ตอนที่ 1
จ๋ายจ๋ายกินได้ไหม
วันนี้เป็วันที่จ๋ายมาเรียนด้วยความรู้สึกหวาดระแวงที่สุดในรอบหลายปี
ไม่ว่าจะเป็่เช้าก่อนเข้าคลาส หรือ่ระหว่างเรียน จ๋ายก็อาศัยความหูดีของตนคอยแอบฟังตลอดว่าแท็ปจะพูดคุยอะไรกับเพื่อนของตนบ้าง หลังจากที่ได้ล่วงรู้ความลับของเขาไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะขยับตัวทำอะไรตัวเขาก็ระแวงไปเสียหมด แถมยังเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะทำตัวเหมือนโรคจิตเข้าไปทุกที เมื่อเอาแต่แอบติดตามเ้าตัวไปแทบทุกที่
“จ๋าย”
“...”
“จ๋าย”
“...”
“จ๋ายจ๋าย!!”
“ฮะ!”
เสียงเรียกดังอัดแก้วหู ทำให้สติที่เหม่อลอยวิ่งกลับเข้าร่างในทันใด ชายหนุ่มสะดุ้งน้อย ๆ หันไปเห็นมะนาวยืนเท้าสะเอวมองกันทั้งเรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เธอคงจะยืนเรียกกันมาสักพักแล้ว
“มัวแต่เหม่ออะไรเนี่ย”
ร่างขาวที่เพิ่งได้สติได้แต่ส่งยิ้มแห้งให้ ทั้งยังแอบรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย...ตอนนี้เป็่เวลาเที่ยง ภายในคณะนิเทศศาสตร์มีโรงอาหารเป็ของตัวเองก็จริง แต่นักศึกษาก็ไม่ได้แน่นขนัดถึงขนาดนั้น ส่วนจ๋ายที่เดินตั้งนานก็ไม่ถึงโต๊ะเสียที เพราะกำลังเอาแต่กวาดสายตามองหาใครบางคนที่หายไปกับฝูงชนจนเริ่มตามไม่ทัน
“เดี๋ยวจ๋ายเดินตามไปนะ”
มะนาวแอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ถึงอย่างนั้นก็ยอมพยักหน้ารับแล้วบอกว่าจะสั่งข้าวเมนูผัดผักของโปรดเอาไว้ให้จ๋ายด้วย ในขณะที่ร่างเล็กเมื่อแอบเห็นแผ่นหลังกว้างของไฮบริดหมาป่ากำลังเดินไปเข้าห้องน้ำก็แอบตามไป คิดว่าตัวเองกำลังสวมรอยเป็นักสืบจ๋ายได้อย่างแเีมากทีเดียว
...ถึงจะไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรก็เถอะ
“หยะ อย่ารังแกผมนะ ไหนบอกว่าจะปล่อยไปกินข้าวไง”
“พูดมากว่ะไอ้กวางน้อย มานี่ดิ๊!”
ทว่าเสียงดังเอะอะก็ดึงความสนใจจากจ๋ายไปได้อีกครั้ง ภาพของนักศึกษาไฮบริดกวางกำลังถูกกลุ่มไฮบริดครึ่งไฮยีน่านับหลายคนยืนรายล้อมอยู่ เ้าตัวกวาดมองไปรอบ ๆ ทั้งเนื้อตัวสั่นงกอย่างน่าสงสาร ในขณะที่นักศึกษาคนอื่น ๆ เพียงแค่เดินผ่านไปผ่านมาไม่สนใจ เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกวันเป็เื่ปกติ...กลุ่มไม่มีทางสู้อย่างพวกเขาต้องถูกรังแกและใช้เป็ที่ระบายอารมณ์อยู่ร่ำไป
เพราะอย่างนี้ไงล่ะ จ๋ายถึงกลัวว่าความลับของตัวเองจะถูกเปิดเผยเข้าในสักวัน
“วันนี้มึงทำตัวน่าหมั่นไส้เป็พิเศษนะ ให้พวกกูสั่งสอนหน่อยดีไหม”
“อย่า---”
เสียงของคนที่กำลังถูกใช้เป็เครื่องระบายอารมณ์ถูกกลืนหายไป เช่นเดียวกับคนที่กำลังง้างแขนขึ้นเตรียมจะใช้กำลังชะงักไป เมื่อเห็นบุคคลที่สามเดินเข้ามาใกล้ ท่าทางดูกล้า ๆ กลัว ๆ คล้ายอยากจะห้ามแต่ก็ไม่กล้าพอ แต่จะให้เมินเฉยไปก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน กลายเป็ว่าจ๋ายกำลังยืนเงอะงะอยู่ในกลุ่มไฮบริดครึ่งสัตว์นักล่าเสียอย่างนั้น
“มีอะไรไอ้พวกมนุษย์?”
