“ญาติผู้พี่” ิหยวนยืนถือไม้กวาดค้างเติ่งมองคนผู้นั้น เป็ปี้อวี้ที่กำลังใกับคำเรียกขานของอีกฝ่ายเช่นกัน โชคดีที่คนรอบกายคุณชายสามล้วนเป็คนฉลาด นางจึงเข้าใจอย่างรวดเร็ว รีบตามน้ำด้วยการเรียกอีกฝ่ายว่าญาติผู้น้องด้วยน้ำเสียงแ่เบา
ิหยวนเดินนำนางเข้าไปข้างในพลางกระซิบ “คุณชายสามเล่าเื่ของเ้าให้ข้าฟังแล้ว ไม่ต้องกลัว คุณชายตงเลี่ยงมีความรู้การแพทย์เป็เลิศ ข้าจะขอร้องให้เขาตรวจดูอาการท่านก่อน”
“ขอบคุณคุณชายยิ่งนัก” ปี้อวี้เม้มปากแน่น ท่าทางเต็มไปด้วยความกังวล “เป็ความผิดของข้าเองที่ใจง่าย จนทำให้เกิดปัญหาใหญ่ ความช่วยเหลือทั้งหมดที่คุณชายมอบให้ ปี้อวี้จะจดจำไว้จนวันตาย…”
“เอาเถิดๆ พอแล้ว ข้าไม่ใช่คุณชาย และข้าก็ไม่้าให้เ้าตอบแทนอะไรข้าทั้งนั้น” ิหยวนรีบพูดแทรกทันทีที่ได้ยินคำพูดเป็ลาง พร้อมกับเตือนสตินาง “คนชั่วผู้นั้นต่างหากที่เป็ต้นเหตุ มันไม่ใช่ความผิดของเ้า ชีวิตมนุษย์นั้นต่ำต้อยแต่ก็มีค่า อย่าปล่อยให้จิตใจฟุ้งซ่าน ผู้ที่คิดจบปัญหาด้วยการปลิดชีพตนสมควรถูกสุนัขกัด”
“หากข้าเข้มแข็งมากกว่านี้บางที…” ปี้อวี้ยังคงโทษตัวเอง ิหยวนส่ายหัว เขาเป็บุรุษจึงไม่รู้จะปลอบใจสตรีอย่างไร “พอแล้วๆ ไม่เป็ไร เดี๋ยวข้าเข้าไปพบท่านอาจารย์ก่อน เ้ารออยู่ที่นี่”
ิหยวนเคาะประตูแล้วย่องเข้ามาตามผนังห้อง โหวอิงกำลังเข้าฌานฝึกลมปราณ ไม่มีการใช้ผงห้าศิลา [1] แต่ใช้สายตาไล่อ่านคัมภีร์เกี่ยวกับการฝึกลมปราณของสำนักเต๋า
“ไม่ต้องชงชา ไม่ต้องผ่าฟืน ไม่ต้องฝนหมึก กวาดลานเสร็จแล้วก็กลับไปซะ” ไม่รู้เหตุใด่นี้โหวอิงถึงได้รู้สึกรำคาญิหยวนเป็พิเศษ บทเรียนที่คนเป็ศิษย์อ่านไม่เข้าใจ เขาก็ล้วนตอบไปหมดแล้ว แค่เื่ขี้หมูราขี้หมาแห้ง [2] อย่างต้องเก็บไข่มาไว้ทำอาหารหรือปล่อยไว้ให้แม่ไก่ฟักยังต้องมาให้เขาตัดสินใจให้อีก
“ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยญาติผู้พี่ของข้าด้วย” ิหยวนไม่ยอมออกไป คุกเข่าลงกับพื้นและบอกจุดประสงค์ทันที
“ญาติผู้พี่ของเ้า?” โหวอิงลืมตามองอีกฝ่ายทันที คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วปิดตาลงอีกครั้ง “ครอบครัวของเ้าถูกเนรเทศมาจากเจียงเป่ย จู่ๆ ญาติผู้พี่ของเ้าจะโผล่มาได้อย่างไร?”
