“มานี่ เด็กดี เ้าไปอาบน้ำและพักผ่อนในเรือนเถิด ข้ากับต้าหลางถือกันได้ไม่ต้องให้เ้ากังวลหรอก” กวนซูเยวียนอดขวางมือนางที่จะถือของไม่ได้ และพานางไปที่ห้อง
กวนซูเยวียนในตอนนี้้ามอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้กับหลานสาว ตามความคิดของนางรู้สึกว่าเื่ของหลานสาวกับโจวอ้าวเสวียนนั้นไม่ราบรื่นเช่นนั้นจากนี้ถือเป็เื่วุ่นวายของสกุลเฉินของพวกนาง
เฉินเนี้ยนหรานไม่ได้ร้อนใจไปกับพวกนาง หมุนตัวเข้าไปล้างหน้านอนในห้องตอนกลับหมู่บ้านบนูเาในวันถัดมา เฉินจื่อิดึงดันจะไปส่งนางด้วยตัวเอง
“ท่านลุง ท่านไม่ต้องส่งข้าหรอกเ้าค่ะ ข้ากลับเองคนเดียวได้”เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกว่าเส้นทางนี้ เมื่อเทียบกับเส้นทางไปอำเภอแล้วถือว่าสั้นนักใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็สามารถเดินทางถึงที่หมายแล้ว ไม่จำเป็ต้องมีคนไปส่ง
แต่เฉินจื่อิรั้นมาก ดึงหน้าถลึงตาใส่นาง “ลุงพูดก็ไม่ฟังหรือ? รีบไปขึ้นรถ หากทำอะไรไม่ดีอีก ดูสิว่าข้าจะไม่หยิกหนังเ้า”
เมื่อถูกเขาสั่งสอน เฉินเนี้ยนหรานจึงแลบลิ้นออกมาแล้วขึ้นไปนั่งบนรถแต่โดยดีต้าหลางที่อยู่ด้านข้างทำหน้าทะเล้นใส่นางแล้วโบกมือลา
เพราะเมื่อเช้าตื่นสาย ดังนั้นระหว่างทางเฉินเนี้ยนหรานจึงไม่ง่วงซึมอีกยิ่งใกล้ถึงเรือน ใจของนางยิ่งเบาขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งขณะอยู่ในอำเภอค่อยๆหายไป
“เ้าลงไป ของพวกนี้ข้าจะยกเอง เ้า…ถือพวกกระเป๋าดอกฝ้ายก็พอ” ตอนลงจากรถเฉินจื่อิก็รั้นจะเอาของลงจากรถทั้งหมด
น้องห้ากำลังปลูกดอกไม้อยู่ในเรือน เมื่อได้ยินเสียงของพี่สี่ จึงวิ่งออกมาดูจากหลังเรือน
“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือ หยา ของเยอะเพียงนี้” เมื่อเห็นของห่อเล็กห่อใหญ่น้องห้ารีบเข้าไปถือ
หลังจากถือของเข้าเรือนแล้ว เฉินจื่อิเพียงพักดื่มน้ำอึกหนึ่งก่อนจะจากไป
ขณะลุกขึ้น เขามองไปทางเฉินเนี้ยนหราน สุดท้ายจึงพูดออกมาห้วนๆ ว่า“แม่หนู คุณชายห้าไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดียวกับพวกเราจริงๆ เ้าก็…ลืมเขาไปเถิดทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับคนคนนี้มาก่อน หากเ้ามีเื่ยากลำบากอะไรก็บอกกับลุงกับป้านะ”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ เฉินจื่อิก็วิ่งออกไปไกลราวกับหนีบางสิ่ง
เฉินเนี้ยนหรานยืนอยู่ตรงหน้าประตูจ้องแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปไกลด้วยความรู้สึกยากจะเข้าใจ
กลับเป็น้องห้าที่ฟังประโยคนั้นจบแล้วยื่นหน้ามองแผ่นหลังของเฉินจื่อิที่วิ่งจากไปอย่างไม่เข้าใจ“เอ๋ ท่านลุงของพวกเรานี่จริงๆ เลย มาดื่มน้ำแล้วก็ไปข้ากำลังเตรียมตัวทำอาหารให้เขานะ”
