กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าตนเองจะทิ้งร่องรอยให้เฉิงอี้เฟยจับได้
ทว่าจับได้แล้วอย่างไร?
นางใส่ใบสั่งยาไว้ในกล่องยาของซูไท่อี ทว่ามันก็แสดงถึงอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือ?
นางเพียงแค่้าที่จะเป็คนดีที่ปกปิดความสามารถและชื่อเสียงเรียงนามเอาไว้ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือนางไม่้าที่จะเปิดเผยตัวตนเพื่อสร้างความอาฆาตแค้นให้แก่ตนเอง
นางเตือนเฉิงอี้เฟยอย่างลับๆ พร้อมกับลอบตรวจสอบ ซึ่งวิธีการนี้ก็สามารถทำให้นางค้นพบผู้ร้ายตัวจริงที่โยนความผิดมาให้ตนพลางหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดได้เช่นกัน ไม่จำเป็ที่จะต้องเปิดเผยตนเอง
กูเฟยเยี่ยนแสร้งทำเป็ครุ่นคิดผ่านไปสักครู่ ถึงค่อยแกล้งทำเป็ว่าจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ “อ๊ะ…ข้านึกออกแล้ว ใบสั่งยาแผ่นนี้ถูกสั่งโดยซูไท่อี ในวันนั้นข้าได้รับคำสั่งให้นำไปส่งมอบยังค่ายทหารเ้าค่ะ”
“หึๆ นึกออกมาแล้วหรือ”
เฉิงอี้เฟยพอใจมากทีเดียว ทว่าคำพูดถัดไปของกูเฟยเยี่ยนได้ทำให้เขาหมดความอดทนอย่างทันที
“ท่านแม่ทัพเฉิง ใบสั่งยารักษาอาการอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ไม่สามารถที่จะกระทำอย่างมั่วซั่วได้ ในวันนั้น ข้าน้อยเห็นว่าซูไท่อีกำลังจับชีพจรของท่านอยู่ จึงไม่กล้ารบกวน สุดท้ายก็เลยใส่ไว้ในกล่องยาของซูไท่อีเ้าค่ะ”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยไปพลางแสร้งทำเป็ประหลาดใจไปพลาง ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป “เหตุใดท่านจึงคิดว่าข้าแอบใส่ลงไปเล่าเ้าคะ? เดิมทีใบสั่งยานี้ก็เป็ของซูไท่อีอยู่แล้ว เหตุใดข้าต้องแอบใส่ลงไปด้วย? ”
“เ้า! ”
เฉิงอี้เฟยสูญสิ้นความอดทนทันที เขาพลันคว้าจับปลายคางมนของกูเฟยเยี่ยนให้เงยขึ้นทันที ั์ตาหรี่ลงเผยให้เห็นถึงแสงประกายอันตรายที่ตนเองพยายามระงับไว้ “แพทย์หญิงตัวน้อย เปิ่นเจียงจวินจะให้โอกาสเ้าอีกครั้ง ตอบมา เ้าแอบใส่ลงไปใช่หรือไม่? ”
ในยามที่แม่นางผู้นี้ข่มขู่ท่านแม่ของเขาให้ตรวจสอบยา ทว่าท่านแม่กลับฟังไม่ออกถึงสัญญาณนั้น ทว่าเขากลับฟังออกเพียงแต่ว่าไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะอ้าปากพูดออกมาจริงๆ หากตรวจสอบยาแล้วพบปัญหา ถึงแม้ว่านางจะเป็คนป้อนยา เขาก็ไม่มีทางที่จะอ้าปากขึ้นมา
เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะนำเื่ที่นางหย่อนใบสั่งยาใส่ลงไปในกระเป๋ายาของซูไท่อี มาเก็บเอาไว้ในใจ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็นับว่าเป็เื่ปกติ เพียงแต่ว่าในตอนที่ซูไท่อีเอ่ยออกมาว่าใบสั่งยานี้มีการปลอมแปลง โดยการเพิ่มเซี่ยซูจื่อเข้ามาหนึ่งชุด ส่วนปาเจี่ยวหุยเซียงหายไปหนึ่งชุด เขาก็รู้ได้ทันทีว่านางตั้งใจ ยานั้นจะต้องเป็นางที่เป็ผู้สับเปลี่ยนอย่างแน่นอน
นางเพิ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นจากบ่าวยามาเป็แพทย์หญิงจะไปเอาความสามารถมาจากที่ใดในการมองออกถึงความผิดปกติของใบสั่งยา แล้วยังไปเอาความสามารถมาจากที่ใดในการฟื้นคืนสภาพใบสั่งยาทำให้ยากลับมามีประสิทธิภาพดั้งเดิม? อีกอย่างหนึ่งเหตุใดนางจึงต้องปกปิดเอาไว้ไม่รีบรายงาน? เหมือน้าให้มันจบไป ทว่าเหตุใดนางจึงนำใบสั่งยาคืนให้ซูไท่อี เพื่อที่จะเตือนสติเขาหรือ?
