โม่จ้านปีนผ่านเนินเขาเล็กตามความทรงจำ กลับไปยังข้างถนนสายเล็กโดยมิหยุดฝีเท้า ตามหาสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมสัตว์ป่ากินคนอีกครั้ง าาปีศาจตัวปลอมพนมมือทั้งสองข้าง ปากเอ่ยคำว่า “อมิตาภพุทธ พี่ชาย ขอข้ายืมสิ่งที่ท่านทิ้งเอาไว้สักหน่อย หากได้ใช้ชีวิตสุขสงบจะกลับมาช่วยทำหลุมศพให้ท่าน..” มิยอมหยุด
เสื้อเกราะที่ปักอยู่ในดินถูกโม่จ้านหาจนพบ หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ขุดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มิว่าสัตว์ร้ายนั้นจะเก่งกาจมากเพียงใดก็มิมีทางกลืนโลหะลงท้องได้ ทำได้เพียงคายไว้ที่เดิม สิ่งที่โม่จ้านคิดเอาไว้ก็คือสิ่งนี้ ไม่นานนักโม่จ้านก็รวบรวมเศษชิ้นส่วนเสื้อเกราะจนครบ ก่อนวางลงบนพื้นแล้วเริ่มสังเกตดูอย่างละเอียด
ดูจากรูปแบบ พอจะคาดเดาได้ว่าเป็เกราะหนึ่งชุด เกราะส่วนหน้าอกกับส่วนแขนยังเหลืออยู่ ทว่าก็เริ่มมีรอยสนิมกระดำกระด่างแล้ว เกราะส่วนไหล่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว และเกราะส่วนขาแหลกจนกลายเป็หลายชิ้น เกราะส่วนอกยังแตกเป็รูขนาดใหญ่สองรู บ่งบอกว่าเ้าของเดิมต่อสู้กับสัตว์ร้ายอย่างดุเดือดมากเพียงใด
สิ่งที่ทำให้โม่จ้านดีใจมากที่สุดก็คือหมวกเหล็กทรงครึ่งวงกลมมีปีกหมวก เห็นได้ชัดว่าให้คนหนุ่มร่างกายแข็งแรงใช้ มิเพียงแต่ขนาดศีรษะที่ใหญ่กว่าโม่จ้านสองรอบ บริเวณหน้าผากยังพอฝืนนำเขาเข้าไปขัดไว้ได้ มิมีทางที่ตัวตนจะถูกเปิดเผยในทันทีที่พบเจอผู้คน
ยามเริ่มเริ่มด้วยมีดหนึ่งเล่ม อุปกรณ์ต่างๆ อาศัยการเก็บเล็กผสมน้อยเอาตามทาง...ช่างเป็การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกต่างมิติจากศูนย์โดยแท้
โม่จ้านฮัมเพลงพร้อมกับล้างเศษเหล็กช่วยชีวิตกองนี้ให้สะอาด จากนั้นก็ใช้กริชขูดรอยสนิมออก หนึ่งแผนการภายในใจค่อยๆ ก่อตัวเป็รูปเป็ร่าง
......
