ทันทีที่มู่จ้งจินออกไป ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามก็รีบมาคุยด้วยทันที
“ท่านปรมาจารย์โปรดใจเย็นก่อนเถิด ท่านอย่าใส่ใจคนโง่นั่นเลย”
“ใช่แล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการขับไล่ิญญาร้าย”
ชิงอีมองไปยังทั้งสามคน แล้วก้าวไปข้างหน้า
“ข้าจะถามพวกเ้าเป็ครั้งสุดท้าย พวกเ้าเต็มใจสละชีวิตสิบห้าปีใช่หรือไม่”
“เต็มใจ ข้าเต็มใจ!” พวกชุ่ยหลิ่วพยักหน้าหงึกๆ
เว่ยซู่และขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกสองคนก็เห็นพ้องว่า “ก็แค่สิบห้าปี ท่านปรมาจารย์รีบลงมือเลยเถอะ!”
“ตกลง” ชิงอีพยักหน้า พร้อมเอ่ยกับทั้งสามว่า “พวกท่านสามคนออกไปก่อน”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน ทว่า ก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไร และรีบออกไปราวกับเท้าติดล้อไฟ อย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่ได้อยากรู้ว่านางจะจัดการความชั่วร้ายนี้อย่างไรอยู่แล้ว
ชิวอวี่ที่ยืนอยู่ตรงมุมลาน ในแววตาฉายชัดถึงความโศกเศร้าเจือความรู้สึกผิด
เขาสังเกตได้ว่าแม่แมวข้างเท้าเขาเริ่มกระสับกระส่ายและบินไปทั่วในลานบ้าน ผ้าขาวที่คลุมใบหน้าของหญิงสาวทั้งสามก็ถูกลมพัดเปิดออก ดวงตาที่ปิดสนิทของพวกนางลืมขึ้นมาทันใด พร้อมกับั์ตาสีแดงน่าขนลุก
“กรี๊ด” พวกชุ่ยหลิวกรีดร้องอย่างใจนหมดสติ
“ออกไป!”
ทันทีที่ชิงอีตะคอก ั์ตาสีโลหิตก็สลายไปทันที แต่ละคนคุกเข่าบนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ส่วนสีหน้าตื่นกลัวระคนพอใจ
เหมียว~
แม่แมวหมุนไปมาอย่างกระวนกระวาย มันหมอบลงกับพื้นและอ้อนวอนไม่หยุดหย่อน
ชิงอียังคงเอ่ยด้วยเสียงที่เ็า
“ที่ยังไม่ยอมออก เพราะอยากให้ข้าทำให้พวกเ้าแหลกสลายใช่ไหม?!”
ตูม
เงาสีดำสามเงาออกมาจากร่างของหญิงสาวทั้งสามคน มันกลายร่างเป็ลูกแมว โดยแต่ละตัวนอนหมอบด้วยตัวสั่นเทาอยู่กับพื้น พวกมันยังไม่ทันได้ลืมตาด้วยซ้ำ และยังคงร้องเหมียวๆ กับชิงอีคล้ายว่ากำลังอ้อนวอนหรือไม่ก็กำลังคร่ำครวญ
ถึงแม้ชิวอวี่จะไม่เข้าใจภาษาผี ทว่า เขาก็เ็ปใจอย่างยากจะอธิบายได้
แม่แมวยืนอยู่หน้าลูกแมวทั้งสามตัว ก่อนจะคุกเข่าลงดุจดั่งขอทาน มันช้อนตามองท้องฟ้าอย่างหวาดกลัว เหมือนกำลังมองหาบางสิ่ง
ทันใดนั้น มีเงาดำเงาหนึ่งลอยจากด้านนอกจวนรองเสนาบดี มันกลายร่างเป็ลูกแมวมางอตัวอยู่ด้านหลังแม่แมว
แม่แมวโล่งอก แล้วส่งสายตาโศกไปให้ชิงอี
พลัน ชิงอีก็แย้มยิ้ม “เ้าไม่ต้องเสียดายไปหรอก ชีวิตที่ถูกขโมยไป ชาติหน้าเ้าจะได้รับการชดเชยแน่ ทางวัฏสงสารของเ้าก็เร่งรัดให้ได้ ทว่า เ้ากลับทิ้งโอกาสนั้น เพื่อช่วยลูกๆ ทั้งสี่ของเ้า”
แม่แมวหลั่งน้ำตาเป็สายเื
“จะเข้าแถวเพื่อกลับมาเกิดหรือไม่ มันก็เื่ของเ้า ไม่ต้องขอร้องแล้ว ไม่มีประโยชน์หรอก” ชิงอีพูดเสียงเรียบและยกมือขึ้น
“องค์หญิง!” ชิวอวี่อดร้องเรียกไม่ได้
ชิงอีเหลือบมองเขา เพียงชั่วพริบตา มือขาวของนางก็ลดลงมา
แววตาของชิวอวี่อ่อนแสงลง ก่อนจะแปรเป็ความหดหู่คล้ายถ่านที่มอดดับ เขาทอดมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
ร่างิญญาถูกดึงออกมาจากเหล่าหญิงสาว เมื่อพิจารณารูปลักษณ์แล้ว ร่างิญญาคือทั้งสามคนที่นอนอยู่นั่นเอง!
