“นายน้อย ข้าเกรงว่าจะต้องรบกวนท่านต่ออีกสักหน่อย เดี๋ยวรอเด็กน้อยหลับไปก่อนแล้วข้าค่อยพาเขากลับไป”
กงจื้อิไม่รู้ว่าจะพยักหน้าหรือไม่ดี เขาก้มลงไปมองอันเกอเอ๋อร์ที่กำลังนอนหลับอย่างสงบ จากนั้นเขาก็หยิบหนังสือข้างหมอนขึ้นมาหนึ่งเล่มและเริ่มอ่านหนังสือ
ท่านลุงอวิ๋นหยิบเทียนออกมาอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็ขยิบตาให้อวิ๋นอิ่งก่อนจะถอนตัวออกไป
ติงเหว่ยคอยเฝ้าลูกชายโดยหวังว่าเ้าเด็กอ้วนจะหลับไปอย่างรวดเร็วจะได้อุ้มเขากลับไป แต่ต่อมานางกลับรู้สึกว่าเปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ นางง่วงนอนมากจนคิดจะพักสายตาสักครู่หนึ่ง แต่พอหลับตาลงนางก็ตกอยู่ในห้วงฝันอันแสนหวาน...
กงจื้อิค่อยๆ วางหนังสือลงและมองไปที่แม่ลูกทั้งสองซึ่งกำลังนอนหลับอย่างสงบและสวยงามภายใต้แสงเทียนสลัวๆ โดยไม่พูดอะไรเป็เวลานาน เขารู้สึกราวกับนักเดินทางที่กระหายน้ำแล้วจู่ๆ ก็มองเห็นทะเลสาบ ในยามนี้แม้ว่าหัวใจของเขาจะเ็าดั่งเหล็ก แต่เขาก็รู้สึกตกตะลึงและพูดไม่ออก ทั้งๆ ที่เขากำลังรอให้ความตายเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ แต่ใน่เวลาต่อมาไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาจะมีความหวังในการฟื้นตัวเท่านั้น แต่เขายังได้เห็นการกำเนิดทายาทของสกุลกงจื้อด้วยตาของเขาเองอีกด้วย
ความสุขที่มาถึงช่างกะทันหันและหนักหน่วงเกินไป
ติงเหว่ยที่กำลังจมอยู่ในความฝันไม่รู้เลยว่าพวกนางสองแม่ลูกได้มารวมตัวกับพ่อเด็กอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เสียงร้องไห้ของลูกชายยังคงอยู่ในความฝันของนาง เสียงนั้นดังมากจนคิ้วของนางขมวด และนางก็ััลูกชายของนางในมือโดยไม่รู้ตัวและไม่อยากที่จะปล่อยมือ
แววตาของกงจื้อิฉายแววสงสารขึ้นมาชั่วครู่ เขายื่นมือออกไปคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ของนาง จากนั้นก็ใช้แรงเฮือกใหญ่ผ่านแขนทั้งสองข้างแล้วอุ้มนางขึ้นมาไว้บนเตียงเตา
ร่างกายส่วนใหญ่ของเขาแข็งทื่อและไม่มีแรง ทำให้การเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่นนี้เป็เื่ที่ยากมาก ทว่าเฟิงจิ่วที่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะช่วยกลับถูกจ้อง เขาจึงถอยตัวกลับเข้าไปอยู่ในมุมห้อง
นี่คือสตรีของเขา ลูกชายของเขา ต่อให้จะยากลำบากสักแค่ไหน เขาก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัย ไม่จำเป็ต้องยืมมือคนอื่น…
