เมื่อกล่าวถึงหลงเซี่ยวอวี่หลังจากที่จากไป
เทือกเขาสูงเสียดฟ้า ยอดเขาสูงตระหง่านขึ้นไปในชั้นเมฆอันแสนอันตรายราวกับมิอาจสั่นคลอนให้แก่ผู้คนที่เฝ้ามอง
ทว่า บนยอดเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเมฆหมอกในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดกลับมีตำหนักที่งดงามโอ่อ่าตั้งอยู่ อวี่กง
นี่คือสิ่งก่อสร้างที่หรูหราสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้ อิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่นวิจิตรประณีต สีทองอร่ามแวววาว
สองข้างของตำหนักขนาดใหญ่มีองครักษ์มากฝีมือที่เลือกจากหนึ่งในหมื่นเข้าแถวเป็สองฝั่ง ท่าทีเคร่งขรึมดุดัน
แต่ละคนรูปงาม ร่างสูงตระหง่านดั่งต้นสน เปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง ยืนอย่างองอาจผ่าเผย เป็ระเบียบเรียบร้อย ไม่วุ่นวายแม้แต่น้อย เพียงเห็นก็รู้ว่าฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงและไม่ง่ายดาย
ตำหนักอวี่กงที่อยู่เหนือสิ่งใดนั้นแผ่ซ่านพลังอันยิ่งใหญ่ โอ่อ่าสง่างาม ไม่มีที่ใดที่ไม่สะท้อนถึงความทรงอำนาจน่าเกรงขาม
ทว่า อวี่กง คำง่ายๆ เพียงสองคำ ก็ทำให้คนสั่นสะท้าน เพียงแค่เห็นก็ทำให้คนหวาดกลัวจนก้าวถอยหลัง
เพราะที่นี่เป็สถานที่ส่วนพระองค์ของฉีอ๋อง และที่นี่เป็อันดับสองของหกสถานที่ที่ทรงอิทธิพลในแผ่นดินใหญ่ิเยว่ ทุกคนล้วนได้ยินว่าเป็สถานที่กินคนไม่คายแม้แต่กระดูก
ทว่า ในส่วนที่ลึกที่สุดของตำหนักโอ่อ่าหรูหราแห่งนี้ กลับมีสวนที่งดงามแปลกตาอันลึกลับเป็ที่สุด
สวนมีขนาดใหญ่ มีโขดหินและน้ำตกส่งเสียงซ่าๆ ไม่หยุดหย่อน สิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยความสวยงามสะท้อนแสงระยิบระยับจนตาพร่าเบลอ
ระหว่างศาลาประดับประดาไปด้วยต้นไม้อันมีชีวิตชีวาและก้อนกรวดสีขาวธรรมชาติ เงียบสงบ บรรยากาศงดงามชวนหลงใหล
พื้นปูด้วยหยกสีขาวมันแพะ ส่องประกายแวววาว ทั้งสวนนั้นมีเสน่ห์เรียบง่ายอันสง่างาม
ในสวน หลงเซี่ยวอวี่สวมชุดคล่องตัวสีขาวราวหิมะ มือเรียวยาวชุ่มชื้นหนุนไว้ใต้ศีรษะ นอนอยู่บนเก้าอี้เอนใต้ต้นไม้ตามอำเภอใจ
อาภรณ์สีขาวที่ห้อยลงมาจากเก้าอี้เอนย่อมต้องระไปตามพื้น ซ้อนกันเป็ชั้น บิดหมุนเป็เกลียว เมื่อลมแ่เบาพัดผ่าน ก็เหมือนผิวน้ำสะท้อนแสงที่ระลอกไหวน้อยๆ อย่างงดงาม
บนโต๊ะไม้จันทน์มีกาน้ำชาวางไว้ ไอน้ำพวยพุ่ง กลิ่นหอมของชาจางๆ ลอยวนไปในอากาศ ทำให้คนผ่อนคลาย
แสงแดดยามบ่ายเจิดจ้าทว่าไม่ร้อน สายลมอบอุ่นพัดผ่านต้นไม้ ลอดช่องว่างระหว่างใบไม้ พัดพาใบที่กระดำกระด่างให้ร่วงโรยจนเต็มโต๊ะไม้จันทน์
่เวลางดงาม ร่มเย็นสุขสงบ!
