมาชิกราชวงศ์คนอื่น ๆ ที่้าสุดเป็ที่นั่งสำหรับไทเฮาและฮองเฮา ระดับถัดลงมาจากฮองเฮาเป็เว่ยกุ้ยเฟย ส่วนพระสนมของอดีตฮ่องเต้นั่งเยื้องลงมาต่ำจากไทเฮา
พระชายาเว่ยอ๋องลำดับศักดิ์สูงขั้นกว่าสนมทั้งหลายจึงนั่งอยู่กับพระชายาขององค์ชายและท่านอ๋องทั้งหลาย องค์หญิงต้วนเจี่ยนั่งติดกับพระชายาและเป็จุดที่องค์หญิงทุกคนล้วนนั่งรวมตัวกัน โดยองค์หญิงเล่อเหยานั่งทแยงจากองค์หญิงต้วนเจี่ย
ฉู่เหลียนนั่งข้างเฮ่อเหล่าไท่จวินกับฮูหยินตราตั้งคนอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน ทั้งยังมีเก้าอี้ว่างอีกที่หนึ่งสำหรับเหล่าไท่จวินจวนอิ้ง ทว่าเหมือนอิ้งเหล่าไท่จวินจะมิได้มาเข้าร่วม เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ
นอกจากเหล่าไท่จวินแล้ว ที่จวนอิ้งก็ไม่มีฮูหยินที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงชั้นสูงเช่นนี้ได้อีก ดังนั้นฉู่เหลียนจึงมิได้เห็นคนจวนอิ้งในตำหนักหนิงเหอแห่งนี้
เมื่อฉู่เหลียนหันไปมองเสิ่นฮองเฮาผู้กำลังตรัสอยู่ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงสายตาแผดเผาราวถ่านร้อนจ้องมองมา ฉู่เหลียนจึงหันไปตามสัญชาตญาณตนก็ปรากฏเป็ดวงตาขององค์หญิงเล่อเหยา นางกำลังโมโหฉู่เหลียนเสียจนมือเล็ก ๆ กำแน่น นางไม่เคยต้องทนอัดอั้นถึงเพียงนี้มาก่อน!
ด้วยสถานะสูงส่งขององค์หญิง หากนาง้าให้บทเรียนแก่ใคร นางย่อมทำได้โดยไม่ต้องทนรอ ต่อให้คนเ่าั้จะต้องตายไปก็ไม่มีใครกล้าขัดนาง แต่ในยามนี้สิ่งที่นาง้ามากที่สุด คือก่อกวนภรรยาที่น่ารำคาญของพี่เฮ่อ ทว่าแผนการร้ายกลับล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า! ยามอยู่จวนติ้งหยวนนางยังรับได้เพราะมิใช่พื้นที่ของนาง ทว่าที่นี่น่ะหรือ ในวังนี้น่ะหรือ? นางควรทำให้ฉู่เหลียนต้องพบเจอกับปัญหาใหญ่ได้แล้ว ทว่าแผนการทั้งหมดกลับยังล้มเหลวซ้ำอีก! จะไม่ให้นางเกรี้ยวกราดได้อย่างไร?