……
ในคืนอันมืดมิดของต้นฤดูหนาว ลมเหนือพัดเกล็ดหิมะบางๆ โดยรอบไปทั่วทั้งคฤหาสน์ หิมะเ่าั้ตกลงมาใส่ทั้งคนแก่และเด็กที่ยืนอยู่ใต้ชายคาระเบียง จนเกือบจะทำให้พวกเขากลายเป็ตุ๊กตาหิมะ แต่ความสุขในดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นเมื่อเปลวเทียนในห้องดับลง ท่านลุงอวิ๋นพนมมือขึ้นและสวดมนต์อย่างเงียบๆ อวิ๋นอิ่งเองก็ก้มศีรษะลงและถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก…
หลังจากค่ำคืนแห่งความเงียบงัน ยามใกล้ฟ้าสางสายลมเหนือก็เล่นจนเหนื่อยแล้ว ไม่รู้ว่าแอบไปพักผ่อนอยู่ที่ใด ช่างเป็ตอนเช้าที่แสนเงียบสงบอย่างหาได้ยาก บนต้นไม้มีนกกาสองตัวกำลังะโข้ามต้นไม้ไปมาอย่างมีความสุขพลางส่งเสียงร้องจิ๊บๆ ราวกับกำลังจะรายงานแก่ผู้คนว่าวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส
นานๆ ทีติงเหว่ยจะได้นอนหลับฝันดีสักตื่น ในขณะที่นางกำลังสะลึมสะลือก็ได้ยินเสียงลูกชายของนางร้องแจ๊บๆ ดังนั้นนางจึงยื่นมือออกไปกอดเขาเอาไว้ จากนั้นก็เลิกเสื้อผ้าขึ้นและเริ่มให้นมลูก
เ้าเด็กอ้วนท่าทางจะหิวมาก ปากเล็กๆ ของเขาดูดอย่างมีความสุข มือเล็กๆ อีกข้างหนึ่งก็ยังคงปกป้องคลังอาหารของเขาไว้อย่างเอาแต่ใจ
ติงเหว่ยใช้มือขยี้ตาแห้งๆ ของนาง ลดศีรษะลงและแสร้งดุลูกชายของนางด้วยรอยยิ้มว่า “เ้าลูกชายคนนี้ ตอนนี้ไม่ร้องไห้แล้ว แต่เมื่อคืน…ใช่แล้ว!”
นางพูดไปถึงครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็นึกถึงเื่ที่เกิดเมื่อวานขึ้นมา นางเงยหน้าขึ้นมามองอย่างใและในตอนนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนเป็สีแดงในทันที
กงจื้อินั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาถือหนังสืออยู่ในมือท่าทางราวกับว่ากำลังตั้งใจอ่านอย่างจริงจังมาก ทว่านายน้อยพวกเราทั้งคู่ต่างก็ได้ทั้งบุ๋นและบู๊ [1] ได้โปรดอย่าถือหนังสือกลับด้านบ่อยๆ ได้หรือไม่?
ติงเหว่ยรู้สึกอับอายมากจนนางอยากจะมุดพื้นหนีไป นางได้ทำเื่โง่เขลาอีกครั้งแล้ว นางเปิดหน้าอกให้นมลูกต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่ง ถึงแม้เื่ที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุ ถึงแม้นางจะกำลังสะลึมสะลือ และถึงแม้ว่านางจะ…
ทว่าอย่างไรก็ถูกเขาเห็นทั้งหมดแล้ว!
“อ๊า!!!”
