ขณะที่คุณปู่เจิ้งเดินผ่านร่างเล็กของหมี่หลันเยว่ เขากลับเหลือบมองเด็กสาวด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาเห็นรอยแดงที่เกิดจากจิกเล็บบนฝ่ามือของเด็กสาวตอนที่เธอเอื้อมมาจับมือทักทาย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เกิดจากอาการวิงเวียนศีรษะอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่เริ่มจับมือทักทายผู้ใหญ่ที่เพิ่งพบกันนั้นหาได้ยากยิ่งนัก มันดูเป็ธรรมชาติเสียจนน่าประหลาดใจ ทำให้คุณปู่เจิ้งสังเกตเห็นความพิเศษบางอย่างในตัวเธอ แต่หมี่หลันเยว่กลับไม่ได้ใส่ใจ เพราะใจของเธอไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว
"รีบๆ เข้ามากินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด"
หลังจากที่คุณปู่เจิ้งและญาติผู้น้องล้างมือและนั่งประจำที่เรียบร้อย เจิ้งซวี่เหยาจึงแนะนำทุกคนใหม่อีกครั้ง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยการทักทายปราศรัย
เมื่อหมี่หลันเยว่ได้ยินเจิ้งซวี่เหยาแนะนำว่าญาติผู้น้องคนนั้นชื่อ เฉินชิ่งเยี่ยน ริมฝีปากของเธอก็กัดเข้าหากันอย่างแรง หมี่หลันหยางคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของน้องสาวอยู่ตลอดเวลา เขาเห็นเธอตัวสั่นอย่างรุนแรง และกัดริมฝีปากจนเืซึมออกมา ทำให้เขาใแทบแย่
หมี่หลันหยางกำลังจะเอ่ยปากถามน้องสาว แต่หมี่หลันเยว่กลับคว้ามือของพี่ชายเอาไว้ แล้วบีบแน่น ก่อนจะรีบใช้ลิ้นเลียคราบเืบนริมฝีปากออกไป จากนั้นก็ยกแก้วขึ้นคารวะผู้าุโบนโต๊ะ แล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าวเงียบๆ
ความเงียบผิดปกติของหมี่หลันเยว่ ทำให้หมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น และคนอื่นๆ เริ่มกินข้าวกันอย่างเงียบๆ เช่นกัน ทำให้มื้ออาหารจบลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็ที่ชื่นชอบของคุณปู่เจิ้งและคุณพ่อเจิ้งเป็อย่างมาก เด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้เซ้าซี้พูดคุยอะไรมากมายกับพวกเขา แสดงให้เห็นว่ารู้จักกาลเทศะ ไม่ได้ประจบประแจงหรือเสแสร้ง
"กินข้าวแบบนี้สบายใจดี ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย พอดีว่าตอนบ่ายฉันยังมีประชุม พอดีเลย เด็กๆ ฉันคงไม่ได้อยู่บ้านเป็เพื่อนพวกเธอแล้วนะ ตอนเย็นค่อยกลับมาคุยกันใหม่"
เมื่อคุณปู่เจิ้งลุกขึ้น เขาก็ทักทายหมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ อย่างสุภาพ
"คุณปู่เดินทางดีๆ นะครับ/นะคะ"
เมื่อส่งคุณปู่เจิ้งและคุณพ่อเจิ้งถึงหน้าประตู ทั้งสองคนไม่ได้นั่งรถคันเดียวกัน คุณพ่อเจิ้งขึ้นรถจี๊ปคันใหญ่ที่มารับทุกคนมาที่บ้านตระกูลเจิ้ง แสดงว่ารถคันนั้นคือรถประจำตำแหน่งของคุณพ่อเจิ้ง ส่วนตอนเช้าที่ไม่ได้นั่งก็เป็เพราะต้องไปรับเจิ้งซวี่เหยาที่สถานีรถไฟโดยเฉพาะ
"เอาล่ะ พ่อกับปู่ไปแล้ว พวกเราก็กลับเข้าไปข้างในกันเถอะ"
เจิ้งซวี่เหยาพาทุกคนเดินเข้าไปในบ้าน อยากจะกลับไปคุยกันต่ออีกหน่อย แต่หมี่หลันเยว่เริ่มไม่ไหวแล้ว รีบบอกเจิ้งซวี่เหยาว่าอยากกลับไปพักผ่อน เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหมี่หลันเยว่ยังไม่ค่อยดีนัก เจิ้งซวี่เหยาจึงรีบให้เธอกลับไปพักผ่อนในห้อง
