“พอล เพียร์ซ นักรบที่จงรักภักดีที่สุดในเมืองแซมบอร์ด สหายที่ข้าอเล็กซานเดอร์เชื่อใจที่สุด ในนามของาาแห่งเมืองแซมบอร์ด ข้าขอมอบดาบในตำนานให้แก่เ้า จากวันนี้เป็ต้นไป ความจงรักภักดี เกียรติยศ ความยุติธรรมจะอยู่คู่กับเ้าไปตลอดชีวิต”
ประโยคนี้ซุนเฟยคลับคล้ายคลับคลาว่าจำมาจากในหนังสือสะสมของราชวงศ์
เพียร์ซยืนตะลึงอยู่กับที่ เขามองมาที่ซุนเฟยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดร็อกบาที่อยู่ข้างๆ ใช้มือมาสะกิดเขาเบาๆ ทำให้ชายผมขาวได้สติกลับมา เขารีบก้าวมาคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าซุนเฟย มือขวากำหมัดแนบไปที่หัวใจของตัวเอง เขารับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของเขา เขาปฏิบัติตามพิธีการของอัศวินในแผ่นดินอาเซรอทแล้วกล่าวสัญญาของตัวเอง
“ข้าเพียร์ซยินดีที่จะใช้ทั้งชีวิตรับใช้นายเพียงคนเดียว นั่นคือ องค์าาอเล็กซานเดอร์!”
ซุนเฟยยิ้มออกมาก่อนจะใช้ใบดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์แตะไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของเพียร์ซ จากนั้นก็ทำพิธีการตามที่หนังสือได้เขียนไว้ ในขณะที่เขาหันดาบเวทมนตร์สีทองมอบให้กับนักรบผู้สาบานจะจงรักภักดีต่อตัวเองตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงเ็าลึกลับดังขึ้นมาในหัวของซุนเฟยอย่างกะทันหัน
“นักรบหนุ่ม ท่านได้กระตุ้นทักษะ 'การให้' หนึ่งในทักษะเทพพระเ้า ท่านยืนยันหรือไม่? ว่าจะมอบดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ให้แก่พอล เพียร์ซ นักรบที่คุกเข่าต่อหน้าท่าน?”
ซุนเฟยชะงักเล็กน้อยก่อนจะเลือก 'ยืนยัน'
ในตอนนั้นเอง ซุนเฟยก็รู้สึกว่าในมือเบาโหวง จากนั้นเขาก็เห็นดาบสีทองในมือกลายเป็ลำแสงสีทอง แสงแวววาวพลันสว่างจ้าไปทั่วห้องโถง ทันใดนั้นดาบก็พลันหมุนแล้วลอยไปทาง พอล เพียร์ซที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนจะสลายไปตรงหน้าผากของชายผมขาว
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงพากันตะลึงจนอ้าปากค้าง
นี่มัน...ปาฏิหาริย์ชัดๆ!
นักรบคนอื่นๆ ต่างมองซุนเฟยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเทิดทูนซุนเฟย นั่นเป็เพราะว่าเขาเป็าา อีกทั้งซุนเฟยยังได้แสดงคุณสมบัติของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและความแข็งแกร่งที่เหนือล้ำกว่าใครออกมา แต่ตอนนี้ สายตาที่พวกเขามองมาที่ซุนเฟยได้เปลี่ยนไป มันเหมือนกับสาวกผู้บ้าคลั่งกำลังมองพระเ้าผู้สูงส่งที่อยู่ในใจของพวกเขา
นอกจากพระเ้าแล้ว ไม่มีใครจะสามารถแสดงทักษะที่สูงส่งแบบเมื่อกี้นี้ได้
เมื่อครู่ซุนเฟยไม่ทันจะได้โอ้อวดก็เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์นี้ขึ้นมา สายตาของเขาจ้องไปที่เพียร์ซ จู่ๆ เอ็กซ์คาลิเบอร์ก็กลายเป็แสงสีทองแล้วหายเข้าไปในหน้าผากของเพียร์ซ ฉากมหัศจรรย์แบบนี้ เขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ซุนเฟยก็อยากรู้ว่าทักษะ 'การให้' มันมีผลอะไรกันแน่?