วันนี้ป๋อเก๋อช่างโชคร้ายเหลือเกิน
ในฐานะพ่อบ้านผู้มีความสามารถ หน้าที่ของตนคือการจัดกระเป๋าสัมภาระของคุณหนูและคุณชายให้เหมาะสมเมื่อวันเปิดเทอมเริ่มใกล้เข้ามา ทว่าปีนี้กลับมีความผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้น— จู่ๆ สหายเก่าที่มิได้พบกันหลายสิบปีของท่านเอิร์ลไอเส่อเอ่อร์ก็มาเยือนอย่างกะทันหัน ทำเอาภริยาท่านไอเส่อเอ่อร์ดีใจจนลืมนำจดหมายบรรจุใบลงนามรับรองใส่รถม้า กระทั่งส่งสหายกลับไป ท่านเอิร์ลไอเส่อเอ่อร์เพิ่งจะเห็นจดหมายฉบับนั้นวางอยู่บนเตียงในห้องนอน
แม้จะมิใช่เื่เร่งด่วนอันใด ทั้งภริยาท่านไอเส่อเอ่อร์ก็เอ่ยแล้วว่าเื่นี้มอบให้เป็หน้าที่ของบุรุษไปรษณีย์เป็พอ ทว่าป๋อเก๋อผู้เคร่งครัดมาแต่ไหนแต่ไรคิดว่าตนมิได้ทำหน้าที่คอยเตือนอย่างสุดความสามารถ ดึงดันจะนำจดหมายไปส่งให้ถึงมือคุณชายให้จงได้
เพื่อความปลอดภัย แน่นอนว่ากองคุ้มกันย่อมต้องอ้อมป่า ทว่าพ่อบ้านป๋อเก๋อผู้ร้อนรนใจ้าเร่งความเร็วในการเดินทาง จึงเลือกที่จะใช้ทางสายเล็กในป่า ป๋อเก๋อคิดว่าการทำเช่นนี้คงมิเกิดอันตรายใดๆ ด้วยเพราะข้างกายของตนยังพาผู้คุ้มกันมาด้วยสองคน หากพบสัตว์ใหญ่ธรรมดาทั่วไปก็มิมีสิ่งใดให้ต้องกลัว
ทว่ายามนี้ โจรดักปล้นกลางทางที่จ้องตาเป็มันอยู่เบื้องหน้านั้นกลายเป็หลักฐานฟาดหน้าชิ้นใหญ่
ในป่าใบดำมีสัตว์ป่าจำนวนมิน้อย พ่อค้าและชนชั้นสูงมิมีทางใช้ถนนสายเล็ก มีเพียงนักเดินทางที่รีบร้อนหรือเหล่านักรบที่มีความสามารถเท่านั้นที่จะเลือกใช้ทางตัดผ่านป่าทางนี้ ในทำนองเดียวกัน แน่นอนว่าพวกโจรก็มิมีทางที่อยู่ดีๆ จะเลือกลงมือแถวถนนสายเล็ก ผ่านไปหลายต่อหลายวันก็คงยังมิได้ปล้นสักคน
กระนั้นยามนี้กลับช่างบังเอิญเสียยิ่งกว่าบังเอิญ เมื่อตนดันมาพบเข้าเสียได้...
ผู้คุ้มกันข้างกายเขาทั้งสองคนต่างก็มีฝีมือระดับกลางถึงสูง ทว่าอีกฝ่ายกลับมีกันถึงเจ็ดคน สองมือยากต่อกรสี่มือ หลังพวกโจรกรูเข้ามาจัดการผู้คุ้มกันเสร็จ อีกส่วนก็เริ่มไล่ตามป๋อเก๋อที่หนีไปสุดกำลัง ป๋อเก๋อใกลัวจนขาทั้งสองข้างสั่นเทา พ่อบ้านที่เคยชินกับการรับคำสั่งจากขุนนางผู้สง่างาม มีหรือจะเคยพบเจอเหตุการณ์นองเืเช่นนี้ เขาถึงกับฉี่รดกางเกงตรงนั้น ป๋อเก๋อที่น้ำหูน้ำตาไหลแข้งขาอ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น มือเท้าพยายามตะเกียกตะกายไปข้างหน้าพลางร้องะโเสียงดัง
“ช่วยด้วย! มีโจรดักปล้น!”