เมื่อลืมตา พวกนางก็แย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ ชิงอีส่งเสียงกระแอมออกมา ทำให้ทั้งหมดไปยืนตัวสั่นเกาะกลุ่มกันตรงมุมลาน
“เข้าไปสิ” ชิงอีพูด
แววตาของแม่แมวมีประกายความปีติพาดผ่านเข้ามา มันไปหาลูกทั้งสี่ของตน
แต่มีแค่สามศพเท่านั้น ยังขาดอีกหนึ่งตัว!
ชิงอีลูบคาง “อืม ยังขาดไปอีกหนึ่ง เช่นนั้นเป็เ้าละกัน ใครสั่งให้เ้าโลภมากกันล่ะ”
นางกระดิกนิ้วไปทางชุ่ยหลิ่ว ทันใดนั้น ิญญาของชุ่ยหลิ่วก็ถูกดึงออกมาทันที
ชุ่ยหลิวมองชิงอีด้วยความกลัวถึงขีดสุด ไม่คาดว่าจะกลายเป็เช่นนี้
ลูกแมวตัวสุดท้ายเข้าไปในร่างของชุ่ยหลิ่ว
ต่อมา ทั้งสี่คนก็ลืมตา แล้วคุกเข่าลงบนพื้น เพื่อโค้งคำนับให้ชิงอี “ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า ขอบคุณผู้มีพระคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้”
“พวกเ้ามีเวลาแค่สิบห้าปีในฐานะมนุษย์ ทันทีที่หมดเวลา พวกเ้าก็จะถูกผู้คุมิญญาของปรโลกมาพาไป”
เ้าแมวน้อยทั้งสี่ตัวตื่นเต้นที่ได้ยินแบบนั้น เดิมทีพวกมันคิดว่าตัวเองต้องตาย ทว่า กลับมีโอกาสมาเป็คนสิบห้าปี เช่นนี้จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไรล่ะ?
เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังไม่หยุด
ชิงอีกระทืบเท้า เสียงของหญิงสาวคนเท่ากับเป็ดร้อยตัว เมื่อมีสี่คนก็เท่ากับสี่ร้อยตัว เ้าลูกแมวสี่ตัวนี่ ช่างน่ารำคาญจริง!
“ถ้ายังพูดพร่ำต่อ เชื่อไหมว่าข้าจะทำให้พวกเ้าสลายไปทันที เงียบ!”
พอชิงอีโกรธ ลูกแมวทั้งสี่ก็รีบทำตามคำสั่งทันที พวกมันยืนเรียงแถวอย่างเชื่อฟัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความน่าเอ็นดูเลย
เพียงแต่ร่างที่พวกมันสิงอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าดูอย่างไรก็เรียกว่าขนดกจริงๆ
“อย่าคิดว่าสิบห้าปีนี้ ข้าให้พวกเ้าเปล่าๆ หากเ้ากล้าทำเื่เหิมเกริมบนโลกนี้ละก็ ฮึ” ชิงอีส่งเสียงฮึออกมาอย่างเย้ยหยัน พลันน้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็ตื่นเต้นแฝงข่มขู่ “เมื่อถึงเวลานั้น ข้ายินดีที่จะได้มารับิญญาพวกเ้าด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่ารสชาติของลูกแมวทอดจะเป็อย่างไร ข้าเองก็ยังไม่เคยลิ้มลองมาก่อน”
ใต้หมวกซาเม่านั้น เหมือนว่านางกำลังเลียปาก
ลูกแมวทั้งสี่ตัวใกลัวจนน้ำตาไหล
ถึงอย่างไรก็อดพูดถึงสภาพพวกมันในตอนนี้ไม่ได้... เฮ้อ ช่างสกปรกเหลือเกิน
พวกผีขี้เหร่ทั้งสี่ ไปให้พ้น อย่ามาเกะกะ! ชิงอีโบกมืออย่างหงุดหงิด ลูกแมวทั้งสี่ตัวจึงไปยืนมุมลานทันที
ด้านข้างจึงเหลือเพียงไม่กี่คน หรือพูดได้ว่า...ิญญาของพวกนางหลี่
“เ้ามีสิทธิ์อะไรมาเอาร่างของเราไป!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะให้สัตว์มาสิงร่างพวกเรา นางปีศาจ!”
