เวลานี้ฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของเต่าดำในเขตน้ำลึกเลยดูเหมือนว่าเ้าหนูนั่นจะอยู่ในมหาสมุทรที่ลึกกว่านี้อีกเมื่อวานเขาเห็นความสามารถของเต่าดำ เขาจึงไม่ได้เป็ห่วงนักเขาเชื่อว่าด้วยความร่วมมือของเต่าทะเลและงูสามเหลี่ยมมันคงจะไม่กลัวแม้แต่ฉลามเว้นแต่ว่ามันจะเจอฉลามสิบกว่าตัวล้อมรอบและจู่โจมมันชีวิตของเต่าดำถึงจะตกอยู่ในอันตราย แต่เต่าดำไม่ได้โง่ถ้ามันเห็นว่ามันชนะไม่ได้มันคงจะหนีไปใช่ไหม? ฉินเฟิงเจอกับความเร็วในการว่ายน้ำของเต่าดำและถ้ามันต้องหนีมันก็คงเหมือนเรือดำน้ำขนาดย่อมดีๆ นี่เอง
ฉินเฟิงนำเชื้อเพลิงมาเพียงพอดังนั้นเขาจึงขับเรือให้ได้ความเร็วสูงสุดเขามองระยะทางของเขาสัตว์อสูรที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงในที่สุดเขาหยุดเรือที่ชายฝั่งมัดมันด้วยเชือกและเดินเข้าเกาะที่ไร้คนนี้
เขาสัตว์อสูรเป็เกาะที่เป็ป่าเขียวชอุ่มและไร้ผู้คนแต่มีเหล่าสัตว์ป่าวิ่งเพ่นพ่านทั่วเกาะ ทุกครั้งที่่เวลากลางคืนมาถึงเสียงร้องของสัตว์ป่าจะลอยออกมาจากเกาะเล็กๆ ที่น่าขนลุก
โดยเมื่อฉินเฟิงมาถึงเขาสัตว์อสูรมันก็เป็เวลาบ่ายแล้ว ที่ท้องฟ้าและทะเลสีครามของบ้านพักตากอากาศนี่จะเป็เวลาที่แสงดวงอาทิตย์เผาตรงมาที่หัวอย่างไรก็ตามฉินเฟิงเพิ่งมาถึงป่ารกชัฏ เขาจึงััถึงเพียงอากาศเย็นๆ ของป่าความหนาและความสูงของใบไม้และกิ่งก้านสาขาบดบังแสงอาทิตย์เป็ส่วนใหญ่จึงมีเพียงจุดของแสงที่ส่องเข้ามา ฉินเฟิงคิดว่านี่เป็สถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทำหนังสยองขวัญ
เขาค่อยๆก้าวผ่านป่าขณะที่พูดคุยกับเ้าหมูน้อยั้แ่ที่เ้าหมูน้อยนับได้ว่าเป็สัตว์เลี้ยงต่อสู้มันจึงคุ้นเคยกับปราณจิตอย่างมากและมันเป็ไกด์ที่ดีมากในการหาปราณจิต
ภายใต้การชี้ทางของเ้าหมูน้อยฉินเฟิงเดินเข้าไปลึกขึ้นๆ เขาถึงใจกลางชั้นนอกของเขาสัตว์อสูรแล้วมีความหนาวเย็นอยู่รอบๆ และมันก็หนาวขึ้นๆจนสามารถเห็นหิมะที่ยังไม่ละลายบนกิ่งบางกิ่ง
“นายท่าน ต้นิญญาอยู่ใกล้ๆ นี่” เ้าหมูเตือนเขาทันทีฉินเฟิงหยุดก้าวและเริ่มตรวจสอบพื้นที่รอบตัว
ตอนนี้ฉินเฟิงเป็ผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่เชี่ยวชาญทั้งกำลังภายในและกำลังภายนอกเขาฝึกฝนจนก้าวเข้าสู่กำลังภายในขั้นที่หนึ่งเขาไม่สามารถตรวจจับปราณจิตที่อยู่ไกลออกไปได้แต่สามารถตรวจจับปราณจิตที่แผ่ออกมาใกล้ๆ