อันเกอเอ๋อร์ที่กำลังกินอย่างมีความสุข จู่ๆ ก็ถูกเสียงกรีดร้องของท่านแม่ทำให้ใจนปล่อยมือจาก “คลังอาหาร” ไป ดวงตากลมโตทั้งสองกลอกไปมาและมองไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำเช่นนี้ของเขากลับยิ่งทำให้ท่านแม่อับอายมากยิ่งขึ้น
ติงเหว่ยดึงเสื้อผ้าส่วนหน้าของนางลงมา นางคิดอยากจะะโลง อยากจะพูดอะไรสักหน่อยเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่นางกลับทำได้เพียงเบิกตาโตและขยับตัวไม่ได้เลยสักนิด ราวกับถูกร่ายเวทย์มนตร์สะกดอย่างไรอย่างนั้น
เฟิงจิ่วซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกอย่างบ้าคลั่ง นิ้วของเขาจิกไปที่ขอบหน้าต่าง และแม้แต่ลำไส้ในท้องของเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ หัวหน้าเฟิง ต่อไปข้าจะไม่ทะเลาะเพื่อหาเื่ออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกอีกแล้ว ได้อยู่ข้างๆ นายท่านเช่นนี้ทุกวันมีความสุขมากจริงๆ…
อันเกอเอ๋อร์มองอยู่นานแต่ก็ไม่เข้าใจ จากนั้นเขาก็เห็นท่านแม่เก็บถุงอาหารของเขาเข้าไปทำให้เขาอารมณ์เสียเป็อย่างมาก
“แง แง แง!” เสียงร้องของเด็กทารกดังราวกับฟ้าร้องครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิ และทำลายบรรยากาศอันเย็นะเืในห้องไปอย่างรวดเร็ว
ติงเหว่ยเริ่มปลอบลูกชายของนางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้ต่อให้ตีนางจนตายอย่างไรก็ไม่สามารถให้นมลูกได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงปล่อยให้ลูกชายน้อยใจที่ได้กินไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
น่าเสียดายที่อันเกอเอ๋อร์ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องทนหิว ดังนั้นเขาจึงเริ่มแหกปากร้องไห้ไม่หยุด
กงจื้อิสูดหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ วางหนังสือในมือลง สีหน้าของเขาสงบราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นภาพที่น่าอับอายเมื่อครู่นี้จริงๆ
“อันเกอเอ๋อร์ เ้าเป็อะไรไป? เอามาให้ข้ากอดหน่อยสิ!”
“เอ่อ” ติงเหว่ยสะดุ้งเล็กน้อย แต่หลังจากที่นางเป็บ่าวมานานกว่าครึ่งปีทำให้สมองของนางเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่รู้ตัว นางยกมือขึ้นแล้วส่งลูกชายไป
กงจื้อิประคองก้นของอันเกอเอ๋อร์ไว้ด้วยมื้อซ้าย เอาข้อศอกรองไว้ที่คอและหลัง ท่าทางดูคุ้นเคยและชำนาญ ถึงขั้นทำให้นางลืมเื่อับอายเมื่อครู่ไป เหลือเพียงความสงสัยเท่านั้น
กงจื้อิสังเกตเห็นสีหน้าของนางในดวงตาเขา เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและขยับมือขวาหยิบปัวหลั่งกู่ที่ทำอย่างพิถีพันออกมาหนึ่งชิ้นจากที่ใดไม่รู้แล้วเขาก็เขย่ามัน
“ป๋องแป๋ง ป๋องแป๋ง!” เสียงกลองอันร่าเริงดึงดูดความชอบของอันเกอได้อย่างรวดเร็ว เขายื่นมืออ้วนๆ ออกมาและพยายามอย่างหนักที่จะคว้าด้ามจับปัวหลั่งกู่ ดวงตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยความสุข และฟองนมในปากของเขาก็พุ่งออกมาอย่างคล่องแคล่วมากกว่าปลาทองเสียอีก
ดวงตาของกงจื้อิฉายแววเอ็นดูขึ้นมาครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ ส่งปัวหลั่งกู่ใส่เข้าไปในมืออ้วนๆ ของเด็กน้อยอย่างระมัดระวัง มือใหญ่ของกงจื้อิกุมมือเล็กเอาไว้ มือเล็กจับปัวหลั่งกู่ไว้และเขย่าไปมา คิดไม่ถึงเลยว่าจะให้ความรู้สึกสวยงามอย่างบอกไม่ถูก
เดิมทีติงเหว่ยคิดจะห่อลูกชายของนางด้วยผ้าห่ม คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องตกตะลึงแทน
ชายหนุ่มมีคิ้วคมเข้ม เด็กน้อยมีคิ้วเบาบาง ชายหนุ่มมีใบหูที่หนาและจมูกโด่งเป็สัน ส่วนใบหูเด็กน้อยก็ไม่ได้บาง จมูกก็ไม่แบน...
