ฉี่ชิ่งรู้ว่าบ้านของนายพรานถังที่หมู่บ้านข้างๆ อยู่ที่ไหน และขับเกวียนวัวเป็ อวิ๋นโส่วจงจึงมอบหมายให้ฉี่ชิ่งไปที่หมู่บ้านข้างๆ แทนเขา
แต่เมื่อมีอวิ๋นเจียวไปด้วยเขาก็ไม่ค่อยวางใจ เพราะฉี่ชิ่งยังเด็ก หากเกิดเื่อันใดขึ้น จะสามารถปกป้องเจียวเอ๋อร์ได้หรือ?
เมื่อเห็นเขาเป็กังวล อวิ๋นโส่วเย่าจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่รอง เช่นนั้นข้าขับเกวียนเองก็แล้วกัน ให้ฉี่ชิ่งไปช่วยพ่อเขาทำงานก่อนเถิด”
“ได้สิ! งั้นก็รบกวนเ้าแล้ว!” มีอวิ๋นโส่วเย่าไปด้วย อวิ๋นโส่วจงก็วางใจ
ฉี่ชิ่งรีบส่งบังเหียนเกวียนให้อวิ๋นโส่วเย่า ส่วนอวิ๋นโส่วจงอุ้มอวิ๋นเจียวขึ้นเกวียน จัดแจงให้นางนั่งลงอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็กำชับอวิ๋นฉี่ซานสองสามประโยค แล้วปล่อยให้พวกเขาออกจากบ้าน
แต่ปรากฏว่าพอเห็นอวิ๋นเจียวจะออกจากบ้าน เสี่ยวไป๋ก็วิ่งปราดเข้ามาทันที มันะโขึ้นไปบนเกวียนอย่างว่องไวก่อนจะนั่งลงข้างๆ อวิ๋นเจียว แล้วยังเอาหัวเล็กๆ ของมันมาถูไถขาของนางอีกด้วย
ช่างเป็สัตว์เลี้ยงที่ขี้อ้อนจริงๆ อวิ๋นเจียวอดไม่ได้ที่จะลูบหัวมันเบาๆ ไม่ได้ไล่มันลงจากเกวียน จึงพามันไปที่หมู่บ้านข้างๆ ด้วยกัน
เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้านข้างๆ ก็ถามหาที่อยู่ของบ้านถังสุ่ย พอขับเกวียนไปถึง ยังไม่ทันจะเข้าไปในบ้าน ก็ได้ยินเสียงดังโวยวายและเสียงทุบทำลายข้าวของดังออกมา
ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยท้วม สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้ม กำลังสั่งการให้พวกอันธพาลถือกระบองไม้ทุบทำลายข้าวของภายในบ้านที่ทรุดโทรมอย่างบ้าคลั่งพลางะโด่าว่า “ใช้หนี้ วันนี้ต้องใช้หนี้!”
เสียงไออย่างรุนแรงดังมาจากในบ้าน ถังสุ่ยหน้าตาเต็มไปด้วยความกังวล เอ่ยขอร้องอย่างร้อนใจ “ผู้ดูแลจาง ข้าจะไปขายสัตว์พวกนี้ที่ในอำเภอ พอได้เงินแล้วจะรีบนำเงินมาคืนท่านทันที”
ชายร่างอ้วนพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “เ้าเด็กนี่คิดจะหลอกใครกัน? กระต่ายป่ากับไก่ป่าไม่กี่ตัว จะขายได้สักกี่ตำลึงเงิน? วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจนเลยนะ หากวันนี้พวกเ้ายังไม่ใช้หนี้ ข้าจะทุบบ้านพวกเ้าให้ราบเป็หน้ากลอง!”
