บทที่ 118 ประตูบานที่สอง
ตรงกลางของสระน้ำมีหมอกปกคลุม ลึกลับ และชวนฝัน
ม่านน้ำของน้ำตกตกลงมาเหมือนสายน้ำที่ลอยขึ้นไปถึงท้องฟ้า ไอน้ำแผ่กระจายปกคลุมกำแพงูเา
“ซ่า--”
ฉู่อวิ๋นนั่งขัดสมาธิ หลับตา และตั้งสมาธิ ร่างกายของเขาถูกกระแสน้ำอันกว้างใหญ่กระทบ จิตใจจึงปลอดโปร่ง ในขณะเดียวกันก็ได้ดูดซับของเหลวิญญาในสระน้ำ
หลังจากนั้น เมื่อพลังิญญาน้ำที่เข้มข้นเข้าสู่ร่างกายยุทธ์ เขาก็ค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ
ในเวลาเดียวกัน ความร้อนของพลังปราณไฟหยางก็ระเหยออกไป ทำให้สระิญญาแห่งนี้เดือด หมอกน้ำจึงกระจายตัวมากขึ้นจนสถานที่นั้นปกคลุมไปด้วยหมอกขาวที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้
ในทางกลับกัน สระิญญากลับดูขุ่นมัวเล็กน้อย ทำให้มันดูเต็มไปด้วยิญญาสูงส่งและมหัศจรรย์
“ที่นี่มีพลังิญญาเพียงพอ บางทีอาจใช้พลังของสระิญญาเพื่อควบแน่นพายุยุทธ์ทั้งห้าได้”
แรงที่ตกลงมาจากน้ำตกนั้นแรงมาก แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญสำหรับฉู่อวิ๋น ในทางกลับกัน มันกลับทำให้เขามีจิตใจปลอดโปร่ง เขาถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก เปิดใช้ิญญายุทธ์กระบี่บาป์ และเข้าสู่สภาวะของการฝึกฝน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็พบว่าพายุยุทธ์ในจุดตันเถียนของเขายังคงนิ่งและไม่มีของเหลวเลย นี่ทำให้เขาค่อนข้างงุนงง
แน่นอนว่าไม่มีทางลัดในการฝึกยุทธ์ เขาเพิ่งฝึกฝนยุทธ์สำเร็จและยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว ความเร่งรีบอาจเป็ผลเสียแทน
“หืม? แม้ว่าจะยังไม่ได้แปลงพลังปราณ แต่ก็ทะลุไปถึงระดับเจ็ดของขั้นมหาสมุทรแล้ว ข้าสามารถเปิดประตูที่สองของโถงกระบี่แปดบัญชรได้หรือไม่นะ?”
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นนึกถึงวิหารในิญญายุทธ์กระบี่บาป์ ในตอนแรก เสียงที่ไม่มีตัวตนบอกเขาว่าตราบใดที่ระดับพลังยุทธ์ของเขาทะลุผ่านขั้นที่ยิ่งใหญ่ เขาสามารถเปิดประตูถัดไป รับสมบัติแห่งฟ้าดินได้
ตอนนี้เขาอยู่ที่ทางแยกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณและขั้นมหาสมุทร จะเปิดประตูบานนั้นได้หรือไม่นะ?
