“ฝ่าา พระองค์ทรงเป็อย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหลี่เสวียน องค์รัชทายาทแห่งแคว้นจ้าวส่ายหน้าก่อนที่จะคลำไปที่หน้าอกของตน เขาไม่รู้สึกเจ็บแม้เพียงนิดทั้งที่ก่อนหน้านี้ถูกกระบี่แทงเข้าไปจนเกือบทะลุด้านหลัง
“เราไม่รู้สึกเจ็บแล้ว เป็ไปได้อย่างไรกัน”
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเวลานี้ต่างกรู่เข้ามาภายในห้องกันหมด ทุกสายตาต่างจ้องไปที่ร่างบางที่นอนหลับตาไม่ได้สติอยู่ที่พื้น หมอชราส่งเสียงขอทางจากพวกเขาก่อนที่จะก้าวตามเข้ามา
“พวกท่านพานางไปที่ห้องอื่นก่อนได้หรือไม่ นางจำเป็ต้องพักผ่อนและดื่มยาบำรุง”
ชายฉกรรจ์ที่อยู่ภายในห้องต่างมองไปยังหมอชราด้วยความสงสัย ก่อนที่หัวหน้าองครักษ์จะเป็ผู้ที่อุ้มนางไปยังห้องที่อยู่ด้านข้างและเมื่อเขาย้อนกลับมาอีกครั้งก็เห็นจ้าวหลี่เสวียนเปลี่ยนเป็ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว
"ฝ่าาพระองค์รู้สึกเป็อย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“เราไม่เป็ไร แต่เห็นทีว่าครั้งนี้น้องเจ็ดจะลงมือกับเราหนักไม่น้อย เพื่อตำแหน่งรัชทายาทเขาถึงกับส่งมือสังหารมาตามฆ่าเรามากมายเช่นนี้ เคราะห์ยังดีที่ครั้งนี้รอดตายมาได้แต่เราจะไม่ยอมถูกกระทำอยู่แค่ฝ่ายเดียวแน่ คนของเราตายไปเท่าไหร่ฝากเ้าจัดการเื่ของพวกเขาให้เรียบร้อยด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหลี่เสวียนได้รับพระราชโองการลับจากฮ่องเต้ให้เดินทางมายังเมืองฝาง เพื่อตรวจสอบเื่ที่มีการซ่องสุมกำลังคนอย่างลับๆ แต่ดูเหมือนเื่นี้จะไม่เป็ความลับเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถูกโจมตีอย่างกะทันหันเช่นนี้
“โม่อวิ๋นเฟิง สตรีนางคือผู้ที่รักษาเราอย่างนั้นหรือ”
หลังจากที่ปรึกษาคนของตนเกี่ยวกับการเดินทางไปยังเมืองฝางเสร็จแล้ว จ้าวหลี่เสวียนก็เอ่ยถามหัวหน้าองครักษ์โม่ด้วยความอยากรู้เพราะาแที่เหลือร่องรอยทิ้งเอาไว้มีเพียงแผลเป็เท่านั้น ไม่คล้ายกับว่าเขาพึ่งได้รับาเ็สาหัสมาก่อนเลย
“เป็เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ คราแรกกระหม่อมเองก็ไม่เชื่อในฝีมือการรักษาของนางเท่าใดนัก เพราะนางยังดูเด็กเกินกว่าที่จะรู้วิชาการแพทย์อย่างลึกซึ้ง แต่เมื่อได้มาเห็นพระองค์ปกติดีเช่นนี้คงต้องไปขออภัยแก่นางที่เคยมองนางด้วยสายตาเคลือบแคลงมาก่อน”
โม่อวิ๋นเฟิงเป็ชายชาตรีที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิด ต่างจากอีกคนที่ยืนกอดกระบี่ส่งเสียงหึ!ออกมาอย่างไม่พอใจ
“ใช่หรือไม่ฉีเทียนรุ่ย ในเมื่อเราเป็ฝ่ายผิดก็ย่อมต้องขอโทษ เ้าอย่าลืมไปขอโทษนางหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาเล่า”
ร่างสูงทำหน้างอเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ ก่อนเดินกระทืบเท้าออกจากห้องไป