ตอนนี้เขาไม่จำเป็ต้องให้เ้าหมูน้อยชี้ทางฉินเฟิงรู้สึกถึงความหนาแน่นของปราณจิตที่กำลังแผ่ออกมาไม่ใกล้ไม่ไกลจากทางด้านซ้ายเขาเหลือบสายตาไปยังพื้นที่ที่มีปราณจิตและพบดอกไม้สีแดงที่แดงยิ่งกว่าดอกกุหลาบอย่างรวดเร็วฉินเฟิงไม่เคยเห็นดอกไม้รูปร่างนี้มันดูคล้ายดอกบานบุรีขนาดเล็กและใหญ่เท่าฝ่ามือของผู้ชายโตเต็มวัยเมื่อมันบานเต็มที่
“เ้าหมูน้อย นี่คือต้นิญญาเหรอ?” ฉินเฟิงรีบก้าวเข้าไปหาต้นิญญาเขานั่งยองๆ และตรวจสอบมันใกล้ๆ
เมื่อกำลังตรวจสอบมันใกล้ๆปราณจิตที่แผ่ออกมาจากต้นไม้ก็เข้มข้นมากฉินเฟิงอดไม่ได้นอกจากเอื้อมมือกำลังจะไปถอนรากของมัน
“นายท่าน อย่าเพิ่งถอน!” เ้าหมูหยุดเขาทันทีและรีบพูด “นี่คือต้นโอสถแดงมันจะบานทุกๆ 10 ปี โดยปกติแล้วมันจะเติบโตในป่ารกชัฏคอยดูดพลังจิติญญาบางๆ จากต้นไม้เหล่านี้และบีบอัดเป็แกนกลางมันเป็ต้นิญญาที่ช่วยฝึกพลังลมปราณภายใน”
“แต่ต้นิญญาประเภทนี้บอบบางอย่างมาก เมื่อมันออกจากดินมันจะตายทันทีปราณจิตในเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียจะเปลี่ยนไปมันออกจากต้นและลอยขึ้นไปในอากาศทันที ทุกอย่างจะสูญเปล่า”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเ้าหมูน้อยฉินเฟิงก็หยุดทันที เขามองดูทั้งกลัวและชื่นชมขณะที่พูดว่า “เ้าหมูน้อยฉันเพิ่งรู้ว่าแกนี่มันหมูผู้รอบรู้จริงๆ!”
คำพูดของเ้าหมูน้อยก้องกังวานในหัวของฉินเฟิงก่อนหน้านี่เขาคิดว่าเ้าหมูี้เีนี้ดีแต่โม้ แต่หลังจากที่รู้จักกับมันเขาก็พบว่าเ้าหมูตัวนี้รู้เยอะจริงๆ
หลังจากได้รับคำชมจากเ้านายเ้าหมูก็เชิดหัวสีชมพูอ่อนและเย้ยหยัน “เฮอะ ข้าบอกนายท่านตั้งนานแล้วแต่ไม่เชื่อข้าเองนายท่าน ในฐานะที่เป็สัตว์เลี้ยงต่อสู้และ NPC ของระบบข้ารู้เื่ไอเทมทุกอย่างจากระบบ ต้นโอสถแดงก็มีขายในส่วนของการปรุงยาของระบบแม้ว่าข้าจะไม่รู้ข้าก็ยังสามารถอ่านคำอธิบายจากระบบได้อยู่ดี”
มุมปากของฉินเฟิงกระตุกเขารู้สึกว่าที่จริงแล้วเ้าหมูน้อยไม่ได้สุดยอดด้วยตัวมันเองมันทำเป็วางท่าแต่ก็ได้ข้อมูลทุกอย่างจากระบบ “เ้าหมูน้อยแล้วฉันจะเก็บไอ้ต้นโอสถแดงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์มาได้อย่างไร?”
“นายท่าน ตราบใดที่นายท่านไม่ทำความเสียหายแก่ดินเดิมที่อยู่รอบต้นมันมันจะไม่ตาย นายท่านต้องขุดรอบๆ ต้นและดึงมันออกมาพร้อมกับดินเดิมที่อยู่รอบต้นของมัน”เ้าหมูน้อยกล่าว
ตอนนี้ฉินเฟิงเข้าใจแล้วเขารู้สึกถึงความหนาแน่นของพลังจิติญญาจากต้นโอสถแดงและขุดรอบๆต้นอย่างใจจดใจจ่อและระมัดระวัง หลังจากขุดได้หลุมใหญ่แล้วฉินเฟิงก็เอื้อมมือลงไปเพื่อเอาต้นโอสถแดง
โฮกโฮก!
ทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์ป่าก็ดังออกมาในป่าลึกเสียงสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งป่ากลายเป็สายลมกรรโชกฉินเฟิงรีบยืนขึ้นและหันไปมองด้านหลังด้วยความตื่นตระหนกเขาเห็นหมูป่าขนาดใหญ่ที่กำลังไล่กวดหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังมุ่งตรงมาหาเขา
มันเป็ครั้งแรกในชีวิตที่ฉินเฟิงเห็นหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ถึงขนาดสงสัยว่านี่มันหมูป่ากลายพันธุ์หรือเปล่า มันตัวใหญ่เท่ากับลูกช้างมีหน้าตาน่ากลัวและมีเขี้ยวยาวเมตรกว่าที่คมจนยากจะเทียบเคียงส่วนที่น่าใมากที่สุดคือดวงตาของหมูป่า มันมีสามตาตาที่สามอยู่ระหว่างคิ้วเหมือนกับเทพสามตา ดวงตาของมันใหญ่อย่างกับระฆังทองแดงและเรืองแสงสีเขียวลึกลับ
สี่ขาของมันแข็งแกร่งในขณะที่วิ่งมันเหมือนกับรถออฟโรดด้วยแรงม้าเต็มพิกัดมันวิ่งพร้อมกับปล่อยเสียงและทุกฝีก้าวของมันทำให้พื้นดินสั่นะเืเล็กน้อย
“พี่ชายวิ่งเร็ว มันคือหมูป่าช้างสามตา!” ผู้หญิงที่วิ่งอยู่ข้างหน้าหมูป่าะโออกมาเสียงของเธอดังกรุ๊งกริ๊งชัดเจนเหมือนฤดูใบไม้ผลิและเมื่อได้ยินก็ทำให้ฉินเฟิงเคลิ้ม
เห็นได้ว่าผู้หญิงได้สู้อย่างดุเดือดกับหมูป่าและอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากชุดขาวที่เธอสวมอยู่ฉีกขาด ผมของเธอยุ่งเหยิงเพราะลมในระหว่างที่วิ่งสุดชีวิต แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความงามของหญิงสาวหากเธอออกมาจากดวงจันทร์เธอคงเหมือนกับเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ฉางเอ๋อแม้ว่าเธอจะวิ่งหนีสุดชีวิตเธอก็ยังปล่อยบรรยากาศความงามออกมา
รูปร่างของเธอดูดีและสละสลวยร่างของเธอสูงตรง แม้รูปร่างของเธอจะไม่ได้สะบึม แต่ก็อ่อนโยน สวยงามและเข้ากันได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระโปรงที่ฉีกขาดมันเผยถึงผิวที่ขาวเนียนเหมือนหิมะแรกมันขาวผ่องและไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว
“นางฟ้ากำลังวิ่งหนี เธอสวยเหมือนนาง์และเต็มไปด้วยปราณจิต”นี่เป็ความประทับใจแรกของฉินเฟิงที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น
แล้วเขาก็มองหมูป่าช้างสามตาที่อยู่ด้านหลังของเธอไปไม่ถึงห้าสิบเมตรเขาพูดด้วยความตึงเครียด “เ้าหมูน้อยนี่แกเป็ญาติกับไอ้ตัวน่าเกลียดนี้หรือเปล่า? เมื่อแกโตขึ้นแกคงจะไม่มีหน้าตาเหมือนมันใช่ไหม?”
เ้าหมูน้อยผิดหวังมากจนแยกเขี้ยวและโบกกีบเท้า“ญาติของนายท่านน่ะสิที่จะโตเป็อย่างนั้น ข้าคือหมูน้อยที่น่ารักที่สุดในจักรวาล”
อย่างที่เขาพูดกันบุคลิกของสัตว์เลี้ยงจะเติบโตขึ้นอยู่กับนิสัยของเ้าของว่ามันเป็อย่างไรเมื่อเห็นความไร้ยางอายของเ้าหมูน้อยฉินเฟิงก็เข้าใจว่ามันจริงอย่างที่เขาพูดกัน
“พี่ชาย ถ้าไม่รีบหนีไปตอนนี้มันจะสายเกินไปนะ!”เสียงวิงวอนของนางฟ้าดังออกมาอีกครั้ง ฉินเฟิงออกตัววิ่งทันทีเขาไม่ได้วิ่งหนีแต่วิ่งไปหานางฟ้าแทน
ฉินเฟิงมาทีู่เาเพื่อหาต้นิญญาการที่เขาได้ทำอะไรดีๆ อย่างช่วยสาวงาม เขาจะนั่งอยู่เฉยๆและเมินโอกาสอันดีแบบนี้ได้อย่างไร?
