ถึงเสิ่นเยว่ชวนจะออกมาขึ้นรถก่อนแต่เขาก็อ่านปากของูเี่อันจากทางกระจกมองหลังได้ จึงรู้ว่าูเี่อันพูดอะไรกับลู่เป๋าเหยียนไปบ้าง
ส่วนปฏิกิริยาของลู่เป๋าเหยียนน่ะเหรอ...ถึงเขาจะมองไม่เห็นแต่เขาก็พอเดาได้ ไม่ก็ดูจากสีหน้าของูเี่อันก็รู้แล้ว
“นายทำแบบนี้มันจะดีเหรอ?” เขาถามลู่เป๋าเหยียน“ทำไมต้องพูดไปแบบนั้นด้วย ดูสีหน้าของเจี่ยนอันเมื่อกี้สิฉันว่าต่อให้คนทั้งบริษัทมาคุกเข่าตรงหน้าเธอเธอก็คงไม่ยอมไปเหยียบที่เครือลู่อีกแล้วล่ะ”
“เธอไม่ไปได้ยิ่งดี”ลู่เป๋าเหยียนหลับตาลง “คังรุ่ยเฉิง้าทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างอีกไม่นานก็คงสืบเื่ของพวกเราได้ ฉันไม่อยากให้คังรุ่ยเฉิงสาวมาถึงเธอ”
เสิ่นเยว่ชวนถอนหายใจ“ตอนนายออกมาเธอยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิมอยู่เลย เดาสิว่าตอนนี้เธอจะเป็ยังไง”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปาก“นอกจากแอบด่าฉันในใจแล้วจะมีอะไรอีก?”
“คนบ้า!”ูเี่อันจิ้มหน้าจอมือถือตัวเองอย่างหงุดหงิด “อารมณ์แปรปรวน! คนหลอกลวง!นิสัยไม่ดี!”
สิ่งที่โชว์อยู่บนหน้าจอมือถือของเธอตอนนี้คือหน้าต่างสนทนาใน Wechat ระหว่างเธอกับลู่เป๋าเหยียนในเมื่อด่าต่อหน้าไม่ได้ เธอเลยต้องใช้วิธีนี้ระบายอารมณ์
แต่ที่คาดไม่ถึงคือเธอเผลอไปกดโดนช่องพิมพ์ข้อความแถมยังกดส่งไปแล้วด้วย...
เอ่อ...ข้อความแรกของการคุยกันผ่าน Wechat ของเธอและเขากลับกลายเป็อักษรพินอินกับตัวเลขมั่วซั่วไปซะแล้ว...
เพราะกลัวว่าลู่เป๋าเหยียนจะเข้าใจผิดเธอจึงรีบพิมพ์เสริม
ฉันแค่เผลอไปโดนหน้าจอ นายจะเมินก็ได้
เสียงเตือนข้อความดังขึ้นสองครั้งติดลู่เป๋าเหยียนหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบสิ่งทีู่เี่อันพิมพ์ส่งมา
เขานิ่งคิดก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
เธอกำลังด่าฉันอยู่?
เขารู้ได้ยังไง!
ูเี่อันช็อกเธอกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเรียกสติกลับมาและพิมพ์ตอบกลับไป
นายคิดมากไปหรือเปล่า
มั่นใจ?
ฉันมั่นใจว่านายคิดมากไปเอง
...