ด้วยคำถามนี้ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังเล็กน้อย เขามุ่งความสนใจไปที่ทวารรับแสงระหว่างคิ้วเพื่อสื่อสารกับิญญายุทธ์กระบี่บาป์
ด้วยเสียง “ควับ” จิตสำนึกของเขาเข้าสู่โถงกระบี่แปดบัญชรอีกครั้ง
แน่นอนว่า ฉู่อวิ๋นไม่ได้บอกโยวกู่จือเื่ความมหัศจรรย์ของิญญายุทธ์ของเขา เพราะมันเป็ความลับขั้นสุดและเป็พื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในการปรับปรุงความแข็งแกร่งของเขา
เขารู้สึกอยู่เสมอว่าิญญายุทธ์ที่เขาปลุกขึ้นมานั้นไม่ธรรมดา และอาจเกี่ยวข้องกับความลับโบราณ เขาไม่คิดจะแบ่งปันความลับนี้กับใคร
“ตึง-” เสียงแห่งธรรมดังแผ่ออกมา ส่งเสียงดังก้องไปทั่วห้องโถง
นี่คือห้องโถงเสียงกระซิบ มีแผ่นหินเรียบง่ายอยู่ตรงกลางและประตูทั้งแปดที่อยู่รายรอบนั้นตั้งตระหง่านอย่างเงียบๆ ผันผวนไปมาตามชีวิตและความลึกลับ
ทุกสิ่งยังคงคุ้นเคย ราวกับว่ามันไม่เคยเปลี่ยนแปลง เต็มไปด้วยลมหายใจแห่งกาลเวลา
“เปิด พัก ชีวิต เจ็บ สิ้น สภาพการณ์ ตื่นรู้ มรณา... ประตูแรกที่เปิดคือคำว่า 'เปิด' ดังนั้นประตูที่สอง...” สติสัมปชัญญะของฉู่อวิ๋นล่องลอยมาถึงหนึ่งในประตูที่เหลือ พูดกับตัวเองว่า “น่าจะเป็ประตูนี้”
เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าประตูบานที่สองนั้นเหมือนกับประตู “เปิด” ที่ลึกลับและอบอวลไปด้วยบรรยากาศแบบโบราณ
ตามคาด ดูเหมือนว่าผนึกบนประตูนี้จะถูกปลดออก แสงสีดำทั้งหมดบนประตูก็หายไป
แต่ประตูที่มีคำว่า “พัก” นี้ ต่างจากประตูบานแรก มีรูปเทพธิดาประทับอยู่บนบานประตู
นั่นคือเซียนหญิงที่ไม่มีใครเทียบได้ รูปร่างสง่างาม ผมยาวสลวย เสื้อผ้าของนางปลิวไสว และทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า นางดูราวกับมีชีวิต มีรัศมีจางๆ หลงเหลืออยู่ และยังคงงดงามมาก
“งามนัก... มีผู้หญิงเช่นนี้อยู่บนโลกนี้จริงๆ หรือ?” หลังจากเหลือบมองเพียงครั้งเดียว ฉู่อวิ๋นก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง
แม้ว่าเซียนนางนี้จะไม่ได้ถูกแกะสลัก นางเป็เพียงร่างหมอกที่บินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่นางก็เปล่งรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็ความงามที่อยู่เหนือทุกสิ่งในโลกออกมา ราวกับว่าสามารถหลุดพ้นจากการแกะสลักหินและผ่านพ้นแรมปีอันยาวนานมาได้ ราวเทพเซียนะที่ถูกเนรเทศมาสู่ธุลีแดง ทำให้ผู้คนหลงใหล
"หินแกะสลักของประตูเปิด เป็ภาพของวงแหวนห้าิญญาและมีแผนภาพิญญาทั้งห้าซ่อนอยู่ข้างใน เช่นนั้นประตูพักที่เป็ภาพของเทพธิดา หรือว่า... ข้างใน...”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็พยายามละสายตาจากภาพของเทพธิดา ยื่นมือออกแล้วผลักประตูหินโบราณออกไป
“ตึง--”
เมื่อประตูถูกเปิดออก ลมหายใจแห่งความผันผวนของชีวิตก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของเขา ขอบเขตการมองเห็นของเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ ฉู่อวิ๋นแทบรอไม่ไหวจึงโผล่หน้าเข้าไปในห้องหินเพื่อสังเกตการณ์ผ่านรอยแตกของประตู
ห้องหินนี้ว่างเปล่ามาก เต็มไปด้วยรังสีอันเป็มงคล ก้อนเมฆอัดแน่นเป็ประกาย ที่น่ามหัศจรรย์คือ ไม่ว่าจะอยู่้าหรือรอบๆ ก็ล้วนมีทะเลดาวอันเวิ้งว้าง กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา คอยส่องแสงระยิบระยับหมุนเวียนไม่สิ้นสุด
ตรงกลางห้องหินมีโลงหินโบราณตั้งอยู่ เรียบง่าย ไม่โอ้อวด ล้อมรอบด้วยแสงจางๆ และเต็มไปด้วยิญญาเทพเซียน เมื่อมองจากระยะไกล ดูคล้ายเรือลำเล็กในทางช้างเผือกที่เคลื่อนที่ไปช้าๆ อย่างไร้จุดหมาย
หากสังเกตดีๆ จะพบว่าดวงดาวในห้องหินนั้นโคจรรอบโลงศพโบราณ ดูเหมือนจะถูกดึงดูดอย่างแ่า และมีความลึกลับไม่รู้จบซ่อนอยู่
ทะเลดาวกว้างใหญ่ไพศาล โลงศพอันโดดเดี่ยวลอยล่องออกไป
โลงศพนี้เป็สมบัติลับของฟ้าดินหรือ? มีอะไรซ่อนอยู่ข้างใน?
