เทียนจื่อที่เป็ผู้นำสูงสุดของกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้านั้นชื่นชมหลิ่วชีเยว่ และที่เขาทำากับพันธมิตรแดนเทพก็เพื่อโค่นล้มฝ่ายตรงข้ามและได้สาวงาม และสิ่งนี้ก็ไม่ใช่ความลับมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ข่าวสารของสมาคมการค้าแห่งกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้ากลับประกาศออกมาหลังจากข่าวของสมาคมการค้าเดือนเจ็ดถูกเผยแพร่ออกไปติดๆ จุดประสงค์หลักของเขาก็คือการทำให้ผู้คนประหลาดใจในความรวดเร็วของกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าที่มีความรวดเร็วพอๆกัน และก็ต้องประหลาดใจว่า.............จากความชมชอบหลิ่วชีเยว่ สิ่งนี้จะเป็การทำเพื่อความก้าวหน้าหรือเป็การแอบสนับสนุนและส่งเสริมกันแน่ เสินจื่อและเทียนจื่อมันจะทำเช่นนี้ในโลกแห่งเกมเสมือนจริง แล้วมันจะแปลกอะไรล่ะ?
ขณะเดียวกันผู้คนต่างก็สงสัยและถกเถียงกัน และสายตามากมายก็จับจ้องไปที่สมาคมการค้าหมายเลขหนึ่งของกิลล์ปีแห่งท้องฟ้าอย่างห้ามไม่ได้ ในเวลาแบบนี้คนที่มีไอเทมทองแดงล้วนกระจัดกระจายแพร่หลายไปมาก แต่ไอเทมเงินสามารถเรียกได้ว่าเป็ไอเทมระดับสูงที่เทียบได้กับของล้ำค่าของประเทศเลยก็ว่าได้ และสิ่งนี้ไม่ว่าจะใช้เงินไปมากเท่าไรก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถหามาได้โดยง่าย และในปัจจุบันนี้ไอเทมเงินก็รวมกันอยู่ในมือของหัวหน้ากองกำลังต่างๆเสียส่วนใหญ่จนกลายเป็พลังและสัญลักษณ์ประจำตัวพวกเขาไปแล้ว
การประมูลไอเทมเงินสองชิ้นมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้เล่นทั่วทั้งหัวเซี่ย........... กิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าเองก็เป็กองกำลังที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง แม้ว่าตอนนี้ระบบพันธมิตรจะยังไม่เปิดใช้งานอย่างเป็ทางการ ทำให้พวกเขาไม่มีช่องทางการดำเนินกิจกรรมของกองกำลัง แต่ด้วยจำนวนสมาชิกที่มากมายมหาศาลของพวกเขา การมีไอเทมเงินสักสองสามชิ้นในก็คงไม่ใช่เื่แปลกประหลาดอะไร ไอเทมเงินสองชิ้นนี้จะต้องทำให้สมาคมการค้าของกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีกแน่นอน
จะว่าไปแม้ว่าสมาคมการค้าเดือนเจ็ดจะยังคงนิ่งเงียบต่อไป......... แต่สิ่งที่ผู้เล่นตั้งตารอยิ่งกว่าก็คือการได้เห็นนางฟ้าตระกูลหลิ่วด้วยตาตัวเองสักครั้ง
ทว่าเมื่อเผชิญกับความเคลื่อนไหวของกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้า พันธมิตรแดนเทพกลับไม่มีสัญญาณใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อย การพัฒนาของพันธมิตรย่อมไม่อาจหนีจากสมาคมการค้าต่างๆได้ พันธมิตรแดนเทพเลือกที่จะพัฒนาอยู่ในพื้นที่ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะพวกเขาต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน อีกทั้งพวกเขายังไม่ได้เลือกที่จะเช่าพื้นที่ไปก่อนเหมือนกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าด้วย
เทียนจื่อกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ด้วยความี้เี มือของเขาเท้าอยู่บนที่พักแขน ส่วนอีกมือก็แกว่งชาที่มีควันลอยกรุ่นไปมา.......... เมื่ออารมณ์ของเขาสุนทรีมากพอ เขาก็จะเพลิดเพลินไปกับการดื่ม แต่เนื่องจาก่นี้ในโลกใบนี้ยังไม่มีสถานที่ที่สามารถซื้อเหล้าได้เขาจึงทำได้เพียงใช้ชามาแทนที่อย่างรู้สึกเสียดายอยู่หน่อยๆ
ที่นี่คือที่พักอาศัยในเมืองเทียนเฉินที่เขาใช้เงินจำนวนมหาศาลซื้อมา วันนี้คือวันแรกที่เขาได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ความรู้สึกสะดวกสบายชวนลุ่มหลงมัวเมาบอกเขาว่าเขาเริ่มจะชอบที่นี่มาขึ้นแล้ว จะว่าไปแล้วเขาก็เริ่มไม่อยากจะออกไปัักับอากาศสกปรกในโลกจริงซะแล้วสิ
“เฮ้อ............”
