“เช่นนั้นบ่าวเล่าเ้าคะ?”
ไป๋เซี่ยเหอโน้มตัวไปที่ข้างหูของฝูเอ๋อร์ หลังจากกำชับเบาๆ สองสามประโยค นางก็เดินไปที่ห้องโถงด้านหน้าเพียงลำพัง
ทั่วทั้งจวนสกุลไป๋มีม่านสีขาวประดับประดาอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย
หินไข่ห่านปูเป็ทางเดินเล็กๆ
ไป๋เซี่ยเหอเดินไปตามทางเดินโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน สาวใช้ที่เดินผ่านไปมาต่างกรีดร้องจนหน้าถอดสี บางคนถึงกับใจนปัสสาวะราด กระทั่งใจนเป็ลมไปเลยก็มี
ไป๋เซี่ยเหอยิ้มเย็น ดูแล้วพวกที่หวาดกลัวอย่างยิ่งเ่าั้ ล้วนแล้วแต่เคยเพ่งเล็งนาง และทำร้ายนางมาก่อนทั้งนั้น
จึงกล่าวได้ว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดย่อมไม่กลัวผีสางเคาะประตู
เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอมองมา ทุกคนต่างก็คุกเข่าลง
“ขออภัยเ้าค่ะคุณหนูใหญ่ บ่าวสำนึกผิดแล้ว บ่าวไม่ควรขโมยเครื่องประดับของท่านไปขายเ้าค่ะ”
“บ่าวสำนึกผิดแล้วเหมือนกันเ้าค่ะ บ่าวไม่ควรสับเปลี่ยนอาหารของคุณหนูใหญ่เป็อาหารหมูเ้าค่ะ”
“บ่าวไม่ควรทุบตีคุณหนูใหญ่...”
ไป๋เซี่ยเหอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แต่ละคนกลับใจนโพล่ง ‘เื่เลวทราม’ ที่ตนเองเคยทำออกมาทั้งหมดเสียอย่างนั้น
“เฮอะ ดูให้ดีว่าข้าเป็คนหรือผี”
ทุกคนจึงได้สติกลับมา กลางวันแสกๆ จะมีผีสางได้อย่างไร?
ทว่านี่คือคุณหนูใหญ่จริงๆ หรือ?
แล้วงานศพในจวนคืออะไรกัน?
แย่แล้ว ดูเหมือนว่าเมื่อครู่พวกนางได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดเสียแล้ว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ไป๋เซี่ยเหอก็ละสายตา เพียงคนขี้ขลาดที่รังแกคนอ่อนแอก็เท่านั้น นางไม่สนใจจะลงมือเองหรอก
จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในห้องโถงหลักของจวนสกุลไป๋ด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย
ไป๋เหล่าฮูหยินในชุดคลุมยาวสีขาวนั่งเป็ประธาน นอกจากรู้สึกเสียดายต่อการตายของไป๋เซี่ยเหอแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีก
ลู่เป๋าเหยากับไป๋หว่านหนิงนั่งถัดลงมา
แม้ว่าลู่เป๋าเหยาจะสวมอาภรณ์สีขาว ทว่าด้วยการประทินโฉมและใบหน้าที่งดงามอยู่แล้ว การแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างวิจิตรของนางก็ทำให้ผู้คนตาเป็ประกาย
ส่วนไป๋หว่านหนิงยังคงมีท่าทีของดอกบัวขาว ใบหน้าของนางดูราวกับจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร
ทว่าคนผู้นั้นที่นั่งอยู่ข้างกายของไป๋เหล่าฮูหยิน
เป็บุรุษสวมชุดคลุมยาวสีเขียวเข้ม ใบหน้าดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เหมือนเพิ่งกลับถึงจวนอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าของเขาขาวผ่อง ดูหล่อเหลาสง่างาม เป็เื่ยากที่จะเชื่อมโยงเขาเข้ากับภาพของการสู้รบในสนามรบ และการเหยียบย่ำบนกองโลหิต
นี่คือบิดาของเ้าของร่าง ไป๋เสียนอัน
“กรี๊ด”
“ผีหลอก”
ขณะที่ไป๋เซี่ยเหอยืนสังเกตไป๋เสียนอันอยู่หน้าประตู ไป๋หว่านหนิงบังเอิญหันหน้ามา และพบเข้ากับใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอพอดิบพอดี
ใบหน้าของสองแม่ลูกสามารถพรรณนาได้ด้วยคำว่ากินปูนร้อนท้อง
ลู่เป๋าเหยากรีดร้องจนสุดเสียง ใบหน้าที่ประทินโฉมมาอย่างงดงามดูบูดเบี้ยวเป็อย่างยิ่งในเวลานี้
“หุบปาก!” ไป๋เสียนอันหูอื้อจนรู้สึกเจ็บ เขาเหลือบมองลู่เป๋าเหยาอย่างไม่สบอารมณ์
จู่ๆ ก็ะโโหวกเหวกโวยวาย เป็มารยาทแบบใดกัน?
