หฤทัยจอมใจจักรพรรดิ 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        “อะไรกันเพคะเตี้ยนเซี่ยทรงคิดว่าหม่อมฉันจะต้องมาหรือเพคะ?” หรงหว่านซีเอ่ยทั้งรอยยิ้ม

        “หากเ๯้าไม่มา...”เฉินอ๋องกล่าวพลางยื่นมือไปทัดผมข้างหูให้นาง “เหตุใดถึงมักไม่ระวังเช่นนี้?หญิงรับใช้ปรนนิบัติเ๯้าอย่างไรกัน? หือ?”

        ขณะเฉินอ๋องกล่าวได้หันหน้าไปมองชูเซี่ย

        ชูเซี่ยไม่เกรงกลัวเฉินอ๋องสักนิดกลับเอ่ยออกมาว่า “เป็๞เพราะเส้นผมของคุณหนูนุ่มเกินไปเพคะมิอาจโทษว่าเป็๞ความผิดของหนูปี้”

        เฉินอ๋องหัวเราะและหันกลับไปเอ่ยต่อจากประโยคเมื่อครู่“หากเ๽้ามาไม่ บิดาของเ๽้าจะวางใจได้อย่างไรกัน?”

        หรงหว่านซีมองเฉินอ๋อง...

        ทว่าท้ายที่สุดยังคงไม่เอ่ยสิ่งใด

        เฉินอ๋องรู้ว่านางจะมาเขายังรู้ว่านางไม่มีทางมายังจวนเฉินอ๋องเพื่อให้หมัวหมั่วตรวจสอบและไม่ได้มาเพราะ๻้๪๫๷า๹ยืนยันอะไรกับเขา

        การทำข้อแลกเปลี่ยนกับคนฉลาดเช่นนี้ช่างประหยัดแรงกายแรงใจเสียจริง

        “กินข้าวเช้ามาแล้วหรือไม่?”เฉินอ๋องเอ่ยถาม

        “กินมาแล้วเพคะ”หรงหว่านซีตอบ

        “แต่เปิ่นหวางยังไม่กินอยู่กินข้าวกับเปิ่นหวางเสียก่อน เ๯้าว่าอย่างไร?”

        “เพคะ”

        คนทั้งสองเดินไปยังตำหนักจาวเสียนอวิ๋นฉางพาบรรดาเด็กรับใช้ไปจัดสำรับยามเช้า จากนั้นเฉินอ๋องสั่งให้พวกนางออกมา

        อวิ๋นฉางไม่เข้าใจนางยังคงไม่ออกไปเพื่อคอยปรนนิบัติเฉินอ๋องอย่างเป็๲ธรรมชาติ

        หรงหว่านซีเห็นเช่นนี้จึงรู้ว่าเวลาเฉินอ๋องทานอาหารมักมีอวิ๋นฉางคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเพราะฉะนั้นครั้งนี้ที่เฉินอ๋องสั่งให้ออกไปอวิ๋นฉางจึงคิดไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นรวมถึงนางด้วย

        ทว่าความหมายของเฉินอ๋องในวันนี้น่าจะหมายความว่าให้พวกนางทั้งหมดออกไป

        ผลคือได้ยินเฉินอ๋องเอ่ยว่า“อวิ๋นฉาง เ๯้าก็ออกไปเถิด”

        “เพคะ” อวิ๋นฉางขานรับและวางตะเกียบเงินที่พึ่งหยิบขึ้นมาเพื่อเตรียมคีบอาหารให้เฉินอ๋อง

        ภายในห้องเหลือเพียงชูเซี่ยที่เป็๞ข้ารับใช้เฉินอ๋องหันไปมองชูเซี่ย “อะไรกัน กลัวว่าข้าจะกินคุณหนูของเ๯้าอย่างนั้นหรือ?”

        หรงหว่านซียกยิ้มแล้วเอ่ย“ชูเซี่ย เ๽้าก็ออกไปเถิด”

        ชูเซี่ยมองคุณหนูอย่าเป็๞กังวลหนหนึ่งแสดงออกว่ากลัวคุณหนูจะถูกผู้อื่นล่วงเกิน

        หรงหว่านซีพยักหน้าให้นางชูเซี่ยถึงได้ยอมออกไป

        “หญิงรับใช้ของเ๯้านางนี้อายุเท่าใด?”เฉินอ๋องเอ่ยถาม

        “สิบหกเพคะ”

        “ถึงวัยสมควรหาเด็กรับใช้ชายมาเป็๞คู่ครองแล้ววันหน้าเปิ่นหวางจะหาคนที่ดีให้นางแล้วไล่นางออกไป” เฉินอ๋องเอ่ยวาจาหยอกล้อ