“งดงามมาก... โดดเดี่ยวยิ่งนัก...”
ในขณะนี้ ฉู่อวิ๋นตกตะลึงพลางมองดูโลกแห่งดวงดาราที่อยู่ในห้องหิน ความรู้สึกเงียบเหงาอันไม่มีที่สิ้นสุดยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา รู้สึกไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเขาโดยไม่รู้ตัว
สถานที่นี้คือที่ไหน? โลงศพนั่นคือสิ่งใด?
เหตุใดจึงรู้สึกเ็ป?
ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งที่คุ้นเคยอยู่ที่นี่...
ด้วยความงุนงง ฉู่อวิ๋นจ้องมองไปที่โลงศพโบราณแล้วก้าวไปข้างหน้า อยากออกไปค้นหา
“ตึง!”
แต่ในยามนี้ พลังที่มองไม่เห็นได้สกัดกั้นฝีก้าวของเขา ประตู “พัก” หยุดเปิดกะทันหันและปล่อยพลังออกมา
"ให้ตายเถอะ! ไม่ผ่านขั้นมหาสมุทรดีก็เข้าไปที่นี่ไม่ได้หรือ? มีเหตุผลอะไรกัน?!”
ฉู่อวิ๋นมีความอดทนอย่างยิ่ง เขารีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นที่จะบุกเข้าไปในห้องหิน เพราะโลงศพหินนั่นทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด ความรู้สึกนั้นพันธนาการจิตใจของเขาจนไม่อาจหยุดเท้าได้
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็จะถูกคลื่นอากาศที่มองไม่เห็นขวางไว้ทุกครั้ง ทำให้จิตสำนึกของเขามึนงง
พลังของผนึกนี้ทรงพลังมาก ราวกับว่าพลังอันยิ่งใหญ่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด และกฎนั้นไม่อาจทำลายได้
ในที่สุด หลังจากพยายามมาหลายครั้ง ฉู่อวิ๋นก็ยอมแพ้
ชัดเจนมาก อาณาจักรลับหลังประตูบานนี้ไม่สามารถสำรวจได้จนกว่าจะกลับสู่ขั้นมหาสมุทร
เมื่อจิตสำนึกของฉู่อวิ๋นเข้าไปในห้องโถงกระบี่แปดบัญชร ก็มีผู้คนมากมายอยู่รอบๆ สระิญญา เสียงวิ่งคึกคัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดค้นพบดินแดนแห่งจิติญญานี้แล้วเช่นกัน
“คุณหนูเสวี่ย ข้าไม่คิดว่าหลังจากที่กระแสสัตว์ปีศาจของป่าสนธยาครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลง สถานที่มากมายที่มีพลังิญญาอันมั่งคั่งจะว่างเปล่า แต่เรามาเจอที่นี่ โชคดียิ่งนัก”
“ฮิๆ สระน้ำนี้เต็มไปด้วยพลัง ถ้าแช่ไว้สักพัก มันจะบำรุงผิวพรรณและทำให้สวยขึ้นด้วย!”
ในเวลานี้ สาวน้อยพริ้มเพราสองคนที่รายล้อมไปด้วยความสง่าและสูงส่งก็เดินเข้ามา
สาวน้อยทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นสระิญญาที่มีหมอกปกคลุม จึงรีบวิ่งไปที่ขอบสระแล้วนั่งยองๆ กวักน้ำในสระขึ้นมาสาดใส่หน้า พลังิญญาที่หลั่งไหลออกมาทำให้พวกนางรู้สึกสดชื่นมาก
“ฮ่าๆ นี่ต้องเป็สระิญญาของน้ำตกที่บันทึกไว้ในหนังสือแน่ มันมีพลังิญญาที่มีธาตุน้ำมากมาย เป็ประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเติบโตของการฝึกฝน” เด็กสาวที่แต่งตัวงดงามยิ้มแย้ม
เด็กสาวคนนี้ประพฤติตนสง่างาม แม้เมื่อเห็นสระิญญาอยู่ตรงหน้า นางก็ไม่ได้บุ่มบ่าม แต่กลับจัดเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ยกกระโปรงขึ้นด้วยมือเรียวหยก แล้วเดินช้าๆ ไปที่ขอบสระน้ำในขณะที่อยู่ห่างจากสาวใช้
นางย่อตัวลงเล็กน้อย เริ่มใช้นิ้วขยับน้ำไปมา ทำให้เกิดระลอกคลื่น จากนั้นจึงวางของเหลวิญญาไว้บนหลังมือ โน้มศีรษะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น และดมกลิ่นหอมอย่างอ่อนโยน
“อืม... พลังิญญาเข้มข้นมากจริงๆ เสี่ยวหง เสี่ยวชุ่ย…” หญิงสาวที่สง่างามยกมือหยกขึ้นเรียกสาวใช้ทั้งสองแล้วสั่ง “ให้บ่าวกับทหารยามเฝ้าอยู่ข้างนอก ข้าจะอาบน้ำที่นี่”
“หา? คุณหนูเสวี่ย... ท่าน... ท่านแน่ใจหรือเ้าคะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ สาวใช้ทั้งสองก็ดูประหลาดใจและถามพร้อมกันอีกครั้ง
“ข้าตัดสินใจแล้ว” หญิงสาวถอดเสื้อคลุมออกแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สระิญญาเป็สิ่งที่หายากในรอบร้อยปี ที่นี่มีเพียงไม่กี่คน และพวกเราก็ล้วนเป็หญิง ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ลุยเลย”
“เอ่อ...เ้าค่ะ! คุณหนูเสวี่ย!”