“เป็ญาติผู้พี่จากฝั่งบิดาขอรับ แต่ถึงอย่างไรท่านอาจารย์ก็ต้องช่วยนางนะขอรับ หากท่านไม่ช่วย นางอาจต้องตาย ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งเป็กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอีกนะขอรับ” ิหยวนฉีกยิ้มพร้อมพูดเข้าประเด็นทันที จู่โจมราวกับะุปืนใหญ่
“เจดีย์? ตำราที่เ้าอ่านถูกสุนัขกิน [3] ไปแล้วหรือ!” โหวอิงหมดคำจะเอื้อนเอ่ย เห็นเขากำลังอ่านคัมภีร์เต๋าจึงทึกทักเอาว่าเขาเป็ชาวพุทธ “เกิดเื่อันใดขึ้นก็ว่ามา”
“นางออกมาทำงานนอกบ้าน แต่ถูกใครบางคนข่มเหง คนผู้นั้นไม่คิดแม้แต่จะรับผิดชอบนาง ตอนนี้พ่อแม่ของนางรับหมั้นจากชายอื่นให้นางแล้ว แต่นางดันตั้งครรภ์แล้วขอรับ!”
โหวอิงเริ่มขมวดคิ้ว “ก็แค่ถอนหมั้นกับอีกคน แล้วเรียกให้คนผู้นั้นมารับผิดชอบแต่งกับนาง”
“คนผู้นั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมรับ ทั้งยังกล่าวหาว่าญาติผู้พี่ของข้าใส่ร้ายเขา เป็นางที่ไม่รักนวลสงวนตัว รักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เื่อื้อฉาวนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเขาสักนิด”
ิหยวนโขกหัวลงพื้น “พวกเราฐานะต่ำต้อย ไม่สามารถทำให้ผู้ใดขายหน้าได้ ทั้งไม่กล้าไปหาหมอ ท่านอาจารย์ได้โปรดเขียนเทียบยายุติครรภ์ให้ญาติผู้พี่ของข้าด้วย”
โหวอิงยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ิหยวนก็รีบกล่าวเสริม “ข้ารู้ว่ามันอันตรายมาก แต่ญาติผู้พี่ของข้า... เดิมทีนางคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อจบปัญหา แต่หลังจากเกลี้ยกล่อมนางได้ ทั้งครอบครัวก็เต็มใจที่จะเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็หรือตายก็จะไม่โทษท่านอาจารย์ โปรดช่วยนางด้วยขอรับ!”
โหวอิงคิดไม่ตก “ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?”
“รออยู่ข้างนอกขอรับ”
โหวอิงจ้องอีกฝ่าย “หากตัดสินใจกันดีแล้ว... ก็ไปเรียกนางเข้ามา”
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ขอรับ!”