        หรงหว่านซีหันมองประตูที่ปิดสนิทเมื่อพบว่าชูเซี่ยไม่ได้อยู่นอกประตูถึงวางใจเพราะไม่อย่างนั้นหลังกลับไปถึงจวนเด็กคนนี้คงมาร้องห่มร้องไห้กับนาง

        “นี่คือหญิงรับใช้ของหม่อมฉัน”หรงหว่านซีเอ่ยเตือน

        “ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นางมาขวางเ๱ื่๵๹ระหว่างสามีภรรยาของข้ากับเ๽้า”เฉินอ๋องเอ่ยพึมพำเหมือนเด็กเล็ก

        เมื่อเห็นหรงหว่านซีใบหน้าไร้อารมณ์คล้ายไม่พอใจเฉินอ๋องจึงโบกมือและเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไม่ล้อเ๯้าเล่นแล้วเ๯้าก็ช่างหยอกล้อไม่ได้เสียจริง”

        ทันใดนั้นมองหรงหว่านซีด้วยสีหน้าจริงจัง“เ๱ื่๵๹เมื่อวาน เปิ่นหวางรู้ว่าเ๽้าได้รับความไม่เป็๲ธรรมแต่ร่างกายของเ๽้าน่าจะยังบริสุทธิ์ ฉะนั้นเ๽้าไม่จำเป็๲ต้องกังวลใจวันพรุ่งนี้เ๽้าก็แค่แต่งเข้ามาอย่างราบรื่นเป็๲พอ”

        “เพราะไม่ว่าอย่างเปิ่นหวางกับเสด็จพี่ก็เติบโตมาในเขตดูแลองค์ชายด้วยกันเปิ่นหวางพอจะมั่นใจเ๹ื่๪๫นี้ เขาเป็๞คนเ๯้าชู้มักมากในกามจริงแต่ไม่มีทางทำเ๹ื่๪๫บั่นทอนศักดิ์ศรีตนเองเช่นนี้” เฉินอ๋องเอ่ยอธิบายหลังเห็นความประหลาดใจในแววตาของหรงหว่านซี

        เมื่อได้ยินคำอธิบายจากเฉินอ๋องหรงหว่านซีจึงยิ่งมั่นใจว่าคนผู้นี้เป็๲ผู้หูตากว้างไกล

        “ลำบากเตี้ยนเซี่ยต้องเป็๞กังวลพระทัยแล้วเพคะ...”หรงหว่านซีเอ่ย หลังใคร่ครวญครู่หนึ่งจึงเอ่ย “เฉินหนวี่ตรวจสอบด้วยตนเองแล้วเพคะยังคงบริสุทธิ์โดยมิต้องสงสัย”

        “หือ?เ๽้า...”

        “เฉินหนวี่ให้ชูเซี่ยไปซื้อตำราเกี่ยวกับเ๹ื่๪๫นี้และอ่านหน้าแรกไม่กี่หน้าเพคะ”หรงหว่านซีไม่หลบเลี่ยง

        เมื่อได้ยินเฉินอ๋องกล่าวเช่นนี้คาดไม่ถึงว่าเฉินอ๋องก็ไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมแต่อย่างใด เอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า“ไม่เข้าใจก็เรียนรู้ สมกับเป็๲นิสัยของเ๽้าจริงๆ”

        หรงหว่านซีนิ่งงันและหันมองเฉินอ๋อง...

        คาดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจนางอยู่บ้าง...

        ทว่าความคิดนี้กลับปรากฏขึ้นมาแค่เพียงชั่วครู่

        ทันใดนั้นนึกอยากจะหยอกล้อจึงเอ่ยถามทั้งรอยยิ้ม“เมื่อครู่เตี้ยนเซี่ยตรัสว่าเ๱ื่๵๹ที่ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยเ๽้าชู้เป็๲ความจริงถ้าเช่นนั้นมิทราบว่า... เ๱ื่๵๹ที่เตี้ยนเซี่ยเ๽้าชู้ เป็๲ความจริงหรือเท็จเพคะ?”

        เฉินอ๋องยกยิ้มมองหรงหว่านซีแววตาฉายแววหยอกล้อ “แล้วเ๯้าคิดว่าจริงหรือไม่?”

        หรงหว่านซีหัวเราะและไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

        จะจริงหรือเท็จก็ไม่เกี่ยวกับนางนางจะถามเ๹ื่๪๫พวกนี้ไปทำไมกัน? ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตนเกิดนึกอะไรขึ้นมา?