เมื่อก่อนไม่เคยสังเกต วันนี้เป็ครั้งแรกที่ได้ลองประเมินอย่างจริงจังท่ามกลางแสงสว่าง และนางก็ค้นพบว่าลูกชายของนางกับคุณชายที่นายปรนนิบัติรับใช้เขามากว่าครึ่งปีหน้าตาเหมือนกันถึงเจ็ดส่วน!
นี่เป็แค่เื่บังเอิญ หรือว่า…
อวิ๋นอิ่งได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในห้องนางจึงขออนุญาตด้วยเสียงแ่เบา และยกอ่างที่ใส่น้ำล้างหน้าเข้ามา ไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร นางเห็นติงเหว่ยมองไปที่นายน้อยด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี และถูกขัดจังหวะด้วยเสียงอันดังทันที
ทว่ามีคนที่ขยับตัวเร็วกว่านางเสียอีก อันเกอเอ๋อร์กำลังเล่นอย่างมีความสุข เขาเตะผ้าห่มและผ้าอ้อมที่อยู่ระหว่างขาของเขาออกไปด้านข้าง แล้วปัสสาวะของเด็กน้อยที่เก็บไว้ทั้งคืนก็พุ่งออกมา ซึ่งพอดีกันกับใบหน้าของพ่อเขาที่กำลังก้มลงไปเล่นกับเขาอยู่
“โธ่ เด็กคนนี้ปัสสาวะราดแล้ว!”
เมื่อติงเหว่ยเห็นลูกชายของนางปัสสาวะรดเต็มใบหน้าของกงจื้อิ ต่อให้ในใจของนางจะมีความแปลกใจและสงสัยมากแค่ไหนต่างก็บินหายไปในทันที
นางรีบดึงผ้าอ้อมมาปิดก้นของลูกชาย และพยายามมองหาอะไรบางอย่างเพื่อมาเช็ดหน้าให้กงจื้อิแต่กลับไม่พบอะไรเลย โชคดีที่อวิ๋นอิ่งเข้ามาแก้สถานการณ์ได้ทันเวลาพอดี “นายน้อย ท่านรีบไปล้างก่อนเถอะ”
เฟิงจิ่วเองก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็มนุษย์ล่องหนได้อีกต่อไป เขาจึงรีบไปหยิบเสื้อผ้าสะอาดจากในตู้ และช่วยปรนนิบัติรับใช้นายน้อยให้ล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า
ติงเหว่ยถือโอกาสที่หนึ่งนายและสองบ่าวกำลังวุ่นวายอยู่รีบเอาลูกชายที่กระทำความผิด “หลบหนี” ไป กงจื้อิค่อยๆ ล้างหน้าให้สะอาด ในหูของเขาก็ได้ยินเสียงหญิงสาวผู้นั้นกำลังบ่นและเดินออกไปไกล เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากขึ้นมา และเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองจะมี่เวลาที่ถูกลูกชายปัสสาวะรดใบหน้าด้วย
อวิ๋นอิ่งทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ นางจึงใช้ข้ออ้างว่าจะขอตัวไปดูแลติงเหว่ยสองแม่ลูก หลังจากที่วิ่งออกมาจากห้องก็เข้าไปกอดต้นไม้ใหญ่ที่มุมของลานหัวเราะจนน้ำตาไหล ปล่อยให้เฟิงจิ่วที่ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรดีๆ ประคองอ่างทองแดงด้วยมือที่สั่นเทาจนผิวน้ำสั่นเหมือนคลื่น
