ทุกๆ 6 เดือน!
ในใจของหลินเฟิงรู้สึกสงสารขึ้นมา ความหนาวนั่นสามารถทำให้คนถูกแช่แข็งตายได้ เมิ่งฉิงต้องรับความทรมานจากความหนาวนั่นทุกๆ ครึ่งปี ไม่รู้ว่านางผ่าน่เวลาเลวร้ายนี้มาได้อย่างไร
“ในอนาคตถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง เ้าต้องรีบบอกข้า! ข้าจะได้ช่วยเ้ากำจัดความหนาวนั่น เ้าจะไม่ต้องทนทรมานกับมัน”
หลินเฟิงพูดกับเมิ่งฉิง จิติญญากลืน์ ไม่เพียงแค่ดูดกลืนความหนาวเย็นที่น่ากลัวนั่น แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนความหนาวเย็นให้กลายเป็จิติญญาของเขาได้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขา
จิติญญากลืน์ของเขาลึกลับมาก มันเป็เหมือนดาวข่มของความหนาวนั่น
“เ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่า วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?”
เมิ่งฉิงจ้องหลินเฟิงเงียบๆ ตอนที่นางทนต่อการกัดกร่อนของน้ำแข็งจนรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แต่เพราะหลินเฟิงดูดกลืนความหนาวนั่นไป มันทำให้นางรู้สึกสบายกายมากขึ้นจนผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“ถ้างั้นเ้าต้องบอกข้ามาก่อนว่า ความหนาวพวกนั้นมาจากไหน?” หลินเฟิงถามกลับ
“ข้าเกิดมาพร้อมกับมัน”
เมิ่งฉิงตอบกลับ ซึ่งทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ นางเกิดมาพร้อมกับมัน?
หลินเฟิงเคยได้ยินมาว่า หลายคนเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่พิเศษหรือแตกต่างไปจากคนปกติ แต่คิดไม่ถึงว่าเมิ่งฉิงก็เป็แบบนั้น นางเกิดมาพร้อมลมปราณอันหนาวเย็นที่น่ากลัวนี้
“ข้าบอกเ้าแล้ว ตาเ้าตอบข้าบ้าง” เมิ่งฉิงกล่าว
หลินเฟิงยิ้มจากนั้นเขาก็ปลดปล่อยจิติญญากลืน์ออกมา เมื่อเทียบกับในอดีตแล้ว เ้างูตัวน้อยในวันวานได้กลายเป็งูั์ไปแล้ว ร่างของมันขดตัวอยู่บนไหล่ของหลินเฟิง ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองมาที่เมิ่งฉิง
“หืม?”
เมิ่งฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นงูตัวนี้
“มันเป็จิติญญาของข้า ข้าไม่รู้ว่ามันเป็งูอะไร แต่มันสามารถดูดกลืนความหนาวเย็นที่ร่างของเ้าปล่อยออกมาได้ และทำให้ความหนาวเย็นนั่นกลายมาเป็พลังให้กับข้า”
เมื่อหลินเฟิงพูดจบ ดวงตาของเมิ่งฉิงพลันสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่จ้องไปยังงูบนไหล่ของหลินเฟิง
แต่ไม่นาน ดวงตาของนางก็กลับมาเฉยชาเหมือนเดิม นางพยักหน้าเล็กน้อยขณะพูดว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็จิติญญาที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน”
หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วกล่าวว่า “มันควรเป็จิติญญางู แต่ข้าไม่รู้ว่ามันเป็งูประเภทไหน”
“สักวันหนึ่งเ้าจะรู้” เมิ่งฉิงตอบกลับ
“ข้าก็หวังเช่นนั้น” หลินเฟิงพยักหน้า “ข้าออกไปก่อนนะ ส่วนเ้าก็พักผ่อนซะ มีเื่อะไรก็เรียกข้า”
เมิ่งฉิงร้องอืมออกมา หลินเฟิงลุกขึ้นยืนและวางมือบนหัวของเมิ่งฉิง ก่อนจะลูบเบาๆ ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากมือของหลินเฟิงทำให้เมิ่งฉิงตัวสั่นเล็กน้อย
เมิ่งฉิงมองไล่หลังหลินเฟิงที่เดินออกไป แล้วหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา
“นั่นเป็จิติญญาประเภทงูเหรอ?”