ทว่าทางสายเล็กเปล่าเปลี่ยวยังคงเงียบวังเวงดังเดิม หัวหน้ากลุ่มโจรร่างสูงใหญ่ยกยิ้มพลางถือมีดเข้าประชิด ฆ่าปิดปากคนก่อนค่อยค้นหาของมีค่าเป็บรรทัดฐานของอาชีพ พ่อบ้านหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เริ่มภาวนาว่าหลังจากตนตายไป ขอให้เทพแห่งแสงสว่างรับตนเอาไว้ด้วยจิตใจที่ซื่อสัตย์ภักดี
ทว่าดูคล้ายกับเทพแห่งแสงจะรังเกียจป๋อเก๋อที่ใกลัวจนกลั้นขับถ่ายมิอยู่อย่างมาก ถึงขั้นส่งคนมาถีบป๋อเก๋อกลางอากาศเต็มๆ หนึ่งฝ่าเท้าอย่างแรง ร่างกายผอมบางของป๋อเก๋อถึงกับปลิวขึ้นไปกระแทกต้นไม้ด้านข้างเสียงดัง ‘ตุ้บ’ พ่อบ้านแยกเขี้ยวยิงฟันพลางลืมตาขึ้น พบว่าตำแหน่งที่ตนอยู่เมื่อครู่ถูกคนผู้หนึ่งยึดครองไป
“แกร๊ง!!”
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น หัวหน้าโจรชะงัก นึกมิถึงว่าจะมีคนออกมารนหาที่ตายเพียงลำพัง
“...ท่าน ท่านอัศวิน?”
ป๋อเก๋อมองแผ่นหลังที่ทั้งเตี้ยและผอมเมื่อเทียบกับโจรของคนผู้นั้นด้วยความดีใจระคนเป็ห่วง ดีใจที่ท่านอัศวินล้วนแต่ชอบธรรม ยอมก้าวออกมาเพื่อปกป้องคนอ่อนแอ กระนั้นก็ยังเป็ห่วงเพราะด้วยระดับความผุพังของเกราะบนกายท่านอัศวิน เกรงว่าคงจะเพิ่งผ่านศึกหนักมาครั้งใหญ่ และอาจเป็ไปได้สูงว่าจะได้รับาเ็มามิน้อย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ต้องสู้หนึ่งต่อเจ็ด เกรงว่าโอกาสชนะคงจะริบหรี่เหลือเกิน
แต่แล้ว ตนจะทำสิ่งใดได้เล่า? อีกฝ่ายยอมสละตนเองเพื่อช่วยตน ตนก็ได้แต่ฝากความหวังอันน้อยนิดไว้กับเขาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนอัศวินท่านนั้นจะมีฝีมือจนสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แม้ชุดเกราะจะผุพัง ทว่าแต่ละกระบวนท่ากลับมิเห็นว่าจะติดขัดสักนิด ทุกครั้งที่กลุ่มโจรตั้งท่าจะเข้าล้อม อัศวินก็แทรกตัวผ่านช่องว่างระหว่างพวกโจรมิกี่คนในทันที หลังจากนั้นหันกลับมาออกแรงสับออกแรงหั่นลงบน...สายรัดข้อมือเหล็กของหัวหน้าโจร
ป๋อเก๋อขยี้ตา ดูเหมือนอัศวินท่านนี้จะใช้ดาบมิค่อยเป็?
...ก็ใช่ อัศวินคงถนัดใช้กระบี่กับหอกมากกว่า
เสียงเสียดหูของโลหะกระทบกันดังขึ้น ท่านอัศวินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เพียงแต่อัศวินที่ประสาทััว่องไวยังคงกลับมาตั้งสติได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว หลังถอยหลังออกไปสองก้าวอย่างปราดเปรียว เขาก็ะโไปอยู่ข้างกายโจรผู้หนึ่งที่ศูนย์ถ่วงน้ำหนักมิมั่นคง ตัดศีรษะภายใต้การโจมตีในหนึ่งดาบ จากนั้นหันกลับมาร้องะโใส่ป๋อเก๋อ
“มัวยืนทำอันใด ยังมิรีบหนีไปอีก?!”
“...อ้อ อ้อ!”
ป๋อเก๋อที่สติมิอยู่กับเนื้อกับตัวคล้ายกับคว้าฟางช่วยชีวิตเอาไว้ได้ เขาหันหน้าหนีเข้าไปในป่าอย่างลุกลี้ลุกลน
“ คิดจะหนีงั้นรึ พวกเ้าล้อมเ้าเตี้ยนี่เอาไว้ ข้าไปไล่ตาม—อุ๊บ อั่กกก!”