เสิ่นเยว่ชวนได้ยินเสียงมือถือของลู่เป๋าเหยียนดังไม่หยุดไม่ต้องเดาก็รู้ว่าลู่เป๋าเหยียนกำลังคุยกับใครอยู่
นอกจากูเี่อันแล้ว จะมีใครทำให้ลู่เป๋าเหยียนอดทนพิมพ์ข้อความแบบนี้ได้อีกล่ะ
เมื่อใกล้ถึงบริษัทลู่เป๋าเหยียนก็เก็บมือถือพลางยิ้มมุมปากเป็รอยยิ้มประหลาดที่ทำให้เสิ่นเยว่ชวนถึงกับอิจฉาตาร้อน
เสิ่นเยว่ชวนรู้ทันทีว่าลู่เป๋าเหยียนคงแกล้งูเี่อันสำเร็จอีกแล้วจึงอดแหย่ไม่ได้
“จำที่ฉันเคยบอกนายได้ไหมว่าหลายปีที่ผ่านมาเพื่อนผู้ชายเพียงคนเดียวของูเี่อันคือเจียงเส้าข่ายถ้าคนที่เธอชอบเป็เขาขึ้นมา นายจะทำยังไง”
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะก่อนลู่เป๋าเหยียนจะตอบกลับมา
“ไม่ใช่ฉันคิดจะทำยังไงแต่เป็เธอต่างหาก”
เสิ่นเยว่ชวนผิวปากใหู้เี่อันเป็คนเลือกสินะ เขาเข้าใจแล้ว
“ดูไม่เหมือนนายเลยนะ”เสิ่นเยว่ชวนขำ “นายไม่ใช่พวก ‘ถ้าอยากได้ก็ต้องได้’ หรือยังไง? แต่ตอนนี้กลับให้อำนาจการเลือกเป็ของ‘คนที่นายอยากได้’ ซะงั้น ฉันล่ะอยากให้เจี่ยนอันรู้เื่นี้จริงๆ”
สายตาน่ากลัวของลู่เป๋าเหยียนปรายมายังเสิ่นเยว่ชวนเขาจึงรีบปิดปากสนิท
“โอเคๆฉันจะช่วยนายเก็บเป็ความลับไปจนตายเลยแต่ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมนายต้องทนลำบากแบบนี้ด้วย”
“อีกหน่อยก็รู้เอง”ลู่เป๋าเหยียนตอบเพียงเท่านี้
วินาทีนั้นเสิ่นเยว่ชวนรู้สึกได้ว่าเขาคงไม่มีวันเข้าใจเื่ซับซ้อนอะไรขนาดนี้ได้เขาจินตนาการไม่ออกว่าความสัมพันธ์ของเขาจะสามารถซับซ้อนได้เท่ากับลู่เป๋าเหยียน
หากเขาเจอคนที่ใช่เมื่อไรเขาก็อาจจะกลายเป็คนไร้เหตุผลเหมือนกัน นั่นคงเป็เื่ที่ห้ามไม่ได้สินะ
การรักใครสักคนทำให้เราไม่อยากบีบบังคับเพราะฉะนั้นจึงให้เธอเป็คนเลือก ให้อิสระกับเธอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ถ้าไม่สามารถรั้งเธอเอาไว้ข้างกาย ก็คงต้องปล่อยเธอไปโดยไม่ฝืนใจกัน
...
คนที่ไม่เข้าใจเื่นี้ยังมีอีกคนนั่นก็คืออาเฉียน
ั้แู่เี่อันขึ้นรถมาก็ดูแปลกๆเมื่อกี้เพิ่งจะก้มหน้าก้มตาพิมพ์มือถืออย่างหงุดหงิด ตอนนี้เธอเก็บมือถือไปแล้วแต่สีหน้าเหมือนกำลังจะไปเจอศัตรูอย่างไรอย่างนั้น
“คุณผู้หญิงครับ”เขาเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ใครทำคุณโมโหเหรอครับ เดี๋ยวผมให้คุณชายจัดการให้!”
ูเี่อันตอบเสียงแข็ง“คนที่จะจัดการให้หนูนี่แหละค่ะที่น่าโมโห”
เธอเปิดบันทึกการสนทนาของเธอกับลู่เป๋าเหยียนขึ้นมา
ตาบ้านี่เอาแต่แกล้งเธออยู่ได้นิสัยไม่ดีเลย!
“คุณผู้หญิงกับคุณชายทะเลาะกันหรือเปล่าครับ?” อาเฉียนถามต่อ“เมื่อเช้าก่อนที่คุณชายจะออกไปบริษัท เขาบอกให้ผมรอรับคุณกลับบ้านด้วยครับ”
ูเี่อันหันไปมองอาเฉียนทันที“ลู่เป๋าเหยียนไปบริษัทเหรอคะ?”
“ใช่ครับ” อาเฉียนยิ้ม “เช้าขนาดนี้ถ้าไม่ไปบริษัทแล้วจะไปที่ไหนล่ะครับเพราะพวกคุณไปทางเดียวกันแต่ไม่ยอมนั่งรถไปด้วยกันผมเลยคิดว่าน่าจะทะเลาะกันไงล่ะครับ”
ูเี่อันเริ่มโกรธลู่เป๋าเหยียนไม่อยากจะนั่งรถไปกับเธอแล้วยังจะมาหาข้ออ้างว่าต้องไปที่อื่นอีกนะ
ในเมื่อเขาไม่อยากเจอหน้าเธองั้นเธอก็ไม่ง้อหรอก!
