คิดจะเป็ศัตรูกับวิหารสลักลายงั้นหรือ? ช่างน่าขันนัก ไม่จำเป็ต้องกล่าวถึงตระกูลมู่เลย เพราะกระทั่งราชวงศ์เองก็ยังไม่อาจหาญที่จะทำเช่นนั้น
“ช่างเป็สุนัขที่รู้จักฉกฉวยโอกาสเสียจริง เ้าเป็เพียงนักสลักลายเส้นขั้นหนึ่งเท่านั้น สามารถกระทำตัวประหนึ่งเป็ผู้แทนของวิหารสลักลายได้เชียวหรือ? ช่างน่าขันนัก”
ทันใดนั้นได้ปรากฏเสียงเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้น เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีดำเ้าของใบหน้าหล่อเหลาเด็ดเดี่ยวกำลังเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยทำให้ดูราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังแสยะยิ้ม
“คุณชาย!”
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามาในโถงรับรอง เหล่าผู้าุโของตระกูลมู่ต่างก็ประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายในทันที
“เป็เ้า ในที่สุดข้าก็ได้พบเ้าอีกครั้ง”
เมื่อหวังเยว่เห็นมู่เฟิงปรากฏตัว เขาก็ขบกรามแน่นด้วยความโกรธ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางลืมแรงตบในวันนั้นไปได้
สำหรับลูกผู้ชายแล้ว บนร่างกายมีสามตำแหน่งที่ไม่สามารถทุบตีได้ หนึ่งคือศีรษะ สองคือใบหน้า และสามคือตำแหน่งที่ใช้เพื่อสืบทอดทายาท
ดังนั้นสำหรับลูกผู้ชายคนหนึ่ง การถูกตบหน้าถือเป็เื่อัปยศอย่างยิ่ง
“โอ๊ะ เป็เ้าเองหรือ ทำไม ตามมาหาข้าถึงที่นี่ ยังถูกตบไม่พออีกหรืออย่างไร?”
มู่เฟิงจดจำหวังเยว่ได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงกล่าวขึ้นอย่างเ็า
“นี่เ้า เ้ายังกล้าพูดจาอวดดีอีกหรือ วันนี้เหล่าจือ*จะทำให้เ้าต้องคุกเข่าขอขมาข้าเอง”
(*คำเรียกตัวเองเวลายกตนเหนือคนอื่น)
สีหน้าของหวังเยว่พลันเปลี่ยนเป็เขียวคล้ำด้วยความโกรธ
“ช่างเป็เด็กหนุ่มที่ยโสโอหังยิ่งนัก ถึงขั้นลงมือทุบตีคนอื่น เ้ามีความคิดเช่นไรกันถึงได้กล้ากระทำเช่นนี้?”
หวังปินกล่าวเสียงเย็น เขาหยัดกายลุกขึ้นในทันที
“การที่ข้าทุบตีเขาเพียงแค่นั้นก็ถือว่าเบามากแล้ว ทำไมท่านถึงไม่เอ่ยถามข้าบ้างเล่าว่าข้าทุบตีเขาด้วยเหตุใด ในวันนั้นเป็เขาที่คิดจะปล้นชิงเงินของข้า ผู้าุโ ข้าไม่ลงมือสังหารบุตรชายของท่านก็ดีเท่าไรแล้ว”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย เขามองออกทันทีว่าอีกฝ่ายคือบิดาของหวังเยว่ เพราะพวกเขามีความคล้ายคลึงกันมากถึงเจ็ดแปดส่วน
“บังอาจ”
นักสลักลายเส้นโจวหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวเสียงเย็น “เ้าหนุ่ม เ้าทราบหรือไม่ว่าหวังเยว่กำลังจะกลายเป็คนของวิหารสลักลาย การที่เ้าลงมือทุบตีเขา นั่นก็เท่ากับว่าเ้าลงมือทำร้ายคนจากวิหารสลักลายของข้า นอกจากนี้ สิ่งที่เ้าเพิ่งกล่าวออกมาเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร? ตอนนี้ข้าจะยังให้โอกาสเ้า คุกเข่าลงและโขกหัวคำนับหวังเยว่สามครั้ง แล้วเื่นี้จะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ไม่อย่างนั้น...”