การเข้าพบคนในตระกูลชั้นสูงควรสำรวมกิริยาและรักษามารยาทมากขึ้น แต่คนธรรมดาอย่างปี้อวี้ก็ไม่มีปัญหา เดินเข้ามาคำนับขอบคุณ ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าโหวอิงอย่างเรียบร้อย โหวอิงวางผ้าเช็ดหน้าบนข้อมือนาง ก่อนจะหันไปสั่งให้ิหยวน “เปิดประตูให้กว้างหน่อย”
เมื่อใช้นิ้วมือััชีพจร คิ้วของโหวอิงก็ผูกปมแน่นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปี้อวี้และิหยวนต่างเป็กังวลขึ้นไปอีก ผ่านไปไม่นานโหวอิงก็เก็บผ้าเช็ดหน้า และเริ่มไตร่ตรอง
ปี้อวี้คารวะอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม “ชีวิตนี้ผู้น้อยผ่านเื่เลวร้ายมาจนชินชา หากมีสิ่งใดผิดปกติ ขอคุณชายบอกผู้น้อยมาตามตรงได้เลยเ้าค่ะ”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าคงต้องกล่าวตามจริงว่า” โหวอิงถอนหายใจ “ทารกในครรภ์ไม่สามารถทำแท้งได้ ร่างกายใหญ่เกินไปและตำแหน่งอยู่ไกลเกินไป หากฝืนทำจะต้องเสียถึงสองชีวิต”
ปี้อวี้หน้าถอดสี ิหยวนได้แต่ถอนหายใจ
“อีกทั้งอวัยวะภายในของเ้าอ่อนแอ ฉะนั้นแล้วแม้แต่คลอดบุตรก็อันตรายมาก ข้าพอมีตำรายาสมุนไพรอยู่บ้าง เ้าเอายาไปกินก่อน บำรุงเืลม แล้วค่อยมาให้ข้าตรวจดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่”
โหวอิงหันไปสั่งิหยวน “ไปเอาหมึกกับพู่กันมาให้ข้า”
ปี้อวี้ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ขณะที่ิหยวนคอยรับใช้โหวอิงที่กำลังเขียนเทียบยาข้างในห้องตำรา
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ารู้วิชาแพทย์?”
“ตำราที่ท่านอาจารย์ให้ยืมมีลายมือท่านเขียนอธิบายประกอบไว้อย่างละเอียด มีทั้งการรักษาาแทั้งภายในและภายนอก โรคที่รักษายากและซับซ้อน แสดงให้เห็นว่าท่านมีความเชี่ยวชาญ ศิษย์เรียนรู้เพียงเล็กน้อยจากตำราของท่าน เมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อนบ้านหกล้มจนาเ็ ศิษย์ยังเขียนเทียบยาใช้ภายนอกให้เขาด้วย”
“เ้าเขียนเทียบยาเอง! บ้าไปแล้ว!” โหวอิงใกับสิ่งที่ศิษย์ของตนทำลงไป “ยาทุกชนิดย่อมมีพิษสามส่วน เ้าพึ่งอ่านตำราแค่สองเล่ม กล้าสั่งยาให้ผู้อื่นได้อย่างไร! บอกเทียบยาที่เ้าเขียนให้ข้าฟังอย่างละเอียดเดี๋ยวนี้!”
ิหยวนไม่กล้าปิดบัง จึงพยายามบอกไปเท่าที่ตนจำได้ โหวอิงลูบเคราพลางครุ่นคิด ยิ่งฟังยิ่งแปลกใจ มองหน้าเด็กหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา เทียบยานั้นถูกต้องและปลอดภัย หากให้เขาเป็คนเขียนเทียบยานี้ ก็คงเขียนออกมาไม่ต่างกัน แต่เขากลัวว่าศิษย์จะได้ใจจึงเลี่ยงที่จะเอ่ยชม “โชคดีที่ไม่ได้มีข้อผิดพลาดร้ายแรง! คราวหน้าอย่าทำอีก! ข้าพอมีความรู้เื่ยาสมุนไพรอยู่บ้าง ยาตำรับนี้ฤทธิ์ไม่แรงมาก ให้ญาติผู้พี่ของเ้าลองกินดูก่อน”
ิหยวนยิ้มแหยๆ เข้าใจว่าโหวอิงดูออกว่าเขาบอกไปมั่วๆ กำลังจะเอ่ยอธิบาย ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก
-----------------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ผงห้าศิลา (五石散) หมายถึง สารเสพติดชนิดหนึ่ง ทั้งยังใช้เป็ยารักษาโรคและยาอายุวัฒนะได้
[2] ขี้หมูราขี้หมาแห้ง (乱七八糟) หมายถึง เื่ไร้สาระ ไร้ประโยชน์
[3] ตำราในท้องสุนัข (书读到狗肚子里) หมายถึง แม้จะอ่านหนังสือมากมาย แต่ถ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่อ่านก็ไร้ประโยชน์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้