เด็กรับใช้และสาวใช้เข้าๆ ออกๆในห้องนอนหลักซึ่งเป็ที่พักของฮูหยินผู้เฒ่า แต่กลับไม่มีคนคอยควบคุมดูแล
ทุกคนล้วนทำงานไปตามความคิดของตนเข้าออกในห้องฮูหยินผู้เฒ่าไม่หยุด เศษอาเจียนของฮูหยินผู้เฒ่าและนางจ้าวสองคนเลอะเทอะกองอยู่เต็มพื้น
กระทั่งมีเศษอาเจียนกระเด็นไปอยู่บนเครื่องเรือนต่างๆไม่รู้ว่าบ่าวที่ไม่มีประสบการณ์คนใดมาสาดน้ำใส่ เดิมทีคิดจะล้างเศษสกปรกออกแต่กลับไม่ได้คิดว่าเมื่อสาดน้ำใส่เช่นนี้ เศษสกปรกก็จะยิ่งไหลตามน้ำไปทุกที่กลับทำให้เลอะเทอะเป็วงกว้างเสียยิ่งกว่าเก่าทันใดนั้นกลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากเศษอาหารที่อาเจียนออกมาก็คละคลุ้งอยู่เต็มห้อง เห็นทีห้องนี้คงให้คนอยู่ไม่ได้ไปอีกสักพัก
เรือนหลักที่เดิมทีสง่างามเป็ที่สุดแต่กลับทำเสียจนเละเทะโสมมเพียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใดหั่วอี้รู้สึกสับสนอลหม่านไปหมด คิดจะค่อยๆ จัดการไปทีละเื่ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากที่ใดดี
ดวงตาของหั่วอี้ส่องประกายทั้งความลังเล รำคาญใจ และร้อนใจ ซึ่งปะทุเข้ามาในหัวใจ
“คารวะท่านแม่ทัพเ้าค่ะ” ป้าจ้าวหอบเสื้อผ้าที่ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งผลัดเปลี่ยนเดินผ่านมาพอดีเมื่อเห็นหั่วอี้จึงรีบเข้าไปคำนับ
“ฮูหยินผู้เฒ่าเล่า เกิดเื่ใดขึ้น”คำถามนี้เขาถามคนมาหลายคนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่้า
“ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ในห้องข้างเ้าค่ะ…” ป้าจ้าวยังไม่ทันพูดจบหั่วอี้ก็ผละจากไปก่อนแล้ว
ท่านหมอหวังเองก็รีบตามไป เขาต้องคอยปาดเหงื่อบนใบหน้าของตนไม่หยุดใคร่ครวญอยู่ในใจว่าควรจะลาออกจากงานนี้ดีหรือไม่
เมื่อคิดถึงตอนแรกที่เขาได้รับการคัดเลือกจากฮูหยินผู้เฒ่าท่ามกลางคู่แข่งตั้งมากมายมีที่กินที่อยู่ทั้งยังมีเงินสดให้เดือนละห้าสิบตำลึงเงินตอนนั้นเขาดีใจจนนอนไม่หลับตั้งหลายวัน
ที่นี่คือจวนแม่ทัพ เป็ความภาคภูมิใจของแคว้นชางอี้ทีเดียวสหายในสายงานเดียวกันที่คุ้นเคยกับเขาล้วนมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เป็สายตาแห่งความเทิดทูล
ทว่าระยะนี้สภาพจิตใจของท่านหมอหวังแทบจะล่มสลายคนล้วนต้องเจ็บป่วย เขาหาได้กลัวที่จะรักษาคนเจ็บแต่เขาหวาดกลัวสายตาสังหารคนได้ของท่านแม่ทัพ ทุกครั้งที่มีฮูหยินคนใดไม่สบายสายตาเช่นนั้นทำเอาเขาอาหารไม่ย่อยเลยทีเดียว
ท่านหมอหวังเดินตามหั่วอี้เข้าไปในห้องทางด้านข้างเห็นฮูหยินผู้เฒ่าในอาการเซื่องซึมนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง
ฮูหยินใหญ่นั่งอยู่ข้างๆ เอาสองมือถูกันไปมาท่าทีร้อนรนไม่สงบ ส่วนเหมยเซียงและสาวใช้อีกคนที่ไม่รู้ชื่อนั่งประสานมือก้มหน้ามองพื้น
“ท่านแม่ ท่านเป็อะไรไป เหตุใดอยู่ดีๆ จึงได้อาเจียนเล่าเพราะอาหารที่ทานเมื่อเช้ามีปัญหาหรือไม่ขอรับ”
แววตาหั่วอี้คมกริบทว่าเย็นเฉียบ ไอะเืแผ่จากตัวเขาจากสภาพการณ์ที่เขาเห็นในห้องนอนหลัก ก็รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องอาเจียนมา