แขนแกร่งที่คล้องคอเหยื่อเอาไว้ปล่อยออก ไฮบริดครึ่งสัตว์กินพืชอาศัยโอกาสนี้รีบวิ่งหนีออกไปทันทีอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จ๋ายกลับเริ่มตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเสียเอง คนตัวเล็กลอบกำมือขยุ้มกับกางเกงของตัวเองแน่น ก่อนจะทำใจกล้าพูดในสิ่งที่ตนคิดอยู่ออกไปเสียงแ่
“ตัวเองแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เห็นต้องรังแกคนอื่นเลยนี่”
จ๋ายรู้สึกว่าตัวเองกำลังขาสั่น ยิ่งอยู่ใกล้กลุ่มไฮบริดที่เป็ครึ่งสัตว์นักล่าก็ยิ่งได้กลิ่นอายน่ากลัว ในขณะที่เขาแทบจะเอาอะไรไปสู้ไม่ได้เลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกที่จะเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมกริบเขม็ง ไฮบริดครึ่งไฮยีย่าคนหนึ่งนิ่งไปอยู่นาน พอได้สติก็แค่นหัวเราะเสียงหนักแล้วเดินเข้าไปใกล้คนที่ยืนตัวสั่นเป็ลูกนก
“มึงเดือดร้อนอะไรวะ คนอื่นเขาไม่เห็นจะเป็อะไร”
“...”
“หรือมึงก็เป็ไอ้พวกกินพืชที่แฝงตัวเป็คนธรรมดาเหมือนไอ้นั่น? ยังไม่ถูกจับได้สินะ”
“มะ ไม่ใช่...”
“ไหนโผล่หูกับหางมาให้ดูหน่อย เป็ตัวอะไรว---”
“เฮ้ย...”
จ๋ายที่หาทางหลบหนีไม่ทันได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว คิดว่าจะต้องถูกต่อยหน้าแน่ ๆ ทว่ากลับถูกใครบางคนกอดคอเข้าไปหา น้ำเสียงทุ้มดังห้วนสั้นอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมกับผลักคนตรงหน้าออกไปจนคู่กรณีเสียหลักเซถอยหลัง พลันร่างขาวรีบลืมตาขึ้นแล้วหันขวับไปมองคนที่มาช่วยตนไว้ในทันที
“มึงมีปัญหาอะไรนักหนาวะ?”
“...”
“คุยกับส้นตีนกูหน่อยดีปะ กูจับยัดใส่ปากให้เผื่อจะดีขึ้น”
แท็ปเอ่ยถามเสียงเรียบทั้งใบหน้าที่ไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ ทว่าภายในดวงตากลับฉายแววไม่พอใจและเอาเื่อยู่ในนั้น ฝ่ายผู้ฟังสบถหยาบออกมานับหลายคำ ทว่ากลับไม่ยอมทำอะไรไปมากกว่านั้นเมื่อเห็นว่าบุคคลมาใหม่เป็ใคร ยิ่งเ้าตัวเป็คนมีชื่อเสียง สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้จึงกลายเป็ที่จับตามองไปโดยทันที
“เหอะ...”
นักศึกษาคนดังกล่าวแค่นหัวเราะเสียงหนัก ตัดสินใจยอมเดินไปทางอื่นพร้อมกับกลุ่มเพื่อน แต่ก็ยังไม่วายชี้หน้าฝากฝังความแค้นเอาไว้จนจ๋ายเผลอขยับเข้าหาคนข้างกายจนแทบจะกลายเป็ซุกหน้ากับอก ในขณะที่แท็ปเพียงเดาะลิ้นที่ข้างกระพุ้งแก้ม พลางเดินกอดคอคนตัวเล็กไปยังโรงอาหารด้วยกัน ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
“ซ่านักนะมึง ตัวเท่าลูกแมว”
“จ๋ายเปล่า...”
“...”