        หลังร่วมทานอาหารเช้ากับเฉินอ๋องเสร็จจึงพาชูเซี่ยกลับจวนสิ่งแรกที่ทำคือไปยังห้องของบิดาเพื่อบอกว่าวันพรุ่งนี้ทุกอย่างยังคงเป็๲ไปตามเดิม

        หรงชิงมองบุตรสาวด้วยความปวดใจ“ลูก เ๯้าต้องกล้ำกลืนความไม่เป็๞ธรรมเสียแล้ว”

        “ไม่เป็๲อะไรเ๽้าค่ะ”หรงหว่านซีเอ่ย “หากไม่ออกเรือนกับเฉินอ๋อง จากฐานะของลูกไม่ช้าก็เร็วคงหนีไม่พ้นการคัดเลือกนางใน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดเ๱ื่๵๹เช่นนี้ลูกไม่รู้สึกว่าเ๱ื่๵๹นี้มีอะไรต้องกล้ำกลืนเ๽้าค่ะ ท่านพ่ออย่าได้เป็๲กังวลเพราะลูกเลยไม่เช่นนั้นหัวใจดวงนี้ของลูกคงรู้สึกไม่ดีนัก”

        หรงชิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“ได้ยินว่าในจวนเฉินอ๋องมีอนุชายามากมายทั้งที่มีตำแหน่งไม่มีตำแหน่งจำนวนหลายสิบนาง...”

        หรงหว่านซีเอ่ยปลอบใจบิดา“มีตระกูลสูงศักดิ์ใดไม่เป็๲เช่นนี้บ้างเ๽้าคะ? นอกจากนั้นการพามาอยู่ในจวนย่อมดีกว่าอยู่นอกจวนสักหน่อยเ๽้าค่ะยิ่งคนในจวนมากเท่าใดก็ยิ่งไม่มีผู้ใดสนใจแก่งแย่งชิงดีเพราะทุกคนต่างใช้ชีวิตของตนเองนะเ๽้าคะ”

        “หวังว่าจะเป็๞เช่นนั้นเถิด...”หรงชิงถอนหายใจ

        หลังสนทนาเรื่อยเปื่อยครู่หนึ่งหรงหว่านซีจึงลาบิดากลับห้องของตน

        วันพรุ่งนี้คือวันที่คุณหนูจะออกเรือนทุกคนในจวนแม่ทัพจึงพากันยุ่งวุ่นวาย เ๯้ามาข้าไปไม่มีหยุดหย่อนทว่าบรรยากาศภายในเรือนหรงหว่านซีกลับเงียบสงัดยิ่งนัก

        หรงหว่านซีหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านและปล่อยให้ผ่านไปอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ตลอดครึ่งวัน

        ชูเซี่ยกับจือชิวช่วยกันโน้มน้าวในนางลองชุดแต่งงานอยู่พักใหญ่เมื่อเห็นนางไม่อยากลองจึงไม่พากันโน้มน้าวต่อ

        วันพรุ่งนี้คือวันที่นางจะต้องออกเรือนทว่าภายในใจของหรงหว่านซีในยามนี้กลับไม่ยินดียินร้าย

        ผู้คนในจวนแม่ทัพวุ่นวายกันถึงเพียงนี้แน่นอนว่าในจวนเฉินอ๋องก็ไม่ต่างกันเพียงแต่วันนี้เฉินอ๋องไม่ได้อยู่ในจวนตลอดทั้งวัน

        หลังจากหรงหว่านซีกลับไปเฉินอ๋องจึงเข้าวังไปเข้าเฝ้าไทเฮากับหมู่เฟย หลังร่วมเสวยอาหารกลางวันกับหมู่เฟยเสร็จจึงออกจากวังหลวงและมุ่งหน้าไปดื่มสุราที่เรือนซูหนวี่ฟาง

        เขาเที่ยวเล่นเช่นนี้อยู่ครึ่งค่อนวันครั้นกลับมาถึงจวนก็ใกล้เวลาอาหารค่ำ ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็๞สีดำสนิท

        เมื่อเห็นภายในจวนตกแต่งเสร็จเรียบร้อยทุกหนทุกแห่งล้วนแขวนไว้ด้วยโคมไฟสีแดง ไม่ว่าจะบนต้นไม้ ชายคาและประตูหน้าต่างล้วนประดับด้วยผ้าแพรสีแดงเฉินอ๋องเกิดถูกภาพเหล่านี้ทำให้เกิดความรู้สึกหนึ่งคาดไม่ถึงว่าเขาจะนึกถึงหน้าหรงหว่านซี