ประตูบ้านถูกเปิดเข้ามาเบาๆ หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้าเดินเข้ามาด้านในเงียบๆ ดวงตาของเธองดงามเหมือนดวงดาว ริมฝีปากอวบอิ่มและมีผิวขาวราวหิมะ ใบหน้าของเธองดงามเหมือนปีศาจ หากจะต้องหาคนที่มีความงามเทียบเท่ากับเธอได้ บางทีคงมีแค่หลิ่วชีเยว่ผู้ซึ่งถูกเรียกว่า “หญิงสาวที่มีเสน่ห์ที่สุดในหัวเซี่ย” ล่ะมั้ง เพียงแต่หากเทียบกับความงามของหลิ่วชีเยว่ที่เพียงแค่มองก็ทำให้คนสติหลุดลอยได้แล้ว สิ่งที่หญิงสาวคนนี้มีคือความงามอันพร่าเบลอที่เพียงแค่มองก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนภาพลวงตา......... เพราะดวงตาของเธอคือดวงตาที่มีความน่ากลัวแฝงอยู่ภายในส่วนลึก และความลึกล้ำของมันก็เทียบเท่ากับทะเลที่ไร้ก้น เท่ากับท้องฟ้าที่ไม่มีขอบจำกัด มันลึกล้ำจนทำให้เพียงแค่สบตาก็ทำให้คนปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะจมลงไปในนั้น
หลิ่วชีเยว่มีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยเสน่ห์และวิธีการของเธอ แต่หญิงสาวคนนี้กลับไร้ชื่อเสียง แม้แต่คนที่เคยพบกับเธอก็น้อยเสียงยิ่งกว่าน้อย
“นายให้คนปล่อยข่าวของสมาคมการค้านั่นไปใช่ไหม?”