หลายวินาทีต่อมา เพียร์ซที่คุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นก็ลืมตาขึ้นมาราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาลุกขึ้นมา
ในขณะที่เขายืนนิ่ง บรรยากาศของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงกลิ่นอายจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า เขายังทำให้ความรู้สึกของทุกคนเปลี่ยนไป เขายืดกายตรงเหมือนดาบ เผยความแหลมคมดุจกระบี่ ท่าทางไร้ผู้ต้านทาน และเพียร์ซดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ เหมือนการที่หลับตาไปเพียงไม่กี่วินาทีมันจะทำให้เขารู้ความลับอะไรบางอย่าง
“เพียร์ซ แสดงความสามารถของดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ให้เหล่าสหายของเ้าดูหน่อยเถอะ!”
บนใบหน้าของซุนเฟยมีรอยยิ้มน้อยๆ เขาแสร้งพูดด้วยท่าทีสงบ ทั้งที่ในความเป็จริง เป็องค์าาต่างหากที่แทบอดทนรอชมไม่ได้ ความจริงเขาอยากพูดว่า “เพียร์ซ รีบแสดงความสามารถดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ให้ข้าดูหน่อย...”
“น้อมรับพระบัญชา ฝ่าา!”
เขาให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ เว้นที่ว่างให้เล็กน้อย เพียร์ซค่อยๆ หลับตาลงราวกับกำลังรวบรวมพลังบางอย่างในร่างกาย เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนยื่นแขนขวาของเขาออกมา ห้านิ้วแนบชิดขนานกันเหมือนดาบ ปลายนิ้วตวัดผ่านก้อนหินที่สูงกว่าสองเมตรตรงหน้าเบาๆ เสียงดังฟุ่บ ไม่ทันที่ทุกคนจะได้สติกลับมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังครึ่ก ก้อนหินตรงหน้าถูกฟันแยกเป็สองส่วน รอยตัดเนียนเรียบเหมือนกับดินเหนียวที่ถูกของมีคมฟันผ่าจากตรงกลางแยกเป็สองส่วน
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ในห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงสูดลมหายใจ ทุกคนเบิกตากว้าง...รวมไปถึงซุนเฟยด้วย
นี่มันสุดยอดมาก!
คมมาก!
นี่เป็พลังของดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ หลังจากที่ได้รับการเปลี่ยนด้วยทักษะ 'การให้' หนึ่งในทักษะเทพเ้าซุนเฟยรู้สึกเหมือนมีแรงกระตุ้นภายในใจของตัวเอง ก้อนหินของเขาวงกตใต้ดินแข็งมาก ทุกคนต่างรู้ดีว่า แม้ก้อนหินพวกนี้จะไม่ได้แข็งเทียบเท่ากับเหล็กกล้า แต่ระดับความแข็งก็ไม่ห่างกันเท่าไร การที่เพียร์ซตวัดมือผ่านเบาๆ แล้วหินก็แยกออกเป็สองส่วน ผลลัพธ์นี้เหมือนกับเอ็กซ์คาลิเบอร์ของแคปริคอร์น ชูร่าในโลกเก่าของซุนเฟย ทรงอานุภาพ ไร้ผู้ต้าน สามารถตัดผ่านทุกสรรพสิ่งบนโลก
แสงสีทองกะพริบ
ตอนนี้เอง ดาบสีทองเรียบง่ายปรากฏขึ้นมาในมือของเพียร์ซ ความจริงแล้วเขาสามารถผสานดาบศักดิ์สิทธิ์เข้ากับร่างของตัวเองได้ นี่เป็เื่ที่มหัศจรรย์มาก ซุนเฟยพยักหน้า ในใจคิดว่า หรือนี่จะเป็สิ่งที่เรียกว่า ‘คนและดาบรวมกันเป็หนึ่ง’ ในตำนาน อาณาจักรแห่งดาบที่คนคือดาบ ดาบก็คือคนใช่ไหม?
“เพียร์ซ สหายข้า เ้ามีหัวใจแห่งนักรบที่แท้จริง”
ซุนเฟยรู้สึกมีความสุขมาก เขามีข้ออ้างมากมายที่จะมาอธิบายถึงฉากมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เื่โม้ขอให้บอก “เ้าได้รับการยอมรับจากดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ หลังจากนี้ไปเ้าก็ค่อยๆ ควบคุมพลังที่แท้จริงของดาบศักดิ์สิทธิ์ให้ดีแล้วกัน และนับแต่นี้ไป เ้าจะกลายเป็หนึ่งในอัศวินโกลด์เซนต์ทั้งสิบสองคนของข้าอเล็กซานเดอร์ นามของเ้าคือ...แคปริคอร์น”
อัศวินโกลด์เซนต์แคปริคอร์น
ความจริงแล้ว อัศวินโกลด์เซนต์แคปริคอร์นนั้น
ชื่อตำแหน่งนี้อาจฟังดูแปลกๆ แต่มันก็เป็ชื่ออัศวินที่น่าอิจฉา โดยเฉพาะกับพอล เพียร์ซแล้วมันมีความสำคัญมาก เพราะนั่นหมายความว่า ต่อจากนี้เขาได้ออกจากชีวิตนักรบรากหญ้า กลายเป็ขุนนางที่แท้จริงที่มีตำแหน่งเป็อัศวินคนหนึ่งในแผ่นดินอาเซรอท
ดวงตาของเหล่าสหายเต็มไปด้วยความอิจฉาและความยินดีต่อเพียร์ซ
แต่การให้ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์กับเพียร์ซเป็เพียงการเริ่มต้น
ซุนเฟยวางแผนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของเหล่าผู้นำเมืองแซมบอร์ดอย่างต่อเนื่อง
วินาทีต่อมา ซุนเฟยก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกมือที่วางเปล่าของเขาขึ้นมา
ประกายแสงสีทองที่อ่อนโยนแพร่กระจายไปทั่วห้องโถง เมื่อแสงลดลงพวกเขาก็เห็นหมวกเกราะสีทองรูปร่างเหมือนหัววัวที่ดูสวยงามปรากฏขึ้นในมือของซุนเฟย หมวกเกราะสีทองนี้ดึงดูดสายตาของทุกคน โดยเฉพาะเขาสีทองคู่นั้นที่งอโค้งได้อย่างดุดัน ปลายเขางอขึ้นเสียดแทงท้องฟ้า กลิ่นอายแหลมคมที่บรรยายไม่ถูกแผ่ออกมาอย่างเงียบๆ เหมือนกับว่าภายใต้แสงสว่างสีเหลืองทองว่ามันสามารถทะลวงผ่านอากาศได้ในชั่วพริบตา หมวกเกราะนี้ได้แผ่กลิ่นอายความหนาวเย็นออกมา
“นี่เป็ส่วนหมวกเกราะของชุดเกราะเวทมนตร์ที่เรียกว่า 'โกลด์คล็อธทอรัส' แม้จะเป็แค่ส่วนเดียว แต่พลังป้องกันของมันกลับน่าทึ่ง แน่นอนว่า พลังการโจมตีของมันก็ทำให้พวกศัตรูต้องหวาดผวา โดยเฉพาะเขาวัวที่ดุดันนี้ มันสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้...” ซุนเฟยใช้น้ำเสียงหลอกล่อที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ เขากวาดสายตามองไปยังทุกคน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าของดีดีเย่ ดร็อกบา “ดีดีเย่ สหายข้า มารับรางวัลของเ้าไป หมวกเกราะนี้จะกลายเป็คู่หูร่วมต่อสู้ที่สนิทกับเ้ามากที่สุด”
ดีดีเย่ ดร็อกบาพลันตกตะลึง
เมื่อกี้เขาเพิ่งยิ้มกับอาการตื่นใของเพียร์ซยามที่ถูกซุนเฟยเรียกชื่อ และมาตอนนี้เขาก็แสดงอาการไม่ต่างไปจากเพียร์ซ จนซุนเฟยเรียกชื่อเขาถึงสามครั้ง เขาถึงได้สติกลับมาก่อนจะก้าวเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าซุนเฟย
“ความรุ่งโรจน์ ความยุติธรรม และกำลังใจจะอยู่คู่กับเ้าตลอดกาล ในนามของข้าาาแห่งเมืองแซมบอร์ดจะขอมอบหมวกเกราะทอรัสให้แก่เ้า นับตากวันนี้เป็ต้นไป เ้ากลายเป็หนึ่งในอัศวินโกลด์เซนต์ทั้งสิบสองของข้า นามของเ้าคือ...ทอรัส!”
คำพูดของซุนเฟยได้กระตุ้นทักษะ 'การให้' หนึ่งในทักษะเทพเ้าขึ้นมาอีกครั้ง หมวกเกราะทอรัสกลายเป็ลำแสงสีทองสว่างจ้า มันหมุนรอบหนึ่งก่อนจะหายเข้าไปในหน้าผากของดร็อกบา
เป็การลอกลิขสิทธิ์โกลด์เซนต์ทอรัส
เหมือนกับพอล เพียร์ซก่อนหน้านี้ ด้วยทักษะเทพเ้า ทักษะ 'การให้' ทำให้หมวกเกราะทอรัสมีการเปลี่ยนแปลง ดร็อกบาสามารถซ่อนหมวกเกราะไว้ในร่างของตัวเองได้ สามารถเรียกใช้ในยามที่้าได้ เมื่อดร็อกบาสวมหมวกเกราะ พลังป้องกันของเขาก็เพิ่มหนึ่งเท่า เขาเลียนแบบการพุ่งชนของวัว ซึ่งมันสามารถทำลายก้อนหินขนาดใหญ่ได้ในพริบตา
ไอเทมเวทมนตร์ที่ชาร์ซีใช้อัญมณีธาตุสร้างขึ้นมาทั้งสองอย่างนี้ บวกกับความสามารถของทักษะเทพเ้า ทักษะ 'การให้' ของซุนเฟย ทำให้เกิดผลที่ไม่น่าเชื่อขึ้นมา ดูเหมือนว่าองค์าากำลังก้าวเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความแข็งแกร่งอย่างมั่นคงและยังสานฝันของเขาที่จะสร้างกลุ่มโกลด์เซนต์ขึ้นมา เพราะการกระตุ้นทักษะ 'การให้' แบบคาดไม่ถึง สำหรับซุนเฟยแล้ว นอกจากโกลด์เซนต์แล้ว เขายังคิดหาวิธีที่จะช่วย ‘อัศวินโกลด์เซนต์’ ในอนาคตของตัวเองได้ควบคุมทักษะของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น เหมือนโกลด์เซนต์ แคปริคอร์น ชูร่า และโกลด์เซนต์ทอรัส อัลเดบารัน...
นี่คงเป็เส้นทางที่ยาวไกลและสนุกอย่างมาก
นอกจากเพียร์ซและดร็อกบา เหล่านักรบที่เหลือต่างก็รอให้ซุนเฟยมอบอุปกรณ์วิเศษที่เหมาะสำหรับพวกเขาอยู่ แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะซุนเฟยไม่ได้หยิบอุปกรณ์อื่นๆ ออกมาอีก ในบรรดาทุกคน เพียร์ซและดร็อกบาเป็คนที่มีความดีความชอบที่สุดในการต่อสู้ พวกเขาคู่ควรที่จะได้รับรางวัล คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ตามความคิดของซุนเฟย ต้องสร้างคุณงามความดีขึ้นก่อนถึงจะสามารถได้รับอุปกรณ์ไป การที่ได้ของมาง่ายๆ จะทำให้คนมักมองไม่เห็นคุณค่าของมัน
ซุนเฟยเริ่มแผนการต่อมา
เขาหยิบ 'น้ำยาฮัลค์' ที่มีปริมาณตามการคำนวณระดับความแข็งแกร่งของทุกคนออกมา บนขวดจะเขียนชื่อของทุกคนแปะเอาไว้ หลังจากนั้นก็แจกจ่ายให้นักรบทั้งยี่สิบคนดื่ม 'น้ำยาฮัลค์' เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง
หลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างหนักมาเป็เวลาครึ่งเดือน พละกำลังของเหล่านักรบก็แข็งแกร่งมากขึ้น จนอยู่ในระดับที่สามารถดื่ม 'น้ำยาฮัลค์' ได้ เดิมทีความแข็งแกร่งของพวกเขาก็น้อยกว่า บรู๊ค แช็ค และโอเลเกร์ ดังนั้นผลของน้ำยาอาจไม่เห็นผลได้ชัดเท่าสามคนก่อนหน้านี้ แต่มันก็เพียงพอให้พวกเขาสามารถยกระดับพลังไปสู่นักรบหนึ่งดาวได้
ตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนที่เด็กหนุ่มผมทองเฟร์นันโด ตอร์เรสได้ร่วมฝึกฝนกับพวกเพียร์ซอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็สมปรารถนา เขาได้รับ 'น้ำยาฮัลค์' ของตัวเอง แม้ว่าเมื่อดื่มเข้าไปเขาจะรู้สึกเ็ปทรมานเหมือนร่างจะฉีกขาดออกจากกัน แต่หลังจากที่ผลของฤทธิ์ยาผ่านพ้นไป ร่างกายพวกเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่อยู่ในร่าง นักรบทุกคนที่อยู่ข้างๆ ตอร์เรสต่างพากันโห่ร้องออกมาอย่างดีใจ
----------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้