ซูหรงหรงมองรถที่กำลังแล่นเข้าไปในชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่ง ก่อนจะร้องทัก
“จ้านอี้หยาง ไม่ใช่ทางนี้นะ นายจำทางผิดหรือเปล่า?”
จ้านอี้หยางหันมามองเธอ
“ฉันดูเป็คนจำทางผิดหรือไง”
“...” ซูหรงหรงรีบส่ายหัว จ้านอี้หยางเป็ทหาร เขาไม่มีทางจำทางผิดแน่แต่ว่า...เธอชี้นิ้วไปที่ถนนด้านหน้า
“ครั้งนี้นายน่าจะจำทางผิดแล้ว ไม่เป็ไร นายกลับรถเถอะฉันไม่หัวเราะเยาะนายหรอกน่า”
เธอช่างไร้เดียงสาเสียจริงอุตส่าห์พยายามจะช่วยเขาแก้ไขปัญหา
‘น่ารักจัง’...จ้านอี้หยางกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาไม่แม้แต่จะกลับรถแต่กลับมุ่งหน้าไปจอดรถที่ใต้ตึกแห่งหนึ่ง
ในที่สุดเหมือนซูหรงหรงจะเพิ่งคิดอะไรได้เธอมองไปที่ตึกสูงชะลูดก่อนจะเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“จ้านอี้หยาง นี่คงไม่ใช่...”
“บ้านของเรา”
จ้านอี้หยางเอ่ยเสียงเรียบอย่างเป็ธรรมชาติแต่กลับไปกระตุ้นความสนใจของซูหรงหรงอย่างรุนแรงความจริงเธอเองก็อยากเห็นบ้านที่เธอจะต้องอยู่กับจ้านอี้หยาง
บ้านที่จ้านอี้หยางอยู่ช่างจะยากต่อการคาดเดา
“อยากขึ้นไปดูมั้ย?”
จ้านอี้หยางเอ่ยถาม “อย่างเอาใจ”
ซูหรงหรงพยักหน้ารัวๆ ‘อยากสิอยากมากด้วย’
“นี่...กุญแจให้เธอ”
จ้านอี้หยางส่งกุญแจและคีย์การ์ดหน้าประตูให้ซูหรงหรง
ซูหรงหรงรับของมาอย่างว่าง่ายก่อนจะรีบะโลงจากรถ
เมื่อเธอมองไปที่หน้าประตู เธอเห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังถือของอยู่ด้านหน้าและพยายามหาคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูเธอออกตัววิ่งไปเปิดประตูให้คุณยายคนนั้นก่อนจะให้หญิงชราเข้าไปด้านในก่อน
“ขอบคุณนะสาวน้อย”
คุณยายกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็ไรค่ะ”
ซูหรงหรงเป็คนที่จิตใจดีเธอช่วยคุณยายถือของเข้าไปไว้ในลิฟต์ จนถึงตอนนี้จ้านอี้หยางยังคงรออยู่นอกประตูดูการกระทำของเธอเธอเพียงแค่เดินออกมารอเขา
ลิฟต์ขึ้นไปแล้วหลายชั้นจ้านอี้หยางจึงเดินมาหาเธอช้าๆ อย่างจงใจ ซูหรงหรงดูการกระทำของเขาก่อนจะเอ่ยถาม
“ช่วยเหลือประชาชนไม่ใช่หน้าที่ของทหารอย่างพวกนายเหรอ? ทำไมเมื่อกี้นายไม่ไปช่วยคุณยายคนนั้นกัน”
อย่างไรเสียเขาก็ควรจะมีน้ำใจเดินมาช่วยคุณยายถือของหรือเขาควรจะมาแย่งของออกจากมือเธอแล้วพูดว่า ”ฉันถือเอง” ไม่ใช่หรือไง?
จ้านอี้หยางกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะกดลิฟต์
“ฆ่าไก่โดยไม่จำเป็ต้องใช้มีดฆ่าวัว”
“...”