นักสลักลายเส้นโจวกล่าวอย่างเ็า น้ำเสียงของเขานั้นแฝงไว้ด้วยรังสีสังหาร
มู่เฟิงชำเลืองมองลายปักเมฆาเพลิงบนชุดคลุมของอีกฝ่าย มุมปากของเขากระตุกยิ้มออกมาทันที ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “เป็เพียงนักสลักลายเส้นขั้นหนึ่ง เ้ากล้าดีอย่างไรมาอวดอ้างตนว่าเป็ตัวแทนของวิหารสลักลาย? ใครมอบหมายตำแหน่งหน้าที่ให้เ้ากัน?”
มู่เฟิงนั้นเติบโตมาจากกองทัพ แม้จะไม่สุขุมลุ่มลึกแบบชายชาติทหาร แต่จิตใจที่เข้มแข็งมั่นคงและตรงไปตรงมานั้นเขามีไม่เคยขาด!
“เ้า…”
นักสลักลายเส้นโจวโกรธเคืองมากจนใบหน้าเปลี่ยนเป็สีม่วงคล้ำ เขาชี้นิ้วไปยังมู่เฟิง ก่อนจะะเิคำพูดที่เต็มไปด้วยโทสะออกมา “ดี! ดี! ดีมาก นึกไม่ถึงว่าตระกูลมู่ของพวกเ้าจะกล้าดูแคลนนักสลักลายเส้น เ้าได้จบเห่แน่ ตระกูลมู่ของพวกเ้าจะต้องสิ้นท่าแน่”
“เอาละ ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าเ้าจะทำอย่างไรให้ข้ามู่เฟิงผู้นี้ต้องสิ้นท่า รับคำสั่ง!”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะะโออกมาเสียงดัง
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ทันใดนั้นเหล่าผู้าุโของตระกูลมู่ต่างก็ขยับกายลุกขึ้นในทันที พวกเขาเข้ามาโอบล้อมคนเอาไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นกลุ่มลูกศิษย์ของตระกูลมู่จากด้านนอกก็พุ่งเข้ามาในโถงรับรองพร้อมกับดาบในมือ พวกเขากล่าวขึ้นด้วยความเคารพทันทีว่า “คุณชาย ท่านมีสิ่งใด้าสั่งการหรือขอรับ”
สีหน้าของแขกผู้มาเยือนทั้งสามคนพลันเปลี่ยนไปทันใด พวกเขาต่างคาดไม่ถึงว่าคำพูดของมู่เฟิงจะมีผลมากขนาดนี้ ผู้คนเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังคำสั่งของมู่เฟิง
“ผู้นำตระกูลมู่ พวกท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือท่านคิดจะเป็ศัตรูกับตระกูลหวังของเรา?”
หวังปินกล่าวเสียงเย็น
หลังจากได้ยินคำถามนี้ มู่ไห่ก็ไม่ได้กล่าวตอบสิ่งใดออกไป แต่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลังมู่เฟิงแทน ราวกับว่ามู่เฟิงคือผู้นำของพวกเขา
“พวกเ้าคิดจะทำอะไร หากกล้าล่วงเกินข้า พวกเ้าจะกลายเป็ศัตรูของวิหารสลักลาย ถึงเวลานั้นตระกูลมู่คงถึงคราวล่มสลายเป็แน่”
นักสลักลายเส้นโจวตวาดออกมาด้วยความโกรธ
มู่เฟิงแสยะยิ้ม แต่ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก
“รายงาน!”
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลมู่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาได้หันไปกล่าวรายงานกับมู่ไห่และมู่เฟิงด้วยความเคารพ “ท่านผู้นำตระกูล คุณชาย เถ้าแก่หลี่จากร้านว่านเป่าและผู้าุโเฉียนเดินทางมาเยือนขอรับ”
“เถ้าแก่หลี่จากร้านว่านเป่าและผู้าุโเฉียน!”