“อาเฉียนคะตอนบ่ายรบกวนอาช่วยขับรถของหนูมาให้ได้ไหมคะ” ูเี่อันไม่สนใจลู่เป๋าเหยียนอีกแล้ว“ต่อไปหนูจะขับรถไปกลับเอง”
อาเฉียนทำท่าลำบากใจแต่เพราะถึงสถานีตำรวจพอดีูเี่อันจึงไม่ปล่อยให้เขาปฏิเสธเธอเปิดประตูรถจากลงไปทันที
เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจนี่เขาพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อถึงเวลาเลิกงานูเี่อันก็เดินออกมาหน้าสถานีตำรวจจึงเห็นรถของตัวเองที่จอดอยู่ เธอเดินตรงไปขณะที่อาเฉียนลงมาจากรถและพูดขึ้นว่า
“คุณผู้หญิงให้ผมไปส่งเถอะครับคุณชายอยากให้คุณระวังเฉินเสวียนเสวียนเอาไว้ คุณไม่ควรขับรถคนเดียวนะครับ”
“หนูไม่ถูกกับเฉินเสวียนเสวียนมาั้แ่ไหนแต่ไรแล้วค่ะเมื่อก่อนหนูก็ขับรถไปกลับเองแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ” ูเี่อันรับกุญแจรถมา“หนูต้องเคลียร์งานจนดึก อาเฉียนนั่งรถกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
พูดจบเธอก็เดินกลับเข้าไปด้านในอาเฉียนเรียกเธอไว้ไม่ทัน จึงได้แต่นั่งรถกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อได้รถมาแล้วูเี่อันจึงไม่ต้องรีบกลับบ้าน เธอค่อยๆ ทำการทดลองพลางเขียนรายงานท่าทางไม่รีบร้อนของเธอทำให้เจียงเส้าข่ายเริ่มสงสัย
“เธอไม่ต้องรีบกลับไปทำข้าวเย็นให้ผอ.ลู่หรือไง”
“หืม?” ูเี่อันกะพริบตาปริบๆ“ถ้านายไม่เตือนฉันคงลืมไปแล้ว แต่นี่ก็ดึกแล้วเขาคงหาอะไรกินไปแล้วล่ะ”
เธอลงมือทำการทดลองและจดบันทึกอย่างไม่ทุกข์ร้อนต่อไป
เจียงเส้าข่ายส่ายหน้าเบาๆ“ทะเลาะกันงั้นเหรอ?”
ูเี่อันปฏิเสธเสียงแข็ง“เปล่า!”
“เปล่ากับผีนะสิ!” เจียงเส้าข่ายพูดแทงใจดำูเี่อันอย่างไม่เกรงใจ“เมื่อก่อนยังไม่ทันเลิกงานเธอก็เริ่มกังวลว่าจะทำอะไรเป็กับข้าวตอนเย็นดีเสิร์ชหาสูตรต้มซุปบำรุงกระเพาะบ้างล่ะ ผักอะไรกินแล้วดีต่อกระเพาะบ้างล่ะในออฟฟิศนี้มีใครไม่รู้ว่าเธอเป็ห่วงโรคกระเพาะของลู่เป๋าเหยียนบ้าง? แล้วเธอจะลืมเื่ทำมื้อเย็นไปได้ยังไง”
ูเี่อันเม้มปาก“คราวนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ เขาไม่อยากเห็นหน้าฉันเอง เลิกพูดเถอะรีบทำงานจะได้รีบกลับบ้าน”
เธอเคลียร์งานจนถึงสองทุ่มกว่าจากนั้นจึงขับรถกลับบ้าน
เพราะไม่ได้จับพวงมาลัมานานูเี่อันจึงรู้สึกไม่ค่อยชินขับไปขับมาเธอก็เริ่มคิดถึงวันเวลาที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับหรือไม่ก็ที่เบาะหลังกับลู่เป๋าเหยียนขึ้นมา
ไม่ได้ๆ ห้ามคิดนะเขาอุตส่าห์ให้ผู้ช่วยช่วยคิดข้ออ้างเพราะไม่อยากเห็นหน้าเธอแล้วเธอจะไปคิดถึงเื่พวกนั้นอีกทำไมกัน!
ว่าแล้วเธอจึงเอื้อมมือไปเปิดเพลงของนักร้องชายที่ลู่เป๋าเหยียนไม่ชอบอย่างโกรธๆ!
สี่สิบนาทีต่อมาเธอก็กลับมาถึงบ้านเมื่อจอดรถเสร็จเธอก็เดินฮัมเพลงเข้าไปในห้องรับแขกจึงเห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา
ูเี่อันใแต่ก็ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกไปเธอเปลี่ยนรองเท้าเพื่อจะเดินขึ้นห้องทว่าขณะที่กำลังเดินผ่านหลังลู่เป๋าเหยียนไปนั้น เสียงเย็นเยียบของเขาก็ดังขึ้น
“ทำไมกลับดึกขนาดนี้”
“ฉันมีงานต้องเคลียร์”
“ูเี่อัน”สายตาเ็าของเขาหันกลับมามอง “เธอลืมเื่สำคัญที่ต้องกลับมาทำที่บ้านแล้วเหรอ?”
“ฉันก็เคยบอกนายแล้วไง”ูเี่อันพูดพลางเขี่ยเล็บตัวเอง “บางวันฉันก็ต้องทำโอทีเลยกลับมาไม่ทัน”
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอก?”