หมี่หลันหยางก็อยากจะตามน้องสาวกลับไปด้วย แต่หมี่หลันเยว่้าให้เขาได้ทำความรู้จักกับเจิ้งซวี่เหยาให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็ประโยชน์ต่อการเรียนในอนาคตของพวกเขา จึงไล่พวกหนุ่มๆ ทั้งสี่คนไปคุยกับเจิ้งซวี่เหยา ส่วนตัวเองก็หันหลังกลับไป มองไปยังร่างเงาที่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว แล้วก็พบว่าเฉินชิ่งเยี่ยนกำลังมองมา
หัวใจของหมี่หลันเยว่เต้นแรง แต่เธอควบคุมสีหน้าของตัวเองได้ดี แอบยกมุมปากเล็กน้อย ถือเป็การทักทาย แล้วหันหลังเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละก้าวของเธอในขณะนี้ยากลำบากเพียงใด แต่เธอก็ยังคงยืดหลังตรง
"หลันเยว่ไม่เป็อะไรใช่ไหม"
สภาพของหมี่หลันเยว่ในวันนี้แตกต่างจากปกติมากเกินไป เฉียนหย่งจิ้นถามหมี่หลันหยางอย่างเป็กังวลด้วยเสียงกระซิบเบาๆ หลินเผิงเฟยจึงขยับเข้ามาใกล้ๆ เพื่อฟังอย่างตั้งใจ
"ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ถ้าเธอเป็อะไร เธอจะบอกพวกเราเอง เธอไม่ใช่คนที่ไม่รู้เื่รู้ราวหรอก เธอก็รู้ว่าพวกเราเป็ห่วง"
คำพูดของหมี่หลันหยางทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"ชิ่งเยี่ยน นายก็ได้รู้จักเพื่อนๆ แล้ว สนิทสนมกันให้มากๆ นะ แล้วก็เรียนรู้จากพี่ๆ เขาให้เยอะๆ ปีหน้าก็ต้องสอบเข้าชิงหวาให้ได้นะ"
เจิ้งซวี่เหยานำทุกคนกลับมาที่ห้องรับแขก แม่เจิ้งได้ยกห้องรับแขกให้ลูกชายใช้แล้ว แอบกลับเข้าไปในห้องเงียบๆ
"อ้อ ชิ่งเยี่ยนกำลังเรียนอยู่ ม.6 ใช่ไหม"
เฉียนหย่งจิ้นรีบเอ่ยปากคุยอย่างเป็ธรรมชาติ ไม่นานทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนุกสนาน เฉียนหย่งจิ้นถ่ายทอดประสบการณ์และเคล็ดลับต่างๆ เกี่ยวกับการเรียน ม.6 อย่างไม่ปิดบัง
"ฟังพี่หย่งจิ้นพูดแล้ว ได้ความรู้เยอะเลยครับ โดยเฉพาะเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการทบทวนบทเรียน ต้องเอาไปศึกษาดูให้ดี อาจจะช่วยให้เหนื่อยน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์มากขึ้นก็ได้นะครับ"
เฉินชิ่งเยี่ยนชื่นชมคำแนะนำของเฉียนหย่งจิ้น เพราะพวกเขาทุกคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาได้จริงๆ
การคบหาสมาคมของหนุ่มสาวเป็ไปอย่างจริงใจและสนุกสนาน ทั้งหกคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจิ้งซวี่เหยาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือโดยไม่ได้ตั้งใจ พบว่าใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว
"โธ่ นึกว่าจะคุยกับพวกนายสักพัก แล้วจะให้ไปอาบน้ำพักผ่อนกัน ที่ไหนได้ คุยกันจนถึงเวลานี้แล้ว"
ในขณะที่พูด นาฬิกาแขวนบนผนังก็ตีบอกเวลา 'ต๊อก...ต๊อก' ทุกคนจึงเพิ่งตระหนักว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้
"พวกนายรีบกลับไปอาบน้ำกันเถอะ แล้วขึ้นไปพักผ่อนบนเตียงสักหน่อย ตอนเย็นค่อยมาคุยกันต่อ"
ตอนที่หมี่หลันหยางกลับมา เขาไปที่ห้องน้องสาวก่อน เคาะประตูเบาๆ แต่ไม่มีใครตอบ จึงลองบิดลูกบิดประตู พบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน สงสัยคงหลับไปแล้ว หมี่หลันหยางจึงไม่ได้รบกวนน้องสาว หันหลังกลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อไปล้างหน้าล้างตัว