“แค่อยากช่วยเขา”
เอ่ยตอบงึมงำตามความรู้สึกจริง...คราวนี้ร่างสูงหยุดเดินไปครู่หนึ่ง กระทั่งต้องเงยหน้ามองด้วยความสงสัย ก่อนจะสะดุ้งน้อย ๆ เ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมามองสบกันพอดี พลางโน้มลงมากระซิบหยอกเย้ากันอย่างรู้ทัน
“วันนี้แอบเดินตามกูทั้งวันเลยนะน้องกระต่าย”
“!!!”
ไฮบริดครึ่งกระต่ายได้แต่ยืนอ้าปากค้าง ราวกับคิดหาคำพูดไม่ออกไปครู่ใหญ่ โดยมีดวงตาคู่คมมองอยู่อย่างล้อเลียน ครั้นเมื่อได้สติก็เริ่มหน้าดำหน้าแดงด้วยความอับอาย พยายามเอาตัวเองหนีออกจากวงแขนของคนอันตรายแล้วเดินนำหนีไปก่อนทันที ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำอย่างพึงพอใจดังหลอกหลอนตามกันมาอีกด้วย
.
.
.
แม้ว่าแท็ปจะไม่ชอบหน้ากัน แต่อีกฝ่ายก็มีพฤติกรรมแปลก ๆ ให้จ๋ายรู้สึกแปลกใจอยู่ตลอด อย่างเช่นในเวลากินข้าวก็มักจะนำกลุ่มเพื่อนของตนมานั่งใกล้โต๊ะที่จ๋ายนั่งอยู่แทบทุกครั้ง และตำแหน่งที่อีกฝ่ายเลือกก็จะอยู่ด้านหลังของเขาเสมอ จะหันไปมองว่าเ้าตัวกำลังมองกันอยู่หรือไม่ก็ไม่กล้าอีก
...แล้วอย่างนี้จะไม่ให้แอบรู้สึกเสียวสันหลังเวลากินข้าวได้ยังไง!
“เออไอ้แท็ป แล้วมึงมีเื่อะไรจะบอกพวกกู”
“อ้อ...”
เสียงทุ้มดังขึ้นคำหนึ่งคล้ายกับนึกได้ ก่อนจะเงียบเว้น่ไปพักใหญ่ จ๋ายที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงักมือ ทั้งั์ตาที่สั่นไหวเล็กน้อยด้วยความตระหนก คอยแอบเงี่ยหูฟังอยู่ตลอดว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อไป ท่าทางดูลุกลี้ลุกลนตามประสาคนที่กลัวจะถูกเปิดเผยความลับ
“รอกูแดกหมดก่อน”
“กูยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่เลย มึงวางช้อนแล้วรีบเล่าให้ฟังด่วน ๆ เลยดีกว่า”
กลุ่มเพื่อนที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบให้ได้ คราวนี้ร่างเล็กหูตาตั้ง รีบหันขวับกลับไปมอง เห็นเ้าของใบหน้าหล่อเหลากำลังมองกันอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาที่จ้องมองกันยังคงฉายแววเ้าเล่ห์และร้ายกาจเหมือนทุกครั้ง ร่างสูงวางช้อนลงกับจานตามคำขอของเพื่อน เตรียมจะเล่าเื่ด่วนที่ว่า คราวนี้ไฮบริดครึ่งกระต่ายเริ่มอยู่ไม่สุข รีบลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความลนลาน
“กูจะเล่าว่า---”
“แท็ปอย่าพูดนะ!!”
“...”
พลันบรรยากาศรอบกายตกอยู่ในความเงียบ รู้ตัวอีกทีจ๋ายก็วิ่งมาปิดปากอีกฝ่ายเรียบร้อยเสียแล้ว ร่างสูงช้อนสายตาขึ้นมองกันครู่หนึ่ง ดึงมือน้อย ๆ ที่ปิดปากตนเอาไว้อยู่ออกไป แต่ก็ยังจับเอาไว้อยู่อย่างนั้น ก่อนจะพูดต่อ
“กูเพิ่งนึกได้ว่ามีคนรู้จักกูเปิดร้านคาเฟ่ วิวดีอยู่ งานล่าสุดกูคิดว่าไปถ่ายที่นั่นน่าจะดีกว่า”
“...”