ในใจหัวหน้าโจรรู้แล้วว่าตนเจอตอแข็งเข้าเสียแล้ว ด้วยความร้อนใจจึงเรียกลูกสมุนมาล้อมอัศวินเอาไว้ ส่วนตนหนีออกจากวงล้อมเพื่อไปไล่ตามป๋อเก๋อ มีหรือจะนึกว่าอัศวินคาดเดาเอาไว้เสียแต่ต้นว่าอีกฝ่าย้าจับตัวพ่อบ้านเป็ตัวประกัน หัวหน้าโจรเพิ่งวิ่งออกไปได้มิกี่ก้าว ยังมิทันมองเห็นแผ่นหลังของป๋อเก๋อ ทันใดนั้นด้านหลังก็ปรากฏดาบเล่มหนึ่งแทงทะลุจนหนาวจับใจ
“การหันหลังให้ศัตรูในสนามรบ ควรจะบอกว่าเ้าโง่หรือเป็เพราะเ้าเชื่อใจในความเร็วของพวกสมุนมากจนเกินไปกัน?”
อัศวินยักไหล่แล้วชักดาบใหญ่ที่โชกเืออกมา จากนั้นก็ถีบศพของหัวหน้าโจรล้มลงกับพื้น มิรอให้พวกโจรได้สติกลับมา อัศวินพลันจู่โจมไปข้างหน้าอย่างคล่องแคล่วก่อนฟันลงบนหัวไหล่ของโจรอีกหนึ่งคน พลังรุนแรงที่ะเิออกมาอย่างกะทันหันทำเอาพวกโจรที่เหลือถึงกับอกสั่นขวัญแขวน
หัวหน้าตายแล้ว คู่ต่อสู้ตรงหน้าแข็งแกร่งเกินไป โจรที่เหลือทั้งสามคนถูกทำให้หวาดกลัวจนหมดปัญญา พากันโยนอาวุธในมือทิ้งแล้ววิ่งเข้าป่าไป
การต่อสู้หนึ่งต่อเจ็ดจบลงภายในเวลาสั้นๆ มิกี่อึดใจ ผู้ที่เอ่ยถึงก่อนหน้าได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น อัศวินเหลือบมองมีดทื่อมิได้ลับคมบนพื้นเ่าั้ สะบัดเืสีสดบนดาบแล้วแค่นเสียงเย้ยหยันออกมา
“กว่าจะรอจนมีคนส่งอุปกรณ์มาให้ คุณภาพเช่นนี้ดูจะแย่เกินไปหน่อยกระมัง...”
ถนนสายเล็กหวนคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิมอีกครั้ง ป๋อเก๋อพ่อบ้านเฒ่าชะโงกหน้าออกจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มองดูเหตุการณ์อยู่มิไกลด้วยกายสั่นเทา จากนั้นก็เดินงกๆ เงิ่นๆ เข้ามาใกล้ ‘สนามรบ’ ด้วยใบหน้าตกตะลึง มองไปทางอัศวินตรงหน้าที่มิบุบสลายแม้แต่น้อยกับข้าวของระเกะระกะบนพื้นข้างฝ่าเท้า ป๋อเก๋อดีใจจนจัดลำดับคำพูดมิถูก ภายในดวงตาแทบจะมีประกายแสงพุ่งออกมา
“...ทะท่าน ท่านๆๆ อัศวิน! ท่านช่างเปรียบดังทูต์ลงมาโปรดข้าในยามคับขันเสียจริง ได้โปรด ได้โปรดรับการขอบคุณจากใจจริงของป๋อเก๋อด้วยเถิด!”
พ่อบ้านเฒ่ากล่าวพลางหมายจะคุกเข่าลงบนพื้น อัศวินคว้าแขนของเขาเอาไว้ทันที “ท่านมิจำเป็ต้องขอบคุณอันใด นี่ถือเป็หน้าที่ของอัศวิน”