ในขณะนั้น หมี่หลันเยว่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงจริงๆ แต่เธอหลับไม่สนิทเลย เื่ราวในอดีตที่เธอคิดว่าได้ลืมเลือนไปแล้ว กลับปรากฏขึ้นในความฝันอย่างชัดเจน ความรู้สึกอึดอัดราวกับจมน้ำ ทำให้หมี่หลันเยว่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ในฝัน เธอกำลังถูกน้ำท่วมโอบล้อมร่างกาย
เมื่อตื่นขึ้น หมี่หลันเยว่ก็หายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อให้ปอดของเธอเต็มไปด้วยออกซิเจนที่สบาย ไม่ใช่น้ำในแม่น้ำที่ขุ่นมัวในความฝัน ดวงตากลมโตทั้งสองข้างพยายามเบิกกว้าง มองไปยังเพดานที่อยู่ตรงหน้า เพดานสีขาวโพลน ทำให้ตาของหมี่หลันเยว่พร่าเลือนเล็กน้อย จนเธอรู้สึกสับสน
ภาพนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง ราวกับว่าเธอกลับไปอยู่ที่บ้านเก่าที่จากมานานแล้ว จำไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้งที่เมื่อเธอตื่นขึ้นมา แล้วลืมตาขึ้น ก็เห็นแต่เพดานสีขาวโพลนแบบนี้
ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง นอนอยู่บนเตียงนุ่มที่เก่าคร่ำครึ รับโทรศัพท์จากลูกสาว ดวงตาเห็นเพดานห้องแบบนั้น พร่าเลือนสายตา แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นคนคนนั้นเดินเข้ามาในห้องนอนจากข้างนอก รูปร่างหน้าตาที่แตกต่างจากใบหน้าวัยเยาว์ในวันนี้อย่างสิ้นเชิง
หัวใจของหมี่หลันเยว่เจ็บแปลบขึ้นมา เฉินชิ่งเยี่ยนที่เพิ่งเจอเมื่อกี้ อายุแค่สิบเจ็ดปี ตอนที่เธอรู้จักเขาในชาติก่อน เขาอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว เธอไม่เคยเห็นเขาในวัยรุ่นตอนต้นที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อนเลย ไม่คิดว่าเมื่อเธอได้เกิดใหม่ จะมีโอกาสได้เจอเขาในวัยสิบเจ็ดปี
การได้พบกันแบบนี้ ทำให้หัวใจของหมี่หลันเยว่เ็ปเหมือนถูกมีดกรีด ความทรงจำในอดีตหวนกลับคืนมาอย่างห้ามไม่ได้ หมี่หลันเยว่รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ ้าหนีจากทุกสิ่งในชาติก่อน เริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจึงเลือกเส้นทางที่ไม่เหมือนเดิม แต่ทำไมเฉินชิ่งเยี่ยนถึงไม่เหมือนเดิมเหมือนกันล่ะ
ในตอนนั้น เขาอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ไม่ใหญ่โตนัก ใหญ่กว่าเมืองซวงเฉิงไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ย้ายกลับไปดูแลคุณปู่คุณย่า เกรงว่าเธอคงไม่มีวันได้พบกับเขาไปตลอดชีวิต เขาทำงานเป็เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในห้างสรรพสินค้าในเมืองเล็กๆ แห่งนั้น
เมื่อคิดถึงผู้ชายคนนั้นที่ทำงานเดิมๆ มานานกว่ายี่สิบปี ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่ทะเยอทะยานถึงขีดสุด ซึ่งก็เหมาะสมกับเธอดี เธอเองก็เป็พนักงานขายที่ใช้ชีวิตไปวันๆ มากว่ายี่สิบปีเหมือนกัน แม้ว่าต่อมาจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็ผู้จัดการร้าน แต่ก็ไม่ได้เก่งไปกว่าผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่