หญิงสาวเดินมาถึงตรงหน้าของเทียนจือจื่ออย่างเงียบๆ ขณะที่เธอนั่งลงเผชิญหน้ากับเขาบนโต๊ะท่าทางของเธอก็ยังดูสูงสง่า ภายในห้องอันเงียบงันที่ไม่มีแม้แต่แสงสว่างสาดส่องเข้ามา แต่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอกลับวาววับเหมือนมันเปล่งประกายออกมาจนทำให้ประกายทั้งหมดที่อยู่โดยรอบหม่นแสงลงไปทันที และมันยังทำให้เทียนจือจื่อที่ได้ััต้องลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“แน่นอน” ใบหน้าของเทียนจือจื่อมีรอยยิ้มผ่อนคลาย จากนั้นเขาก็วางถ้วยในมือลงบนโต๊ะ “น้องสาวอยากจะดื่มสักหน่อยไหมล่ะ? ชานี้มีชื่อว่า ‘ซิงโม่’ มันคือสินค้าที่หรูหราที่สุดที่สามารถหาซื้อได้ในเมืองเทียนเฉินตอนนี้ แก้วเล็กๆนี่โรยไปแค่ไม่กี่ชิ้นก็มีราคาประมาณสองร้อยกว่าเหรียญแล้วนะ ต้องบอกเลยว่าแม้มันจะแพงระยับ แต่มันก็คุ้มค่าสุดๆเลย กลิ่นหอมของมันทำให้คนหลงใหลจนสามารถพูดได้ว่าเป็กลิ่นที่ชวนเพลิดเพลินที่สุดเท่าที่ฉันเคยลิ้มลองมาเลย”
สีหน้าของหญิงสาวราบเรียบ เธอมองดูเขาอย่างเ็า “ตอนนี้นายกำลังไล่ตามหลิ่วชีเยว่ แล้วทำไมถึงจงใจทำเื่แบบนี้ ฉันคิดถึงเหตุผลไม่ออกเลยจริงๆ”
“มันง่ายมากๆ” เทียนจือจื่อตอบออกมายิ้มๆ “น้องสาว........... เธอคิดว่าด้วยนิสัยของหลิ่วชีเยว่และสไตล์การทำงานของเธอ เธอจะยอมจำนนต่อผู้ชายที่วิ่งตามหลังเธออย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไร หรือว่าผู้ชายที่เอาชนะเธอและยับยั้งเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบกันล่ะ?”
หญิงสาวยังคงไม่ตอบอะไรกลับไปและมองเขาอย่างเงียบๆเพื่อรอให้เขาพูดต่อไป แต่คำพูดของเทียนจือจื่อกลับหยุดอยู่แค่นั้น
“นี่คือเหตุผลของนายงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง น้องสาว เธอคิดว่าไงบ้างล่ะ?”
คิ้วของเธอค่อยๆขมวดเข้าหากัน จากนั้นเธอก็ถอนหายใจเงียบๆแล้วส่ายหน้า “ถ้านายจะทำไปเพื่อการพัฒนากองกำลังของนายโดยการถือว่าหลิ่วชีเยว่เป็คู่แข่งทางธุรกิจแล้วมีปฏิกิริยาตอนสนองออกไปอย่างรวดเร็วโดยการกดดันสมาคมการค้าของเธอ ฉันคงจะโล่งอกมาก แต่วิธีการที่นายทำในตอนนี้ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ..........”
“.............” เทียนจือจื่อ
เมื่อเผชิญหน้ากับการถอนหายใจด้วยความผิดหวังของหญิงสาวเทียนจือจื่อก็ไม่ได้รีบตอบโต้กลับไป เขาสามารถดื้อรั้นกับพ่อแม่ของเขาได้ แต่เขาไม่เคยกล้าเสียมารยาทกับน้องสาวของตัวเองเลย
“นี่หลังจากที่นายได้ยินข่าวที่หลิ่วชีเยว่ปล่อยออกมาก็รีบตัดสินใจเลยงั้นสิ? นายนี่มันเด็กน้อยเกินไปแล้ว ด้วยสไตล์การทำงานของหลิ่วชีเยว่ บางทีชัยชนะที่แข็งแกร่งคงจะเหมาะกับเธอมากกว่า แต่นายไม่เคยคิดเลยว่าถ้าเสินจื่อแห่งตระกูลตู้กูใช้โอกาสนี้ในการช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่ามันจะเป็การหยิบยื่นโอกาสดีๆให้ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของนายหรอกเหรอ”
“เขาคงไม่ทำหรอก ฉันรู้จักเขาดี” เทียนจือจื่อพูดนิ่งๆ
“ถ้านายรู้จักคนๆนึงมากพอ นายก็จะสามารถจับจุดอ่อนและนิสัยทั้งหมดของเขามาโค่นล้มเขาได้........ ตอนนี้นายยังกล้าพูดว่านายรู้จักเขาดีพอจริงๆเหรอ?”
“...............”
“ด้วยการกระทำของหลิ่วชีเยว่ใน่หลายปีมานี้ แม้ว่าฉันจะไม่เคยพบเจอกับเธอ แต่ฉันก็สามารถตัดสินในขั้นต้นได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่น่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด นายในตอนนี้ยังเทียบเธอไม่ได้หรอก สิ่งที่นายทำในตอนนี้จะไม่เป็ไปตามที่นาย้า กลับกันมันอาจจะทำให้หลิ่วชีเยว่กลายเป็ศัตรูอีกคนหนึ่งของนายก็ได้ นี่คือสิ่งที่นายอยากเห็นงั้นเหรอ?” หญิงสาวเบนสายตาออกไปก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“น้องสาว เธอพูดเกินไปแล้ว” เทียนจือจื่อยิ้มออกมาอย่างไม่สนใจจากนั้นเขาก็ยกถ้วยชาขึ้นมาจากโต๊ะก่อนจะเป่าเบาๆแล้วพูดขึ้นมา “น้องสาว เธอไม่เคยมีความรักมาก่อน แล้วก็น่าจะไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนเลยเหมือนกัน ดังนั้นฉันจึงมีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่าเธอมาก สำหรับความแปรปรวนของจิตใจผู้หญิงกับสิ่งที่พวกเธอ้าน่ะ ฉันค่อนข้างเชื่อการจัดสินใจของตัวเองมากกว่า อย่างแย่ที่สุดถ้าหลิ่วชีเยว่จะคิดว่าฉันเป็ศัตรูจริงๆ ความยิ่งใหญ่ของกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าน่ะเธอก็รู้ดีพอๆกับฉันใช่ไหมล่ะ แล้วยอดฝีมือที่หลิ่วชีเยว่มีใน World of Fate ทั้งหมดก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหละ สินค้าของสมาคมการค้าเราก็มาจากคนเป็ล้านในกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าของเรา แต่หลิ่วชีเยว่.......... นี่น้องสาว สมาคมการค้าของเธอจะเทียบกับสมาคมการค้าของเราได้จริงๆงั้นเหรอ? ดูจาก ‘สมาคมการค้าเดือนเจ็ด’ ในอดีตก็ยิ่งดูเหมือนว่าหลิ่วชีเยว่จะเล่นเกมการค้าเป็งานอดิเรกเท่านั้นเอง”
“เพราะงั้นนายก็เลยเอากองกำลังมหาศาลของ ‘กิลล์ปีกแห่งท้องฟ้า’ ไปต่อกรกับหลิ่วชีเยว่ที่ ‘ไม่จำเป็ต้องกังวล’ เพื่อให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะเอาสินะ?”
คำพูดของหญิงสาวทำให้สีหน้าของเทียนจือจื่อแข็งค้างแล้วพูดไม่ออกขึ้นมาทันที
สมาคมการค้าที่หลิ่วชีเยว่สร้างขึ้นมาตอนนี้นายรู้จักมันดีสักแค่ไหนเชียว? ตำแหน่งที่ตั้งของสมาคมการค้าเดือนเจ็ดในตอนนี้คือใจกลางเมืองเทียนเฉิน เหนือกว่าสมาคมการค้าหมาเลขหนึ่งแห่งกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าตั้งหลายเท่า ขนาดของมันก็เกินกว่าที่นายจินตนาการไว้ด้วย เื่ขนาดไม่ต้องพูดถึง แต่ทำเลที่ตั้งนั่นไม่ว่าจะใช้เงินลงทุนไปมากเท่าไรก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาไว้ในกำมือง่ายๆ ผู้หญิงที่สามารถสร้างสมาคมการค้าแบบนั้นขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้ แล้วยังเตรียมงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยภายในสามวัน......... นายคิดว่าหลิ่วชีเยว่จะเป็ผู้หญิงที่ ‘ไม่น่ากังวล’ อย่างที่นายคิดจริงๆน่ะเหรอ?”
“..............” เทียนจือจื่อ
“ใบหน้างดงามเหมือนนางฟ้า เรือนร่างที่ราวกับนางมาร วิธีการเหมือนปีศาจ......... ผู้คนนับไม่ถ้วนหมกมุ่นอยู่แต่กับรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ตายลงไปภายใต้น้ำมือของเธอก็มีไม่น้อย นายไม่ควรจะเมินเื่นี้นะ”
หญิงสาวยืนขึ้นจากนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับพูดออกมาเบาๆ “หวังว่ามันจะเป็แค่ความกังวลของฉันนะ แรงกระตุ้นของนายจะค่อยๆนำความหายนะมาให้นายทีละอย่างๆ นายมีความเป็ไปได้ที่จะทำสำเร็จน้อยมาก และยังมีความเป็ไปได้สูงที่จะ......... ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันอันหนักหน่วงจากหลิ่วชีเยว่...... และเทียนโม่เซี่ยด้วย ในฐานะที่เป็น้องสาวของนาย ฉันหวังว่านายจะทำสำเร็จ............ แต่ก็หวังว่านายจะล้มเหลวยิ่งกว่า เพราะมันน่าจะสอนอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้นายได้”
ประตูถูกปิดลงไปเหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบงัน
เทียนจือจื่อหัวเราะขึ้นมาแล้วหลับตาลงก่อนจะดื่มน้ำชาที่เหลืออยู่ครึ่งถ้วยต่อไป แต่ในใจของเขากลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกน้องสาวสั่งสอนหรือตำหนิ ทุกครั้งเขาไม่เคยเถียงออกไป แต่ความจริงก็พิสูจน์ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เธอดูเหมือน................ จะไม่เคยผิดเลย
ตอนนั้นความแตกแยกและการทรยศของครอบครัวทำให้ตระกูลหยุนถึงทางตัน แต่แผนทั้งหมดที่วางไว้เกือบสิบปีกลับถูกพลิกสถานการณ์โดยคนเพียงคนเดียว.......... คนๆนั้นก็คือเด็กผู้หญิงที่มีอายุเพียงสิบสามปี ดวงตามืดบอด เป็อัมพาต และไม่มีใครสนใจ เธอช่วยชีวิตคนทั้งตระกูลหยุนเอาไว้ และทำให้คนทรยศไม่อาจหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว พวกเขาคงไม่รู้ว่าการกระทำทั้งหมดของพวกเขาล้วนตกอยู่ในกำมือของเด็กหญิงตั้งนานแล้ว แค่ขยับเพียงนิดก็ตายโดยไร้แผ่นดินกลบหน้า
เด็กหญิงผู้ถูก์ทอดทิ้งได้แสดงความสามารถของเธอออกมาในวันนั้น ทำให้พ่อแม่ของเธอล้วนหวาดกลัว ในตอนนั้นพวกเขาถึงได้รู้ว่าพวกเขาไม่เคยเข้าใจเด็กหญิงที่เงียบเชียบไม่สนใจอะไรมาั้แ่เล็กจนโตคนนี้เลย
World of Fate จะไม่คงลักษณะพิการในโลกจริงของผู้เล่นเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงสามารถเดินไปไหนมาไหนได้และสามารถมองเห็นโลกใบนี้ได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ที่นี่ ตอนที่เขามองเห็นดวงตาของเธอเป็ครั้งแรก ในฐานะที่เขาเป็พี่ชายของเธอ เทียนจือจื่อเองก็ยังอึ้งไปเป็เวลานาน
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเหมือนกับดวงตาที่สามารถมองผ่านิญญาของคนได้
แต่ว่าั้แ่ทุกอย่างเริ่มขึ้น เขาก็ไม่สามารถหยุดหรือจบมันได้อีกแล้ว ถ้าตอนนี้เขายกเลิกการเปิดทำการของสมาคมการค้าหมายเลขหนึ่งแห่งกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าที่จะมาถึงในอีกสามวันต่อจากนี้ มันคงจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าไปไม่น้อย ดังนั้นพูดแล้วไม่ควรคืนคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็กองกำลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้