นางจ้าวก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้ามองหั่วอี้ลืมกระทั่งว่าต้องคำนับเขา
ไม่มีใครในห้องตอบเขาสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินดีและไม่ขัดเคือง มองไม่ออกว่าคิดสิ่งใดอยู่
หั่วอี้หันเหสายตามาทางนางจ้าวนางจ้าวรู้สึกผิดไม่กล้าสบตากับหั่วอี้
“ไฉ่เอ๋อร์ เ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย?” หั่วอี้หรี่ตาลง ความสนเท่ห์ในสีหน้ายิ่งทวีคูณขึ้น
“เรียนท่านแม่ทัพ เช้านี้ไฉ่เอ๋อร์กับฮูหยินมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่านึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ไฉ่เอ๋อร์ก็คลื่นไส้ขึ้นมาจนอาเจียนรดฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าอาเจียนตามไปด้วย ฮูหยินเห็นฮูหยินผู้เฒ่าอาเจียนนางก็วิ่งออกไปทันทีป่านนี้คงกลับไปที่หอหั่วเยี่ยนแล้วกระมังเ้าคะ”
นางจ้าวรู้ว่าตนเองก่อความผิดใหญ่หลวงและรู้ว่าท่านแม่ทัพจะต้องรังเกียจอยู่ในใจด้วยความโมโหจึงบังเกิดความกล้าดึงหลิ่วจิ้งลงน้ำไปด้วยเสียเลยนางหวังให้หั่วอี้หันเหความสนใจไปที่ตัวหลิ่วจิ้งว่าเมื่อฮูหยินเห็นฮูหยินผู้เฒ่าอาเจียน นอกจากไม่ช่วยแล้วยังหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวอีกความผิดสถานนี้ไม่ใช่เล็กๆ เลย
นางแอบยิ้มร่าอย่างร้ายกาจอยู่ในใจ ฮูหยินเอ๋ย ฮูหยิน ดูซิว่าครานี้เ้าจะยังมีน้ำหน้ามาประจบให้ท่านแม่ทัพรักใคร่อีกหรือไม่
“อ้อ ฮูหยินน่ะหรือขอรับ เมื่อครู่ฮูหยินรีบวิ่งไปที่เรือนข้าบอกข้าว่าฮูหยินผู้เฒ่าเกิดเื่ ให้ข้ารีบไปที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ”
ได้ยินคำของนางจ้าว ไม่รู้เพราะเหตุใดท่านหมอหวังจึงลุกขึ้นมาอธิบายแทนหลิ่วจิ้งคงเพราะสีหน้าร้อนรนแทบไม่มีสีเืตอนฮูหยินวิ่งมาเมื่อครู่ทำให้เขาซาบซึ้งใจกระมัง
หากมิใช่เพราะเป็ห่วงด้วยใจจริงแล้วจะต้องรีบวิ่งจนที่สุดตัวฮูหยินเองก็หมดแรงล้มลงกับพื้นด้วยเหตุใดว่าแล้วก็ไม่รู้ว่ายามนี้จะเป็เช่นใดบ้าง
ท่านหมอหวังซาบซึ้งใจและรู้สึกแทนนางว่าไม่คุ้มเอาเสียเลยฮูหยินปฏิบัติต่อฮูหยินผู้เฒ่าถึงขั้นนี้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินคำนางจ้าวกลับไม่เอ่ยปากช่วยฮูหยินแม้สักคำ
หั่วอี้มองนางจ้าวด้วยสีหน้าซับซ้อนสับสนดีที่เขาต้องผ่านเรือนของท่านหมอหวังมาก่อน จึงเห็นกับตาว่าฮูหยินล้มนอนอยู่ตรงหน้าและตอนที่เขาจากมานางก็ยังคงไม่ได้สติ
หาไม่แล้วไม่รู้ว่าเขาจะกลับไปพาลโกรธฮูหยินด้วยคำพูดไม่กี่คำของนางจ้าวหรือไม่
เมื่อคิดถึงเื่ที่ฮูหยินรีบไปเรียกท่านหมอหวังจนหมดแรงเป็ลมล้มพับไปสีหน้าของหั่วอี้ก็หนักอึ้งขึ้นมาต้องโทษที่เขาเป็ห่วงสุขภาพของฮูหยินผู้เฒ่าเกินไป จึงไม่ได้ให้ท่านหมอหวังตรวจรักษาฮูหยินเสียก่อนป่านนี้ไม่รู้ว่าอาการของฮูหยินเป็เช่นใดบ้าง
หั่วอี้มองนางจ้าวด้วยสายตาเย็นเฉียบอีกครั้ง เน้นเสียงหนักไปว่า“ฮูหยินรีบวิ่งไปเชิญท่านหมอหวังมา เพราะวิ่งอย่างรีบร้อนเกินไป ทำได้เพียงรีบบอกกับท่านหมอหวังเื่ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วจึงหมดแรงจนเป็ลมตอนที่ข้ามานางยังคงนอนไม่ได้สติอยู่กับพื้นหน้าเรือนท่านหมอหวัง”