คนที่นอนอยู่ มีเครื่องหน้าทั้งห้าอันงดงาม โครงหน้าคมคาย หล่อเหลา รูปงามไม่ธรรมดา บนตัวราวกับถูกอาบด้วยรัศมีที่งดงามที่สุดในโลกใบนี้ เพียงแค่พินิจมองหนึ่งครา ก็ทำให้คนไม่อาจละสายตาได้
เยวี่ยหลิงหลงยืนอย่างสงบอยู่ตรงประตูไม่ไกล สวมใส่ชุดสีขาวหิมะ งามเหนือสิ่งสกปรก กระโปรงพลิ้วไหว ยืนอย่างอ่อนหวาน เสมือนนางเซียนที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์
ดวงตาที่ฉ่ำน้ำทอประกายระยิบระยับ มองบุรุษผู้สง่างามเป็หนึ่งในอาภรณ์สีขาวที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่า
ั์ตางามมีแสงวาบผ่าน แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว...
นางอยากเดินไปใกล้ๆ เพื่อมองบุรุษที่ทำให้นางหลงใหลจนเก็บไปเพ้อฝันอย่างละเอียดยิ่งนัก ทว่านางมิอาจทำและมิกล้า
มีเพียงเช่นนี้ นางจึงจะได้เฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ
นางเข้าใจเขาดี เพราะเพียงแค่เดินเข้าไปใกล้ นางก็จะไม่มีโอกาสไปตลอดกาล
บุรุษผู้นี้...เมื่อห้าปีก่อน นางได้พบเขาเป็ครั้งแรกด้วยความบังเอิญ
ยามนั้นเพียงชำเลืองชั่วแวบเดียว แต่เงาของเขากลับสลักลงในส่วนที่ลึกสุดในหัวใจนางอย่างแแ่ ไร้หนทางลบเลือน
สามปีก่อน หรือบางทีอาจจะเป็เพราะโอกาสที่นางตั้งใจสร้างขึ้นมา จึงโชคดีที่สละตัวช่วยชีวิตเขา ถึงได้มีโอกาสอยู่ข้างกายเขา
เดิมนางคิดว่า นางมีต้นทุนเป็ความงามจาก์ สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่เขาได้!
เดิมนางคิดว่า ขอเพียงได้เข้าใกล้เขา โลกของนางก็จะถูกเติมเต็ม!
ทว่า...ต่อมา นางถึงได้รู้ว่า ไม่ว่านางจะมีโอกาสที่สร้างขึ้นมานั่นหรือไม่ เขาก็จะมาหานางโดยที่ไม่เปลืองแรง
เพื่อบุคคลสำคัญในชีวิตเขา เขาจึงมาหานาง และในสายตาเขา นางก็เป็เพียงเครื่องมือที่มีประโยชน์ และสำคัญยิ่ง
บางทีอาจจะเพราะนางเคยช่วยชีวิตเขา อาจเพราะคนสำคัญผู้นี้ อาจจะเพื่อตอบแทนบุญคุณ
นางจึงมีทุกสิ่งเช่นปัจจุบัน และทุกสิ่งนี้ก็เป็เขาที่มอบให้ ทว่าเขาเองกลับไม่เป็ของนางแม้แต่น้อย
และเป็เพราะบุคคลสำคัญนี้ ปัจจุบันนางจึงได้โอกาสเพียงหนึ่งเดียว สามารถแสดงความรักและชื่นชมภายในใจออกมาต่อหน้าเขาโดยไร้การซ่อนเร้น ทว่าก็ยังมิอาจทำให้เขามองเห็นได้
แม้เขาจะสูงศักดิ์มิอาจเปรียบ ไกลเกินเอื้อม แต่เขาพูดว่าเพราะบุคคลสำคัญคนนี้ นางสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา ระหว่างพวกเขาไม่มีความสูงส่งต่ำต้อย ทว่าก็มาถึงแค่เพียงความสัมพันธ์ขั้นนี้
แม้จะเป็เวลาสั้นๆ สามปี แต่นางก็คุ้นเคยกับเขานัก คุ้นเคยยิ่งกว่าใครๆ
ดังนั้นไม่ว่าเื่ใดนางล้วนทำได้ตามใจปรารถนา ทว่ากลับมิอาจแสดงความรักเทิดทูนของนางออกไปต่อหน้าเขาได้แม้แต่น้อย
ต่อให้เป็เช่นนั้นนางก็ยังยินยอมพร้อมใจ!
