พวกฉิวรั่วที่ตามอยู่ด้านหลังไม่เห็นพวกเขาหรืออย่างไร? เหตุใดถึงยังไม่รีบมาอีก?
มู่หรงฉือคิดในใจ สะบัดมือด้วยความโมโห คิ้วชี้ขึ้น “ท่านอ๋องโปรดระวังกิริยาด้วย!”
น้ำเสียงะเิขึ้นอย่างโมโหจัด ใบหน้าสวยปกคลุมไปด้วยไฟโทสะ
มู่หรงอวี้สาวเท้าเข้ามาทีละก้าว นางก็เดินถอยหลังไปทีละก้าว ตอนนี้สัญชาตญาณแรกเริ่มของนางได้เตือนสติ จะเปิดเผยความสามารถความรู้สึกของตนมากเกินไปไม่ได้ นางจะต้องสำรวมเข้าไว้...
ด้านหลังของนางคือกำแพงวังสีแดง จู่ๆ ก็ชนเข้ากับกำแพงวัง ไม่มีทางให้ถอยหนีอีก ความเย็นของกำแพงได้แทรกซึมเข้ามาในอาภรณ์ มือไม้ของนางเย็นเฉียบ
เขาจดจ้องนาง ใบหน้าหล่อเหลาเ็าดั่งน้ำแข็งที่ผ่านกาลเวลามาหลายปี เย็นลึกถึงกระดูก
นางคิดอยากจะหนี ทันใดนั้นแขนยาวของเขาก็กดลงข้างกายนาง ราวกับเหล็กเย็นกักขังนางเอาไว้ระหว่างกำแพงกับเขา เขายกมืออีกข้างขึ้นมาบีบปากของนาง
นิ้วมือออกแรงเล็กน้อย ใบหน้าของนางยุบลงไปเล็กน้อย
“ท่านทำอะไร?” มู่หรงฉือพูดออกมาอย่างโกรธจัด ปัดมือเขาออก แต่กลับไม่อาจทำได้ ทั้งยังทำให้เขาออกแรงมากกว่าเดิม
“เ้าอยากจะจับคู่เปิ่นหวางกับองค์หญิงจาวฮวา?” เขาออกแรง ทำให้ปากทั้งสองข้างของนางยู่เข้าหากัน กลับทำให้เกิดเป็สีชมพูธรรมชาติอันเย้ายวนขึ้นมาหลายส่วน เห็นแล้วรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ
“เปิ่นกงจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว” นางพูดด้วยสีหน้าปกติ ในใจว้าวุ่นเหมือนมีม้าวิ่งควบอยู่ เขาจงใจพานางมาที่นี่! ร้ายกาจ!
“ทำหรือไม่นั้นในใจของเ้ารู้ดี” ั์ตาของเขาเ็าโดดเดี่ยว แววตาแหลมคมดั่งมีด “ไม่เคยมีใครควบคุมเปิ่นหวางได้!”
มู่หรงฉือจ้องเขาเงียบๆ หัวใจเต้นตูมตามรัวเร็ว เสื้อผ้าอาภรณ์เปียกชื้น ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหงื่อจากความร้อนหรือว่าเหงื่อเย็นที่ผุดออกมา
เขาเป็ขุนนาง ตัวเขาเป็ขุนนาง ชีวิตของเขาั้แ่ไหนแต่ไรก็ล้วนถูกกษัตริย์ควบคุม
ไม่เคยมีใครควบคุมเปิ่นหวางได้!
คำพูดนี้แสดงถึงความทะเยอทะยานของเขาชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เช่นนั้นท่านอ๋องก็อยากจะควบคุม แย่งชิงอำนาจความเป็ความตายของทุกคนมากใช่หรือไม่?”