ใบหน้าของถังสุ่ยแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่เขาก็ยังคงอ้อนวอนชายร่างอ้วนคนนั้นอย่างไม่ลดละ “ผู้ดูแลจาง ต่อให้ท่านทุบบ้านของข้า ท่านก็ไม่ได้เงินอยู่ดี โปรดผ่อนผันให้ข้าสักสองสามวัน ข้าจะเข้าไปล่าสัตว์บนเขาอีกครั้ง”
ชายร่างอ้วนแค่นเสียง “เ้าไม่ต้องเข้าไปบนเขาอีกรอบหรอก ข้าได้ยินมาว่าคราวก่อนที่เ้าขึ้นเขาไป เ้าขุดเจอโสมูเาอายุไม่น้อยมาหนึ่งราก เพียงนำมันออกมาให้ข้า หนี้ของเราก็ถือว่าหายกัน”
“ไม่เพียงเท่านี้ ข้ายังใจดีทำบุญได้สักหน่อย ให้เ้าไปรับยาที่ร้านยาจี้เหรินถังโดยไม่ต้องจ่ายเงินได้อีกสองชุด”
ถังสุ่ยได้ยินดังนั้นก็โกรธจนตัวสั่น แม้เขาจะอายุเพียงสิบห้าปี แต่เขาก็รู้ดีว่าโสมูเาในมือของเขามีค่ามากแค่ไหน
นั่นคือโสมูเาร้อยปีเชียวนะ ต่อให้ขายไม่ได้หนึ่งพันตำลึงเงิน อย่างน้อยๆ ก็ต้องขายได้เจ็ดแปดร้อยตำลึงเงิน แต่ผู้ดูแลจางคนนี้กลับบอกแค่ว่าจะเอามาหักล้างหนี้!
ไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะขายโสมูเานี้ เขาตั้งใจจะเก็บไว้ให้ปู่ของเขากินบำรุงร่างกาย
“ขออภัยผู้ดูแลจาง ข้าให้โสมูเาแก่ท่านปู่ของข้ากินเพื่อบำรุงร่างกายไปแล้ว”
เมื่อผู้ดูแลจางได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าอ้วนกลมก็บิดเบี้ยวทันที สีหน้าพลันเคร่งเครียด
แต่เขาก็ยังพูดต่อ “ไม่เป็ไร โสมูเามีสรรพคุณบำรุงร่างกาย เวลาแค่ไม่กี่วัน ต่อให้เ้าผ่าโสมูเามาใช้ก็คงไม่มากเท่าไรนัก ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเ้าแล้ว เ้าก็นำเอาโสมูเาที่เหลือออกมาให้ข้าก็พอ”
แม้ว่าโสมูเาร้อยปีที่ถูกตัดออกไปบางส่วนจะมีมูลค่าลดลง แต่อย่างน้อยก็ยังขายได้หลายร้อยตำลึงเงินอยู่ดี
“พี่ถังสุ่ย พี่เป็หนี้เขาเท่าไร?” เมื่อเห็นถังสุ่ยถูกบีบบังคับเช่นนี้ อวิ๋นฉี่ซานก็ทนไม่ไหว ะโลงจากเกวียนแล้วเอ่ยถาม
บ้านของนายพรานถังอยู่ริมสุดของหมู่บ้าน ติดกับเชิงเขา ดังนั้นถึงแม้จะมีคนมาหาเื่ ก็ไม่มีชาวบ้านคนอื่นๆ มาล้อมมุงดู
ไม่ใช่เพราะชาวบ้านในหมู่บ้านนี้มีจิตสำนึกสูงส่ง ไม่ชอบดูเื่สนุกๆ เพียงแต่บ้านของพวกเขาอยู่ห่างไกลเกินไป รอบๆ ก็ไม่มีไร่นา ปกติไม่ค่อยมีใครเดินผ่านมาทางนี้
ถังสุ่ยเห็นเกวียนมานานแล้ว เพียงแต่เขากำลังโต้เถียงกับผู้ดูแลจาง จึงไม่มีโอกาสทักทายผู้มาเยือน
“หึ! มันเป็หนี้ร้านยาจี้เหรินถังของพวกข้าห้าสิบตำลึงเงิน!” เมื่อเห็นว่าแม้คนที่เพิ่งมาถึงจะแต่งกายสะอาดสะอ้าน แต่ก็สวมเพียงชุดผ้าฝ้ายธรรมดาๆ ชนบทแบบนี้จะมีคนรวยได้อย่างไร?