ลู่เป๋าเหยาฝืนระงับเสียงกรีดร้อง นางค่อยๆ ได้สติกลับมา หัวใจเต้นโครมคราม
“ไป๋เซี่ยเหอ?”
นึกไม่ถึงว่าไป๋เสียนอันจะเรียกชื่อเต็มของลูกสาวตนเอง
ไป๋เซี่ยเหอเดินเข้าไปอย่างสง่างามและแข็งกร้าว “ข้าเอง”
ไป๋เสียนอันมุ่นคิ้ว รู้สึกไม่พอใจกับท่าทีที่ดูสงบเยือกเย็นของไป๋เซี่ยเหอ “เห็นผู้าุโแล้วไม่ทักทาย ช่างไร้การอบรมสั่งสอน”
“คิก!” นางหลุดขำโดยไม่ปิดบังความเหยียดหยามบนใบหน้า “เดิมทีข้าก็เป็คนที่ไม่มีใครสั่งสอนอยู่แล้ว มาพูดเื่การอบรมสั่งสอนกับข้า จะทำให้ข้าลำบากใจเกินไปหน่อยกระมัง”
ไป๋เสียนอันสำลักทันที ในความทรงจำของเขา บุตรสาวคนโตผู้นี้อ่อนแอและไร้ความสามารถมาโดยตลอด นางเปลี่ยนเป็ช่างจำนรรจาเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน?
“นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?”
ไป๋เหล่าฮูหยินลุกขึ้นไกล่เกลี่ย บุตรชายเพิ่งกลับมาจึงไม่รู้เื่วาสนาระหว่างไป๋เซี่ยเหอกับฮองเฮา ทว่านางรู้ ดังนั้นจึงย่อมต้องรักษาผลประโยชน์นี้เอาไว้เป็อย่างดี
“ใช่แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ไป๋เสียนอันถามลู่เป๋าเหยาอีกครา
เขากำลังตั้งคำถามกับลู่เป๋าเหยา
ในเวลานี้ลู่เป๋าเหยารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก นางเป็ผู้วางยาพิษเองกับมือ นอกจากหมอผู้นั้นจะบอกว่าไป๋เซี่ยเหอกินมันไปแล้ว เขายังบอกด้วยว่าไป๋เซี่ยเหอไม่รอดแน่!
หากจะให้แข่งเื่ความเสแสร้งแล้ว ใครย่อมเป็ฝ่ายแพ้กันแน่?
มุมปากของไป๋เซี่ยเหอยกขึ้นเป็รอยยิ้มแสยะ นางเริ่มกล่าวยุแยงทันที “ใช่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตลอดทางมาที่นี่ข้าเห็นมีม่านสีขาวประดับประดาอยู่เต็มจวน ยังคิดว่าท่านแม่ทัพ...”
จะให้นางเรียกพ่อหรือ?
เขาไม่คู่ควร!
“ผายลม!”
ไป๋เสียนอันสบถออกมาอย่างอดไม่ไหว นึกไม่ถึงว่าสตรีชั่วอย่างลู่เป๋าเหยาจะกล้าสาปแช่งเขา!
ไป๋เซี่ยเหอเอ่ยต่อด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ “ข้าไม่ได้เป็คนแช่ง เหตุใดถึงดุข้าหรือเ้าคะ?”
ไป๋เสียนอันโกรธจนตัวสั่น เขาตวัดสายตาไปยังลู่เป๋าเหยาอย่างโเี้
ลู่เป๋าเหยาใจนหน้าซีดเผือด “เหลาเหยี่ย ข้าไม่ได้มีเจตนาจะแช่งท่านนะเ้าคะ คุณหนูใหญ่ต่างหากที่ตายไปแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอถลึงตามอง “ข้าตายแล้วหรือ? เช่นนี้ใครยืนอยู่ที่นี่ตอนนี้เล่า?”
“วันนั้นมีคนมากมายรู้ว่าเ้าถูกพิษ ยังให้หมอไปตรวจดู สุดท้ายแล้วหมอยังบอกข้าเองกับปากว่าเ้าหมดลมหายใจแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นร่างที่คลุมอยู่ใต้ผ้าขาวในเรือนสุ่ยฉิงคือใครกัน?