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ”
จ้าวหลี่เสวียนมองคนสนิทของตนด้วยสายตาสงสัย
“ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ เ้าเด็กนั่นก็แค่ใจร้อนไปหน่อยเท่านั้น ต่อไปกระหม่อมจะอบรมเขาให้ดีกว่านี้”
ลู่หยวนซีหลับไปราวหนึ่งชั่วยาม หลังจากที่นางได้สติกลับมาก็พบว่าเก้าอี้ข้างเตียงมีหมอชรานั่งอยู่ เสียงขยับตัวของนางทำให้หมอชราที่กำลังอ่านตำราการแพทย์หันกลับไปมอง
“เ้าฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ เป็อย่างไรบ้างท่าทางของเ้าดูเหมือนคนไม่มีแรง รอสักครู่ข้าเคี่ยวยาบำรุงเอาไว้รอแล้ว เดี๋ยวไปยกมาให้”
ลู่หยวนซีมองหมอชราด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดวันนี้เขาถึงได้ดูกระตือรือร้นเยี่ยงนี้ น่าแปลกนัก ไม่นานหลังจากที่หมอชราออกจากห้องไปเขาก็กลับมาพร้อมกับยาชามโต ควันที่ลอยวนอยู่้าบ่งบอกว่ายาพึ่งเทออกมาจากหม้อ นางไม่คิดปฏิเสธความหวังดีของเขาจึงรับยามาดื่มอย่างไม่มีท่าทีอิดออด แต่แล้วนางก็นึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้
“แย่แล้วคุณชายของข้ารอทานข้าวอยู่ ท่านหมอข้าต้องรีบไปแล้ว ไว้ครั้งหน้าข้าจะแวะไปที่โรงหมอของท่านนะเ้าคะ ข้ามีเื่หลายอย่างที่้าถามท่านอยู่เหมือนกัน”
ลู่หยวนซีคว้าตะกร้าไม้ไผ่ที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นสะพายหลัง ก่อนทะยานออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จ้าวหลี่เสวียนและคนของเขาเองก็กำลังจะเดินมาดูว่าหญิงสาวที่ช่วยชีวิตตนฟื้นแล้วหรือยัง แต่คนทั้งหมดเห็นเพียงชุดสีฟ้าที่วิ่งออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุ ทุกคนหันมองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จากนั้นหมอชราก็เดินออกมาจากห้องด้วยเช่นกัน
“ท่านคือหมอที่ถูกตามมารักษาเราในตอนแรกสินะ”
หมอชราเห็นจ้าวหลี่เสวียนในยามปกติ เขาก็อดที่จะนึกชื่นชมมิได้ ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลารูปงามเปล่งประกายนักท่าทางดูเหมือนมิใช่คนธรรมดา
“ขอรับเป็ข้าน้อยเอง”
จ้าวหลี่เสวียนพยักหน้า
“เช่นนั้นท่านหมอรู้จักกับสตรีที่เป็ผู้ช่วยชีวิตเราหรือไม่”
หมอชราพยักหน้าจากนั้นจึงส่ายหน้า ทำให้ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจในคำตอบของเขา
“จะว่ารู้จักก็รู้จัก จะว่าไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน นางได้ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งเอาไว้ ยังไม่ทันได้ถามชื่อแซ่นางก็จากไปก่อน ครั้งนี้เป็ครั้งที่สองที่ข้าน้อยได้พบกับนางเช่นกัน แต่ดูเหมือนนางจะกำลังรีบไปทำธุระ นางบอกว่าคุณชายของนางกำลังรอทานข้าวขอรับ”