“อยากหัวเราะก็หัวเราะเถอะ” กงจื้อิโยนผ้าฝ้ายในมือทิ้งไป แววตาของเขาก็มีรอยยิ้มอยู่นิดหน่อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อย เอ่อ นายน้อย ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ได้หัวเราะ…” เฟิงจิ่ว้าจะปฏิเสธ แต่เสียงหัวเราะก็หลุดออกจากปากเขาไปแล้ว
เขาอยากจะปิดปากด้วยความหวาดกลัว แต่นึกไม่ถึงว่าในเรือนหลังนี้กลับมีคนหัวเราะเสียงดังลั่นกว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า อันเกอเอ๋อร์ช่างเก่งจริงๆ”
ท่านลุงอวิ๋นนำอาหารเช้ามาให้ และเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของอวิ๋นอิ่งและหลังจากที่เขาเอ่ยปากถามก็หัวเราะหนักมากจนเคราของเขาพันกันยุ่งเหยิงไปหมด แม้ว่าเขาจะปรนนิบัติรับใช้นายน้อยมาหลายปีแล้ว ยามเห็นใบหน้าที่เ็าของนายน้อยขาทั้งสองข้างของเขาก็ยังสั่นอยู่ นึกไม่ถึงว่าคุณชายน้อยกลับปัสสาวะรดพ่อของตนเอง ช่างกล้าหาญจริงๆ!
ไม่ต้องพูดถึงว่ามีคนหลายคนในเรือนหลักกำลังหัวเราะกันอย่างหนักจนน่าใอย่างไร แค่พูดถึงติงเหว่ยที่วิ่งอุ้มลูกชายจอมก่อเื่ของนางกลับมาที่เรือนของตนเอง หลังจากที่เปลี่ยนผ้าอ้อมเสร็จนางก็ตีก้นลูกชายที่นางไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็เหล็กกล้า [2] ได้
……
“เ้าเด็กดื้อคนนี้ พวกเขาเป็คนให้ที่พึ่งพิงแก่เราสองแม่ลูกนะ แต่เ้ากล้าทำลงไปได้ยังไง! คอยดูเถอะ หากพรุ่งนี้แม่ต้องลำบากเพราะเ้า พอกลับมาแล้วจะปล่อยให้เ้าหิวเลยทีเดียวเชียว!”
เฉิงเหนี่ยงจื่อได้ยินว่านายหญิงกลับมาแล้วนางจึงรีบเข้าไปทันที ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในประตูก็บังเอิญได้ยินคำพูดเหล่านี้ จึงพูดว่า “ข้าไม่กล้าปล่อยให้คุณชายน้อยหิวหรอก บ่าวได้ต้มน้ำแกงขาหมูให้เขาั้แ่เช้าแล้ว น้ำนมเองก็มีอยู่เพียงพอด้วย”
ไม่รู้ว่าอันเกอเอ๋อร์ฟังคำพูดเหล่านี้เข้าใจหรือไม่เข้าใจ เขาพ่นน้ำลายใส่แม่ของเขาสองครั้งเป็การประท้วง
ติงเหว่ยกุมหน้าผากอย่างหมดแรง และเริ่มกังวลว่าอีกเดี๋ยวจะมีหน้าไปปรนนิบัติรับใช้ที่เรือนหลักได้อย่างไร
ปรากฏว่ายังไม่ทันที่นางจะคิดวิธีการอะไรออกมา อวิ๋นอิ่งก็กลับมาแล้วพูดว่า “ผู้ดูแลหลินเตรียมรถม้าไว้ให้แล้ว อีกประเดี๋ยวจะส่งท่านเข้าเมืองไปดูบ้านหลังใหม่และร้านค้าด้วย”