ไอเย็นลามจากฝ่าเท้าของลู่เป๋าเหยาไปจนถึงท้ายทอย นางหนาวเหน็บไปทั้งสรรพางค์กาย มือและเท้ารู้สึกชา
นางรู้สึกเหมือนว่า ตนเองตกลงไปในกับดักอันยิ่งใหญ่ก็ไม่ปาน
ทว่าผู้ที่สร้างกับดักได้อย่างสมบูรณ์แบบก็คือ ไป๋เซี่ยเหอ
เด็กสาวที่อายุสิบกว่าปีนางหนึ่ง!
ไป๋เซี่ยเหอยิ้มเยาะในใจ คิดจะเล่นกลอุบายกับนางหรือ? ช่างเป็การสอนจระเข้ว่ายน้ำเสียจริง!
“ที่แท้อี๋เหนียงหมายถึงเซี่ยหรุ่ยนี่เอง!”
“เซี่ยหรุ่ยอะไร? เซี่ยหรุ่ยคือใคร?” ไป๋เสียนอันถาม
คราวนี้เขากลับเมืองหลวงเป็การส่วนตัว หากถูกใครสังเกตเห็นเข้า ย่อมเป็เื่คอขาดบาดตายอย่างแน่นอน
หากเขาไม่ได้ทำเพื่อของสิ่งนั้น คงไม่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้
เมื่อลู่เป๋าเหยาได้ยินชื่อเซี่ยหรุ่ย ร่างกายก็โงนเงนอย่างเห็นได้ชัด
รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอแจ่มชัดขึ้น “เซี่ยหรุ่ยคือสาวใช้นางหนึ่งในเรือนของข้า วันนั้นข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย กินอะไรไม่ลง กังวลว่าจะต้องเทอาหารทิ้ง จึงยกให้เซี่ยหรุ่ยกินแทน”
เซี่ยหรุ่ยถูกพิษจริงๆ ทว่านางไม่ได้กินมันเข้าไปเอง นางจะกล้ากินพิษที่วางเองกับมือได้อย่างไร?
ทว่าไป๋เซี่ยเหอจะให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสเลือกหรือ? นางใช้วิธีกรอกพิษลงไปตรงๆ
ลู่เป๋าเหยารู้อยู่แก่ใจว่าไป๋เซี่ยเหอโกหก ทว่านางไม่อาจโต้แย้งได้ ทำได้เพียงกัดฟันแล้วกลืนคำพูดลงท้อง
นางโมโหแทบตายแล้ว!
“เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงได้ถูกพิษ?” ไป๋เสียนอันถาม
ไป๋เหล่าฮูหยินเหลือบมองลู่เป๋าเหยา นางเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปากหวานก้นเปรี้ยวมาั้แ่เล็ก กลอุบายเล็กน้อยเหล่านี้อาจปิดบังไป๋เสียนอันได้ ทว่าปิดบังนางไม่ได้!
เพียงแต่เวลานี้ไม่เหมาะที่จะพูดออกมา นางไม่ได้เข้าข้างลู่เป๋าเหยา เพียงแต่บุตรชายนั้นเดินทางอย่างยากลำบากมาตลอดทาง
ไป๋หว่านหนิงเห็นท่าไม่ดี จึงรีบรุดเข้ามาเกาะแขนของไป๋เสียนอันด้วยท่าทีออดอ้อนทันที
“บางทีคนครัวอาจใส่ยาเบื่อหนูโดยไม่ระวังก็เป็ได้เ้าค่ะ โชคดีที่ไม่ได้เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวง ท่านพ่อเดินทางมาเหนื่อยๆ รีบกลับเรือนไปพักเถิดเ้าค่ะ”
ระหว่างที่พูดก็ส่งสายตาให้ลู่เป๋าเหยาไปด้วย
ลู่เป๋าเหยารีบรุดเข้ามาเกาะแขนอีกข้างของไป๋เสียนอันทันที “ใช่แล้วเ้าค่ะเหลาเหยี่ย ท่านไปนอนก่อน ข้าจะเข้าครัวทำกับข้าวให้ท่านเองดีหรือไม่เ้าคะ?”
ชิ
สามคนพ่อแม่ลูกช่างมีความสุขกันดีจริงๆ
“ลู่เป๋าเหยา! เ้ามันแพศยาต่ำช้านัก!”
เงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าก็ไม่ปาน ก่อนจะกระชากเส้นผมของลู่เป๋าเหยา
“โอ๊ย! ช่วยด้วย!”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้