พวกนางหลี่ยังคงต่อว่าด้วยความไม่พอ แม้จะกลัวชิงอี ทว่า ความขุ่นเคืองที่มากกว่าทำให้พวกเขาโวยวาย
“มีสิทธิ์อะไร” ชิงอีหัวเราะเยาะ ก่อนจะหันหลังไปนั่ง
ตอนแรกข้างหลังนางไม่ได้มีอะไร แต่เมื่อนางทิ้งตัวลงนั่งก็มีบัลลังก์โครงกระดูกปรากฏใต้ร่าง มือข้างหนึ่งเท้าคาง ส่วนขายาวตวัดไขว่ห้าง แล้วมองผีทั้งสี่เบื้องหน้าอย่างเ็า
“ก็สิทธิ์ที่ข้าเป็เ้าแห่งปรโลกไงละ!”
เสียงเย็นะเือันทรงอำนาจสร้างแรงกดดันต่อผีสี่ตนอย่างท่วมท้น
พวกเขาคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา
“การได้เกิดมาถือเป็พรอันยิ่งใหญ่ ทว่า พวกเ้ากลับไม่หวงแหน ในเมื่อเป็เช่นนี้ พวกเ้าก็ลองไปเป็สัตว์เดรัจฉานหน่อยก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงชิงอี รอบข้างก็มีเสียงร้องดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง
ทั้งเสียงเห่าหอน ทั้งเสียงไก่ขัน...
ผีทั้งสี่สั่นสะท้าน พลางคำนับไม่หยุด
“ขอโอกาสให้พวกเราอีกครั้ง พวกเราจะปรับปรุงตัวแน่”
ชิงอียกยิ้มมุมปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดใจ “แน่นอนว่าข้าจะให้โอกาสพวกเ้า”
มีประกายแห่งความหวังในดวงตาของผีทั้งสี่
“ในฐานะเ้าแห่งปรโลก กฎเกณฑ์สำคัญที่สุด พวกเ้าสมัครใจสละอายุขัยสิบห้าปีเพื่อแลกเปลี่ยน เช่นนั้นแล้วด้วยเวลาสิบห้าปีนี้ พวกเ้าจะได้ััเต็มที่ว่าการเป็หมู หมา และไก่เป็อย่างไร
ถ้าพ้นสิบห้าปีไปแล้ว พวกเ้าไม่ถูกใครกิน ข้าจะให้พวกเ้ากลับร่างเดิมแน่
แบบนี้ยุติธรรมดีไหม?”
พูดจบ เสียงหัวเราะซึ่งเจือด้วยความซุกซนราวกับเด็กน้อยของชิงอีก็ดังเบาๆ
ผีทั้งสี่ถึงกับหน้าซีดเผือด เป็หมู เป็หมา เป็ไก่ แล้วยังต้องไม่ให้ถูกคนกินอีก?! จะเป็ไปได้อย่างไร?!
นี่ไม่เท่ากับว่าจะปล่อยให้พวกนางตายหรือไร?!
พญามัจจุราชน้องสาวบนบัลลังก์โครงกระดูก ไม่รู้ว่าตนโหดร้ายแค่ไหน และไม่รู้ว่ารอยยิ้มของนางช่างสดใสเพียงใด
“พรุ่งนี้กินหมูตุ๋น”
“วันมะรืนก็จะกินไก่อบขิง”
“วันถัดๆ ไปก็กินเนื้อหมาผัด”
“กินสลับกันไปมาครึ่งปี สักวันพวกเ้าคงมาอยู่ตรงหน้าข้าใช่ไหม?”