แต่ทำไมในชาตินี้ เธอหนีมาถึงปักกิ่งแล้ว เขากลับปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้ง หรือว่าจะมีเื่ชาติภพจริงอย่างที่เขาว่ากัน ซึ่งหมี่หลันเยว่ไม่เชื่อเื่นี้ ในชาติก่อน หมี่หลันเยว่เคยเขียนนิยายออนไลน์หลายเื่ ซึ่งมักจะกล่าวถึงความรักในสามชาติภพ
แม้ว่าหมี่หลันเยว่จะเขียนออกมาอย่างสวยงาม แต่ในใจของเธอกลับไม่เชื่อว่าจะมีรักที่ยืนยาวข้ามชาติภพ คนเราก็แค่มีวาสนาต่อกันเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ในชาติที่แล้ว เธอได้พบกับเขาเพราะครอบครัวย้ายถิ่นฐาน หมี่หลันเยว่คิดมาตลอดว่านั่นเป็แค่โอกาสเดียวที่พวกเราจะได้เจอกันเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ เธอได้พบกับผู้ชายคนนั้นอีกครั้งจริงๆ แถมยังอยู่ห่างจากเมืองเดิมถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นลี้ หมี่หลันเยว่ต้องยอมรับว่า บางที โชคชะตาอาจมีกำหนดไว้แล้ว การพบเจอและการกลับมาพบกันใหม่ บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เธอไม่อยากจะใช้ชีวิตแบบชาติที่แล้วอีกแล้ว วันเวลาที่ผ่านไปกว่ายี่สิบปี ความรักก็จืดจางลงไปแล้ว จะต้องดำเนินต่อไปอีกหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะชีวิตของทั้งสองคนจืดชืดเกินไป เขาจะไปปรึกษากับเพื่อน แล้ววางแผนกลับไปแกล้งภรรยาที่บ้าน จนทำให้ตัวเธอต้องเสียชีวิตไปอย่างนั้นหรือ
เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวเองตกลงไปในน้ำ หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกหายใจไม่ออกอีกครั้ง ความรู้สึกของการเผชิญหน้ากับความตายนั้นทรมานเกินไป หมี่หลันเยว่ไม่อยากจะเจอเื่แบบนั้นอีกแล้ว ในเมื่อชาติที่แล้วจุดจบของเขากับเธอเป็แบบนั้น ชาตินี้จะเป็เหมือนเดิมหรือไม่
หมี่หลันเยว่ตัวสั่น เธอคิดว่าการเลือกที่จะอยู่ห่างจากเขาเป็สิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะไม่ได้หวังว่าจะมีอายุยืนยาวเป็ร้อยปี แต่การมีชีวิตอยู่ถึงเจ็ดแปดสิบปีคงไม่ใช่เื่ยาก ดังนั้น ในเมื่อได้เลือกที่จะมีชีวิตใหม่อีกครั้ง หากไม่เดินตามเส้นทางเดิม ก็จงเดินตามความตั้งใจของตัวเองต่อไป อย่าลังเลอีก
แต่ความคิดถึงในใจ ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกเสียใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เื่ราวของทั้งสองก็เป็เพียงความเข้าใจผิด เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายเธอจริงๆ เมื่อนึกถึงวันที่ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ความทรงจำดีๆ ก็ผุดขึ้นมา
หมี่หลันเยว่ส่ายหน้าอย่างแรง ปัดทุกสิ่งที่ควรคิดและไม่ควรคิดออกไปจากหัว ไม่มีใครมีโอกาสที่จะมีชีวิตใหม่อีกครั้ง คราวนี้เธอได้รับการดูแลจาก์แล้ว ดังนั้น เธอจะต้องทะนุถนอมมันให้ดี ดังนั้น จงอยู่ห่างจากอุบัติเหตุ จงอยู่ห่างจากอดีต ให้ทุกสิ่งเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ในที่สุดก็ตัดสินใจได้อีกครั้ง หมี่หลันเยว่คิดในใจว่า เธอจะต้องหาร้านที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ย้ายออกไป ไม่พบกับคนคนนี้อีกต่อไป ถือเสียว่าเป็การเดินสวนกันไปเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ในใจของเธอถึงรู้สึกเศร้า รู้สึกสับสน รู้สึกเสียดายเหลือเกิน…