ไม่นานลิฟต์ก็มาถึงซูหรงหรงเดินตามจ้านอี้หยางเข้าไปในลิฟต์ ลิฟต์ขึ้นไปจนถึงชั้น 22 ก่อนจะหยุดกึก
สองแล้วก็สองช่างจำง่ายเสียจริง... ซูหรงหรงคิด
รูปแบบของบ้านคือสองห้องสองบันไดเมื่อออกมาจากลิฟต์ทางซ้ายมือห้องเบอร์2201 คือห้องของเขา จ้านอี้หยางใช้กุญแจไขเปิดประตูก่อนจะเชื้อเชิญให้ซูหรงหรงเข้าไปก่อน
เมื่อผ่านประตูเข้ามาเธอมีความรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ห้องชุดที่แบ่งออกเป็ 4 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ทั้งห้องใหญ่เสียจนเธอใการตกแต่งที่ดูทันสมัยดูประหยัดพื้นที่แสงเริ่มสาดส่องเข้ามาจากทางระเบียงทำให้ทั่วทั้งห้องรับแขกดูสว่างไปหมดความรู้สึกตอนนี้ช่างอบอุ่นชวนหลงใหล
“ชอบมั้ย”
จ้านอี้หยางเดินมายืนด้านหลังเธอก่อนจะเอ่ยถามอย่างถูกจังหวะ
“นายเอาคำว่า มั้ย ไปโยนทิ้งเถอะ”
ซูหรงหรงหัวเราะร่วนอย่างคนโง่เธอชอบมากเสียจนอดใจไปเดินลูบคลำโซฟาสีเบจไม่ไหว
“พอตกแต่งเสร็จก็ไม่เคยมีใครมาอยู่เพราะอย่างนั้นจึงมีแต่เฟอร์นิเจอร์ธรรมดาๆ”
จ้านอี้หยางเดินอ้อมมายืนข้างหน้าเธอก่อนจะยื่นบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งให้
“เธอลองดูเอาแล้วกันว่าอยากตกแต่งอะไรเพิ่มเธอเอาบัตรใบนี้ไปรูดซื้อได้เลย รหัสคือวันเกิดของฉัน 800710”
“ซื้ออะไรก็ได้เหรอ?”
ซูหรงหรงมองหน้าเขาแล้วถามหยั่งเชิงจ้านอี้หยางพยักหน้าตอบรับ
“อุ้ย นายแพ้เกสรดอกมั้ยล่ะ ฉันอยากปลูกดอกไม้”
“แล้วแต่เธอ”
“ถ้าฉันจะวางเก้าอี้นั่งเล่นที่นอกระเบียง นายคิดว่าไง?”
“ได้สิ ฉันชอบ”
“แล้วก็ อันนั้น...”
“อะไรก็ได้แล้วแต่เธอชอบเลย”
มีความสุขจัง!ซูหรงหรงจ้องหน้าของจ้านอี้หยางอย่างมีความสุขเธอะโโลดเต้นดีใจก่อนจะไปดึงใบหน้าของจ้านอี้หยางให้ต่ำลงแล้วฝังจมูกลงบนแก้มของเขาอย่างลืมตัว
ริมฝีปากอันอบอุ่นและอ่อนนุ่มประทับอยู่บนข้างแก้มของเขา
ราวกับเพิ่งจะรู้สึกถึงการกระทำของตัวเองทั้งคู่ต่างพากันชะงักงัน
“ฉัน...”
ซูหรงหรงก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
“ฉันไม่ได้คิดจะล่วงเกินนายนะ”
ในตอนนั้น ซูหรงหรงคงลืมนึกไปว่าเธอต่างหากที่เป็ฝ่ายถูกล่วงเกินมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอนี่”
จ้านอี้หยางตอบกลับทว่าใบหน้าของเขากลับมีรอยยิ้มจางๆ
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคำพูดคำจาของเขาจะดีถึงเพียงนี้ทำเอาความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาเพิ่มขึ้นไปอีก
“รู้สึกขอบคุณฉันมากเลยใช่มั้ย”
จ้านอี้หยางถาม
“อืม”
เธอพยักหน้าตอบรับ
“พอใจกับห้องนี้มั้ย”
“อืมๆ”
พอใจมากเลยต่างหาก
“ถ้าอย่างนั้นกลับไปเก็บของแล้วมาอยู่กับฉันที่นี่โอเคมั้ย?”
เธอพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
“อืมๆๆ”
เมื่อได้คำตอบตามที่คิดไว้ จ้านอี้หยางลูบหัวของเธออย่างพอใจ
“เชื่อฟังดีมาก ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปบ้านของเธอกันเถอะ”
พอถึงตอนนี้ซูหรงหรงเหมือนจะตั้งสติได้ เธออยากจะร้องไห้
“จ้านอี้หยาง นายแกล้งฉันอีกแล้ว”