ทั่วทุกทิศทางเงียบสนิท!
ทุกคนต่างไม่กล้าจะเชื่อหูของตนเอง พลางจ้องมองฉินอวี่ด้วยความตกตะลึง แม้แต่ฉือเซียวเองก็ยังคิดว่าตนเองได้ยินผิดไป จนต้องหันมามองอย่างสงสัยไปยังฉินอวี่ที่กำลังก้าวออกไปข้างหน้า
หวังซิงเฉินคิดจะท้าประลองกับชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงที่มีประวัติลึกลับคนนี้หรือ?
ในตอนนี้ ทุกคนต่างตกตะลึงขึ้นมา แม้แต่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงยังต้องเลิกคิ้วขึ้น และกวาดสายตามองฉินอวี่ด้วยท่าทางที่เย้ยหยัน
เมื่อนำฉู่สยงออกไปเรียบร้อยแล้ว ฉู่เยว่ฉานก็จ้องตรงไปทางฉินอวี่อย่างลึกซึ้ง นึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะก้าวออกไปเช่นนั้น จากความเห็นของนาง แม้ว่าฉินอวี่จะเป็ร่างอสุนีลึกลับ แต่เมื่อต้องเผชิญกับชายหนุ่มคนนี้แล้วก็เหมือนเป็เื่ที่ไม่น่าเป็ไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
คนทั้งหกที่มาพร้อมกับฉู่สยงต่างมองไปทางฉินอวี่อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน โดยเฉพาะศิษย์ที่หมายจะสังหารฉินอวี่เพื่อล้างแค้นให้กับหลี่อวิ๋น ในใจของพวกเขา พละกำลังของฉินอวี่ก็แค่นั้นเอง และเกือบต้องตายลงไปด้วยฝีมือของอสูรร้ายระดับสี่ นับประสาอะไรกับร่างอสุนีลึกลับ ที่ยังมีพละกำลังไม่เป็ที่โดดเด่นมากนัก
แต่พวกเขากลับนึกไม่ถึงว่าในสถานการณ์ที่อันตราย ฉินอวี่จะปรากฏตัวออกมาเช่นนี้ แม้จะรู้ว่าฉินอวี่อาจจะทำไปเพราะฉือเซียว แต่... หัวใจของเขาก็เหมือนมีระลอกคลื่นที่สั่นคลอน ทำให้ความแค้นชิงชังต่อฉินอวี่หายไปอย่างมาก
ถังอีิจ้องตรงไปทางฉินอวี่ ก่อนหน้านี้เขาได้แต่คิดอยู่ตลอดว่าจะถอนตัวออกมาเช่นไร เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี่ เขาก็ถามเหมือนมีเงื่อนไขบางอย่าง “ศิษย์น้องหวัง... เ้า... เ้าทำได้จริงหรือ?”
หยางเทียนขมวดคิ้วพลางจ้องไปทางฉินอวี่ จากมุมมองของเขา ฉินอวี่กำลังทำอะไรไม่เจียมตัว แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยเผชิญหน้ากับฉินอวี่มาก่อน แต่เขายังไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี และก็พอจะคาดเดาพละกำลังของฉินอวี่ได้ระดับหนึ่ง แม้ว่ามันจะไม่ธรรมดา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มลึกลับผู้นี้แล้ว เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ในบรรดาศิษย์จำนวนมากนั้น มีเพียงหยางเต้าเท่านั้นที่จ้องมองฉินอวี่ด้วยสายตาที่ดูครุ่นคิดและสงสัย เท่าที่เขารู้จักฉินอวี่ ฉินอวี่ไม่ใช่คนหัวร้อน แต่ในตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะท้าดวลกับชายหนุ่มชุดแดง?
แม้ว่าจะมีความชื่นชมฉินอวี่ แต่หยางเต้าก็ไม่ได้มองว่าฉินอวี่เก่งขนาดนั้น ความแตกต่างของพละกำลังของทั้งสองมีมากยิ่งนัก
“ศิษย์น้องหวัง นี่ไม่ใช่เวลาที่เ้าจะมาผลีผลามทำอะไรเช่นนี้นะ” ฉือเซียวตำหนิด้วยเสียงทุ้มต่ำ แม้เขาจะสงสัยว่าฉินอวี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะชนะชายหนุ่มชุดคลุมสีแดง แต่ฉือเซียวก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของฉินอวี่ แต่ในฐานะศิษย์พี่ เขาจะปล่อยให้ศิษย์น้องเดินเข้าหาความตายได้อย่างไร?
