สิบปีแค่ชั่วพริบตาราวกับเป็เมื่อวาน เมื่อพระอาทิตย์ตกลงสู่ทะเล หนุ่มน้อยเสิ่นิกำลังขี่จักรยานพาเด็กหญิงตัวน้อยผู้เพิ่งเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลับบ้าน
เสินหวั่นชอบมองดูทะเลทุกวันที่กลับบ้าน เธอจะขอให้เสิ่นิอ้อมไปทางทำนบกั้นคลื่น สำหรับน้องสาวตัวน้อยผู้บอบบางคนนี้เสิ่นิตามใจเธอเป็อย่างมาก เขาเป็ให้น้องได้ทุกอย่าง
“สาวน้อย แอบฉีดน้ำหอมของแม่มาอีกแล้วเหรอ ทำไมหอมจัง?” เสิ่นิได้กลิ่นหอมลอยมาตามลม แล้วอดที่จะยิ้มละมุนไม่ได้
“เ้าพี่บ๊อง นี่มันกลิ่นโรลออน! กลิ่นเดียวกันกับของแม่!” เสิ่นหวั่นที่ต้องนั่งอยู่บนคานเบาะหน้าหันกลับมาพูดด้วยความดูถูก
“จริงเหรอ? แล้วทำไมพี่ไม่มีล่ะ?”
“ก็เพราะพี่ตัวเหม็นเหมือนพ่อไงล่ะ! ฝึกจนเหงื่อออกเหม็นไปทั้งตัวเหม็นจะแย่แล้ว!” เสิ่นหวั่นจงใจบีบจมูกในขณะที่พูด
“ไอ้ตัวแสบ บังอาจว่าพี่เหม็นเรอะ! คอยดูพี่จะไม่มารับน้องหวั่นอีกเลยให้น้องหวั่นเดินกลับบ้านเอง!” เสิ่นิทำหน้า “ดุ” เป็การขู่
“เชอะ ไม่รับก็ไม่รับสิ พรุ่งนี้หวั่นก็จะไปเที่ยวเมืองอูกับพ่อกับแม่แล้ว!พี่ก็อยู่บ้านกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปคนเดียวเถอะ! เ้าพี่บ๊อง!” เสินหวั่นไม่สน
“เมืองอูก็แค่เมืองเล็กๆ เองไม่ใช่เหรอ? มีอะไรดีพี่ชายเธอได้รับรางวัลแชมป์ระดับจังหวัดเชียวนะอีกไม่กี่วันก็จะไปแข่งระดับประเทศที่เมืองหลวงแล้วน้องหวั่นเอ๋อร์รู้จักเมืองหลวงของจีนหรือเปล่า? เป็ศูนย์กลางของประเทศเลยนะ!”เสิ่นิอวดสุดชีวิต
“หวั่นรู้ว่าพี่ชายแน่มาก! พี่ชายของหวั่นเก่งที่สุดในโลก!หวั่นชื่นชมในตัวพี่ชายมาก!” เสิ่นหวั่นจงใจเยาะเย้ยถากถาง “ด้วยฝีมือของพี่หากฝึกอีกสองปีก็คงกลายเป็โฮ่วอี้ ยิงไปไกลถึงพระอาทิตย์แล้วล่ะมั้ง?”