นางหัวเราะหยัน
ดวงตาของมู่หรงอวี้วาววับขึ้นราวกับมีแสงแล่นผ่านไป
พวกเขาล้วนเป็คนที่ฉลาดเฉลียว เขารู้ถึงความหมายที่แฝงอยู่อย่างแน่นอน
คิ้วของเขาเลิกขึ้นอย่างร้ายกาจ “หรือว่าตอนนี้เปิ่นหวางไม่ได้มีอำนาจที่สามารถแย่งชิงความเป็ความตายของใครก็ได้หรือ? แม้แต่ชีวิตน้อยๆ ของเ้า เปิ่นหวางก็สามารถบีบให้ตายเหมือนมดตัวหนึ่งได้”
มู่หรงฉือรู้ว่าเขาความมีความสามารถนั้น ตอนนี้ใบหน้างดงามราวหิมะของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
“เช่นนั้นท่านอ๋องยังจะรออะไรอยู่อีกเล่า?” นางยิ้มสดใส มือขวาค่อยๆ จี้ไปที่จุดตายของเขา พร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา
“เปิ่นหวางกำลังรอ...”
ทันใดนั้นเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ ไอร้อนแผ่ออกมาจากร่างเขา กลิ่นน้ำหอมอบอุ่นปกคลุมไปรอบๆ
นางเหมือนกับถูกไอร้อนนั้นลวก หันหน้าหนีแต่กลับถูกเขาจับให้หันกลับมา
ดวงตาดำสองคู่เหมือนกำลังจมลงไปในธารน้ำใสในหุบเขา ใสสะอาดจนหากก้มมองลงไปจะเห็นเงาเล็กๆ ของกันและกัน ราวกับสะท้อนสิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้ในจิตใต้สำนึกลึกๆ ของพวกเขา
เหมือนถูกดวงตาบริสุทธิ์ สดใส ลึกล้ำและดูห่างไกลนี้สะกดไว้ สะท้อนใบหน้าเขา มู่หรงอวี้เหมือนกับตกลงไปในน้ำโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ไร้เรี่ยวแรงที่จะดึงตัวออกมา
แสงสีทองโปร่งใสของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมาที่ใบหน้าของนาง ผิวขาวราวหิมะเปลี่ยนมาเป็ลูกแก้วใส
ขนตางอนยาวเหมือนปีกของผีเสื้อ สะท้อนเป็เงาเล็กๆ
บนขนตาเรียวสะท้อนแสงอาทิตย์จนเกิดเป็ประกายระยิบระยับ ราวกับน้ำค้างใสที่เกาะในยามเช้า
หน้าอกของนางพองขึ้นมาเล็กน้อย ปล่อยลมหายใจออกมา กลิ่นอายล่องลอย เหมือนจะมีแต่ก็เหมือนไม่มีคอยสะกิดหัวใจ
นี่เป็เสน่ห์เย้ายวนโดยธรรมชาติ หน้าอกของมู่หรงอวี้สุมไปด้วยกองไฟร้อนผ่าวที่ค่อยๆ แผ่กระจายออกไป ก่อนจะแทรกซึมเข้าไปในกระดูกทั่วทั้งร่าง
เขาพลันเข้ามาใกล้แล้วเอานิ้วสะกิดขนตาของนาง ทำเอามู่หรงฉือจิตใจสั่นะเืแล้วหันหน้าหนี
ลมหายใจอุ่นร้อนกระจายอยู่รอบๆ นางรู้สึกเหมือนกับมีขนนกมาลูบไล้ ใต้ฝ่าเท้าราวกับมีระลอกความร้อนแผ่ขยายออกมา ทั่วทั้งตัวร้อนรุ่มไปหมด
“ปล่อย!”
นางผลักเขาออกอย่างแรง ตรงหน้าเป็ประหนึ่งูเาสูงที่ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ลมหายใจรัวเร็วของเขานิ่งสงบลงมาเล็กน้อย นิ้วเรียวยาวลูบคิ้วของนางแ่เบา
นางราวกับถูกสะเก็ดไฟ สัญชาตญาณทำให้ต้องยกมือขึ้นใช้โอกาสนี้ออกแรงผลักเขาออกไป
ครั้งนี้ เขายอมปล่อยนาง
มู่หรงฉือมองไปทางเขา ก่อนจะสาวเท้าวิ่งหนีไป ราวกับว่าด้านหลังมีผีกำลังไล่ตามนาง
มู่หรงอวี้มองนางที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน มุมปากยกขึ้นน้อยๆ แฝงความเ้าเล่ห์อยู่สามส่วน อารมณ์ดีอีกสามส่วน สี่ส่วนที่เหลือคือความอบอุ่นที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว
...