หากนางทำได้ดั่งใจคิด ย่อมต้องฆ่าฉู่เหลียนทิ้งเสียตรงนี้ในทันทีเพื่อระบายความเกลียดชังในใจ
ดวงตาฉู่เหลียนมองผ่านองค์หญิงเล่อเหยาไปที่อื่น ราวกับมิได้เห็นความเกลียดชังในดวงตานั้นแม้แต่น้อย
ในงานเลี้ยงนี้ ฉู่เหลียนสามารถวางตัวและประพฤติตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำทุกสิ่งที่ถูกต้องตามแบบแผน ไม่ดึงดูดความสนใจจากใคร ไม่กระทำผิดกฎเกณฑ์มารยาทใดทั้งนั้น และเพียงรอให้งานเลี้ยงจบเพื่อจะได้กลับเรือนซงเถา อาบน้ำอุ่น ๆ จากนั้นก็เข้านอนฝันหวาน
่ครึ่งหลังของงานเลี้ยงเป็เวลาประกาศผลแพ้ชนะการแข่งขันขนมตั้นเกา ในตอนนี้ขนมตั้นเกาของแต่ละจวนล้วนถูกจัดวางในถาดเงิน เพื่อให้นายหญิงตราตั้งและบรรดาพระญาติสิบอันดับแรกได้ลิ้มรส ก่อนเลือกผู้ชนะ
จากที่คุยกับองค์หญิงต้วนเจี่ยก่อนหน้านี้ ฉู่เหลียนทราบว่าการแข่งขันประกวดขนมตั้นเกานี้ไม่ได้ยุติธรรมอะไรอย่างที่คนอื่นคิด ‘ขนมตั้นเกา’ ที่นางส่งไปจึงแตกต่างจากของคนอื่นเล็กน้อย และไม่ได้กังวลว่าจะได้รับเลือกให้เป็ผู้ชนะหรือไม่ ตอนนี้นางจึงทำเพียงนั่งทานอาหารด้วยความสงบนิ่ง ใจเย็น และเฝ้าดูการแสดงต่อไป
แม้อาหารจากครัวหลวงจะไม่ได้อร่อยขนาดนั้น แต่ผลไม้ที่ยกขึ้นโต๊ะหลังอาหารจานหลักอร่อยมากจริง ๆ มีทั้งแก้วัและมะม่วงซึ่งถูกส่งมาจากแคว้นตะวันตก ยามอยู่จวนจิ่งอันนางไม่เคยได้ลิ้มลอง คาดไม่ถึงว่าไทเฮาจะทรงนำผลไม้หายากเช่นนี้มาต้อนรับแเื่ในงานเลี้ยง
เมื่อการแข่งขันประกวดขนมตั้นเกามาถึงจุดที่ดุเดือดที่สุด เหล่าขันทีที่เฝ้าประตูตำหนักหนิงเหอก็ร้องประกาศลั่น “ฮ่องเต้เสด็จแล้ว! ”
โดยปกติแล้วฮ่องเต้จะมิได้เสด็จมายังตำหนักหนิงเหอ ในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่ว่าไทเฮาหรือฮองเฮาจัดงานเลี้ยง แเื่ที่มาเข้าร่วมล้วนมีแต่สตรีจากจวนขุนนาง แต่ในรอบสองปีมานี้เฉิงผิงฮ่องเต้ไม่เคยเสด็จมาเพื่อร่วมงานเลี้ยงกลางฤดูใบไม้ร่วงมาก่อน ทว่ายามนี้กลับเสด็จมาแล้ว ผู้คนในงานล้วนแต่ยินดีที่ได้พบพระองค์ เนื่องด้วยตามปกติแล้วโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดหรือสนทนากับฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่นั้นน้อยนิดยิ่ง
เฉิงผิงฮ่องเต้เสด็จมาในวันนี้ เนื่องจากทรงเบื่อหน่ายจากการทำงานในห้องทรงงานกะทันหัน จึงไม่ได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า แต่เมื่อมาถึงกลับมีโอกาสได้เข้าร่วมตัดสินการแข่งขันขนมตั้นเกาของแต่ละจวนด้วยพอดี
งานเลี้ยงครั้งนี้ยิ่งมีชีวิตชีวากว่าเก่าเพราะการมาถึงของฮ่องเต้ ไม่นานนักผลการตัดสินก็ออกมา ม้วนกระดาษประกาศผลถูกส่งให้หนึ่งในนางสนองพระโอษฐ์ของไทเฮา
เฉิงผิงฮ่องเต้ประทับถัดจากไทเฮา กำลังสนทนากับพระนางอย่างอบอุ่น พร้อมกับสดับรับฟังผลการตัดสินการประกวดขนมตั้นเกาในปีนี้ไปด้วย
เสียงของผู้ประกาศสดใสชัดเจน ดังไปทั่วห้องโถงในทันใด
บรรดาฮูหยินที่นั่งโต๊ะเดียวกับผานฮูหยินทั้งยิ้มและร่วมเอ่ยแสดงความยินดีกับนางด้วยเสียงเบาโดยไม่รีรอฟังผลประกาศจนจบเสียก่อน ผานฮูหยินยิ้มกว้างน้อมรับการแสดงความยินดี และเกิดเป็ความรู้สึกอบอุ่นในใจ
ทันใดนั้น ถ้อยคำประกาศถูกอ่านขึ้นด้วยน้ำเสียงดัง ชัดเจนไปทั่วทั้งโถง “จากการประเมินของกรรมการ ผู้ชนะการประกวดในปีนี้ได้แก่ จวนจิ่งอัน…”