“น้องคนนี้ ไม่ไหวเลยจริงๆ” เสิ่นิยอมแพ้แล้ว
“พี่ชาย หวั่นจะคิดถึงพี่” เสินหวั่นมองไปยังท้องทะเลและกล่าวออกมาจากใจ
“คิดถึงพี่ทำไมกัน? ห่างกันแค่สองสามวันเองไม่ใช่หรือ?ทำอย่างกับจะจากไปชั่วชีวิต?” เสิ่นิเอ่ยคำสาปออกมา
“ไม่รู้ทำไม ั้แ่พ่อกับแม่บอกว่าจะพาหวั่นไปเมืองอู หวั่นก็คิดถึงพี่หวั่นรู้สึกเหมือนว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะบอกกับพี่ มีหลายเื่ที่เรายังไม่ได้ทำด้วยกันพี่ว่าเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปหรือเปล่า?” เ้าตัวแสบอายุแค่หกขวบแต่ช่างดูแก่แดดและอ่อนไหวมาก
“อย่ามาพูดจาเหมือนผู้ใหญ่หน่อยเลยได้ไหม?” เสิ่นิตบศีรษะน้อยๆของเสิ่นหวั่นด้วยกำปั้น “พี่จะอยู่กับแม่และพ่อตลอดไปพอพี่ได้รับรางวัลแชมป์ยิงปืนโอลิมปิกพี่จะเกษียณและกลับมาสานต่อธุรกิจสำนักงานรักษาความปลอดภัยของครอบครัวแล้วจะเอาเงินรางวัลที่ได้มาซื้อตุ๊กตากระต่ายตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้น้องหวั่นเอ๋อร์”
“จริงนะ?! พี่ต้องรักษาคำพูดนะ! อย่าโกหกหวั่นล่ะ!”เสินหวั่นที่ชอบตุ๊กตากระต่ายมากที่สุดกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“อื้อ พูดแล้วต้องทำให้ได้” เสิ่นิไม่เคยคิดเลยว่าสัญญาของเขาจะหายลับไปกับค่ำคืนนั้นในเมืองอู
ในคืนนั้นเขากลายเป็ปีศาจ คิดแต่จะล้างแค้นศัตรู
ในคืนนั้นเสิ่นหวั่นได้ฟื้นขึ้นจากความตาย และเริ่มต้นเดินบนเส้นทางสายอื่น
สิบปีแค่ชั่วพริบตาราวกับหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง...
เมื่อเสิ่นิยืนที่อยู่ด้านหลังของฝูงชนและมองออกไปกลิ่นดอกซากุระอันคุ้นเคยก็ลอยเข้ามาเตะจมูกอีกครั้งย้อนความทรงจำของเขาเมื่อสิบปีที่แล้ว
เสิ่นิเบิกตากว้างและมองไปยังด้านข้างเด็กสาวในชุดสีขาวกำลังเดินไปยังทางออกของสวนสาธารณะ
“หวั่นเอ๋อร์?!” เสิ่นิคิดอยากจะตามไปแต่ด้วยหน้าที่ของบอดี้การ์ดเท้าทั้งสองข้างก็เหมือนตะปูเหล็กสองเล่มที่ตอกอยู่กับถนน
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว! แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว!”เสิ่นิได้แต่ปลอบตัวเอง เม็ดเหงื่อแขวนอยู่ที่หน้าผากของเขาชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจของตนเองทรมานเหมือนกับกำลังอยู่ในกระทะเดือดทุกวินาที
ในที่สุดเมื่อเสียงนั้นหายลับไปกับทางออกของสวนสาธารณะเสิ่นิก็หลุดพ้นจากพันธนาการทางความคิด เป็ครั้งแรกที่เสิ่นิละทิ้งเป้าหมายที่ตนเองให้การคุ้มครองและหันตัววิ่งไปยังทางออก
เขามีเหตุผลมากมายที่จะแก้ตัวให้ตนเองตัวอย่างเช่น SAT เป็มืออาชีพมากนี่คือย่านใจกลางเมืองที่เปิดโล่ง ฆาตกรไม่กล้าสะเพร่าลงมือ หรือเขาออกไปแค่สักพัก อีกไม่นานก็กลับมา หรือ เขาติดสินบนให้แพนด้าสอดแนมอยู่กลางอากาศแล้ว...
และมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาไล่ตามไปผู้หญิงคนนั้นคือหวั่นเอ๋อร์!