แม่นางผู้นี้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้จริงๆ ทว่าบนตัวของนางมีจุดที่น่าสงสัยและความขัดแย้งกันอยู่หลายอย่าง ในตอนนี้เขาไร้ซึ่งเบาะแสใดๆ หาก้าที่จะหาตัวผู้ร้ายตัวจริง แน่นอนว่าต้องเริ่มจากงัดแงะปากของนางก่อน
“ตอบข้ามา!” เฉิงอี้เฟยเปล่งเสียงเหี้ยมโหด กรอบใบหน้าคมกริบชัดเจนขึ้น ใบหน้ากลายเป็สีแดงก่ำ ราวกับว่าจะแข็งกร้าวขึ้นไปอีก
กูเฟยเยี่ยนทำใจแข็งไม่ยอมรับ แสร้งทำเป็โง่จนถึงที่สุด “ท่านแม่ทัพเฉิงเ้าคะ ตกลงท่านหมายความว่าอย่างไร? เกิดเหตุใดขึ้นหรือเ้าคะ? ”
เฉิงอี้เฟยคิดไม่ถึงว่าบังคับถึงขนาดนี้แล้ว แม่นางผู้นี้กลับยังคงยืนหยัดแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่ต่อไป
เขาเขยิบเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ ทั่วทั้งร่างล้วนเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อันตราย “แม่นางน้อย ดูท่าแล้วเ้าคงจะหิวแล้วกระมัง ”
เมื่อเขาพูดเช่นนั้นเสร็จก็เตรียมตัวจะลงจากรถไป ทว่าจู่ๆ ท้องของกูเฟยเยี่ยนก็ร้องออกมา ช่างเข้ากับสถานการณ์เสียจริง เสียงดังเป็อย่างยิ่ง! กูเฟยเยี่ยนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนใจจนอยากจะชนกำแพงขึ้นมา
“ลงรถ ไปกินข้าว”
เฉิงอี้เฟยปล่อยตัวนางแล้วเตรียมลงจากรถไปก่อน ผู้ใดจะไปรู้ว่ากูเฟยเยี่ยนกลับแย่งนำเขาออกไป นางเลิกม่านขึ้นแล้วะโลงจากลงทันที
“เฮ้! ”
เฉิงอี้เฟยจะขวางก็ขวางไม่อยู่ ชายหนุ่มตกตะลึงไปในทันที
เขาเพียงแค่จะข่มขู่นางเท่านั้น! เดิมทีเขาคิดว่าแค่ตนเองทำท่าจะก้าวลงจากรถ นางจะต้องนั่งไม่ติดที่อย่างแน่นอน ในไม่ช้าก็จะยอมแพ้!
ทว่าแม่นางน้อยผู้นี้กลับ…
นางผู้ที่มีการหมั้นหมายอยู่นั้น ไม่ทราบว่าจะต้องหลีกเลี่ยงเื่พวกนี้หรือ? ในตอนเช้า เขาไปได้ยังห้องยาสำนักหมอหลวงจึงได้ยินถึงเื่ราวของเวินอวี่โหรวมา นางใส่ใจและโมโหมากถึงข่าวลือพวกนั้นมิใช่หรือ?
นาง…นาง…นางหิวมากขนาดนั้นเลยหรือ? !