คำนี้อีกแล้ว ทุกคนต่างก็คิดเช่นเดียวกันแต่มิได้เอ่ยออกมา หญิงสาวนางนี้ช่างแปลกคนนัก หากเป็ผู้อื่นที่ได้ช่วยชีวิตคนแล้วย่อม้าสิ่งตอบแทน ไม่ว่าจะเป็สิ่งของมีค่าหรือคำขอบคุณ แต่นางกลับเห็นการทานอาหารของคุณชายของนางเป็สิ่งที่สำคัญเหนือกว่าสิ่งใด นางเป็ใครกันแน่
“เช่นนั้นท่านหมอรู้หรือไม่ หากเรา้าตอบแทนน้ำใจของนางเราควรไปหานางที่ใด”
หมอชราส่ายหน้า
“ข้าน้อยเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่นางบอกว่าเร็วๆ นี้นางจะไปที่โรงหมอของข้า ถ้าหากท่านยังพักอยู่ที่นี่เมื่อใดที่ได้พบนางอีกข้าจะส่งคนมาแจ้งท่านก่อนดีหรือไม่”
จ้าวหลี่เสวียนไม่มีทางเลือก ดังนั้นเขาจึงต้องหยุดพักที่อำเภอเหออันก่อนเพื่อสืบเื่ของสตรีนางนั้นให้แน่ชัด ไม่แน่ว่าการรักษาของนางอาจมีประโยชน์ต่อเขาในภายหน้าก็เป็ได้ ความคิดของจ้าวหลี่เสวียนและเฮ่อเหวินเจ๋อนั้นไม่ต่างกันนัก คนทั้งสองต่างก็คิดที่จะนำลู่หยวนซีมาเป็คนของตน แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ความเป็ความตายของนางทั้งหมดขึ้นอยู่กับคนเพียงผู้เดียวเท่านั้น
หลังจากที่นางออกมาจากเรือนหลังนั้น ลู่หยวนซีก็ตรงดิ่งไปยังตลาดที่ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอถงอันทันที นางเลือกซื้อข้าวสารอาหารแห้งเพื่อตุนเอาไว้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาที่นี่บ่อยๆ ลู่หยวนซีไม่กลัวเื่การขนย้ายเพราะนางมีช่องว่างอากาศเป็ของตนเอง หลังจากที่ซื้อข้าวของเต็มตะกร้านางก็ย้ายเข้าไปเก็บเอาไว้ในช่องว่างอากาศ ก่อนเดินหน้าไปที่ร้านอื่นต่อเพราะอาหารที่เก็บเอาไว้ภายในนั้น ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนทุกอย่างก็ยังคงดูสดใหม่ ราวกับว่าพึ่งซื้อมาเมื่อไม่นาน ในระหว่างที่ลู่หยวนซีกำลังเลือกซื้อเนื้อหมู เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“เฉียนฟางหนิง เ้าทำร้ายข้าปางตายแล้วยังกล้าเข้ามาเดินในอำเภอถงอันอย่างสบายใจอีกอย่างนั้นหรือ”
ลู่หยวนซีวางเนื้อหมูในมือลง ก่อนที่จะหันไปมองเถียนอวี้ซวนด้วยสายตาไม่พอใจ นางพยายามข่มอารมณ์ของตนเอาไว้เพราะเกรงว่าตนเองจะทนไม่ไหวเข้าทำร้ายเ้าบ้านี่อีกรอบ
“ข้าหรือทำร้ายเ้า คิดใส่ร้ายใครกัน ข้าไม่รู้จักเ้าเสียหน่อย ดูท่าทางการแต่งตัวแล้วคงไม่ได้เป็พวกต้มตุ๋นตบทรัพย์ใช่หรือไม่”
ลู่หยวนซีะโออกมาเสียงดัง ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาก็แวะเข้ามามุงดูเด็กสาวหน้าตาดีกับบัณฑิตหน้าตาธรรมดาทุ่มเถียงกัน เถียนอวี้ซวนเห็นคนเริ่มเข้ามามุงมากขึ้นเขาก็มีท่าทีลนลานเล็กน้อย แต่เื่ที่นางทำร้ายเขา เขาจะต้องคิดบัญชีกับนางให้จงได้
“อย่ามาทำไขสือ เ้าแต่งงานกับข้าแล้วยังกล้าหนีไปพร้อมกับชายชู้ของเ้า ข้าที่เป็ถึงบัณฑิตใกล้จะต้องเข้าสอบแล้วแต่กลับถูกเ้าทำร้ายาเ็สาหัสจนต้องพลาดการสอบไป พ่อแม่พี่น้องดูหน้าสตรีแพศยานางนี้เอาไว้ให้ดี ระวังอย่าโดนนางใช้ใบหน้างดงามของนางหลอกเอาได้”