“ลูกเล่นเยอะ เผื่อพวกมึงไปเห็นแล้วอยากถ่ายฉากอะไรเพิ่ม”
ไม่ว่าเปล่า ยังหยิบโทรศัพท์มาเปิดภาพสถานที่ดังกล่าวให้ดูประกอบคำพูดอีกด้วย เหล่าชายฉกรรจ์นับหลายคนพากันมุงศีรษะมองไปที่จุดเดียวกัน เช่นเดียวกับจ๋ายที่แอบชะโงกหน้ามอง เห็นว่าในหน้าจอเป็ภาพร้านคาเฟ่จริง ๆ
พวกเขาเรียนอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาภาพยนตร์ งานกลุ่มล่าสุดที่ต้องอยู่ด้วยกันคือการถ่ายทำหนังสั้นตามหัวข้อที่กำหนด ซึ่งสถานที่ใหม่ที่แท็ปเสนอก็ดูเข้ากับหัวข้อมากกว่าจริง ๆ...คิดมาถึงตรงนี้จ๋ายก็อายจนแทบอยากจะมุดดินหนี เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าระแวงมากเกินไปจนเผลอปล่อยไก่ออกมาตัวเบ้อเริ่ม
ฮื่อ...น่าอาย!!!
“เออ จริงด้วยว่ะ...แล้วมึงไปห้ามมันพูดทำไมเนี่ยไอ้ติ๋ม ผลประโยชน์ของงานกลุ่มนะเว้ย”
เพื่อนคนหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามจ๋ายต่ออย่างไม่สบอารมณ์ คราวนี้คนตัวเล็กได้แต่ยืนนิ่งแล้วอึกอัก เมื่อหลุบตาลงเห็นว่าแท็ปก็กำลังมองกันอยู่ ทั้งมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังหยอกเย้าก็นึกฉุน คิดว่าการที่เขาหวาดระแวงมากเกินไปมันน่าตลกมากหรือไงกันนะ
แท็ปเป็ไฮบริดนักล่า ไม่เข้าใจหรอก...เขาไม่รู้สึกสนุกเลยนะ!
พลันใบหน้าหวานเริ่มงอง้ำด้วยความน้อยใจ พยายามดึงมือออกจากพันธนาการ แล้วเดินไปหยิบจานของตนที่ยังมีข้าวพูนจานไปเก็บทันทีโดยไม่ยอมพูดอะไรกับใครสักคำ ทว่าในจังหวะที่เดินออกมา ก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยแว่ว ๆ ดังตามหลังมา
“กูชักจะเริ่มสงสัยจริง ๆ แล้วนะไอ้แท็ป มึงมีปัญหาอะไรกับไอ้ติ๋มมันนักหนาวะ เห็นมองตามจังเลย”
...
เวลาล่วงเลยผ่านไปถึง่เย็น วันนี้มะนาวมีนัดเดทกับหนุ่มคณะวิทย์กีฬา ตัวเขาจึงไม่มีเพื่อนเดินด้วยเหมือนทุกวัน ร่างขาวเดินคอตกไปยังลานที่ตนจอดจักรยานเอาไว้ หลังจาก่กลางวันเขาก็ไม่ได้แอบตามแท็ปอีก ไม่ได้พยายามแอบฟังด้วยว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร แค่เห็นว่าทุกคนยังดูเป็ปกติกับตน นั่นก็คงหมายความว่าความลับยังไม่ถูกเล่าให้ใครฟังนั่นแหละ
วันนี้รู้สึกเหนื่อยกว่าทุกวันยังไงก็ไม่รู้ ระแวงตลอดเวลานี่ไม่ดีเลย...
อีกอย่าง กระต่ายเป็สัตว์สังคม จ๋ายที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนคนอื่นจึงค่อนข้างห่อเหี่ยวไม่น้อย
“...”
คนที่เอาแต่มองพื้นชะงักไป เมื่อเห็นเท้าของใครบางคนมายืนขวางอยู่ด้านหน้า ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นดวงตาคู่คมสีอำพันก็หน้างอโดยไม่รู้ตัว เลือกที่จะเดินเลี่ยงเพราะไม่อยากถูกแกล้งอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่วายโดนขวางทางเอาไว้อีกครั้ง
“หลบหน่อยได้ไหม”
“ทำไมต้องหลบ”
“จ๋ายจะกลับบ้าน...”