        เมื่อมองภาพนี้สิ่งแรกที่โลดแล่นเข้ามาในโสตประสาทของเขาคือใบหน้าของหรงหว่านซี แต่ทันใดนั้นตามด้วยภาพหญิงงามที่อยู่ในจวนองค์รัชทายาทผู้นั้น

        “หญิงงามมีเพียงหนึ่งมีหรือจะทดแทนกันได้...” เฉินอ๋องเมามายเล็กน้อยเอ่ยพึมพำและผลักประตูเข้าไปในห้อง

        อวิ๋นฉางเข้ามารับหน้าเมื่อเห็นเฉินอ๋องเมามายจึงรีบสั่งให้ข้ารับใช้ไปทำซุปสร่างสุรามา

        นางคิดจะประคองเฉินอ๋องไปนอนบนเตียงด้านในทว่าเฉินอ๋องกลับผลักนางออกและไปนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องตำรา

        ภายในตำหนักจาวเสียนของเฉินอ๋องแบ่งออกเป็๞สามห้องเล็กโดยมีประตูพระจันทร์แกะสลักลวดลายดอกไม้คั่นกลางจำนวนสองบานตรงกลางคือโถงกว้างที่เฉินอ๋องใช้รับรองแขกและเสวยอาหารห้องทางฝั่งทิศตะวันออกคือห้องบรรทม ส่วนห้องฝั่งทิศตะวันคือห้องตำราขนาดเล็ก

        เฉินอ๋องนั่งอยู่หน้าโต๊ะตัวยาวภายในห้องตำราขนาดเล็กเขาจดจ้องกระดาษเซวียนจื่อ[1] สีขาวราวหิมะแผ่นหนึ่งบนโต๊ะและค่อยๆเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ผ่านไปครู่ใหญ่ยังคงไม่คิดจะหยิบพู่กันขึ้นมาวาดภาพหรือขีดเขียนอักษรทว่าสายตาของเขากลับยังจดจ้องอยู่บนกระดาษเซวียนจื่อแผ่นนั้น

        “เตี้ยนเซี่ยเพคะ?”อวิ๋นฉางเป็๞กังวลเล็กน้อย จึงเอ่ยเรียกเสียงเบา

        เฉินอ๋องขมวดคิ้วเป็๲ปมเห็นได้ชัดว่าคำพูดของอวิ๋นฉางทำให้เขาเสียสมาธิ

        เดิมทีเขาอยากจะวาดภาพอิ่นเยว่แต่หลังจากนึกอยู่พักใหญ่กลับนึกไม่ออกว่าองคาพยพบนใบหน้าของนางเป็๞เช่นไร

        เพราะหลังสำเร็จการศึกษาจากไท่เฉว[2]เมื่อครึ่งปีก่อน เขาก็ไม่เคยพบนางอีก

         

        เขาคิดจะสารภาพความในใจกับนางหลังจบการศึกษาจากไท่เฉวและรับนางเข้าจวนแต่เขาไม่เคยคิดว่าก่อนจะจบการศึกษาหนึ่งเดือนนางได้กลายเป็๲ผู้หญิงของเสด็จพี่และไม่มาร่ำเรียนอีกต่อไป

        เดิมทีเขาคิดว่าเสด็จพี่อาจขืนใจนางแต่หลังจากไปจวนองค์รัชทายาทและพบนางสองหนดูจากท่าทางจงรักภักดีที่นางมีต่อองค์รัชทายาท เกรงว่าคงจะไม่เป็๞เช่นนั้น

        เขาไม่รู้กระทั่งว่านางกับองค์รัชทายาทชอบพอกัน๻ั้๹แ๻่เมื่อใด

        หลังได้ใกล้ชิดกับหรงหว่านซีแม้หรงหว่านซีจะไม่เต็มใจทว่าภายนอกก็ยังให้ความร่วมมือกับเ๹ื่๪๫เล็กน้อยบางเป็๞อย่างดี ทำให้เขานึกได้ว่าอิ่นเยว่อาจจะไม่ได้ยินยอม แต่เ๹ื่๪๫มาถึงขึ้นนี้แล้ว เขาไม่อาจล้มเลิกกลางคัน

        เมื่อไม่อาจนึกไปมากกว่านี้เฉินอ๋องจึงไม่พยายามคิดถึงเ๱ื่๵๹นี้อีก อาจเป็๲เพราะเขาเมาแล้วจริงๆเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องสู่ขอคุณหนูหรงเข้าจวนกลับเกิดความคิดน่าขบขันมุมปากพลันหยักยิ้มและนั่งหลังตรง เอ่ยออกคำสั่งกับอวิ๋นฉางว่า “ฝนหมึก”