“ท่านพี่ ท่านลุงหมายความว่าอย่างไรหรือ? ท่านกับใครคนนั้นคุณชายห้ายังมีเื่เกี่ยวข้องกันหรือ?” ห้องห้าเบิกตากว้างมองมาอย่างไร้เดียงสา
รอจนกระทั่งเฉินเนี้ยนหรานหันกลับมา ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มดังเช่นยามปกติ“เื่นั้นหรือ ท่านลุงเขามีเื่ของเขา เพราะต้าหลางจะออกเดินทางแล้ว เขาจึงรีบไปเตรียมตัวส่วนเื่ข้าวน่ะวันหน้าค่อยทำให้เขาก็ได้ คุณชายห้าหรือ ครั้งก่อนที่ไปขายขนมไหว้พระจันทร์เขาให้ความช่วยเหลือไว้มาก เื่มันผ่านไปแล้ว ต่อไปพวกเราอย่าไปพูดถึงเลย เด็กดีเอาของไปจัดเถิด”
แม้น้องห้าจะจัดของ แต่ก็แอบมองไปทางเฉินเนี้ยนหรานอยู่หลายครั้งเมื่อเห็นนางนับของพวกนั้น พร้อมหยิบออกมาบอกว่านี่คือของขวัญสำหรับผู้ใดนำออกมาวางด้านข้างทั้งหมดด้วยใบหน้านิ่งสนิทดังปกติรวมถึงยังมีรอยยิ้มที่ทำให้คนสบายใจ นางจึงวางใจลงบางทีท่านลุงคงแค่กังวลเื่ของต้าหลางเท่านั้น
คงไม่ใช่เพราะเื่ของพี่ใหญ่
เมื่อแบ่งของขวัญเสร็จแล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงเริ่มนับเงิน
ไปเอาเงินในอำเภอครั้งนี้ ได้มาทั้งหมดสองพันกว่าตำลึง
หลังจากแบ่งให้ครอบครัวของกวนซูเยวียน ในมือของนางยังมีเงินหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง
เดิมทีเฉินเนี้ยนหรานอยากแบ่งให้เท่ากันแต่เฉินจื่อิรู้สึกว่าจุดนี้เป็เฉินเนี้ยนหรานที่ออกความคิด รวมถึงวางแผน หาคนล้วนแต่เป็นางที่จัดการ พวกเขาได้เงินหลายร้อยตำลึงจากนาง ถือเป็เื่ที่เหมือนขนมเปี๊ยะหล่นจากฟ้า[1] แล้ว
เงินอื่นๆ เฉินจื่อิไม่เอา เอาแค่เงินในส่วนของสามคน เท่ากับเพียงสามส่วน!
แบ่งกันสามส่วนเจ็ดส่วน ทางด้านเฉินเนี้ยนหรานได้เจ็ดส่วนทางครอบครัวของเฉินจื่อิได้สามส่วน แต่ถึงจะเป็สามส่วน ครอบครัวของพวกเขาก็ได้ไปหลายร้อยตำลึงหลายร้อยตำลึงน่ะ ลำพังพวกนางตรากตรำขายของในร้านหนึ่งปี ต่อเมื่อปีนั้นไม่มีอุบัติเหตุใดๆจึงจะหาเงินมาได้หนึ่งร้อยกว่าตำลึงขึ้นไป หากมีอุบัติเหตุ ปีนั้นสามารถประคับประคองร้านไปได้ก็ไม่เลวแล้วด้วยเหตุนี้หลังจากแบ่งเงินกันแล้ว กวนซูเยวียนถึงได้พูดว่ารวยแล้วรวยแล้วอยู่ตลอด
ขณะที่เฉินเนี้ยนหรานนั่งคำนวณเงินอยู่ด้านข้างน้องห้าก็เข้ามาดูนางคำนวณเงิน หลังจากเฉินเนี้ยนหรานนับตั๋วเงินเสร็จนางถึงได้มานับบ้าง
“หนึ่งร้อย…เก้าร้อยเก้า…หนึ่งพัน…หนึ่งพันหกร้อย…”
หลังจากนับจนหมดแล้ว น้องห้าถึงกับมึนงงไป
นางเงยหน้าขึ้นไปมองเฉินเนี้ยนหราน “ท่านพี่ พวกเราไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?พวกเรา…พวกเราทำขนมไหว้พระจันทร์ก็หาเงินได้หนึ่งพันกว่าตำลึง?”หนึ่งพันกว่าตำลึง! ์หากประหยัดกินประหยัดใช้ ก็เพียงพอสำหรับทั้งชีวิตแล้ว