ก่อนหน้านี้ แค่มีเพียงโอกาสได้เฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ นางก็พอใจแล้ว
เดิมนางคิดว่า ความเ็าไร้ความรู้สึก หยิ่งทระนง ที่ไม่ว่ากับผู้ใดก็เป็เช่นนี้ของเขาจะไม่มีวันแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล
เดิมนางคิดว่า นางเป็สตรีเพียงคนเดียวที่ได้เข้าใกล้เขา เป็คนเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้
เดิมนางคิดว่า จะต้องมีสักวันที่นางหลอมละลายหัวใจเย็นเยียบของเขา เข้าใกล้เขาอย่างช้าๆ
ทว่า ไม่รอให้ถึงวันที่นางหลอมละลายใจที่เย็นเยียบของเขา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เปลี่ยนไปจนมิอาจตั้งตัว ไร้ซึ่งเค้าลางล่วงหน้า!
วันนั้นเป็เพราะบุคคลสำคัญคนนั้น นางจึงได้ไปหาเขาด้วยความยินดีเต็มอก นางคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะใกล้เข้ามาอีกเพียงเล็กน้อยเพราะเื่นี้
เพียงแค่เล็กน้อย นางก็ยินดีแล้ว!
แต่...นั่นเป็เพียงแค่ความคิดนางเท่านั้น
วันนั้น นางเห็นเองกับตาว่ามีสตรีสภาพอเนจอนาถไม่มีชิ้นดีขี่ม้าตัวเดียวกับเขา ถูกเขาโอบไว้ในอ้อมแขนแน่น และยังขี่อาชาเปินเหลยด้วยกัน
เขามีโรครักสะอาดขั้นรุนแรง ต่อให้นางสามารถเข้าใกล้เขาได้ แต่กลับแตะต้องเขาไม่ได้แม้แต่น้อย ทว่าในวินาทีนั้น นางกลับได้เห็นว่าในอ้อมกอดของเขามีสตรีที่ทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตสกปรก
์รับรู้ว่า ในชั่วขณะนั้นเอง ภายในใจนางก็ริษยาจนเกือบคลุ้มคลั่ง
เพียงนิดเดียวเท่านั้น เพียงแค่นิดเดียวนางก็อยากพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจทุกอย่าง แต่นางมิอาจทำ และยังต้องแย้มยิ้มรับ
อาชาเปินเหลยเป็ม้าที่พยศดื้อรั้น รูปงามไม่ธรรมดา หยิ่งทระนงเหมือนผู้เป็นายของมัน ผู้อื่นล้วนเข้าใกล้มันไม่ได้
ก่อนหน้ามีครั้งหนึ่ง ที่นางพูดกึ่งๆ ล้อเล่นว่าอยากขี่อาชาเปินเหลย
แม้ภายนอกจะเป็เพียงการล้อเล่น แต่ในใจกับปรารถนายิ่งนัก เพราะนางจะสามารถปราบพยศม้าที่มีเพียงเขาขี่เท่านั้น
แต่กลับถูกเขาปฏิเสธ และเป็การปฏิเสธที่เด็ดขาดโหดร้าย เขาพูดว่า ม้าทั้งใต้หล้านี้เ้าล้วนขี่ได้ มีเพียงอาชาเปินเหลยเท่านั้นที่เ้าไม่มีคุณสมบัติขี่มัน
เ้าไม่มีคุณสมบัติ...สี่คำที่คมกริบและทำร้ายผู้อื่นมากมายนัก
เขาบอกว่านางไม่มีคุณสมบัติ นางก็ไม่มีคุณสมบัติ ยังจะมีวิธีอื่นอีกหรือ?