บรรยากาศระหว่างกันตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง จ๋ายเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองกันอยู่ด้วยสายตาแบบใด แต่ก็ยังยืนขวางกันเอาไว้อย่างนั้น ราวกับกำลังชวนเล่นาประสาทอยู่
“มานี่หน่อย”
“ปะ ไปไหน! ไม่ไปนะ”
ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างใ เมื่อถูกคว้าข้อมือแล้วกึ่งเดินกึ่งลากกันไปยังหลังตึกคณะซึ่งเป็จุดอับสายตา คนขี้กลัวพยายามยื้อยุดเต็มที่เพราะดันคิดไปไกลว่าจะต้องถูกพาไปทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ ก่อนจะชะงักไป เมื่ออีกฝ่ายยอมปล่อยมือออกยามมาหยุดที่จุดลับตาคน แล้วยื่นถุงผ้ามาให้ ด้านในมีกระปุกเล็ก ๆ อยู่อันหนึ่ง
จ๋ายมีท่าทีระแวดระวัง ทว่าเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มขมวดคิ้วก็รีบคว้ามันมาเปิดดูทันทีตามความ้า พลันดวงตากลมเริ่มเป็ประกายวาววับเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน แต่ผ่านไปไม่เท่าไรก็เงยหน้ามองสบกันอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ
...ซุปแคร์รอต...
ของโปรดของจ๋าย
“ซื้อผิดมา กูไม่แดกแคร์รอต”
“...”
“เอาไหม ไม่เอาจะได้ทิ้ง”
“อะ เอา เอา!”
เมื่อเห็นว่ากระปุกใส่ซุปแคร์รอตจะถูกแย่งกลับไปก็รีบเอื้อมมือไปคว้ามากอดไว้ทันที เช่นเดียวกับเสียงท้องร้องดังโครกครากประท้วง เนื่องจากตอนกลางวันไม่ได้กินเยอะเท่าที่ควร ร่างเล็กนั่งลงบนเก้าอี้แถวนั้นแล้วก้มหน้าก้มตาแกะกระปุก หยิบช้อนจ้วงซุปแคร์รอตเข้าปากอย่างอดใจไม่ไหว ในขณะที่อีกคนนั่งลงข้างกัน เมื่อแผนหลอกล่อด้วยของกินสำเร็จอย่างง่ายดาย
“โกรธอะไรกู”
“...ไม่ได้โกรธสักหน่อย”
จริง ๆ ต้องตอบว่าไม่ได้โกรธแล้ว
หันไปตอบกันตาใส พอได้ของกินที่ชอบก็ลืมเื่ขุ่นเคืองไปเสียหมด แท็ปมองเสี้ยวใบหน้าของคนที่ยัดอาหารเข้าปากจนแก้มตุ่ยแล้วได้แต่นึกสงสัย ว่าหากมีใครเอาของกินมาล่อก็จะคล้อยตามเขาไปหมดเลยหรือไง ทว่าสักพักคนที่กำลังกินอยู่ก็ชะงัก หันมามองกันอย่างกลัว ๆ อีกครั้งแล้วถามเสียงแ่
“ทำไมถึงเอามาให้ล่ะ”
“...”
“แท็ปไม่ชอบจ๋ายไม่ใช่เหรอ”
ผู้ฟังนั่งนิ่งงันอยู่นาน ใบหน้าหล่อเหลาเสมองไปทางอื่น
“เออ กูไม่ชอบมึงหรอก...น่าหมั่นไส้”
“...”
ทันทีที่ได้ฟัง ครึ่งไฮบริดตัวน้อยก็แอบมีใบหน้าหงอยลงทันที ทว่าสักพักหนึ่งก็กลับมาเป็ปกติเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ชอบหน้าเขามาตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่แกล้งกันตลอดถึงขนาดนี้...แต่อย่างน้อยแท็ปก็ยังเอาซุปแคร์รอตมาให้กินนะ อร่อยมากด้วย! คิดได้ดังนั้นก็หันไปมองกันทั้งรอยยิ้มจนตาปิด
“ขอบคุณนะ...”
พูดทั้งที่อาหารยังเต็มปาก ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับการกินต่อ โดยมีสายตาของไฮบริดครึ่งหมาป่ามองอยู่ตลอด ทั้ง ๆ ที่โดนบอกว่าไม่ชอบหน้า ก็ยังหันมาขอบคุณกันเื่ของกินได้เสียอย่างนั้น...ซื่อ ไร้พิษภัย ใครใจดีด้วยก็ยิ้มสดใสให้เขาไปทั่ว
น่าหมั่นไส้จริง ๆ นั่นแหละ
ปุ๊ง...