มู่ไห่และมู่เฟิงต่างขมวดคิ้ว ระหว่างพวกเขาสองฝ่ายนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดกันเลย เหตุใดเวลานี้อีกฝ่ายถึงได้มาเยือนพวกเขาถึงจวนกัน
“ฮ่าๆ เป็ผู้าุโเฉียน คราวนี้พวกเ้าได้ตายแน่ ผู้าุโเฉียนเป็ถึงนักสลักลายเส้นเครื่องรางขั้นสองของวิหารสลักลายของเรา รับรองว่าพวกเ้าได้เจอดีแน่”
หลังได้ยินคำกล่าวรายงาน นักสลักลายเส้นโจวก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ในบรรดานักสลักลายเส้นนั้นจะมีการแบ่งแยกออกเป็นักสลักลายเส้นเครื่องราง นักสลักลายเส้นอาวุธ นักสลักลายเส้นค่ายกล และนักสลักลายเส้นโอสถ แน่นอนว่าในขณะเดียวกันก็มีผู้ที่สามารถฝึกฝนได้หลายประเภท เพียงแต่นักสลักลายเส้นส่วนใหญ่มักจะเชี่ยวชาญแค่ประเภทเดียว
ทางด้านซีเยว่นั้นคาดหวังในตัวมู่เฟิงเอาไว้สูงมาก ดังนั้นนางจึงฝึกฝนให้เขาทั้งลายเส้นเครื่องราง ลายเส้นอาวุธ ลายเส้นค่ายกล รวมถึงลายเส้นโอสถด้วย
คนตระกูลมู่ต่างหันมามองหน้ากัน พวกเขารับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผู้าุโเฉียนนั้นเป็นักสลักลายเส้นขั้นสองของร้านว่านเป่า ฐานะของเขาสูงส่งเป็อย่างยิ่ง นอกจากนี้เขายังเป็คนของวิหารสลักลายอีกด้วย
ร้านว่านเป่านั้นเป็ทรัพย์สินส่วนหนึ่งของวิหารสลักลาย ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วอาณาจักรหนานหลิง
หลังจากนั้นไม่นานก็มีบุรุษสองคนเดินเข้ามาในโถงรับรอง โดยคนที่สวมใส่ชุดคลุมสีเหลืองผู้นี้ก็คือเถ้าแก่หลี่ ส่วนอีกคนคือชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีดำมีลายปักเมฆาเพลิง คนผู้นั้นก็คือผู้าุโเฉียน
“ผู้าุโเฉียน ไม่ทราบว่าท่านมาทำอะไรที่นี่หรือขอรับ”
นักสลักลายเส้นโจวรีบก้าวออกมาข้างหน้าก่อนจะกล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยความเคารพ ตามตำแหน่งฐานะแล้ว อีกฝ่ายมีฐานะสูงกว่าเขาหนึ่งขั้น ดังนั้นระดับฐานะของพวกเขาจึงไม่เท่ากัน
“โอ้ เป็เสี่ยวโจวนั่นเอง ฮึๆ เ้าเองก็มาตระกูลมู่ด้วยรึ ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยือนนักสลักลายเส้นอัจฉริยะผู้หนึ่ง”
ด้านผู้าุโเฉียนเองก็รู้จักโจวอู่เช่นกัน เขาจึงกล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
‘นักสลักลายเส้นอัจฉริยะ หรือจะหมายถึงหวังเยว่?’
โจวอู่ครุ่นคิดกับตัวเอง
สีหน้าของหวังเยว่นั้นมีดูความสุขเป็อย่างมาก คาดไม่ถึงว่าตัวเขาจะได้รับการชื่นชมจากนักสลักลายเส้นขั้นสองท่านนี้ด้วย?
ทันใดนั้นเอง หวังเยว่ได้หยัดกายลุกขึ้น เขายืดอกหลังตรงก่อนจะเดินเข้าหาผู้าุโเฉียนและกล่าวทำความเคารพอีกฝ่าย “ผู้น้อยคารวะท่านผู้าุโเฉียน!”