คำพูดของหั่วอี้กลับทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีความเคลื่อนไหว “หึ นางช่างหวังดีนัก”
ฮูหยินผู้เฒ่ารำพึงกับตนเองอย่างแ่เบาแต่หั่วอี้ก็ยังได้ยินชัดเจน
หั่วอี้กำมือขวาแน่น ออกแรงกำจนนิ้วมือซีดเป็สีขาวเขาพอจะเข้าใจฐานะขององค์หญิงในจวนแห่งนี้แล้วและพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลายครั้งองค์หญิงจึงมีท่าทีโรยแรง
“ท่านหมอหวังรีบตรวจดูฮูหยินผู้เฒ่าว่ามีอาการเจ็บป่วยใดหนักหนาหรือไม่”
ท่านหมอหวังรีบเข้าไปตรวจชีพจรให้ฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อได้ยินคำสั่งของหั่วอี้
ฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้ความร่วมมือเป็อย่างดี คงเพราะอายุมากแล้วจึงยิ่งทะนุถนอมชีวิตกระมังนางรีบยื่นมือมาให้ท่านหมอหวังจับชีพจรแต่โดยดี
“ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดวางใจขอรับ ร่างกายท่านแข็งแรงดี เมื่อครู่เพียงได้กลิ่นบางอย่างเกิดอาการตอบสนองตามปกติจึงอาเจียนตามไปด้วยมิได้อาเจียนเพราะร่างกายผิดปกติขอรับ”
ท่านหมอหวังอธิบายให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังอย่างละเอียดหลังจับชีพจรนางเสร็จแล้ว
ได้ยินท่านหมอหวังอธิบาย ทุกคนในห้องต่างก็โล่งใจไปตามๆ กัน
หั่วอี้ที่นั่งรอฟังอย่างตึงเครียดอยู่ข้างๆหันมองนางจ้าวด้วยสายตาเ็าหนหนึ่ง แล้วจึงหันมาบอกกับท่านหมอหวังว่า“ตรวจให้ฮูหยินใหญ่ด้วยก็แล้วกัน”
“ขอรับๆ” ท่านหมอหวังวิ่งเหยาะสองก้าวไปตรงหน้านางจ้าวจะตรวจชีพจรให้นาง
นางจ้าวได้ยินหั่วอี้บอกให้ท่านหมอหวังมาตรวจนางพลันรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาบ้าง อย่างไรเขาก็ยังนึกถึงข้า นางจ้าวคิดอยู่ในใจ
“ฮูหยินใหญ่โปรดยื่นมือออกมา ข้าจะตรวจชีพจรให้ท่านขอรับ”
ท่านหมอหวังเห็นว่านางจ้าวเอาแต่ประสานมืออยู่ในแขนเสื้อจึงต้องเอ่ยปากดังนี้
“ได้ ตกลง” ได้ยินคำของท่านหมอหวัง นางจ้าวจึงเพิ่งได้สติกลับมาส่งมือนางไปให้เขา
ความจริงแล้วนางจ้าวก็รู้สึกร้อนรนเช่นกัน นางไม่เคยอาเจียนหนักหนาเหมือนครั้งนี้ไม่รู้ว่าครรภ์จะมีปัญหาใดหรือไม่เพราะนางไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนจึงรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง
“ฮูหยินใหญ่ก็โปรดวางใจเช่นกัน ครรภ์ยังคงอยู่ดีเป็เพียงอาการคลื่นไส้อาเจียนปกติยามตั้งครรภ์เท่านั้น อดทนให้ผ่านไปสักสองเดือนก็จะดีขึ้นแล้วขอรับ”
ท่านหมอหวังตรวจเสร็จ บอกให้ทุกคนไม่ต้องเป็กังวล
ตอนนั้นเอง นางจ้าวจึงสามารถปล่อยวางความไม่สงบในใจลงได้เมื่อคิดว่านางทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าต้องอาเจียนเสียเต็มพื้นตามไปด้วยจิตใจที่เพิ่งสงบลงก็ตื่นตระหนกขึ้นมาอีกหน
นางค่อยๆ เหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าอย่างระมัดระวังสองสามหนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดสิ่งใดจึงก้มหน้าลง ไม่กล้ามองอีก
_____________________________