เสิ่นิวิ่งเหมือนลูกธนูที่หลุดออกจากคันเขาฝ่าฝูงชนบนถนนอันแออัด โดยไม่ลังเลแม้สักครู่ กลิ่นหอมจางๆของดอกซากุระยังคงโชยอยู่ในอากาศ เสิ่นิอยากจะสูดเข้าให้เต็มปอดและไม่ยอมหายใจออกมา
ในที่สุดก่อนถึงทางแยกที่ผู้คนเดินไปเดินมา คั่นไว้ด้วยทางม้าลายซึ่งยาวไม่เกิน 15 เมตร ในที่สุดเสิ่นิก็ได้เห็นหญิงสาวในชุดสีขาวอีกครั้ง
เธอยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยหน้ากากกระต่ายบนใบหน้า เช่นเดียวกันกับน้องสาวตัวน้อยแสนซนข้างบ้านเหมือนกับนางฟ้าที่ปรากฏในความฝัน
“หวั่นเอ๋อร์!” เสิ่นิะโจนเสียงแหบชาวญี่ปุ่นที่สัญจรไปมาต่างพากันใ
กลุ่มคนที่กำลังข้ามถนนมองหน้ากันเลิ่กลั่กเธอมองฉัน ฉันมองเธอ “หวั่นเอ๋อร์” คือใคร? หรือว่าจะเป็เกย์ไม่เอาน่า!
หญิงสาวยืนอยู่ที่นั่นเธอยกมือขึ้นเพื่อถอดหน้ากากกระต่ายบนใบหน้าใบหน้าที่ทำให้เสิ่นิแทบจะหายใจไม่ออกเมื่อถูกเปิดเผย
นั่นคือหวั่นเอ๋อร์แม้เวลาจะผ่านมาเป็สิบปี ตอนนี้น้องสาวตัวน้อยได้กลายเป็เด็กสาวอายุ 16 ปี อยู่ในวัยแรกแย้มแล้ว แต่เธอก็ยังมีลักยิ้มที่มุมปาก ยิ้มของหวั่นเอ๋อร์ต่อให้เสิ่นิกลายเป็เถ้าถ่าน เขาก็ไม่มีวันลืม!
เสิ่นิยังจำได้ฆาตกรบนเวทีเมื่อไม่นานมานี้คือหวั่นเอ๋อร์ ตอนนั้นเธอสวมหน้ากากกลิ่นกายบนร่างอาจถูกสารเคมีกลบไป เลยทำให้เสิ่นิพลาดโอกาสที่จะได้พบกันก่อนแต่ครั้งนี้เขาจะไม่พลาดอีกแน่นอน!
“พี่หาหวั่นเจอแล้ว พี่ชาย” เสียงเสิ่นหวั่นที่เรียก “พี่ชาย”ทำเอาเสิ่นิแทบใจสลาย
“หวั่นเอ๋อร์ หวั่นของพี่” เสิ่นิลืมมองไฟแดงไปโดยสิ้นเชิงเขาทะยานข้ามทางม้าลายไปสุดตัว รถหลายคันเบรกอย่างหนัก เสียงชนกันดัง โครม! โครม!โครม! เกิดะเิไหม้เป็ลูกไฟ ประชาชนแตกตื่นหนีกระจัดกระจาย
เสิ่นิเพิกเฉยต่อสิ่งเ่าั้เขาพุ่งไปหาหวั่นเอ๋อร์และกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขน
“หวั่นเอ๋อร์ อย่าทิ้งพี่ไปอีกนะ! ไม่มีใครพรากเธอไปจากพี่ได้แล้ว!พระเ้าก็ดี! ปีศาจก็ดี! ในที่สุดพี่ก็หาเธอเจอแล้ว! ในที่สุดพี่ก็เจอเธอแล้ว!”เสิ่นิพูดอย่างกระท่อนกระแท่นมือทั้งสองของเขากอดน้องไว้แน่นมากจนถ้าจะดึงออกคงต้องใช้แหนบเหล็กเสิ่นิร้องไห้น้ำตาไหลพราก น้ำตาร่วงหล่นลงบนลาดไหล่ของหวั่นเอ๋อร์
“เอาล่ะ เอาล่ะ อายุเท่าไรแล้วยังร้องไห้อยู่อีก อายบ้างไหม?” หญิงสาวตบหลังพี่ชายคนนี้เบาๆ “พี่ก็หาหวั่นเจอแล้วไง หวั่นสัญญาต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีก ตกลงไหม?”