เมิ่งฉิงคิดในใจอย่างสับสน ด้วยรูปร่างของจิติญญานั่นและคำอธิบายของหลินเฟิง มันดูคล้ายสัตว์อสูรประเภทหนึ่งในตำนาน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างขาดหายไป
สัตว์อสูรในตำนานนั่น มันมีหัวทั้งหมด 9 หัว และไม่ใช่จิติญญาประเภทงู แต่เป็ั!
…
เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าในวันนี้ไร้ซึ่งเมฆหมอก ทำให้ดูสว่างสดใสกว่าทุกๆ วัน
ในสำนักเทียนอี้มีผู้คนมากมายกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหอฝึกฝน
โดยเฉพาะศิษย์จากสายทหาร ในบทสนทนา คำพูดที่พวกเขากล่าวบ่อยที่สุดก็คือ เฮยม่อ
ในตอนนั้นมีเงาร่างคนสองคนกำลังเดินอยู่บนทางเดินของสำนักเทียนอี้ และกำลังสนทนากัน
“ข้าได้ยินมาว่าชื่อของเขาคือหลินเฟิง ในวันลงทะเบียนเขาทำให้ศิษย์ของสำนัก 2 คนได้รับความอัปยศก็คือ จั่วชิวและไป๋เจ้อ เป้าหมายของเขาคือทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยได้รับความอับอาย” หนึ่งในสองคนกล่าว ข่าวคราวเื่เหตุการณ์ที่หอฝึกตนได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในสำนัก เพราะหลินเฟิงได้ฝ่าฝืนกฎและสังหารศิษย์ไปคนหนึ่ง
ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง ไม่เพียงแต่หลินเฟิงจะฝ่าฝืนกฎเท่านั้น แต่เขายังมีเื่กับ 1 ใน 10 ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนักอย่างเฮยม่อ!
ข่าวลือเกี่ยวกับศิษย์สิบคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนักแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเฮยม่อจะไม่ได้เป็ศิษย์ที่อยู่อันดับสูงสุด แต่เขาก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดี
“ใครเป็คนบอกเ้าเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้นในวันลงทะเบียน? เขาต้องภาคภูมิใจและหยิ่งผยองมาก ถ้าเขาทำให้ศิษย์ที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยได้รับความอับอาย… แต่คราวนี้เขาทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ข้าหมายถึงชุยถิงได้เตือนแล้วว่าเขาเป็น้องชายของเฮยม่อ แต่เขายังกล้าสังหารน้องของเฮยม่อ นั่นถือเป็ความอัปยศต่อเฮยม่อ หลินเฟิงต้องเสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไปแน่นอน เขาไม่มีทางเอาชนะเฮยม่อได้”
“เ้าพูดถูก ศิษย์สิบคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนัก แม้กระทั่งโชคก็ไม่สามารถช่วยหลินเฟิงได้”
หนึ่งในทั้งสองคนกล่าว พวกเขาภูมิใจในการวิเคราะห์สถานการณ์ของตนมาก
เวลาเดียวกันในสถานที่อันห่างไกล ร่างเงาสองร่างกำลังดึงดูดความสนใจจากผู้คนในฝูงชน ทันใดนั้นผู้คนจำนวนมากเริ่มจ้องมองพวกเขา
กลุ่มคนอยู่ห่างประมาณ 100 เมตร จากสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ และสังเกตเห็นเงาร่างหนึ่งในฝูงชน ทำให้พวกเขาผงะ
“เฮยม่อ!”
เฮยม่อทำให้ฝูงชนประหลาดใจ
“ตรงนั้นมีผู้คนเยอะ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ”
เฮยม่อไม่ได้เดินเร็วมากนัก และทิศทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไปก็คือหอพัก
ในตอนนั้นเองได้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินออกมาจากหอพักอย่างช้าๆ
“ซวยแล้วหลินเฟิง! คนที่มาหาเื่พวกเราในวันนั้น มันกำลังมาที่หอพัก!!!”
หยวนซานกล่าวขึ้นมา เมื่อเห็นชุยถิงกำลังเดินมาหาพวกเขา โดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีที่ดูเ็าเดินอยู่ข้างๆ ในหัวของหยวนซานพลันนึกถึงชื่อคนคนหนึ่งขึ้นมา
หลินเฟิงไม่หยุดเดิน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากัน หลินเฟิงมองชุยถิงก่อน แล้วค่อยๆ หันหน้าไปมองชายหนุ่มที่ดูเ็าคนนั้น
“เฮยม่อ!”