ดังนั้นผู้ดูแลจางจึงแสดงท่าทางหยิ่งยโสอย่างเห็นได้ชัด
ถังสุ่ยหน้าแดงก่ำแล้วกล่าวว่า “ห้าสิบตำลึงเงินอะไรกัน เป็ยี่สิบห้าตำลึงเงินต่างหาก!”
ผู้ดูแลจางพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “เ้าเป็หนี้ค่ายาของร้านพวกข้า คิดว่าไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือยังไง?”
ถังสุ่ย “ข้าเพิ่งเป็หนี้ค่ายามาแค่ห้าวัน ต่อให้มีดอกเบี้ย มันจะขึ้นไปถึงยี่สิบห้าตำลึงเงินได้ยังไงกัน”
ผู้ดูแลจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เอาเป็ว่าตอนนี้เ้าเป็หนี้ ดอกเบี้ยเท่าไรข้าเป็คนกำหนด!”
ถังสุ่ยโกรธจัด “เ้า... รังแกกันเกินไปแล้ว!”
อวิ๋นเจียวลงจากเกวียน เดินไปหาถังสุ่ยพร้อมกับอวิ๋นโส่วเย่า นางปรายตามองผู้ดูแลจางอย่างเ็า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองถังสุ่ยแล้วเอ่ยว่า “พี่ถังสุ่ย เงินยี่สิบห้าตำลึงเงิน ดอกเบี้ยห้าวันก็เพิ่มเป็ยี่สิบห้าตำลึงเงิน นี่มันน่าจะเป็การปล่อยเงินกู้นอกระบบใช่ไหมเ้าคะ?”
“ข้าได้ยินพี่ใหญ่บอกว่า ท่านอาจารย์ที่สำนักศึกษาเคยสอนว่าแคว้นต้าเยี่ยห้ามปล่อยเงินกู้นอกระบบโดยเด็ดขาด ว่ากันว่ากวนเจีย [1] ทรงเกลียดชังคนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบมากที่สุด!”
“บังเอิญว่าบ่ายนี้ท่านพ่อของข้าจะไปที่ศาลาว่าการอำเภออยู่แล้ว เดี๋ยวพี่ถังสุ่ยไปหาท่านพ่อพร้อมกับข้าเถิดเ้าค่ะ แล้วไปที่ศาลาว่าการพร้อมกับท่านพ่อของข้า เพื่อให้ท่านพ่อเมือง [2] ได้ดูว่าภายใต้การปกครองที่ใสสะอาดของท่าน ยังมีคนกล้าปล่อยเงินกู้นอกระบบอย่างโจ่งแจ้ง!”
“นี่มันเป็การไม่ให้เกียรติท่านพ่อเมืองไม่ใช่หรือ? และนี่ก็เป็การไม่ให้เกียรติกวนเจียแห่งแคว้นต้าเยี่ยของเราด้วยมิใช่หรือ? เดี๋ยวข้าจะให้พี่ใหญ่ของข้าไปถามท่านอาจารย์ว่า การดูิ่ท่านพ่อเมืองมีโทษอะไร การดูิ่กวนเจียแห่งราชวงศ์ต้าเยี่ยของเรามีความผิดสถานใด?”
หึ... ใส่ร้ายป้ายสี อวิ๋นเจียวที่เคยอยู่เทียนเฉาท่องโลกอินเทอร์เน็ตมานานหลายปี อ่านจนจับกลวิธีการใช้ถ้อยคำแบบนี้ได้แล้ว
แน่นอนว่าแม้นางจะอายุยังน้อย แต่คำถามยาวเหยียดนี้ ทำให้ผู้ดูแลจางและพวกอันธพาลที่ติดตามเขามาเหงื่อแตกพลั่ก
เด็กหญิงตัวน้อยที่ปากกล้าพูดจาน่ากลัวเช่นนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาหรอกหรือ! หรือว่าแม้พวกนางจะสวมชุดผ้าฝ้าย แต่เป็คนของตระกูลผู้สูงศักดิ์กัน?