คนหนึ่งกำลังคิดอะไรในใจ ในขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังอร่อยจนลืมคิด และคงจะอร่อยถูกปากไม่น้อยเลย หูกระต่ายสีน้ำตาลที่ซ่อนเอาไว้จึงค่อย ๆ โผล่ออกมาทีละข้างอย่างเชื่องช้า ไม่ได้เด้งขึ้นอย่างใเหมือนเมื่อวันก่อน จ๋ายไม่ได้ดูตระหนก ทั้งยังดูเหมือนจะให้ความสนใจกับของกินมากกว่าจนแทบไม่สนใจแล้วว่าควรจะระวังตัวให้มาก
หูกระต่ายสีน้ำตาลลู่ลงเล็กน้อยเมื่ออาหารเข้าปาก ราวกับกำลังเอร็ดอร่อยอย่างถึงขีดสุด บางครั้งก็ดีดขึ้นตั้งตรงทั้งยังสะบัดน้อย ๆ ราวกับอารมณ์ดีเมื่ออาหารคำนั้นถูกปากเป็พิเศษ แท็ปนั่งเท้าคางมอง เห็นหางกระต่ายขนาดเล็กกระดิกไปมาเล็กน้อย ไม่ว่าจะหู หาง หรือขนาดตัวก็ดูทั้งเล็กทั้งนุ่มนิ่มไปเสียหมด
พลันดวงตาสีอำพันหรี่ลงเล็กน้อย เผลอเกลี่ยลิ้นกับเขี้ยวของตัวเองแ่เบาโดยไม่รู้ตัว
“หยะ อย่าจับหูนะ!”
จ๋ายแทบจะสำลักซุปแคร์รอต เมื่อถูกจับหูกะทันหันจนสะดุ้งสุดตัว แท็ปมองใบหน้าตื่น ๆ ของอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ
“กระต่ายอย่างมึงนี่แดกได้ไหม”
“แท็ป...แท็ปจะกินเราเหรอ”
หูกระต่ายสีน้ำตาลตั้งตรงทันที เมื่อคิดว่าตนจะถูกจับกินจริง ๆ ที่เอาอาหารมาล่อก็เป็แผนการสินะ ว่าอยู่แล้วว่าพวกหมาป่าน่ะเ้าเล่ห์ไว้ใจไม่ได้ ไม่น่าตกหลุมพรางั้แ่แรกเลย! ในขณะไฮบริดครึ่งหมาป่าพอเห็นอีกฝ่ายใก็กระตุกยิ้มชอบใจ นึกอยากจะกลั่นแกล้งให้มากขึ้นไปอีก
“คิดว่ายังไง? กูจะแย่งแดกซุปแคร์รอต แย่งแดกผัก เสร็จแล้วน่าจะแดกบ้านมึงเข้าไปด้วย”
“อะ...”
คนที่คิดว่าหากวันหนึ่งตัวเองอยู่ในร่างกระต่ายคงจะต้องถูกจับกินเป็อาหารมื้อโอชะแน่ ๆ ได้แต่นั่งกอดกระปุกซุปแคร์รอตแน่น ทั้งริมฝีปากที่เบะลงเล็กน้อยราวกับอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ หูกระต่ายตั้งตรงอยู่ตลอด ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงนักศึกษาเดินเข้าใกล้บริเวณนี้ แท็ปที่ไวกว่ารีบเอื้อมไปคว้าถังน้ำที่แม่บ้านนำมาคว่ำอยู่มาครอบหัวคนตัวเล็กทันที ไม่ให้คนเห็นหูที่โผล่ออกมา
“...เราไม่อร่อยหรอกนะ”
ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังของนักศึกษาหญิงทั้งสองคนที่เป็เพื่อนร่วมคลาสเดินผ่านหน้าไปจนลับสายตา แล้วจึงหันกลับมามองคนที่ยังคงถูกถังครอบหัวอยู่ เอื้อมมือไปเคาะถังเบา ๆ สองสามทีพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“กินของมึงกับกินของกูนี่ความหมายเดียวกันไหม?”
“...” ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ไม่อธิบายต่อดีกว่า เดี๋ยวมึงช็อคตายก่อน ยิ่งใง่ายอยู่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้