ตำหนักชิงหยวน
ตอนที่มู่หรงฉือก้าวเข้ามาในตำหนักบรรทม องค์หญิงจาวฮวากำลังพูดคุยหัวเราะกับฮ่องเต้แคว้นเป่ยเยี่ยน
มู่หรงฉางนั่งอยู่ที่ริมเตียงกอดแขนของเขาอยู่ หัวก็ซบที่บ่าของเขา ท่าทางแบบลูกสาวขี้อ้อน ริมฝีบางชมพูบาง ขนตางอน หวานหยดย้อยราวน้ำตาล ส่วนมู่หรงเฉิงตบมือเล็กๆ ของนาง ใบหน้าหัวเราะเหอะๆ เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พูดเื่น่ายินดีอะไร
“เ้าเด็กตัวแสบ ในหัวสมองของเ้ามีแต่ของหลุดโลกขนาดนี้ หืม”
ถึงแม้ในน้ำเสียงจะมีการตำหนิอยู่เล็กน้อย แต่ว่ามากกว่านั้นคือความรักใคร่เอ็นดู
ใบหน้าของมู่หรงฉือมีความเ็ปอยู่เล็กน้อย ในใจรู้สึกว่างเปล่า แล้วก็เหมือนถูกของเหลวเค็มมาเติมเต็ม ทั้งยังสั่นไหวไปมา
ชาตินี้นางไม่มีทางมีโอกาสเหมือนจาวฮวาที่สามารถเข้าไปออดอ้อนเสด็จพ่อ ใช้ท่าทางของลูกสาวไปเกาะแกะอ้อนเขา พูดคุยเื่ราชวัง ราชสำนัก การเมืองอยู่กับเสด็จพ่อเช่นนี้ได้...ไม่มีวันมีโอกาสนี้ไปตลอดกาล...
ั้แ่เสด็จพ่อให้นางปลอมตัวเป็บุรุษ นางก็สูญเสียโอกาสไปมากมาย
“เสด็จพี่มาแล้ว” มู่หรงฉางร้องเรียกอย่างสนิทสนม “เสด็จพี่ นั่งทางนั้นเถิดเพคะ”
“ลูกมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ” มู่หรงฉือโค้งตัวคำนับ
“ไม่ต้องมากพิธี” มู่หรงเฉิงพูดยิ้มๆ “จาวฮวา้าให้เ้ามาช่วยเลือกให้ได้ กระดาษคำตอบของคนที่ติดสามอันดับแรกวางอยู่บนโต๊ะแล้ว เ้าดูสิ”
“พ่ะย่ะค่ะ” นางเดินเข้าไปหยิบกระดาษคำตอบสามชุดมา แล้วตั้งใจอ่านหนึ่งรอบ
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
นางรู้ มู่หรงอวี้มาถึงแล้ว
แววตาของมู่หรงฉางวาวขึ้นมา รีบลุกขึ้นจากเตียงมายืนด้วยท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานอยู่ด้านข้าง
ดวงตาของมู่หรงเฉิงกระตุก พลันเข้าใจทุกอย่างทันที
ดูเหมือนลูกรักจะยังไม่ตัดใจจากมู่หรงอวี้
มู่หรงอวี้เข้ามาทำความเคารพด้วยท่าทางเป็ทางการ “ถวายบังคมฝ่าา”
มู่หรงเฉิงไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีของเขา หัวเราะเหอะๆ แล้วพูด “จาวฮวาบอกว่าสามคนที่คัดเลือกจากการทดสอบล้วนเป็คนที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่รู้ว่าจะเลือกราชบุตรเขยอย่างไร ก็เลยเชิญเ้ากับองค์รัชทายาทมาช่วย”
มู่หรงอวี้พูดเสียงเรียบ “เื่การแต่งงานเป็เื่ใหญ่ในชีวิตองค์หญิง กระหม่อมมิบังอาจให้คำแนะนำออกมามั่วซั่วได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อวี้หวาง สายตาของเ้าย่อมดีกว่าพวกเขาที่เป็ผู้เยาว์กว่ามากนัก เจิ้นเชื่อใจเ้า หาได้ยากที่จาวฮวาเองก็อยากจะให้เ้ามาช่วยดู เ้าก็พูดมาสักสองสามประโยคเถิด” มู่หรงเฉิงมองไปที่ลูกสาวสุดที่รักอย่างใจกว้าง
“สายตาของอวี้หวางไม่มีทางผิดพลาด” มู่หรงฉางรับกระดาษคำตอบมาจากมือของพี่ชาย คลี่ยิ้มสดใส “รบกวนท่านอ๋องช่วยชี้แนะด้วย”
มู่หรงอวี้กวาดตามองกระดาษคำตอบทั้งสามชุด มองปราดเดียวก็เสร็จ “ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทคิดว่าอย่างไร?”