เฉิงอี้เฟยยังคงตื่นตระหนกใ ผู้คนภายนอกรถม้าที่รายล้อมล้วนแตกตื่นกันหมด
“นางก็คือกูเฟยเยี่ยน! ์ เหตุใดนาง…ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่? ”
“นางอยู่กับท่านแม่ทัพเฉิงจริงๆ…นางจะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนั่งบนรถม้าของท่านแม่ทัพเฉิงได้อย่างไร? เป็ไปไม่ได้! ”
“ข่าวลือนั้นเป็จริง ไม่ใช่มีคนบอกว่าเป็เพียงข่าวลือหรอกหรือ? ไม่ใช่บอกว่าผู้ที่สร้างข่าวลือคือแพทย์หญิงแห่งห้องยาสำนักหมอหลวงหรอกหรือ? ”
……
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ในแววตาของผู้คนมีทั้งนึกไม่ถึง ดูถูกเหยียดหยาม โกรธแค้น และตื่นตระหนกใ กูเฟยเยี่ยนประพฤติตนราวกับนางอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว นางเดินอย่างสุภาพไปยังหน้าประตูใหญ่ของหอฝูหม่าน
แน่นอนว่านางไม่ชอบข่าวลือ ทว่านางกลับไม่ชอบฉีอวี้ยิ่งกว่า
นางใช้เวินอวี่โหรวในการชี้แจงข่าวลือไปแล้ว ฉีอวี้กลับรอคอยไม่ไหวมาถึงหน้าบ้านนางเพื่อรังแกกันเช่นนี้ เขากล้าบังคับให้นางไม่มีข้าวกิน นางก็กล้าที่จะบังคับให้เขาไม่มีหน้าออกจากบ้านเช่นกัน!
ท่ามกลางผู้คนมากมาย นางลงมาจากรถม้าที่มีไว้สำหรับเฉิงอี้เฟยโดยเฉพาะ เื่นี้จะจุดชนวนการคาดเดามากมายขนาดไหนกัน? จะถูกคิดโยงไปถึงไหนกัน? จะมีข่าวลือมากมายเพียงใดกัน? นางรู้ว่าเฉิงอี้เฟยจะต้องไม่ลงจากรถเป็แน่ แต่ว่าหากนางรับประทานอาหารที่หอฝูหม่านแล้วให้ลงในนามของเฉิงอี้เฟย ย่อมทำให้ข่าวลือโหมกระหน่ำดั่งลมและฝนราวกับจะพัดพาเมืองหลวงทิ้งอย่างแน่นอน
นางจะดูว่าฉีอวี้จะยังคงนั่งนิ่งอยู่ได้หรือไม่? สามารถทนได้นานแค่ไหนเชียว?
ข่าวลือเมื่อได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ในตอนนั้นแม้ว่าฉีอวี้จะเป็ฝ่ายประกาศยุติการหมั้นหมายแต่เพียงฝ่ายเดียว ทว่าหมวกสีเขียว [1] ใบใหญ่ของเขาก็เรียกได้ว่าถูกสวมใส่อย่างสมบูรณ์!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ฝีเท้าของกูเฟยเยี่ยนก็แน่วแน่ยิ่งขึ้น ภายในใจของนางสงบนิ่ง ในขณะที่นางกำลังจะก้าวเข้าไปยังประตูบานสูงของหอฝูหม่าน ทันใดนั้นความโกลาหลพลันบังเกิดขึ้นที่ด้านหลัง จู่ๆ ก็เกิดเหตุฮือฮาขึ้น
เกิดอะไรขึ้น?