“นายท่าน หมูป่าช้างสามตาแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อมันมีเขี้ยวคมกริบที่สามารถแทงทะลุของแข็งได้ ฝีมือนายท่านในตอนนี้ไม่เพียงพอหรอก”ฉินเฟิงวิ่งเข้าหาหมูป่าช้างสามตาขณะที่ได้ยินเสียงหัวเราะของเ้าหมูน้อยดังออกมา
เขาไม่มีโอกาสหนีเขาทำได้แค่ค้ำตัวเองและะโไปข้างบน ต่อยไปที่หลังของหมูป่าช้างสามตา
โฮก!
ฉินเฟิงใช้กำลังภายนอกขั้นสองต่อยโดยไม่ยั้งมือพละกำลัง 6 เท่าที่มีพลัง 600 ชั่งปะทะเข้าที่หลังของหมูป่าช้างสามตาร่างของหมูป่าเซไปอย่างชัดเจน ตอนนี้ขาที่กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งของมันลื่นล้มลงมันชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่และชนจนเป็หลุมใหญ่
ปัง!
การชนนี้สั่นะเืฟ้าดินมันทำให้ภูตผีร้องโหยหวนและหมาป่าเห่าหอน!
นางฟ้าที่กำลังวิ่งสุดชีวิตหยุดดูเศษเสี้ยวความใผ่านใบหน้าของเธอ เธอไม่ได้ใกับพลังหมัดของฉินเฟิงแต่เธอใที่ฉินเฟิงไม่้าชีวิตของตัวเองเพราะเขากล้าไปทำให้หมูป่าช้างสามตาโกรธ
จอมยุทธ์ทุกคนที่รู้จักหมูป่าช้างสามตาจะรู้ว่านี่จะเป็การทำให้สัตว์ป่าบ้าคลั่งมันมีอารมณ์รุนแรงและจู่โจมใครก็ตามที่พบเห็นมันมีความสามารถในการะเิพลังปั่นป่วนได้อย่างต่อเนื่องนางฟ้าน้อยตอนแรกไม่ได้มาสู้กับหมูป่าช้างสามตาแต่เธอเข้ามาทีู่เาสัตว์อสูรเพื่อมาหาต้นิญญาและได้เจอกับหมูป่าช้างสามตาโดยบังเอิญจึงถูกหมูป่าไล่กวดแต่ไม่กล้าสู้กับมันจริงๆ เพราะถ้าสัตว์ตัวนี้หงุดหงิดมันจะเป็สัตว์คลั่งที่จะไล่ขวิดคุณจนตาย
“ฮ่าๆ คุณผู้หญิงไม่จำเป็ต้องตื่นไป จริงๆแล้วผมยังไม่โชว์ฝีมือที่แท้จริงเลย”เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงไม่เข้าใจธรรมชาติของหมูป่าช้างสามตาเขาปัดมืออย่างภาคภูมิใจเมื่อต่อยหมูป่าช้างสามตาลงด้วยหมัดเดียวและเมื่อเขาเห็นนางฟ้าน้อยกำลังมองเขาด้วยความใ เขาจึงรู้สึกชื่นชมตัวเอง
“วิ่ง! วิ่ง!” นางฟ้าน้อยะโไปทางฉินเฟิงทันที
ฉินเฟิงสับสนเล็กน้อยเขาคิดว่าในเมื่อเขาช่วยชีวิตของนางฟ้าน้อยเธอควรจะซาบซึ้งจนน้ำตาไหลโผเข้าอ้อมแขนของเขา และใช้กำปั้นเล็กๆ อมชมพูทาบอกของเขาด้วยความเสน่หาพร้อมกับพูดจาอ่อนหวานว่า “สุดหล่อ สุดยอดไปเลย!” ไม่ใช่เหรอ?
ทำไมเธอถึงดูกังวลขนาดนั้นและะโให้เขาวิ่งกัน?
ฉินเฟิงเข้าใจคำตอบของคำถามนี้ในทันทีเพราะว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงคลื่นพลังอันรุนแรงที่พรั่งพรูจากด้านหลังเขาไม่ได้ใช้เวลามากนักในการตอบโต้ เมื่อขาของเขาแตะพื้นเขารีบปลดเกราะับินโน้มตัวพุ่งออกไปดั่งศรธนูเขาะโขึ้นบนอากาศห้าเมตรและตีลังกาหลบการโจมตีของหมูป่าช้างสามตาได้อย่างหวุดหวิด