มู่หรงฉือไม่เข้าใจความคิดของน้องสาวตัวเองในวันนี้เลย เอาเขามาช่วยเฟ้นหาราชบุตรเขยจริงๆ หรือ?
อีกอย่าง น้องสาวจงใจยิ้มโปรยเสน่ห์ขนาดนั้นต่อหน้ามู่หรงอวี้ทำไม? มู่หรงอวี้ไม่มีทางหึงหวงคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างเ้าอยู่แล้ว
“กงจวิ้นหาว หรงชิงถิง หยางเผิงเฟย เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกว่าสามคนนี้เป็คนที่เก่งกาจอย่างที่เมืองหลวงน้อยนักจะมี ไม่ว่าจะเป็ชาติกำเนิดหรือการศึกษาก็ไม่มีใครแพ้ใคร หากกระหม่อมเป็จาวฮวาก็ไม่รู้ว่าจะเลือกผู้ใดเช่นกัน” นางพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ฝ่าา กระหม่อมเป็บุรุษ สายตาของสตรีกับบุรุษย่อมแตกต่างกัน กระหม่อมกังวลว่าจะชี้แนะองค์หญิงผิด แล้วจะทำให้ผิดไปทั้งชีวิตขององค์หญิง” มู่หรงอวี้พูดเสียงเข้ม
“เปิ่นกงแค่อยากจะรวบรวมความเห็นของทุกคน เชิญท่านอ๋องพูดมาได้ไม่ต้องกังวล” มู่หรงฉางยิ้มอ่อนโยน ในใจกลับเ็ปมาก : ชีวิตนี้ไม่สามารถแต่งให้ท่านได้ถึงจะเป็เื่ที่ผิดไปทั้งชีวิตของเปิ่นกง
มู่หรงเฉิงเองก็พูด “พูดมาเถิดไม่ต้องกังวล นี่เป็เพียงการปรึกษากันเท่านั้น”
มู่หรงอวี้เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดขึ้น “กงจวิ้นหาวนิสัยขี้ขลาด องค์หญิงเป็พระธิดารักของฮ่องเต้ หากแต่งไปแล้วอยากจะจัดการราชบุตรเขยให้อยู่หมัด กงจวิ้นหาวเป็คนที่ควบคุมได้ง่าย”
มู่หรงฉือกล่าว “กงจวิ้นหาวขี้ขลาดไปสักหน่อยก็จริง แต่มารดาของเขากลับเป็ฮูหยินที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลวง แต่งงานไปแล้วน้องสาวจะสามารถควบคุมฮูหยินกงที่เป็อันดับหนึ่งของทุกคนได้หรือ? จะเจอเื่ที่ทำให้อัดอั้นตันใจหรือไม่?”
มู่หรงเฉิงหัวเราะออกมา “เ้ายังไม่รู้จักนิสัยของน้องสาวเ้าอีกหรือ? ขอแค่นางมีฐานะที่รังแกคนได้ นางจะถูกผู้อื่นรังแกได้อย่างไร?”