กูเฟยเยี่ยนหลังกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าเท้าของเฉิงอี้เฟยเหยียบอยู่บนแผ่นหลังของบ่าวรับใช้ ก่อนจะเดินลงจากรถม้าอย่างไม่สนใจไยดี ก้าวเท้าตรงมายังนาง
เสียงกรีดร้องและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนรอบข้างแตกตื่นอย่างถึงที่สุด โหมซัดคลื่นแล้วคลื่นเล่า
“์ เป็ท่านแม่ทัพเฉิงจริงๆ ด้วย! ข่าวลือเป็ความจริง! กูเฟยเยี่ยนอยู่กับ…ท่านแม่ทัพเฉิงจริงหรือนี่? ”
“เป็เช่นนี้ได้อย่างไร? ผู้หญิงเช่นนี้ย่อมไม่คู่ควรกับท่านแม่ทัพเฉิง! ข้าไม่เชื่อ…”
“นางเป็คู่หมั้นบุตรชายของท่านแม่ทัพฉีนี่! นาง นาง…รังแกตระกูลฉีเกินไปแล้ว! หน้าไม่อาย! ”
“ไม่มีผู้ใดไม่รับรู้ถึงบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลเฉิงกับตระกูลฉี ท่านแม่ทัพเฉิงเจตนาเป็แน่… ฮ่าๆ การกระทำต่ำช้าเกินไปแล้ว! ”
“ไม่อนุญาตให้เ้าว่าท่านแม่ทัพเฉิง มันเป็เพราะกูเฟยเยี่ยนผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายผู้นั้น เป็นางที่ยั่วยวนท่านแม่ทัพเฉิง! ”
…..
เสียงมากมายล้วนพุ่งเป้าด่ากูเฟยเยี่ยน มีหลายคนทีเดียวที่ไม่คิดเกรงใจกูเฟยเยี่ยนและเฉิงอี้เฟยที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุด้วย ด่าได้เสียงดังยิ่งนัก ถึงขนาดมีหญิงสาวบางคนที่ะโโน้มน้าวเฉิงอี้เฟยด้วยเสียงอันดังไม่ให้เขาถูกปีศาจจิ้งจอกมอมเมา
หากไม่ใช่เป็เพราะมีทหารคอยขัดขวางอยู่ทั้งสองด้าน เกรงว่าคนพวกนี้คงจะพุ่งเข้ามารุมทึ้งแล้วจริงๆ
ในยามนั้น สลับกลับมาเป็กูเฟยเยี่ยนที่ตกตะลึงตาค้างแทน
นางคิดไม่ถึงว่าเฉิงอี้เฟยจะลงจากรถม้า! นางเพียงแค่้าฉวยโอกาสหลบหลีกคำถามของเขา แล้วใช้ประโยชน์จากรถม้าและชื่อของเขาเท่านั้น
เหตุใดคนผู้นี้ถึงลงมาจากรถม้า? หรือว่าเขาไม่กลัวว่าชื่อเสียงของตนเองจะถูกทำลาย?
ใช่แล้ว!
เขาคงจะลงรถมาเพื่ออธิบายใช่หรือไม่?
ในยามที่กูเฟยเยี่ยนกำลังคิดเช่นนี้ เฉิงอี้เฟยก็ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาโอบกอดไหล่ของนาง ก่อนจะพานางเดินเข้าไปยังห้องโถง “เสี่ยวเยี่ยนเอ๋อร์ เหล้าหมักดอกเหมยในหอฝูหม่านนั้นเลิศรสที่สุด วันนี้ดื่มเป็เพื่อนพี่ชายสักหน่อย ไม่เมาไม่กลับ! ”
พี่ชาย?
คำว่า “พี่ชาย” คำนี้หาได้มีความหมายว่า “พี่ชาย” ไม่!
ทันทีที่เฉิงอี้เฟยเอ่ยจบผู้คนที่อยู่ภายนอกและลูกค้าที่อยู่ภายในล้วนแตกตื่นทั้งสิ้น
กูเฟยเยี่ยนอกสั่นขวัญหาย จิตใต้สำนึกสั่งให้ดิ้นรน ทว่าเฉิงอี้เฟยกลับโอบกอดนางด้วยความเหนียวแน่น ก่อนจะหันหน้ามากระซิบยังใบหูของนางด้วยท่าทางคลุมเครือ “แพทย์หญิงตัวน้อย เป็อันใดไป เ้าเกิดกลัวแล้วหรือ? กลัวก็อย่าได้เสแสร้งแกล้งทำอีกเลย ยอมรับเสียเถิดว่าเ้าแอบใส่ยา ตอนนี้ยังทันเวลานะ”
—————————-
เชิงอรรถ
[1] หมวกสีเขียว หมายถึง โดนสวมเขา (ใช้กับผู้ชาย)