เขารู้มาว่าในหมู่บ้านนี้ มีจวนของผู้สูงศักดิ์จากเมืองหลวงอยู่ เมื่อคิดถึงเื่นี้ ผู้ดูแลจางก็เริ่มหวั่นใจ ยิ่งมั่นใจว่าเด็กหญิงคนนี้มีภูมิหลังไม่ธรรมดา
แน่นอนอยู่แล้ว! เด็กสาวบ้านนอกที่ไหนจะรู้เื่พวกนี้? เดี๋ยวก็กวนเจีย เดี๋ยวก็ท่านพ่อเมือง ไหนจะพูดเื่การปล่อยเงินกู้นอกระบบได้อย่างคล่องแคล่ว
ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ว่าอวิ๋นเจียวแค่พูดไปมั่ว ๆ ตอนเรียนหนังสือ นางไม่ได้อ่านนิยายเื่ ‘ความฝันในหอแดง’ [3] อย่างเสียเปล่านะ นางจำได้ว่าในนิยายเื่ความฝันในหอแดง หวังซีเฟิ่งถูกกล่าวหาว่าปล่อยเงินกู้นอกระบบ
การปล่อยเงินกู้นอกระบบคือการเอาเปรียบชาวบ้าน ตราบใดที่ฮ่องเต้ไม่โง่เขลา ก็จะไม่สนับสนุน และยังลงโทษอย่างหนักด้วย
ส่วนคำที่ชาวบ้านในแคว้นต้าเยี่ยใช้เรียกขานฮ่องเต้ ก็คล้ายๆ กับในสมัยราชวงศ์ซ่ง ในสถานการณ์ที่ไม่เป็ทางการ ผู้ที่มีการศึกษามักจะเรียกฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’
ดังนั้นการเดาสุ่มครั้งนี้ของนางจึงใกล้เคียงกับความจริงมาก
“ฮ่าๆ คุณหนูน้อย ข้าแค่ล้อเล่นกับถังสุ่ยเท่านั้น ร้านยาจี้เหรินถังของพวกข้าช่วยเหลือผู้คนด้วยใจ จะเก็บดอกเบี้ยค่ายาได้อย่างไรเล่า?”
“เพียงแต่พวกข้าก็ทำการค้า ซื้อสมุนไพรก็ต้องใช้เงินทุน จ้างหมอประจำร้านก็ต้องจ่ายเงินเดือน พวกข้าก็ลำบากเหมือนกัน วันนี้ถังสุ่ยต้องใช้หนี้ร้านยาจี้เหรินถังของพวกข้า มิเช่นนั้นข้าคงกลับไปรายงานไม่ได้”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผู้ดูแลจางของร้านยาจี้เหรินถังจะอธิบายให้เด็กหญิงอายุหกเจ็ดขวบฟังอย่างจริงจัง!
ตอนแรกทุกคนคิดว่าอวิ๋นเจียวจะพูดอะไรเพื่อช่วยผ่อนผันให้ถังสุ่ย หรือพูดแทนเขา แต่ใครจะรู้ว่าอวิ๋นเจียวกลับพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า
“เป็หนี้ก็ต้องชำระ เป็เื่ที่ถูกต้อง พี่ถังสุ่ยควรใช้หนี้ของพวกท่าน”
เชิงอรรถ
[1] กวนเจีย (官家) เป็คำที่ใช้เรียก ฮ่องเต้ หรือ จักรพรรดิ ในสมัยราชวงศ์ซ่งและในบางยุคของจีน คำนี้เป็คำที่ใช้ในลักษณะไม่เป็ทางการ
[2] ท่านพ่อเมือง (一县父母) หมายถึง พ่อแม่ของอำเภอ ใช้เรียกผู้ปกครองหรือเ้าหน้าที่ระดับสูงของอำเภอ เช่น นายอำเภอ เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ดูแลประชาชนในอำเภอ
[3] ความฝันในหอแดง (红楼梦) หรือนิยายเื่ ‘หงโหลวเมิ่ง’ เป็วรรณกรรมจีนชิ้นเอก ประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง กล่าวถึงเื่ราวความรักและโศกนาฏกรรมของตระกูลเจีย