ติงเหว่ยมีความสุขมากจนอดไม่ได้ที่จะกอดอวิ๋นอิ่งและหอมแก้มนางไปสองครั้ง ประการแรกนางอยากไปดูที่ตั้งหลักปักฐานในอนาคตของนางตั้งนานแล้ว ประการที่สองกำลังอยากหลบซ่อนจากความอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ประการที่สามนางอยากทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ที่กำลังหดหู่เื่แบ่งครอบครัวได้สบายใจขึ้นมาบ้าง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว
“อิ่งเอ๋อร์ ฝากขอบคุณท่านลุงอวิ๋นแทนข้าด้วย”
“ตกลงแม่นาง ในเมืองนี้มีคนหลากหลายประเภทปะปนกันอยู่ ทุกครั้งใน่เวลาแบบนี้มักจะมีคนคอยลักพาตัวอยู่ทั่วทุกที่ ท่านฝากอันเกอเอ๋อร์เอาไว้ที่นี่คงเป็การดีกว่า” อวิ๋นอิ่งยิ้มและพยักหน้า จากนั้นนางก็ใช้โอกาสนี้ให้อันเกอเอ๋อร์อยู่ที่นี่
เฉิงเหนียงจื่อนึกถึงความยากลำบากและอันตรายที่ครอบครัวของนางต้องเผชิญเพื่อตามหาญาติ นางจึงอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมาว่า “แม่นาง ที่ข้างนอกมีคนลักพาตัวมากมายจริงๆ เมื่อก่อนเคยมีคน้าแย่งต้าหวาของข้าไป หากไม่เป็เพราะว่าข้าจะเป็จะตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือที่อุ้มต้าหวาอยู่ล่ะก็ บางทีตอนนี้อาจจะ…”
ในขณะที่พูด เฉิงเหนียงจื่อก็อดไม่ได้ที่จะขอบตาแดงรื้นขึ้นมา และนี่ทำให้ติงเหว่ยใขึ้นมาจริงๆ ลูกเป็ดั่งแก้วตาดวงใจของแม่ เื่อื่นหากไม่มีแล้วก็ค่อยคิดหาวิธีการได้ มีแค่ลูกเท่านั้นที่จะปล่อยให้เกิดเื่ไม่ได้เด็ดขาด
“ตกลง คราวนี้ข้าจะไม่อุ้มอันเกอเอ๋อร์ไปด้วย พวกเ้าอยู่ที่นี่คอยช่วยข้าดูแลเขาให้ดี แล้วข้าจะรีบกลับมาไวๆ”
“ตกลง แม่นาง ที่บ้านเราไม่มีอะไรขาดเหลือ ท่านอย่าได้กังวลเกินไปเลย”
พวกเขาทั้งสามพูดคุยกันอีกสองสามประโยค จากนั้นเสี่ยวชิงก็วิ่งเข้ามาเรียกและบอกว่ารถม้ากำลังรออยู่
ติงเหว่ยไหว้วานให้เฉิงเหนียงจื่อไปเรียกเฉิงต้าโหยวนั่งรถม้าเข้าไปในเมืองด้วยกัน อย่างไรตอนนี้นางก็มีแค่ครอบครัวสกุลเฉิงไว้ใช้งาน อีกอย่างเฉิงต้าโหยวก็เคยดูแลร้านมาก่อน วันนี้ก็ถือว่าทดสอบความสามารถของเขาว่าเป็อย่างไรบ้าง
-----------------------------------------
[1] บุ๋นและบู๊ 文武双全 หมายถึง ขุนนางฝ่ายบู๊จะเป็ฝ่ายนำกองทัพออกปฏิบัติการตามคำสั่งที่ได้รับและทำการต่อสู้ ส่วนขุนนางฝ่ายบุ๋นจะเป็ผู้ใช้สติปัญญาในการคิดกลศึก และเสนอความคิดในการทำศึกต่างๆ
[2] ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็เหล็กกล้า 恨铁不成钢 หมายถึง การตั้งความหวังหรือเข้มงวดกับคนคนนั้นเพื่อหวังว่าคนคนนั้นจะได้ดิบได้ดี