ดวงตาเ็าของเฮยม่อเหลือบมองหลินเฟิงเล็กน้อย ก่อนจะย้ายไปที่เวิ่นอ้าวเสวี่ย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นหลินเฟิงอยู่ในสายตา
“ข้า้าชีวิตมัน”
เฮยม่อดูสงบเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาไม่ได้พูดคุยกับหลินเฟิง เพราะชีวิตของหลินเฟิงถูกเวิ่นอ้าวเสวี่ยปกป้องอยู่
เวิ่นอ้าวเสวี่ยเพียงยิ้มบนใบหน้าที่งดงามของเขา จากนั้นส่ายหัวและกล่าว “เขาเป็สหายของข้า”
“นี่เป็เื่ระหว่างเขากับข้า เขาสังหารน้องชายข้าโดยไม่ไว้หน้าข้า เ้าคงเคยได้ยินเื่นี้ ดังนั้นอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”
เฮยม่อกล่าว เขาไม่ได้พูดคุยกับหลินเฟิง แต่กำลังคุยกับเวิ่นอ้าวเสวี่ย
“ข้าได้ยินมาว่าน้องชายของเ้าฝ่าฝืนกฎของสำนักก่อน ตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้ ก็วิ่งไปขอให้คนอื่นมาช่วยแก้แค้นแทน ดังนั้นการที่มันตายก็ไม่ถือว่าเป็เื่ที่ไร้เหตุผล น้องชายของเ้าหาเื่ใส่ตัวแท้ๆ”
“น้องข้าหาเื่ใส่ตัวเองก็จริง แต่หลินเฟิงก็เพิ่งก้าวเข้าสู่สำนักเทียนอี้ เขาไม่ควรไม่ไว้หน้าผู้คน! การกระทำของเขานับว่าไม่ไว้หน้าข้า เ้าว่ามันสมควรตายไหม?”
คำพูดของเฮยม่อทำให้ทุกคนพลันตกตะลึงขึ้นมา เหตุผลที่เฮยม่ออยากสังหารหลินเฟิง ไม่ใช่เพราะหลินเฟิงสังหารน้องชายของตัวเอง แต่เป็เพราะหลินเฟิงไม่ยอมหยุดมือ ทั้งๆ ที่ได้ยินชื่อของเขา! เื่นี้มันทำให้เขาเสียหน้ามาก
สำหรับคนประเภทนี้ ใบหน้าถือเป็สิ่งสำคัญที่สุดและสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของหลินเฟิงเสียอีก!!!
“เ้าก็รู้ว่าเขาเพิ่งเข้าสำนักมา แล้วเ้ายังคิดรังแกศิษย์ใหม่เนี่ยนะ? เฮยม่อ เ้าไม่ละอายใจบ้างหรือไง?”
“เื่บางเื่ เมื่อทำลงไปแล้วก็ต้องเตรียมใจที่จะจ่ายราคาของการกระทำนั้น และราคาของการกระทำในครั้งนี้... ก็คือชีวิตของมัน!”
เฮยม่อไม่สนใจเหตุผลของเวิ่นอ้าวเสวี่ย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เ้าสามารถปกป้องมันได้ แต่ข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะคอยอยู่ปกป้องมันได้ตลอด หากวันไหนที่เ้าไม่อยู่ วันนั้นคือวันตายของมัน และไม่มีใครสามารถขวางข้าได้”
เมื่อเฮยม่อพูดจบ เขาก็เหลือบมองหลินเฟิงที่อยู่ด้านหลังของเวิ่นอ้าวเสวี่ย
“เ้าเป็คนฉลาดและมีอนาคตสดใส แต่เ้าไม่เคยคิดบ้างหรือว่าการกระทำโง่ๆ ของเ้าอาจต้องแลกมาด้วยชีวิตของตัวเอง?” เฮยม่อกล่าวอย่างเ็า “หรือเ้าคิดว่า เ้าจะสามารถหลบหลังเวิ่นอ้าวเสวี่ยได้ตลอดชีวิต?”
“เ้าพูดจบหรือยัง?”
หลินเฟิงพูดแทรกขึ้นมาขณะมองเฮยม่อที่พูดไม่หยุด ดวงตาของหลินเฟิงเ็าและไร้อารมณ์ ราวกับว่า 1 ใน 10 ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักไม่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวหรือวิตกกังวลได้
เมื่อเฮยม่อได้ยินหลินเฟิงพูดแทรกขึ้นมา ดวงตาก็ฉาบแววแข็งกร้าวอย่างไม่พอใจ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างเ็า “ข้าพูดจบแล้ว แล้วเ้าจะเอายังไง?”