น้องห้าที่เคยลำบากมาก่อน เื่นี้คล้ายกำลังฝันอยู่จริงๆ ทั้งหมดตรงหน้าราวกับไม่ใช่ความเป็จริง
เมื่อเทียบกับท่าทางตื่นเต้นของนาง เฉินเนี้ยนหรานกลับนิ่งมาก
นางสะบัดตั๋วเงินในมือ “เงินเท่านี้ แค่เริ่มต้นเท่านั้น ข้าเคยพูดไว้ว่าจะทำให้พวกเ้ามีชีวิตที่ดีเงินทุนสำหรับเริ่มธุรกิจพวกเรามีกันแล้ว ต่อไปจะต้องให้คนมาดูที่นา แม้หมู่บ้านนี้จะมีช่องทางไปสู่ทางหลวงที่ไม่ถือว่าใหญ่มากนักแต่โชคดีที่เชื่อมต่อกัน ที่ดินในหมู่บ้านนี้ราคาเท่าใดยังไม่รู้แน่ชัด จะหาพ่อค้าคนกลางเมื่อใดจึงจะดีนะ”
พ่อค้าคนกลางเข้าใจในธุรกิจนี้ และรู้ว่าควรทำอย่างไรเพียงแต่เจรจาธุรกิจนี้จะต้องจ่ายค่าคนกลางด้วย
ในสถานที่ที่ข้อมูลไม่ราบรื่นนี้การมีพ่อค้าคนกลางเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการซื้อที่ดินและเรือนที่อยู่อาศัย
“พวกเราจะซื้อที่ดินหรือท่านพี่?” น้องห้าถามออกมาอย่างตื่นเต้น
“อืม ซื้อที่ดิน ดินเป็ดั่งเมล็ดข้าวทองคำ ที่ดินนี้น่ะเป็ต้นทุนของพวกเราพวกเราไม่อยากไปเป็คนร่ำคนรวยในเมือง เป็นายหญิงเ้าของที่ดินในหมู่บ้านนี้ก็พอมีที่ดิน พวกเราก็ไม่ต้องหิว มีที่ดิน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกขาย”
“อืม ที่ดินดี ที่นาก็ดี ท่านพี่ พวกเราซื้อที่ดิน ซื้อที่นากันก่อนหน้านี้ที่ท่านให้ผู้ใหญ่บ้านไปสอบถามเื่ราวมา อีกเดี๋ยวข้าจะไปถามท่านพี่ตอนนี้ร่างกายของท่านไม่เหมือนแต่ก่อน เื่บางเื่ ข้าควรจะลองไปทำดู”น้องห้าเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ
เื่นี้ทำให้เฉินเนี้ยนหรานประหลาดใจ จะต้องรู้ว่า น้องห้าที่แต่ไหนแต่ไรจะทำท่าทางรู้เื่รู้ราวเป็เด็กดี ท่าทางสง่างามยามพูดจาต่อหน้าคนอื่น เื่อย่างวันนี้ที่นางเสนอตัวมาช่วยงาน...เป็ครั้งแรกที่ได้พบเห็นจริงๆ
“โอ้ น้องห้าของพวกเรา ไม่เพียงแต่จะรู้จักพูด รู้จักสำรวมคำพูดและสีหน้าแล้วตอนนี้ยังสามารถรับผิดชอบงานได้แล้ว ได้สิ น้องห้าของพวกเราเป็น้องสาวที่รู้เื่ราวเื่นี้ เ้าไปหาผู้ใหญ่บ้าน ข้าจะคอยดู”
น้องห้าเมื่อถูกนางชม ก็หน้าแดงเรื่อ
“ท่านพี่ล้อเล่นแล้ว ข้าเพียงรู้สึกว่าเื่ที่ท่านพี่สามารถทำได้ข้าเองก็สามารถทำได้ มารดาของพวกเรามักจะดูแคลนลูกสาวอย่างพวกเรามาตลอดพวกเราจะต้องทำให้ดี แล้วประสบความสำเร็จให้นางดู”
“ข้าคิดเหมือนท่านพี่ เป็สตรีที่สามารถดูแลควบคุมทุกอย่างได้ข้าไม่อยากเป็สตรีที่เหมือนกับท่านแม่ของเรา ที่สายตามองไม่ไกล ไร้ความสามารถในการแยกแยะ”
น้องห้าพูดออกมาอย่างมุ่งมั่น แล้วก้มหน้าออกไปที่เรือนผู้ใหญ่บ้านด้วยดวงตาแดงก่ำ