ฉินอวี่ยิ้มบางๆ และพูดขึ้น “ศิษย์พี่ฉือ เชื่อข้าเถอะ”
ฉินอวี่ไม่ได้มีความมั่นใจขนาดนั้น ตามที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงได้พูดไว้ ตราบใดที่สามารถบีบให้เขาคืนระดับการฝึกฝนขึ้นไปในระดับเดิมได้ ก็ถือว่าชนะ แม้ฉินอวี่จะไม่สามารถสังหารชายหนุ่มคนนี้ได้ แต่เขาคิดว่าจะสามารถทำให้ชายหนุ่มคนนี้ฟื้นคืนระดับการฝึกฝนของตนเองได้
เดิมแล้วฉินอวี่้าจะปกปิดพละกำลังของตนเอง ไม่้าเผยวิชากลวิชาปีศาจคลั่งออกมา แต่เขาก็ไม่้าเห็นใครยอมเดินเข้าหาความตายเพราะตนเอง
ฉินอวี่คือคนที่เคยผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาจึงให้ความสำคัญกับเื่ความรู้สึกอย่างมาก แม้ว่าฉือเซียวจะเข้าใจผิดว่าตนเองเป็ศิษย์น้องของเขา จึงยอมออกตัวเดินออกมา แต่ฉินอวี่ก็รู้สึกประทับใจต่อฉือเซียวเป็อย่างยิ่ง
ฉือเซียวยังไม่ทันพูดสิ่งใดออกมา กลับพบว่าฉินอวี่ได้หยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงแล้ว ก่อนจะถอดหน้ากากและชุดคลุมออกช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่หยาบกร้าน
รูปลักษณ์ใบหน้านี้เป็ลักษณะเดียวกับที่ฉินอวี่ใช้แปลงกายในนามของเฉินซิงตอนอยู่ที่เมืองหลักเทียนอู่ ทั่วทั้งสำนักยุทธ์ว่านจ้ง นอกจากหลงเฟยแล้ว ยังไม่เคยมีผู้ใดเคยพบเห็นรูปลักษณ์นี้มาก่อน ดังนั้น จึงไม่กลัวว่าตัวตนของตนเองจะถูกเปิดเผย
“ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง?” ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงขมวดคิ้ว และดูเหมือนจะไม่พอใจ ก่อนหน้านี้เป็เพราะหน้ากากและชุดคลุมสีดำ ทำให้เขามองไม่เห็นระดับการฝึกฝนของฉินอวี่ แต่หลังจากถอดมันออกแล้ว เขานึกไม่ถึงเลยว่าฉินอวี่จะอยู่เพียงขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มโกรธเป็อย่างมาก แค่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สองกล้าท้าประลองกับตนเองเลยหรือ?
นี่เป็การดูถูกเขาเกินไป!
ฉินอวี่ไม่ได้คำนึงถึงความคิดของชายหนุ่มชุดคลุมสีแดง และผายมือทั้งสองออก บิดร่างกายอย่างสุดแรง ก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ “เริ่มกันเถอะ” พูดจบ ฉินอวี่ก็ลงมือโจมตีทันที
หอกศึกปรากฏขึ้นในมือของเขา ฉินอวี่ะโขึ้นกลางอากาศ อสุนีลึกลับก็ถูกถ่ายเทเข้าสู่หอกศึกทันที
“ตูมตาม!”
เสียงฟ้าผ่าของอสุนีคำรามดังกึกก้อง หอกศึกกลายเป็สายฟ้าสีม่วงอ่อนพุ่งตรงเข้าหาชายหนุ่มชุดคลุมสีแดง
ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงหรี่ตาลงเล็กน้อย แสงที่แปลกประหลาดส่องประกายผ่านรูม่านตาสีแดง ร่างอสุนีลึกลับ? นี่หรือคือสิ่งที่เขามั่นใจ?
ชายหนุ่มเยาะเย้ย ดวงตาของเขาเป็ประกายด้วยแสงสีแดง ขณะที่หอกศึกกำลังกระแทกเข้ามานั้น หมัดข้างหนึ่งก็โจมตีออกไปราวกับฟ้าผ่า จากนั้นเขาจึงะโขึ้นอย่างเ็า “เ้ากล้าจะท้าทายข้าด้วยอสุนีลึกลับระดับต่ำนี่น่ะหรือ? ในเมื่ออยากตายนัก ข้าก็จะช่วยให้เ้าสมหวัง” เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มคนนั้นก็โจมตีออกไป
“ตูม!”
เสียงอู้อี้ดังขึ้น หอกศึกถูกหมัดของชายหนุ่มชกจนกระเด็นลอยไป และในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นหายไป หมัดเปลวเพลิงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของฉินอวี่
ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็พละกำลังหรือความเร็วของชายหนุ่มคนนี้ ก็ได้ยกระดับพลังขึ้นสู่ชั้นสูงในทันที
อสุนีลึกลับเข้าห่อหุ้มร่างกายของฉินอวี่ ก่อนที่เพลิงแอ่งธรณีจะปะทุออกมาจากหมัดข้างขวา
หมัดะเิฟ้า
ทันใดนั้นฉินอวี่ก็ปล่อยหมัดออกไปสิบสองครั้งรวด หลังจากเข้าสู่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง ความแข็งแกร่งและความเร็วของฉินอวี่ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก สิบสองหมัดที่ปล่อยออกไป แฝงด้วยอสุนีลึกลับและเพลิงแอ่งธรณี ก่อตัวเป็พายุพลังที่พัดกระหน่ำเข้าใส่ชายหนุ่มคนนั้น
“ตูม ตูม!”
แผ่นดินสั่นะเื หมัดและหมัดปะทะกันจนเกิดแรงสั่นะเืที่ทรงพลัง และฝุ่นก็โหมกระหน่ำไปพร้อมกับคลื่นของแรงกระแทก อุณหภูมิในพื้นที่สูงขึ้นมาก จนศิษย์หลายคนต่างถอยหลังกันออกไป
“ไปตายเถอะ!” เสียงะโอันเยือกเย็นดังขึ้นมา ทุกคนต่างมองไม่เห็นชายหนุ่มชุดคลุมสีแดง แต่กลับเห็นเพียงหมัดเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่มีหัวัปรากฏขึ้น พุ่งตรงลงกระแทกกับพื้นดิน
“ศิษย์น้อง ระวัง!” ฉือเซียวะโด้วยเสียงทุ้มต่ำ ในตอนนี้ เขาะโเรียกฉินอวี่ว่า “ศิษย์น้อง” อย่างตรงๆ แทนที่จะเรียกว่าศิษย์น้องหวัง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาเองก็เริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้เช่นกัน
เมื่อเห็นหมัดเปลวเพลิงที่มีหัวัปรากฏขึ้น ร่างกายของฉือเซียวก็สั่นเทา มือทั้งสองกำหมัดแน่น จนเล็บจิกเข้าไปกลางฝ่ามือ จนมีเืไหลออกมา กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างเริ่มเกร็ง เส้นเอ็นเส้นเืปูดโปนขึ้นมา เปลวเพลิงคุกรุ่นอยู่ในร่าง แทบจะล้นทะลักออกมา
“ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สองกล้าจะท้าประลองกับคนเช่นนี้หรือ? แม้แต่ศิษย์พี่ฉู่สยงยังไม่อาจรับมือกับหมัดที่สามได้ แล้วเขาจะไปชนะได้อย่างไร?” มีศิษย์บางคนพูดอย่างหมดหวัง ในตอนแรกที่ฉือเซียวก้าวออกไป พวกเขายังพอมองเห็นความหวัง แต่นึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะท้าทายออกไปเช่นนั้น และยิ่งนึกไม่ถึงว่าฉินอวี่มีระดับการฝึกฝนเพียงขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง
“ข้าว่าเขาน่าจะรู้ว่าตนเองไม่สามารถต้านทานหมัดทั้งสามหมัดของคนผู้นี้ได้ ดังนั้นจึงกล้าท้าทายออกไป อย่างไรเขาก็ต้องตาย หากตายเช่นนี้ ก็ยังเป็ภาพลักษณ์ที่ดี...” ศิษย์ที่สนิทสนมกับหลี่อวิ๋นพูดอย่างประชดประชัน ถึงอย่างไรก็ต้องตายกันทั้งหมด ศิษย์คนนี้จึงพูดอย่างไร้ความเกรงใจ แต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็เกิดะเิขึ้นเหนือศีรษะ
ฉือเซียวที่มีใบหน้าบึ้งตึงได้ดึงมือที่เปื้อนเืกลับมา กวาดสายตามองอสูรร้ายโดยรอบ หากไม่ใช่เพราะมีอสูรร้ายอยู่โดยรอบเช่นนี้ และหากไม่ใช่เพราะมีวานรยุทธ์อยู่ที่นี่ด้วย ฉือเซียวคงเข้าไปร่วมการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว
ฉู่เยว่ฉานขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจกับการก้าวออกไปของฉินอวี่ แม้แต่ฉู่สยงยังไม่อาจรับหมัดทั้งสามนั้นได้ แต่หวังซิงเฉินในขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สองน่ะหรือจะทำได้?
แม้หวังซิงเฉินจะมีร่างอสุนีลึกลับ แต่ก็อยู่เพียงขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง จะสามารถสำแดงพลังออกไปได้สักเท่าไรกัน?
ไม่เพียงแต่ฉู่เยว่ฉานเท่านั้น แม้แต่หยางเต้าก็ไม่เข้าใจสิ่งนี้ ถึงจะรู้จักกันไม่ถึงวัน แต่ด้วยสติปัญญาและความรอบคอบของฉินอวี่ ทำให้หยางเต้ารู้สึกเหมือนกำลังพบกับคู่ต่อสู้ของตนเอง ในตอนนี้ เมื่อฉินอวี่ท้าประลองกับชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงที่แข็งแกร่งดูลึกลับคนนี้ จึงทำให้หยางเต้าไม่เข้าใจเป็อย่างยิ่ง
หรือว่า เขาจะมีความมั่นใจจริงๆ?
หยางเต้าส่ายหน้า ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงแข็งแกร่งเกินไป เขาแทบจะััได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในร่างกายของชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเขาและพี่ชายอย่างหยางเทียนจะเข้าร่วมด้วย อัตราการชนะก็เพิ่มขึ้นไม่มากเลย! ดังนั้น เขาจึงไม่ได้เชื่อมั่นในตัวฉินอวี่มากนัก และยังเชื่อเป็อย่างยิ่งด้วยว่าฉินอวี่จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
“น่าเสียดาย” หยางเต้าจ้องไปทางหลุมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความรู้สึกเสียใจ เขาชำนาญในการวางแผน ไม่ง่ายนักที่จะได้พบกับใครสักคนที่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็คู่ต่อสู้ของตนได้ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าความบ้าบิ่น จะส่งผลทำลายชีวิตของตนเอง
หลังจากฝุ่นจางลง ฉินอวี่กำลังนอนอยู่บนพื้นกลางหลุมขนาดใหญ่ ผมเพ้ายุ่งเหยิง มีเืไหลอาบไปทั่วทั้งร่าง
“ไม่รู้จักเจียมตัว” ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงปรากฏตัวขึ้นบนฟากฟ้าเหนือศีรษะของฉินอวี่ ใบหน้าแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน ฉินอวี่ค่อยๆ ปีนลุกขึ้นมา ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในตอนนี้ รอบร่างกายของฉินอวี่เต็มไปด้วยแสงของสายฟ้า เปลวไฟสีเทาหม่น เปล่งประกายสีแดงประหลาดออกมาอย่างจางๆ
แม้ว่าจะแปลกใจ แต่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงกลับไม่ใส่ใจ ในมุมมองของเขาฉินอวี่คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่ก็แค่ดูพิเศษเพียงเท่านั้น หากเทียบกับตนเองแล้วกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เมื่อเห็นฉินอวี่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ในใจของชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะพูดไปอย่างเ็า “ไปตายซะเถอะ”
คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในอวกาศ และมือของชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงก็ปรากฏขึ้นราวกับอสูรร้ายที่ออกมาจากกรง พลังอันไร้ที่สิ้นสุดะเิออกมา ขณะที่กำปั้นทั้งสองถูกกำแน่นเป็หมัดอันแข็งแกร่ง เสียงของะเิและเสียงของสายฟ้าก็ดังขึ้นแทบจะเป็เวลาเดียวกันอย่างทรงพลัง
“หมัดหนักว่านจุน!” หมัดของชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงทั้งสองข้างเปลี่ยนไปเป็หัวของัสองหัว พุ่งตรงเข้าหาฉินอวี่อย่างดุเดือด
“โฮก...” ัส่งเสียงคำราม จนเกิดเสียงะเิดังขึ้นไปทั่วบริเวณ
“ระวัง!” ฉือเซียวส่งเสียงะโออกมาทันที เขาก้าวออกไปข้างหน้าอย่างไม่ตั้งใจ แต่แล้วเมื่อก้าวไปเพียงก้าวเดียว ก็เหมือนถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากฟากฟ้าพุ่งเข้าปกคลุมไปทั่วร่างกาย ทำให้เขาไม่สามารถจะย่างเท้าก้าวที่สองออกไปได้เลย ฉือเซียวที่กำลังดิ้นรนรู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่โกรธเคืองกำลังจ้องมองมาทางเขาอย่างเฉยเมย
นั่นคือวานรยุทธ์อันน่าสะพรึงกลัว!
ทุกคนต่างสูดลมหายใจ พลังของหมัดทั้งสองนี้แทบจะทำลายพื้นที่บริเวณนั้นจนแตกสลาย แข็งแกร่งกว่าสามหมัดที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงใช้โจมตีใส่ฉู่สยงหลายเท่า จะเห็นได้ว่า ในตอนที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงโจมตีฉู่สยงนั้น ชายหนุ่มคนนี้ยังไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา
ในขณะนี้ นอกจากฉือเซียวแล้ว ทุกคนต่างไม่สบายใจและว้าวุ่นใจอย่างยิ่ง พลันเริ่มมีความท้อแท้ขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะฉินอวี่กำลังจะตาย แต่เป็เพราะความสิ้นหวังทั้งหมดที่มีขึ้น แม้แต่หยางเทียนและหยางเต้าสองพี่น้อง ต่างก็เป็เช่นเดียวกัน
ในฐานะที่เป็ร่างฝาแฝด ทั้งสองคนต่างมีพลังแฝงอันไม่สิ้นสุดอยู่กับตัว ขอเพียงให้เวลากับพวกเขาสักหน่อย วันข้างหน้าพวกเขาจะไม่มีความเกรงกลัวต่ออัจฉริยะคนไหนทั้งสิ้น แต่หากถูกสังหารเสียก่อนจะได้ลุกขึ้นอย่างโดดเด่น ทุกอย่างก็คงกลายเป็เพียงคำพูดเปล่าๆ
“ตูมตาม!”
ฟ้าดินสั่นะเื ฝุ่นและคลื่นความร้อนตลบอบอวล ก่อตัวเป็คลื่นอันบ้าคลั่ง ผลักดันทุกคนออกไป แม้แต่อสูรร้ายระดับห้าที่อยู่รอบด้าน ต่างก็ต้องถอยห่างออกไปหลายก้าวทันที
มีเพียงวานรยุทธ์ที่น่าสะพรึงซึ่งสูงตระหง่านเท่าูเาเท่านั้นที่ยังไม่เคลื่อนไหว
ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงที่ยืนอยู่กลางอากาศจ้องมองลงด้านล่างอย่างเ็า
เมื่อฝุ่นสลายจางลงไป
ร่างที่เต็มไปด้วยเืยืนนิ่งอยู่กลางหลุมขนาดใหญ่ตรงเบื้องล่าง ร่างกายเปล่งแสงสว่างสีแดง ทอดยาวราวกับรุ้ง์
และเสียงแหบแห้งดังก้องอยู่ในหูของทุกคนราวกับสายฟ้าจาก์
“พลังของหยาจื้อ... ก็ได้แค่นี้เองหรือ...”
ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงตกตะลึง
ฉือเซียว ฉู่เยว่ฉาน และหยางเทียนหยางเต้าสองพี่น้อง รวมถึงพวกถังอีิต่างตกตะลึงเช่นกัน
แม้แต่วานรยุทธ์ที่น่าสะพรึงกลัว ยังต้องจ้องมองไปทางร่างเปื้อนเืทางด้านล่างอย่างไม่เชื่อสายตา!
“เป็ไปได้อย่างไร?”