แต่ยังไม่ยอมแพ้ นางเชื่อว่าสักวัน นางจะมีคุณสมบัติ ทว่าตอนนี้คุณสมบัตินั้นกลับถูกผู้อื่นแย่งชิงไปอย่างไม่รู้ตัว
และคนที่มีคุณสมบัติผู้นั้น...นางรู้จัก!
ั้แ่ที่นางรู้ว่าไทเฮาประทานสมรส และเขาก็รับการประทานสมรสนี้ ้าสู่ขอหวางเฟย นางก็สืบทุกอย่างเกี่ยวกับสตรีผู้นั้นออกมาทั้งหมด
หญิงผู้นั้นเป็เพียงบุตรีแม่ทัพที่ขี้ขลาดธรรมดาๆ ไร้วิชาความรู้
นางไม่รู้ว่า เพราะเหตุใดเขาจึงได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับสตรีไร้ความรู้ผู้นั้นนัก
นางไม่รู้ว่า เพราะเหตุใดเขาที่เฉยเมยเ็าราวกับน้ำแข็ง ถึงได้ปฏิบัติต่อหญิงอื่นอย่างใกล้ชิดเช่นนี้
นางไม่เคยเห็นเขาเป็แบบนี้มาก่อน!
แต่ว่า...
นางไม่มีคุณสมบัติ หญิงผู้นั้นก็ยิ่งไม่มีคุณสมบัติ!
หญิงที่มีใจปรารถนาต่อเขามีมากมายนับไม่ถ้วน เพียงนางคิด เพียงนางเห็นว่าเกะกะสายตา นางก็สามารถทำให้พวกนางแต่ละคนหายไปจากโลกนี้ได้ตลอดกาล
ครั้งนี้ก็เช่นกัน...
กำปั้นภายใต้แขนเสื้อสีขาวของเยวี่ยหลิงหลงกำแน่น ั์ตาปรากฏอารมณ์ที่วุ่นวายซับซ้อน แววตาราวกับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกไว้หนึ่งชั้น กางกั้นด้านดำมืดที่ลึกสุดในดวงตาของนางไว้
เล่อเทียนออกมาจากอาคารก็ชำเลืองมองหลงเซี่ยวอวี่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนไพเราะ พูดกับเยวี่ยหลิงหลง “แม่นางเยวี่ย เหตุใดจึงยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไป?”