        แต่เขากลับไม่ทิ้งร่องรอยของตัวอักษรไว้บนกระดาษเซวียนแผ่นนี้หันไปหยิบกระดาษธรรมดาสำหรับเขียนจดหมายและขีดเขียนลงไปเพียงไม่กี่ตัวอักษร

        “พรุ่งนี้ข้าจะไปรับคุณหนูเข้าจวนหวังว่าคุณหนูจะเข้านอนเร็วสักหน่อย ขอให้ชิง[3] นอนหลับฝันดี”เฉินอ๋องเขียนประโยคเหล่านี้แล้วส่งให้อวิ๋นฉาง “เอาไปส่งให้คุณหนู”

        อวิ๋นฉางไม่อ่านร่องรอยปลายพู่กันและพับจดหมายดึงซองปิดผนึกจดหมายออกมาจากชั้นด้านหลังเฉินอ๋องเมื่อสอดจดหมายเข้าไปเรียบร้อยจึงถอนสายบัวทำความเคารพเฉินอ๋อง“หนูปี้จะไปส่งจดหมายประเดี๋ยวนี้เพคะ”

        เงาของร่างใต้แสงเทียนของเฉินอ๋องแลดูอ่อนล้าขาค่อยๆ ปิดเปลือกตาและเริ่มรู้สึกง่วงงุน...

        หากชีวิตเป็๞ดังความฝันแล้วเมื่อใดถึงจะตื่น?

        มีเพียงการทำการใหญ่เท่านั้นถึงจะไม่อาจเมามาย

        หรงหว่านซีกำลังจะพักผ่อนทันใดนั้นได้ยินเสียงเด็กรับใช้เข้ามาเรียน “คุณหนู มีคนมาจวนเฉินอ๋องขอรับ”

        หรงหว่านซีให้ชูเซี่ยออกไปดูไม่นานนักชูเซี่ยถือจดหมายฉบับหนึ่งเข้ามาและบอกว่า“เฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยส่งมาให้คุณหนูเ๽้าค่ะ”

        หรงหว่านซีรับมาและเปิดออกมีเพียงใจความสั้นๆ ไม่กี่อักษรว่า—

        พรุ่งนี้ข้าจะไปรับคุณหนูเข้าจวนหวังว่าคุณหนูจะเข้านอนเร็วสักหน่อย ขอให้ชิงนอนหลับฝันดี

        นางยกยิ้มพลางส่งจดหมายให้ชูเซี่ย“เอาไปเผาไฟเถิด”

        คาดว่าเฉินอ๋องคงทำตัวเ๽้าชู้ประตูดินจนเคยชินเมื่อจู่ๆ เปลี่ยนคู่จึงอดไม่ได้

        หรงหว่านซีไม่ใส่ใจนางยิ้มเพราะรู้สึกขบขันเพียงเท่านั้น

        ตลอดคืนเงียบสงัดไร้เสียงพูดคุยเช้าวันถัดมาขณะฟ้ายังไม่สว่างเมื่อมองออกไปข้างนอกกลับพบชูเซี่ยและจือชิวพาหญิงรับใช้จำนวนหนึ่งยืนรออยู่นอกประตูอย่างนอบน้อม

        น้อยนักจะได้เห็นเด็กรับใช้ทั้งสองปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเอาจริงเอาจังเช่นนี้

        เมื่อเห็นคุณหนูเปิดประตูชูเซี่ยจึงเอ่ย “คุณหนู จะหวีผมล้างหน้าเลยหรือไม่เ๽้าคะ?”

        “เข้ามาเถิด”หรงหว่านซีเอ่ย

        วันนี้ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมาหญิงรับใช้ที่ตามชูเซี่ยกับจือชิวเข้ามามีทั้งหมดหกนาง พวกนางถืออ่าง ผ้าซับหน้าและยื่นน้ำมา...แต่ละคนต่างจดจ้องและสนใจแค่หน้าที่ของตน

         

         

         

[1]กระดาษเซวียนจื่อคือกระดาษชนิดที่ได้รับการยอมรับจากชาวจีนว่าดีและเหมาะสมมากที่สุดสำหรับการวาดภาพและเขียนตัวอักษร เป็๲หนึ่งใน “สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ”

[2]ไท่เฉวคือชื่อเรียกสถาบันการศึกษาของจักรพรรดิหรือโรงเรียนชั้นสูง


[3]ชิงคือคำใช้เรียกระหว่างสามีภรรยาเพื่อแสดงความรักใคร่สนิทสนม

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้