แต่ผู้าุโเฉียนกลับเดินผ่านเขาโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำให้รอยยิ้มของหวังเยว่ชะงักค้างไปในทันที
ผู้าุโเฉียนเดินเข้าไปหามู่เฟิง ก่อนจะกำหมัดและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “สหายน้อยมู่ ไม่ได้พบกันเสียนาน”
“เป็ท่านผู้าุโเฉียนจากร้านว่านเป่านี่เอง ครั้งก่อนผู้น้อยจำท่านไม่ได้ ต้องขออภัยท่านผู้าุโด้วย”
มู่เฟิงกำหมัดคารวะอีกฝ่าย เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพในฐานะผู้น้อย
ฉากนี้ก็ทำเอาทุกคนถึงกับตกตะลึง
แต่นักสลักลายเส้นโจว หวังเยว่และหวังปินกลับดูตกตะลึงยิ่งกว่า!
นี่มันสถานการณ์อันใดกัน?
“ผู้าุโเฉียน ไม่ใช่ว่าท่านเพิ่งบอกว่ามาเพื่อเยี่ยมเยือนนักสลักลายเส้นอัจฉริยะหรอกรึ? เหตุใดท่าน...”
นักสลักลายเส้นโจวอดไม่ได้ที่จะก้าวออกมาข้างหน้าและเอ่ยถามขึ้น
“ถูกต้อง ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยือนนักสลักลายเส้นอัจฉริยะ ทำไม เ้าเองก็มาด้วยเหตุผลเดียวกันรึ?”
ผู้าุโเฉียนงุนงงกับท่าทีของอีกฝ่าย
“อัจฉริยะผู้นั้นไม่ใช่หวังเยว่หรอกหรือขอรับ?”
โจวอู่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เขา?”
ผู้าุโเฉียนมองไปที่หวังเยว่ เด็กหนุ่มรีบยืดอกขึ้นมาในทันที แต่แล้วคำพูดของผู้าุโเฉียนกลับทำให้เขาแทบกระอักเืออกมา
“อย่างเขาจะนับเป็อะไรได้ คนที่ข้ากล่าวถึงคือมู่เฟิง สหายตัวน้อยผู้นี้ต่างหาก”
ผู้าุโเฉียนมองหวังเยว่ด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นเขาก็หันมาส่งยิ้มให้กับมู่เฟิง
“ว่าอย่างไรนะ เ้าหนุ่มผู้นี้น่ะหรือคือนักสลักลายเส้นอัจฉริยะ!”
ท่าทีของโจวอู่ หวังปินและหวังเยว่พลันเปลี่ยนเป็แข็งทื่อ ภายในใจของพวกเขาพลันรู้สึกเจ็บแสบจนเหนือคำบรรยาย!
ผู้าุโเฉียนมองไปยังมู่เฟิงและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “สหายน้อยมู่ หากข้ามองไม่ผิด ในแผ่นยันต์เ่าั้มีบางส่วนที่เป็ฝีมือของเ้าใช่หรือไม่?”
ในบรรดาแผ่นยันต์ที่มู่เฟิงนำมาขายในวันนั้น บางแผ่นแม้ลายเส้นจะสลับซับซ้อนแต่กลับเขียนออกมาได้อย่างไหลลื่น ในขณะที่บางแผ่นมีร่องรอยกระตุกอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกได้ว่าเป็ฝีมือของคนสองคน
“เฮอะๆ ท่านคงมองออกหมดแล้ว ถูกต้องแล้วขอรับ แผ่นยันต์บางส่วนนั้นเป็ของข้าเอง และมีบางส่วนเป็ของท่านอาจารย์ข้า”
มู่เฟิงคาดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้ ทว่าเขาก็ยอมรับด้วยรอยยิ้ม
“ช่างน่าทึ่งนัก ทั้งที่เ้าอายุยังน้อย แต่กลับสามารถสลักลายเส้นเครื่องรางขั้นหนึ่งออกมาได้แล้ว ความสามารถของเ้าสามารถกล่าวได้ว่าเป็นักสลักลายเส้นเต็มตัวเลยก็ว่าได้”
ผู้าุโเฉียนยอมรับในความสามารถของอีกฝ่ายและกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม
แต่พวกโจวอู่นั้นทำได้เพียงยืนตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
เช่นนั้นเด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือนักสลักลายเส้นขั้นหนึ่ง!