“อ้อ” เธอพูดอย่างสบายๆ“ฉันไม่รู้ว่านายจะกลับบ้านหรือเปล่า เลยกลัวว่าจะโทรไปกวนน่ะ”
ความสามารถอีกอย่างของเธอก็คือการหาข้ออ้างที่สมจริงเสียจนคนฟังต้องโมโห
ลู่เป๋าเหยียนทำเสียงไม่พอใจก่อนจะเดินขึ้นห้องไปโดนไม่หันกลับมามองสักนิด
ตาบ้านี่พิลึกคนจริงๆเธอบ่นเขาในใจ แต่ก่อนที่ได้เดินขึ้นห้อง ป้าหลิวก็เรียกเธอไว้
“คุณผู้หญิงกลับมาแล้วเหรอคะคุณชายรอคุณกลับมาทำกับข้าวให้ตั้งนานแล้วค่ะ”
“เขา...รอหนูเหรอคะ?” ูเี่อันนิ่งอึ้ง
“ใช่สิคะ”ป้าหลิวอธิบาย “พวกป้าก็บอกไปแล้วว่าคุณผู้หญิงอาจจะยังติดงานให้พ่อครัวเป็คนทำแทนดีไหม แต่คุณชายก็ยืนยันว่าจะรอ นี่ป้าเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่นกลัวว่าโรคกระเพาะจะกำเริบอีกจริงๆ เลยค่ะ คุณผู้หญิงรีบไปทำกับข้าวให้เขาดีไหมคะ”
ูเี่อันนึกถึงภาพใบหน้าซีดขาวตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลของเขาแล้วเธออดใจหายไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเธอก็เดินมาอยู่ในห้องครัวเสียแล้ว
ป้าหลิวได้ทำแผ่นเกี๊ยวหุนทุนเอาไวู้เี่อันเห็นว่าถ้าจะผัดกับข้าวตอนนี้คงยุ่งยากเกินไปเธอจึงทำไส้ก่อนจะห่อเกี๊ยวขึ้นมา เธอต้มเกี๊ยวหุนทุนและเติมสาหร่ายกับกุ้งแห้งลงไปเพื่อปรุงรสเมื่อต้มเสร็จกลิ่นหอมก็โชยฟุ้งจนเธอเองก็ชักจะหิวขึ้นมาอีกรอบ
“คุณชายอยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ”ป้าหลิวถอนหายใจอย่างโล่งใจ “ถ้างั้นคุณผู้หญิงจะยกขึ้นไปเองเลยไหมคะ”
ูเี่อันรู้ดีว่าลู่เป๋าเหยียนกำลังโมโหถ้าเป็คนอื่นยกขึ้นไปเขาคงไม่ยอมกินเธอจึงพยักหน้าก่อนจะเอาชามเกี๊ยววางลงบนถาดและยกขึ้นไป
เมื่อผลักประตูออกเธอก็เห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังกินยาอยู่พอดีเมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เป็ยาโรคกระเพาะตามคาด
“ฉันขอโทษฉันควรจะโทรบอกนาย ฉันต้มเกี๊ยวมาให้ นายกินสักหน่อยนะ”
ลู่เป๋าเหยียนมองเกี๊ยวร้อนๆที่อยู่ตรงหน้า
“ยกลงไป”
“จะกินไม่กินก็เื่ของนาย”ูเี่อันแค่หยิบถาดออกมา “ั้แ่เมื่อวานตอนบ่ายนายก็เริ่มทำตัวแปลกๆเมื่อเช้ายังให้เสิ่นเยว่ชวนมาหลอกฉันอีกว่าไม่ได้ไปทางเดียวกันถ้านายไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้ว ต่อจากนี้ไปฉันจะขับรถไปเอง จะไม่รบกวนนายให้ไปรับไปส่งอีก”
พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องหนังสือตรงกลับไปที่ห้องตัวเองเธอปิดประตูอย่างแรงจนลู่เป๋าเหยียนได้ยินเสียงของมัน
ลู่เป๋าเหยียนกุมท้องที่เริ่มปวดสุดท้ายเขาจึงยกชามเกี๊ยวหุนทุนไปวางไว้บนโต๊ะทำงานและกินเข้าไปทีละคำ
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้กินอาหารของเธออีกกี่ครั้ง
ถ้าเธอรู้ว่าอนาคตจะต้องพบเจออะไรถ้าเธอรู้ว่าชีวิตของเขาครึ่งหนึ่งอยู่ในความมืดมิดเธอคงเลือกที่จะจากเขาไปตลอดกาล...
หากต้องเป็แบบนั้น เขายอมให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเมื่อก่อนเสียยังดีกว่า