“น้องห้าของพวกเราเติบโตแล้วสินะ”ด้านหลังมีเสียงทอดถอนใจของเฉินเนี้ยนหรานดังมา ทำให้น้องห้าเกือบจะล้มลงพี่สี่ของนาง ยิ่งชอบเอานางมาหยอกล้อมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่น้องห้าจะต้องสู้จะต้องบากบั่นเพื่อคนในครอบครัว
คืนวันนั้น เฉินเนี้ยนหรานเอาของที่ซื้อมาจากในอำเภอครั้งนี้ไปให้ทุกคนตอนที่หนิวซื่อได้รับผ้าจากนาง ก็ทำท่าโบกมือ “ไม่ต้องเ้าค่ะ ไม่ต้อง ตอนมาถึงข้าได้ชุดเพิ่มมาสองชุดตอนนี้มีเสื้อผ้าให้ใส่แล้ว ผ้าใหม่พวกนี้เอาไปทำเสื้อผ้าให้น้องสาวสองคนของเ้าเถิดข้าเป็หญิงวัยกลางคนแล้ว ใส่เสื้อผ้าอย่างไรก็ได้เ้าค่ะ”
เฉินเนี้ยนหรานถลึงตาใส่นาง “พี่สะใภ้ พี่รับไปเถิด พวกนี้ข้าเอามาให้เ้ากับพี่ใหญ่และเด็กๆ สองคนด้วย แม้พวกเ้าจะช่วยข้าทำงาน แต่ข้า้าดูแลพวกเ้าจากใจจริงๆเสื้อผ้าพวกนี้ แค่เงินไม่เท่าใด หากเ้าไม่รับ ข้าจะโกรธจริงๆ นะหากพวกเ้ารู้สึกว่ารับผ้าพวกนี้ไปแล้วรู้สึกไม่ดีต่อไปทำงานก็มีไหวพริบขึ้นมาหน่อย ขยันขึ้นอีก เพียงแค่พวกเ้าทำงานดีข้าก็ไม่ขาดทุนแล้ว”
การดูแลบริวาร ไม่ใช่ใช้อำนาจมากดพวกเขา จึงจะทำให้คนเชื่อฟัง ทว่าการให้ความเมตตากับลูกน้องกลับสามารถได้รับความซื่อสัตย์จริงใจจากพวกเขา
แน่นอน ว่าต้องใช้กับคนที่เหมือนกับพวกหนิวซื่อจึงจะได้ หากเป็คนประเภทลืมบุญคุณเกรงว่าให้ไปมากเท่าใด เขาจะรู้สึกว่าเ้านายคนนี้ยินยอมมอบให้เองเป็เขาหามาได้ด้วยตนเอง
หนิวซื่อยังคิดจะปฏิเสธ แต่เฉินเนี้ยนหรานขมวดคิ้ว“พี่สะใภ้หากเ้ายังปฏิเสธอีก ข้าจะเอาผ้าพวกนี้ไปเผาให้หมด”
ท่าทางมุ่งมั่นเช่นนี้ถึงได้ทำให้หนิวซื่อไม่กล้าปฏิเสธอีก ในใจรู้สึกซาบซึ้งกับเ้านายคนนี้มากนี่ไม่ได้พูดถึงปัญหาของเสื้อผ้าพวกนี้ แต่เป็ปัญหาของท่าทีเ้านาย
บนโลกใบนี้ มักจะมีมาตรฐานของคนที่มีอำนาจ
การเป็ทาส นั่นคือเป็คนที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเห็นเ้านายจะต้องก้มหัวทำความเคารพ เ้านายยิ้มให้ เ้าจึงจะสงบใจได้เ้านายที่ดูแลคนใช้ราวกับพี่น้องตัวเองเช่นเฉินเนี้ยนหราน จะหาได้กี่เรือนกัน?
ทุกคนที่ได้รับของขวัญต่างดีใจกันมาก
ระหว่างนั้น น้องห้าก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่บ้านบอกว่าจะช่วยไปสอบถามให้
“ท่านพี่ ตอนที่ข้าพูดว่าจะหาคนมาสอบถามเื่ซื้อที่ดินสายตาที่ผู้ใหญ่บ้านมองข้าช่างประหลาดนัก โดยเฉพาะฮูหยินสวยๆของผู้ใหญ่บ้านที่มองข้าอยู่นาน มองจนข้ารู้สึกอาย ต่อมาข้าจึงค่อยๆ เผยออกไปว่าท่านลุงเห็นพวกเราอยู่ในหมู่บ้านนี้ไม่ง่ายนักจึงจะให้พวกเราช่วยทำนาเ้าค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] ขนมเปี๊ยะหล่นจากฟ้า หมายถึง สิ่งที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน
