เมิ่งอ้ายเยว่หลับตาลงเพื่อระงับโทสะ พวกเขาจะด่านางกี่ครั้งนางไม่โกธร แต่ถึงขนาดไม่ให้กินอิ่มสักมื้อมันก็ออกจะเกินไปเสียหน่อย
นางทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้ พลางครุ่นคิดอย่างหนัก เหตุใดทุกอย่างในยามนี้ไม่ดำเนินไปตามนิยายเล่า ทั้งที่นางก็ทะลุมิติมาั้แ่ตอนที่เมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ตายแท้ๆ แต่เื่ราวกลับดูพิลึกชอบกล ในนิยายทุกคนในจวนแม้จะไม่ชอบนางแต่กลับไม่ได้โหดร้ายกับนางถึงขนาดนี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งว้าวุ่นใจ ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตไปในทิศทางไหน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไม่เดินไปตามเส้นเื่ที่มันควรจะเป็
เดิมทีคิดว่าจะรอให้ร่างนี้ตายเร็วๆ จะได้กลับไปที่โลกปัจจุบันแต่เหมือนทุกอย่างจะสับสนอลหม่านไปหมด
“อาหมี่ มานี่”
เมิ่งอ้ายเยว่กวักมือเรียกอาหมี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูให้เข้ามาหานาง อาหมี่เดินเข้ามาหาเ้านายตนอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มีอันใดหรือเ้าคะคุณหนู”
“เหตุใดจึงมีแต่ผัก เนื้อเล่า?”
เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ อาหมี่เม้มริมฝีปากแน่นแล้วจึงตัดสินใจเอ่ยตอบเ้านายไปตามตรง
“คุณหนูลืมแล้วหรือเ้าคะ ท่านมีดวงชะตาพิเศษ ในทุกๆ หนึ่งเดือนจะสามารถกินเนื้อได้หนึ่งครั้งเท่านั้น ที่เหลือต้องกินเจเพื่อชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ นี่คือคำสั่งของเถียนฮูหยินและไต้ซือเ้าค่ะ”
เหลวไหลสิ้นดี หนึ่งเดือนกินเนื้อได้หนึ่งครั้ง เช่นนี้ก็ขาดสารอาหารตายกันพอดี นางไม่แปลกใจเลยที่ร่างของเมิ่งอ้ายเยว่จะผอมบางเช่นนี้ เป็เพราะนางไม่ได้กินอิ่มเท่าใดนี่เอง
ช่างแปลกพิกลนัก เหตุใดพวกเขาต้องทำถึงเพียงนี้ด้วยนะ ดวงชะตาของร่างเดิมพิเศษปานนั้นเชียว ในนิยายนางไม่เห็นจะมีบรรยายถึงเื่นี้เลย?
แต่ช่างเถอะ เพิ่งมาใหม่อย่าทำตัวเื่มากหรือสงสัยอะไรให้มากความเลย ควรทำตัวเงียบๆ ไปก่อนแล้วค่อยคิดหาหนทางทีหลัง ที่แน่ๆ นางไม่ยอมงดเนื้อสัตว์ตามคำสั่งของไต้ซือบัดซบนี่ไปตลอดหรอก คอยดูเถอะ!
เมิ่งอ้ายเยว่จำต้องฝืนใจกินอาหารสัปปะรังเคตรงหน้าเพื่อประทังชีวิต เมื่อกินอิ่มแล้วจึงทิ้งกายลงบนเตียงเพื่อนอนหลับพักผ่อน ต่อให้จะต้องพบเจอเื่ยุ่งยากมากเพียงใด คนเราย่อมต้องนอนหลับเอาแรง เมื่อคุณภาพการนอนดี แน่นอนว่าสมองก็จะดีตามไปด้วย
ว่าแล้วนางก็เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อย่างรวดเร็ว เมิ่งอ้ายเยว่นอนหลับยาวไปจนถึงยามเย็น เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครา ก็พบว่าท้องฟ้ามืดเสียแล้ว หญิงสาวบิดกายไปมาบนเตียง อยู่ๆ ท้องน้อยๆ ของนางก็ร้องประท้วงขึ้นมา มันคงจะหิวอีกแล้ว นางต้องไปหาอะไรกิน ว่าแล้วก็เรียกอาหมี่ให้ยกสำรับยามเย็นเข้ามาในห้อง
แต่เมื่อได้เห็นอาหารเย็นที่มีแต่ผัก นางก็ถึงกับหมดความอยากอาหารไปทันที
"อาหมี่ ห้องครัวอยู่ที่ใดหรือ?"
อาหมี่ที่กำลังกินกับข้าวเหลือจากเ้านาย พลันเงยหน้ามาเอ่ยตอบ
"อยู่ด้านหลังจวนเ้าค่ะ โรงครัวจะอยู่ห่างจากเรือนหลักและเรือนข้างไปไกลหน่อย เพราะเถียนฮูหยินไม่ชอบให้กลิ่นอาหารลอยมาติดเสื้อผ้าเ้าค่ะ"
เมิ่งอ้ายเยว่พยักหน้าหนหนึ่ง สตรียุคโบราณนี่เื่มากจริงๆ ทุกอย่างจะต้องพิถีพิถัน ช่างต่างจากนางที่ไม่ค่อยสนใจอะไรสักเท่าไหร่
เมิ่งอ้ายเยว่ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปจากเรือนทันที อีกทั้งยังไม่ให้อาหมี่ตามไปด้วย อาหมี่เองก็ไม่กล้าขัดรีบก้มหน้ากินข้าวต่อ ั้แ่นางมารับใช้คุณหนูใหญ่ นี่เป็ครั้งแรกที่คุณหนูแบ่งอาหารให้นางกินและไม่ดุด่าทุบตีนาง นางคิดไปไกลถึงขนาดที่ว่า หากเ้านายของนางใจดีเช่นนี้ไปเรื่อยๆ นางก็ยินดีเหลือแสน
ด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นนางเดินมาจนถึงโรงครัวที่ตั้งอยู่หลังจวน แต่กลับพบว่ายามนี้โรงครัวถูกปิดล็อคด้วยกุญแจไปเสียแล้ว นางกระทืบเท้าเร่าๆ คนบ้านนี้จะแล้งน้ำใจเกินไปแล้ว ให้ตายเถอะ!
ครั้นจะเอาสมบัติที่พอมีติดตัวไปขายแลกเงินมาซื้อของกินก็รู้สึกเสียดายยิ่ง ส่วนเครื่องประดับสวยๆ งามๆ ที่เถียนฮูหยินเจียดมาให้ด้วยความเวทนานางก็ตัดใจขายไม่ลง เมื่อคิดถึงเครื่องประดับที่อยู่ในหีบนางก็ถึงกับส่ายหน้าไปมาอย่าทอดถอนใจ เสื้อผ้าเครื่องประดับที่เหมือนแม่ชีจำศีลพวกนั้นดูแล้วไม่เข้ากับนางเลย ครั้นอยากจะใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสก็ไม่มีสักชุด ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห!
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับกุมขมับ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับนิยายเื่นี้กันนะ ทุกอย่างดูไม่เหมือนกับที่นางเคยอ่านมาเลย ซ้ำร้ายฐานะคุณหนูใหญ่แต่เปลือกนี้ก็เหมือนจะมีเื่ราวซับซ้อนอยู่ไม่น้อย!
เมิ่งอ้ายเยว่เดินคอตกกลับเรือนตนอย่างอดสู ทว่าระหว่างทางนางไม่ทันระวังจึงเดินไปชนเข้ากับใครบางคน เมื่อหญิงสาวเงยหน้าไปมองก็ชะงักไปทันทีเมื่อพบว่าตนได้เดินชนบุรุษผู้หนึ่งเข้า ชายหนุ่มตรงหน้าร่างกายสูงใหญ่กำยำหน้าตาหล่อเหลา เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูหรูหราเป็อย่างยิ่ง แม้กระทั่งเข็มขัดบนเอวของเขายังเป็เข็มขัดทอง ดูแล้วคงเป็ขุนนางที่เรืองอำนาจไม่น้อยเลย
ชายหนุ่มตรงหน้าขยับกายหนีเมิ่งอ้ายเยว่อย่างรังเกียจ อีกทั้งยังปรายตามองนางอย่างดูแคลน
"เมิ่งอ้ายเยว่ ข้าจำได้ว่าข้าเคยบอกเ้าไปหลายครั้งแล้ว ว่าชาตินี้นอกจากเมิ่งลี่หรู ข้าไม่มีวันชายตามองเ้า เ้ามันก็แค่บุตรสาวบุญธรรม เทียบไม่ได้กับเมิ่งลี่หรู อีกทั้งยังจิตใจคับแคบริษยา อยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน และยังคิดเพ้อฝันอยากจะอยู่ข้างกายข้า ช่างหน้าด้านหน้าทนยิ่งนัก ข้าไป๋จิ่งหยวน ไม่มีทางชายตามองเ้า จำใส่หัวเอาไว้!"
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับกระพริบตาปริบๆ เมื่อถูกด่าเป็ชุด ไม่นานสมองของนางก็สามารถประมวลผลการทำงานได้
อ้อ ที่แท้บุรุษตรงหน้าของนางก็คือไป๋จิ่งหยวนพระเอกผู้ผดุงคุณธรรมที่เป็คนสังหารฮ่องเต้ทรราชเพื่อราษฎรนี่เอง ในนิยายกล่าวเอาไว้ว่าบิดาของไป๋จิ่งหยวนเดิมทีเป็รองแม่ทัพผู้มากความสามารถ ชนะศึกใหญ่ในามานับไม่ถ้วนและยังมีส่วนช่วยให้อดีตฮ่องเต้ผู้ล่วงลับได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น จึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็ท่านโหว หลังจากบิดาของเขาตายในสนามรบ บุรุษผู้นี้ก็รับตำแหน่งโหวต่อจากบิดาและก้าวเข้าสู่กองทัพเพื่อสานต่อเจตนารมย์ของบิดาตน ต่อมาได้สร้างความดีความชอบสามารถกวาดล้างฏทางชายแดนตอนใต้จนหมดสิ้น ตอนนี้เขามีอายุยี่สิบสามปีแล้ว และยังมีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือไม่น้อยเลย คนตระกูลไป๋เป็แม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งยังไม่ค่อยจะลงรอยกับตระกูลหลี่ ซึ่งเป็ตระกูลแม่ทัพเช่นเดียวกัน แต่ที่คนตระกูลหลี่ได้ครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เป็เพราะฮ่องเต้ทรราชยกยอคนของตนโดยไม่สนใจคำทัดทานของขุนนาง อีกทั้งยังมอบตำแหน่งกั๋วกงให้ตระกูลหลี่อีกด้วย
ตระกูลหลี่เป็ตระกูลของไทเฮา ซึ่งสนับสนุนฮ่องเต้ทรราชผู้นั้น แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับตระกูลไป๋อย่างราบคาบ
ตอนอ่านนิยายนางจินตนาการว่าเขาจะต้องหน้าตาหล่อเหลาเป็บุรุษหน้าหยกในตำนาน แต่ทว่าเมื่อมาเห็นด้วยตาเนื้อกลับพบว่าก็ไม่เท่าไหร่
เมิ่งอ้ายเยว่ที่รู้ตัวตนของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อเพื่อหาเื่สนทนากับเขา นางไม่ใช่เมิ่งอ้ายเยว่คนเก่า ไม่มีความจำเป็ต้องเสวนาพาทีกับบุรุษที่ไม่ชอบหน้านาง
“ขออภัยที่ล่วงเกิน เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"
"เหอะ ทำผิดแล้วคิดหนี ช่างเป็สันดานที่ตามติดตัวเ้ามาั้แ่เกิดโดยแท้"
เมิ่งอ้ายเยว่ที่กำลังจะเดินจากไป พลันชะงักฝีเท้าในทันที แล้วจึงหันกลับไปมองไป๋จิ่งหยวนทันที อันใดอัน เป็บุรุษอกสามศอกแต่กลับด่าทอสตรีเช่นนี้
เอ๋? นางจำได้ว่าในนิยายถึงเขาจะปากจัดแต่ก็ไม่รุนแรงปานนี้นี่นา แล้วเหตุใดยามนี้ถึงปากร้ายได้ขนาดนี้กันเล่า
เหอะ คิดว่าด่าเป็คนเดียวหรือ?
เมิ่งอ้ายเยว่ยิ้มเยาะแล้วจึงเปิดสกิลด่าคนทันที
"นี่ไป๋จิ่งหยวน ท่านอย่าทะนงตนเองให้มันมากนักจะได้หรือไม่ ท่านคิดว่าท่านหน้าตาหล่อเหลาชวนมองมากนักหรือ ให้ตายเถอะ ข้าจะบอกให้นะ ตาของท่านยามนี้ดำคล้ำเหมือนพวกไม่หลับไม่นอน จมูกท่านก็โด่งเหมือนพวกผีปีศาจ ปากท่านก็ห้อย องค์รวมบนใบหน้าของท่านช่างอุบาทว์สิ้นดี นิสัยก็แย่ ปากก็เหมือนเลี้ยงสุนัขเอาไว้ตลอดเวลา ข้าช่างตาบอดจริงๆ ที่เคยหลงรักท่าน แต่ตอนนี้ข้าตาสว่างแล้วล่ะ นับแต่นี้ข้าจะไม่ตามตอแยท่านอีก เหอะ หน้าเหมือนปลาคราฟขี้ไม่ออกแท้ๆ แต่กลับทะนงตนว่าหล่อปานเทพบุตร ช่างทุเรศสิ้นดี โยว่!"
อ่า ความรู้สึกเหมือนได้ร้องเพลงแรพด่าคนนี่มันช่างมีความสุขจริงๆ
ช่างปลอดโปร่งโล่งสบายที่สุดเลย!
ไป๋จิ่งหยวนถูกด่าจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เขาไม่เคยถูกสตรีคนใดด่าทออย่างสาดเสียเทเสียเช่นนี้มาก่อนเลย
“เ้าช่างบังอาจนัก!"
"อะไรกัน ท่านด่าคนอื่นได้แต่คนอื่นด่าท่านไม่ได้หรือ ใหญ่โตมาจากที่ใดกัน?"
ไป๋จิ่งหยวนถูกเมิ่งอ้ายเยว่ยั่วโทสะจนโมโห เมิ่งอ้ายเยว่เองก็ไม่ชอบหน้าเขาเช่นเดียวกัน พระเอกบัดซบอันใดกัน คนเขียนตาบอดหรือไร!
"เมิ่งอ้ายเยว่ ที่เ้าด่าทอข้าเช่นนี้เป็เพราะว่าเ้าอยากเรียกร้องความสนใจจากข้าสินะ เ้า้าสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับการออกไปจากชีวิตข้า ไหนบอกมาสิ เผื่อว่าข้าจะเวทนาเ้าบ้าง"
โอโหว พ่อสุดหล่อในใต้หล้า เรียกร้องความสนใจอะไร นี่เขาเรียกเกลียดค่ะ!
เมิ่งอ้ายเยว่หมดคำจะด่าจริงๆ แต่ทว่าอยู่ๆ นางก็คิดแผนการหนึ่งขึ้นมาได้ จึงหันมาส่งยิ้มเ้าเล่ห์ให้เขา
"ไป๋จิ่งหยวน เมื่อครู่ท่านบอกว่า หากข้าอยากได้สิ่งใดท่านก็จะให้ ขอเพียงข้าตัดใจจากท่านใช่หรือไม่?"
"ถูกต้อง"
"ห้าร้อยตำลึง"
"หา!"
ไป๋จิ่งหยวนถึงกับหน้าดำคล้ำขึ้นมาทันที
"เมิ่งอ้ายเยว่ ข้าเพิ่งรู้ว่านอกจากเ้าจะหน้าด้านแล้วยังหน้าเงินอีกด้วยด้วย!"
เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่โกธร นางจำได้ว่าพระเอกบัดซบนี่มันมีจุดอ่อนคือป่วยเป็โรคคลั่งรักเมิ่งลี่หรู และกลัวสตรีนางนั้นจะโกธรจนขึ้นสมอง จึงยอมทำทุกอย่างเพื่อเมิ่งลี่หรูอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่ยอมให้เมิ่งลี่หรูต้องเ็ปใจแม้แต่น้อย
อยู่ๆ เมิ่งอ้ายเยว่ก็รู้สึกว่าตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม หญิงสาวรีบขยับเข้ามาแนบชิดกับบุรุษตรงหน้าทันที
"จะเอายังไง ข้าลดให้แล้วนะห้าร้อยตำลึงค่าตัดใจ ท่านจ่ายห้าร้อยตำลึงมาปุ๊บ ข้าตัดใจปั๊บเลย แต่ถ้าท่านมัวชักช้า เกิดน้องลี่หรูของท่านมาเห็นว่าข้ากับท่านกำลังออดอ้อนออเซาะกันอยู่ตรงนี้ นางอาจจะโกธรและไม่ยอมแต่งงานกับท่าน ให้ตายเหอะ ท่านโหวผู้ยิ่งใหญ่ระหว่างหญิงงามในดวงใจกับเงินห้าร้อยตำลึง ท่านว่าสิ่งไหนมีค่ามากว่ากัน?"
ไป๋จิ่งหยวนกัดฟันกรอด ยามนี้เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังถูกโจรปล้นชิงอย่างไรอย่างนั้น
"ข้าไม่มีตั๋วเงินติดตัวมามากมายปานนั้น"
"เช่นนั้นก็เอาเข็มขัดทองบนเอวท่านมาให้ข้าจำนำก่อนดีไหม?"
ไป๋จิ่งหยวนถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก ส่วนเมิ่งอ้ายเยว่ก็ขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเด็ดขาด ล้วงหยิบตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงยัดใส่มือนางทันที
“ได้เงินแล้วก็ไสหัวไป และอย่ามาเข้าใกล้ข้าอีก ข้าไม่อยากให้ลี่หรูเข้าใจข้าผิด ใจของข้ามีเพียงนางผู้เดียวเท่านั้น"
"จ๊ะ พ่อคนคลั่งรัก"
ไป๋จิ่งหยวนถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกว่าวันนี้เมิ่งอ้ายเยว่ดูแปลกไป คำพูดคำจาก็ดูพิลึกกว่าแต่ก่อนยิ่งนัก
"จำไว้ เ้าบอกจะตัดใจก็ห้ามผิดคำพูด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ปรานีเ้า!"
"แน่นอน ระหว่างท่านกับเงินห้าร้อยตำลึง ข้าเลือกเงิน ขอบคุณท่านมากที่จ่ายค่าตัดใจให้กับข้า ขอตัวก่อนนะ บายจ๊ะ"
เอ่ยจบนางก็รีบเดินกลับไปที่เรือนของตนเองทันที เมื่อมาถึงเรือน นางก็ล้มตัวลงไปนอนกลิ้งบนเตียงเหมือนปลาเค็มได้น้ำ พลางกู่ร้องออกมาอย่างมีความสุข
ให้ตายเถอะ!อยู่ดีดีก็มีเงินห้าร้อยตำลึงร่วงลงมาใส่หัว เงินก้อนนี้นับได้ว่าช่วยต่อชีวิตให้กับนางโดยแท้ นางจะต้องเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็ แล้วค่อยคิดหาลู่ทางต่อไป
โชคดีที่โรคคลั่งรักของไป๋จิ่งหยวนยังไม่เปลี่ยนไป นางจึงหลอกเอาเงินเขามาได้โดยง่าย
จะว่าไปนางก็รู้สึกเสียดายเข็มขัดทองบนเอวเขาอยู่ไม่น้อย ถ้านางเอาไปจำนำจะต้องได้ราคาสูงแน่เลย!