หลังจากได้ยินคำพูดของหญิงสาว สาวใช้ทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับคำสั่ง สีหน้าจริงจังเล็กน้อย
ทั้งคู่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้บอบบางมาก ตอนนี้ในเมื่อนางกำลังจะไปอาบน้ำในสระิญญานี้ นางก็ต้องได้รับการปกป้องอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาด
หากใครเห็นร่างกายของนาง นางจะต้องทนทุกข์ทรมานเพราะตระกูลนางมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ หากชายใดเห็นร่างกายนวลนาง หญิงคนนั้นทำได้เพียงมอบตัวแต่งงานกับเขาคนนั้นเท่านั้น
กล่าวกันว่า เหตุผลในการสร้างกฎนี้ขึ้นมาก็เพื่อรักษาสตรีในตระกูลให้บริสุทธิ์ เพื่อให้รู้จักทะนุถนอมร่างกายของตนเอง และไม่ถูกผู้อื่นดูิ่ตามใจชอบ
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่หญิงสาวอาบน้ำ นางก็จะระมัดระวังเป็พิเศษ แต่ตอนนี้เมื่อได้พบกับสระน้ำที่เต็มไปด้วยพลังิญญา เด็กสาวสกุลเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถูกล่อลวง แม้ว่านางจะอยู่กลางป่า แต่ก็ไม่ค่อยสนใจ
หลังจากที่สาวใช้ทั้งสองได้สติอีกครั้ง หญิงสาวก็ขอให้พวกนางรออยู่เงียบๆ ที่ไม่ไกลจากขอบสระ จากนั้นนางก็ถอดเสื้อผ้าออกและแช่ตัวลงไปในสระที่อบอวลไปด้วยไอหมอกอย่างเขินอาย
“สบายมากเลย สุดยอดเลย... สถานที่แห่งจิติญญาสมคำร่ำลือจริงๆ ฮิๆ” หญิงสาวถูกห้อมล้อมไปด้วยของเหลวิญญา นางรู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่าง
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ขยับตัวเบา ๆ เดินลึกเข้าไปใกล้น้ำตกเรื่อยๆ
“เหตุใดหมอกในสระิญญาแห่งนี้จึงหนานัก?” หญิงสาวสกุลเสวี่ยมองไปรอบๆ ในขณะที่แช่ตัวในของเหลวิญญา รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้ดินแดนแห่งจิติญญานี้เป็ของนางแล้ว นางก็รู้สึกได้ถึงความสำเร็จ
ทันใดนั้น สระิญญาก็เริ่มมีหมอกหนา คลื่นความร้อนก็แผ่กระจายออกไป ไอน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศก็ค่อยๆ หนาขึ้น ระดับน้ำของของเหลวิญญาก็ดูเหมือนจะลดลงเรื่อยๆ
“เฮ้อ ข้าต้องกลับไปขั้นมหาสมุทรโดยเร็วที่สุด! ประตูเวรนั่นน่ารังเกียจนัก!” จิตสำนึกของฉู่อวิ๋นถอยออกมาจากิญญายุทธ์กระบี่บาป์ และเขาก็ค่อนข้างหงุดหงิด
เขาพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดประตูบานที่สองได้ นี่มันน่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่สมบัติลับอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับทำได้แค่จ้องมองและทำอะไรไม่ได้
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็เปลี่ยนใจ หมุนเวียนพลังปราณไฟหยาง ตัดสินใจระเหยของเหลวิญญาที่นี่และดูดซับมันทั้งหมด