ในระหว่างที่ั์ตางามของเยวี่ยหลิงหลงกำลังเคลื่อนไหว ฝังกลบอารมณ์เมื่อครู่จนไร้ร่องรอย มุมปากของนางยกขึ้นน้อยๆ “ยากนักที่ท่านอ๋องจะมีเวลาพักผ่อนอย่างสบายใจเช่นนี้ หลิงหลงไม่อยากไปรบกวน”
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเยวี่ยหลิงหลง เล่อเทียนก็ทำเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอีก ก้าวออกไป
เยวี่ยหลิงหลงเองก็ย่างก้าวตามเข้าไปอย่างช้าๆ ด้วยความสุขุม
เล่อเทียนเดินตรงไปที่เก้าอี้ไม้จันทน์และนั่งลงตามอำเภอใจ ยกกาน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมารินให้ตนเองอย่างสง่างาม
เยวี่ยหลิงหลงนั่งลงบนโต๊ะตนเอง สีหน้าเยือกเย็น ท่วงท่าสง่างาม ดวงตางามสงบนิ่งราวกับเซียน ให้ความรู้สึกสูงศักดิ์เยือกเย็นแก่ผู้คน
เล่อเทียนชำเลืองมองคนที่เอนอยู่บนเก้าอี้ แย้มยิ้มอ่อนโยน น้ำเสียงผ่อนคลาย “เซี่ยวอวี่ วันหน้าฟูเหรินไม่ต้องพึ่งยาชนิดอื่นแล้ว เสี่ยงอันตรายในการเข้ากันได้ของยา ในที่สุดร่างกายของนางก็มีพัฒนาการใหม่ เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งอาการก็ดีขึ้นมาอีก”
สำหรับเื่นี้ คนที่ปีติยินดีจนแทบทนไม่ไหวก็คือเขา
ั้แ่รับงานนี้มาเขาก็ไม่ได้มีชีวิตอิสรเสรีเลยสักวัน
เพราะเื่นี้ เพราะท่านอ๋องใบหน้าเ็าผู้นี้กดดันเขาอยู่ตลอดเวลา หลายปีมานี้ เพียงแค่คนไข้เจอลมพัดใบไม้ไหว คนที่โชคร้ายคนแรกก็เป็เขา
ดังนั้นทุกวันเขาล้วนต้องดูแลอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ทุกวันจิตใจล้วนอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียด กล้าโกรธไม่กล้าพูด เรียกได้ว่าน้อยอกน้อยใจ
ทนทุกข์มานานหลายปี ในที่สุดก็รอจนเมฆาคล้อยจันทร์กระจ่าง ในที่สุดก็มีความหวังอันแจ่มแจ้ง
ต่อไปในที่สุดก็สามารถผ่อนลมหายใจ ใช้ชีวิตอย่างสบายอุรา คิดแล้วก็สบายอารมณ์นัก!
เขาก็อยากใช้ชีวิตอย่างสบายใจสมถะเช่นนั้นนัก เขายังอยากไปขอคำชี้แนะวิชาแพทย์กับมู่จื่อหลิงอีกด้วย
หลงเซี่ยวอวี่ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาสีดำราวกับนิล เปล่งประกายเจิดจ้า เขาชำเลืองมองเล่อเทียนด้วยความสุขุม “ทำไม? นี่เ้าคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระลอยชายในอนาคต?”
ไม่มีใครรู้จักฉีอ๋องดีไปกว่าเขาแล้วจริงๆ เล่อเทียนลอบโอดครวญในใจ ภายนอกกลับปฏิเสธอย่างแน่วแน่ พูดอย่างเคร่งขรึม “ที่ไหนกัน ไม่ง่ายดายเลยที่อาการของฟูเหรินจะดีขึ้นมา ต่อไปย่อมต้องยิ่งทุ่มเทแรงกายแรงใจ”
หลังจากพูดคำนี้จบ เขาก็รินน้ำชาให้หลงเซี่ยวอวี่อย่างขะมักเขม้น
ยามนี้เขาได้แต่อ้อนวอนให้หลงเซี่ยวอวี่เอ่ยปากให้เขากลับอุทยานจื่อจู๋ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ ดังนั้นขอเพียงมีธุระเขาก็จะสามารถวิ่งกลับไปมาสองที่ได้
สามารถพูดได้ว่าเขาชูอวิ๋นและอุทยานจื่อจู๋มีพันคีรีหมื่นธารากางกั้น ถ้ามิใช่เพราะวิชาตัวเบาของเขาดี ทรมานมาหลายปีดีดักเช่นนี้ เขาคงเหนื่อยจนแห้งไปแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้ตอบเขา ลุกขึ้นยื่นมือไปหยิบถ้วยชา
และในเวลานี้เอง......
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้