“อื้อ! ไม่แยกจากกันอีก! ไม่แยกจากกันอีกตลอดไป!”เสิ่นิสะกดความตื่นเต้นและกลั้นน้ำตาไว้ เขาช้อนใบหน้าน้อยๆของหวั่นเอ๋อร์ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “มาให้พี่ชายดูหน้าชัดๆ หน่อย เธออ้วนขึ้นนะแต่ก็สวยขึ้นด้วย โตเป็สาวแล้ว!”
“พี่ชาย อย่างี่เง่าได้ไหม? ตอนที่เราแยกกันหวั่นเพิ่งจะอายุแค่ 6 ขวบ จะไม่ให้อ้วนขึ้นเลยเหรอ?”หวั่นเอ๋อร์ยิ้มแย้มแจ่มใส เธอทนความน่ารักของพี่ชายตัวเองไม่ไหว“พี่พอจะมีเวลาไหม? วันนี้มีการเปิดตัวการ์ตูนตัวโปรดของหวั่นเป็ครั้งแรกด้วยหวั่นอยากไปซื้อ ไปกับหวั่นได้ไหม?”
“ได้แน่นอน! ว่าแต่จะไปที่ไหน?” เสิ่นิลืมหน้าที่ของตัวเองไปเสียสนิท
“ไปกัน ย่านอากิฮาบาระ ออกเดินทางได้!”เสิ่นหวั่นชูสองมือขึ้นอย่างมีความสุข
ห่างกันนับสิบปีเมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้งในต่างแดน เสิ่นิไม่เคยคิดว่าพอเขากลับมาจากนิรวานแล้วจะได้พบกับน้องสาวที่ยังมีชีวิตอยู่เปรียบเสมือนของขวัญจากพระเ้า เป็ชีวิตใหม่ของนิรวานอย่างเขาอย่างแท้จริง
เสิ่นิไม่เคยเชื่อเื่เทพเ้าและเทวรูปแต่ในขณะนั้น เขากำลังขอบคุณพระเ้า เมื่อเขาได้เจอน้องสาวของเขาอีกครั้ง
เสิ่นหวั่นอายุ16ปี สุภาพเรียบร้อย ส่วนสูง 155 เิเหรืออาจจะยืดต่อไปได้กว่านี้ ผิวขาวซีดราวกับไม่ค่อยได้เจอแสงแดดรอยยิ้มอ่อนหวานเหมือนนางฟ้า เสียงออดอ้อนชวนให้หลงใหล
เสิ่นิจับมือหวั่นเอ๋อร์ไว้แน่นตลอดทางกลัวว่าจะสูญเสียน้องสาวที่เพิ่งจะเจอไปอีก เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มบางครั้งก็น้ำตาไหล หัวเราะไปร้องไห้ไป ราวกับคนเสียสติ
ส่วนเสิ่นหวั่นเธอก็เหมือนแต่ก่อน มีเื่คุยไม่หยุดไม่หย่อน ชอบม้วนผมอันหยิกหย็อง เธอคุยว่าอยากจะยืดผมไปจนถึงเื่อนิเมะเื่ใหม่ไม่สนุกเลย สุนัขของเพื่อนบ้านคลอดลูกเื่เล็กเื่น้อยทุกประเภท เธอสามารถพูดคุยได้เป็วันๆ
สมัยก่อนเสิ่นิรำคาญมากที่น้องสาวพูดเื่พวกนี้จนเขาต้องขอตัวแต่ตอนนี้เขากลับเธอชอบที่จะได้ยินเื่ที่เธอเล่าเื่ต่างๆเสิ่นิฟังอย่างตั้งใจ
ย่านอากิฮาบาระได้ชื่อว่าเป็์ของโอตาคุที่ใหญ่ที่สุดในโลกร้านอาหารสุดคาวาอี้ ร้านขายของเล่นแอนิเมชั่นสุดล้ำ ร้านขายอุปกรณ์แต่งเวทีร้านเกม นอกจากนี้ยังมีโรงละครขนาดเล็กสำหรับรูปปั้นดารา มันแออัดหนาแน่นตลอดเวลา
เสินหวั่นเดินไปชมไปไม่รีบไม่ร้อน เดี๋ยวก็จะทานไอศกรีม เดี๋ยวก็จะคีบตุ๊กตาและซื้อหนังสือการ์ตูนเหมือนกับการมาเดทกับพี่ชายอย่างไรก็อย่างนั้น
เสิ่นิชอบที่จะเห็นน้องสาวมีความสุขต่อให้เขาซื้ออมยิ้มให้ เธอก็จะยิ้มและพูดว่า “พี่ชาย พี่เก่งที่สุดในโลกหวั่นรักพี่จะแย่แล้ว!”