ดวงตาของมู่หรงฉางวาวขึ้น คลี่ยิ้มลึกลับ “เปิ่นกงเองก็รู้สึกว่ากงจวิ้นหาวไม่เลว แต่ว่าเปิ่นกงยังต้องคิดให้ดี”
มู่หรงเฉิงให้นางกลับไปคิดที่ตำหนักดีๆ แต่ช้าที่สุดพรุ่งนี้เช้าจะต้องเลือกราชบุตรเขยออกมา
มู่หรงฉือคิดว่าเื่ราวไม่มีทางราบรื่นเช่นนี้ คิดว่าจาวฮวาจะสร้างเื่อะไรขึ้นอีกแต่กลับคิดไม่ถึงว่า สามวันต่อมาก็มีราชโองการออกมาว่าจะพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสให้
คนที่จะได้เป็ราชบุตรเขยคือกงจวิ้นหาว
นางคิดว่าจาวฮวาเลือกตามความคิดของมู่หรงอวี้ แต่ว่าเหตุใดจาวฮวาถึงทำเช่นนี้? ในการตัดสินใจนั้นซ่อนแผนการอะไรอยู่หรือไม่?
ด้วยเหตุนี้ การแต่งงานขององค์หญิงจาวฮวากับบุตรชายคนโตของจวนอัครเสนาบดีก็ได้ถูกประกาศออกไป ก่อนในวังจะเริ่มจัดเตรียมพิธีสมรส
ส่วนวันแต่งงาน ตอนนี้เป็เดือนห้า เดือนเจ็ดประตูผีเปิด ไม่เหมาะจะเป็งานมงคล หากเป็เดือนหกก็ดูจะรีบร้อนเกินไป มู่หรงฉางจึงบอกว่าเดือนแปดเหมาะสมที่สุด มู่หรงเฉิงจึงตกลง
...
วันนี้ มู่หรงฉือพาฉินรั่วออกจากวัง แล้วแอบไปวนรอบๆ ตรวจตราดูหนึ่งในใต้หล้ากับหอเฟิ่งหวง
มู่หรงอวี้ไม่ได้ส่งคนไปหาเ้าสำนักหนึ่งในใต้หล้าอีก หรงจ้านในตอนนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยแล้ว
ั้แ่วันที่มู่หรงอวี้ไปก่อเื่ไว้ที่หอเฟิ่งหวง มีอยู่่หนึ่งที่ขุนนางในราชสำนักไม่กล้าจะมาหาหนุ่มๆ ที่หอเฟิ่งหวงอีก ครั้นไม่เห็นมู่หรงอวี้มีท่าทีอะไร ทั้งยังทนคิดถึงเหล่าหนุ่มๆ พวกนั้นไม่ไหวจึงพากันแอบไปอีก
คืนนี้ หรงหลันได้ดูแลปรนนิบัติเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากับข้ารับใช้ เด็กหนุ่มคนนี้ดูดีกว่าบรรดาชายหนุ่มของหอเฟิ่งหวงมาก แค่มองดูก็รู้ว่าเป็หญิงแต่งชาย หรงหลันเดาว่าคงจะเป็สตรีจากตระกูลใหญ่สักตระกูลมาหาความสุขที่นี่ จึงไม่ได้สนใจ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ไม่รู้ว่าเหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้กับคุณชายหลี่บุตรชายของตระกูลร่ำรวยที่มาที่นี่บ่อยๆ จึงทะเลาะกันจนได้
คุณชายหลี่ขึ้นชื่อเื่ความร้ายกาจ เพราะใช้อำนาจของน้าเขยที่เป็รองหัวหน้ากรมขุนนางกับเงินทองมากมายที่ใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมดมารังแกชาวบ้าน ขืนใจสตรี อยู่ที่เมืองหลวงก็ก่อเื่ไม่น้อย แต่ว่าสุดท้ายน้าเขยของเขาก็ลอบติดสินบนไป ั้แ่เดือนก่อนที่ได้รู้จักรสชาติของหนุ่มๆ หน้าตางดงามที่หอเฟิ่งหวงแล้ว เขาก็มาที่นี่ทุกคืนไม่ขาด เล่นกับบุรุษที่หอเฟิ่งหวงจนเกือบครบแล้ว
ขอแค่เขาไม่มาก่อเื่ในหอเฟิ่งหวง หรงหลันก็จะไม่ยุ่งกับเขา
แต่ว่าคืนนี้ คุณชายหลี่กับพ่อหนุ่มหน้าตาดีผู้มีกลิ่นอายสูงส่งแต่กลับดุดันจนไม่สามารถมีเื่ได้กลับมีเื่กันเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้