ใช่แล้วเมื่อเทียบตนเองกับน้องสาว โลกทั้งใบก็ไม่เท่าไรหรอก? เสิ่นิเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า่ก่อนอายุ 6 ขวบ เขารู้จักความโดดเดี่ยวและความกลัวดีกว่าใครหลังจากที่เสิ่นฉงหยางรับเขาเป็ลูกบุญธรรม วันนั้นเขาถึงได้มีชีวิตบนสรวง์
น้องสาวคนนี้ก็คือคนที่เทพเ้ามอบให้กับครอบครัวและเป็เทพธิดาของเขา!แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเืแต่เสิ่นิก็มองว่าเธอเป็น้องสาวแท้ๆ ของเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไปเสิ่นินอกจากจะได้ดื่มด่ำกับความสุขของการได้พบกันใหม่แล้ว เขาก็เกิดความสงสัยตามมา
“พี่รู้จัก ‘กระต่ายงามยอดนักสืบ’ ไหม? การ์ตูนเื่นั้นตลกมากฆาตกรในเื่ก็คือหมีมงคลมาโดยตลอด มันช่างง่ายเกินเหลือเกินที่จะเดาออก!หวั่นคิดว่าใบหน้าของพี่ดูเหมือนหมีมงคล!ไว้เดี๋ยวหวั่นจะซื้อตุ๊กตาของมันให้พี่นะ!” เสินหวั่นยืนอยู่ที่หน้าร้านท่ามกลางฝูงชนรอซื้อตุ๊กตากระต่ายบิวตี้รุ่นแรกซึ่งมีจำนวนจำกัดทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเธอมีโอตาคุตัวอวบอ้วนเข้าคิวอยู่น้องสาวคนนี้ช่างน่ารักราวกับนางฟ้าบนดิน
“หวั่นเอ๋อร์ช่วยเล่าถึงชีวิตใน่สิบปีที่ผ่านมาของหวั่นเอ๋อร์ให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม?”เสิ่นิมีหลายเื่ที่อยากจะถาม
“หวั่นก็เล่าอยู่ตลอดทางนี่ไง พี่ไม่รำคาญเหรอ?” เสิ่นหวั่นพูดจนคอแห้งไปหมดแล้ว
“ไม่ได้หมายถึงเื่เล็กเื่น้อยพวกนั้นพี่กำลังพูดถึง...ชีวิตหลังจากที่ถูกจับตัวไป…”เสิ่นิพูดประโยคนั้นออกมาได้ยากมาก แค่นึกถึงก็กลับไปเ็ป นี่ถือเป็ความทรมานอันยิ่งยวด
“พี่ชาย พี่อยู่ในนิรวานมาสิบปี ชีวิตเป็อย่างไรบ้าง?” เสินหวั่นถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“ที่นั่นคือนรก” การสรุปของเสิ่นิสั้นและกระชับ
“ช่างบังเอิญเสียจริง หวั่นอยู่ที่นี่ก็ตกนรกเหมือนกันดูเหมือนว่าจะมีเพียงแม่กับพ่อของเราเท่านั้นที่อาศัยอยู่บน์”รอยยิ้มของเสิ่นหวั่นแทงเข้าไปในหัวใจของเสิ่นิเหมือนกับใบมีด