หลังจากคนทั้งแปดเดินทางมาถึงที่พักที่เฮ่อเหวินเจ๋อ เรือนหลังหนึ่งก็ถูกมอบให้เป็ที่พักชั่วคราวของลู่หยวนซีและกู้จิ่งเหยียน คราแรกเฮ่อเหวินเจ๋อคิดที่จะจ้างสาวใช้มาช่วยนางดูแลกู้จิ่งเหยียนเพื่อให้นางได้มีเวลาพักผ่อน แต่ลู่หยวนซีก็ได้ตอบปฏิเสธไปเพราะนางรู้ดีว่ากู้จิ่งเหยียนไม่มีทางยอมเปิดใจให้ใครง่ายๆ ตัวนางเองยังใช้เวลาตั้งนานกว่าเขาจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามและฟังที่นางพูด
“คุณชาย ข้าอาบน้ำสระผมให้ท่านดีหรือไม่ ท่านจะได้นอนหลับสบาย หรือว่าจะทานอาหารก่อนดี ข้าลืมไปเลยว่าท่านยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง”
ลู่หยวนซีพยายามพูดเอาใจบุรุษที่นั่งทำหน้าตูมอยู่บนเก้าอี้เอนหลังที่ตั้งอยู่หน้าเรือน ก่อนหน้านี้หลังจากที่คนทั้งสองมาถึงที่นี่ นางก็จัดแจงวางเบาะนุ่มเอาไว้ให้เขาเป็อย่างดี เผื่อว่าครั้งหน้าจะได้พาเขามานั่งรับแดดที่หน้าเรือนอีกครั้ง
ไร้เสียงหรือสัญญาณตอบกลับใดๆ รังสีที่เปล่งออกมารอบกายบ่งบอกว่าเขากำลังโกรธเป็อย่างมาก มันดูออกได้อย่างง่ายดายถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาก็ตาม ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ นางควรทำอย่างไรดีนะให้เขาลืมเื่ในวันนี้ไป หรือจะลองทุบหัวเขาดู เผื่อว่าความทรงจำในวันนี้ของเขาจะหายไปแบบในหนัง
“อืม”
ร่างสูงที่เอนหลังหลับตาอยู่ส่งเสียงออกมาเบาๆ ลู่หยวนซีไม่แน่ใจนักนางจึงขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มแล้วเอียงหูเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขา กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากกายนางทำให้กู้จิ่งเหยียนลืมตาขึ้น และเป็่เวลาที่ลู่หยวนซีหันมามองเขาเช่นกัน สองสายตาสบประสานกันชั่วอึดใจ ก่อนที่ลู่หยวนซีจะร้องขึ้น
“ว้าว!! คุณชาย ท่านรู้หรือไม่ว่าดวงตาของท่านไม่ได้เป็สีม่วงแล้ว มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใบหน้าของท่านอีกข้าไม่ทันได้สังเกตเลยสักนิด รอยตะขาบไฟพวกนั้นหายไปแล้ว”
ลู่หยวนซีจับใบหน้าที่ขาวนวลเนียนของกู้จิ่งเหยียนหมุนไปมาอย่างตื่นเต้น แม้จะใกล้เพียงนี้แต่กลับมองไม่เห็นรูขุมขนของเขาเลยสักนิด ช่างน่าอิจฉาเสียจริง กู้จิ่งเหยียนที่ยังคงตกตะลึงที่ตนเองอยู่ใกล้กับหญิงสาวจนริมฝีปากของทั้งสองเกือบจะแตะกัน จึงไม่ทันได้ขัดขืนการกระทำของนาง
“คุณชาย ท่านรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ หรือว่ามองเห็นจุดสีขาวเล็กๆ บ้างไหม บางทีนี่อาจเป็นิมิตหมายอันดีที่บ่งบอกว่าร่างกายของท่านกำลังจะหายดี”
ลู่หยวนซีหัวเราะออกมาเสียงดังราวกับคนเสียสติ นางใกล้จะได้เป็อิสระกลับไปยังโลกเดิมของตนแล้ว ถ้าหากกู้จิ่งเหยียนหายดีนางก็จะได้โบกมือลาภารกิจห่วยแตกที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงนี่เสียที
“ข้าหายดีทำให้เ้าดีใจมากเพียงนั้นเชียวหรือ”
ลู่หยวนซีพยักหน้าขึ้นลง แต่นางพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขามองไม่เห็นจึงส่งเสียงอืมอย่างอารมณ์ดี
“แน่นอนว่าย่อมต้องเป็เช่นนั้น ท่านเองก็จะได้ทำตามความฝันของตนอีกครั้งมิใช่หรือ หน้าที่การงานของท่านและสตรีที่ท่านรัก หลังจากที่คุณชายหายดีก็จะสามารถกลับไปยังจวนตระกูลกู้ได้อย่างสง่าผ่าเผย และตัวข้าก็จะได้เป็อิสระเสียที”
นั่นเป็เื่ที่เขาเฝ้าฝันอยู่ทุกเวลา แต่เหตุใดเมื่อคำพูดเ่าั้ออกจากปากของนาง มันทำให้เขารู้สึกเ็ปและวูบโหวงอย่างไรบอกไม่ถูก เหมือนกับว่านางกำลังจะทิ้งเขาไปหลังจากที่เขาหายเป็ปกติดี
“เ้าลืมไปแล้วหรือว่าเ้าเองยังเป็สาวใช้ของตระกูลกู้อยู่ หลังจากที่ข้าหายดีตัวเ้าก็ยังต้องกลับไปพร้อมข้าด้วยเช่นกัน เพราะหนังสือขายตัวของเ้ายังอยู่ที่ฮูหยินใหญ่กู้”
เมื่อกู้จิ่งเหยี่ยนเอ่ยออกมาเช่นนั้น ลู่หยวนซีที่กำลังตื่นเต้นดีใจก็ตระหนักได้ว่าตนเองคงจะคิดน้อยไปหน่อย ที่นี่เป็ยุคโบราณใช่ว่าจะเดินเพ่นพ่านไปที่ใดก็ได้ หากไม่มีหนังสือยืนยันตัวตนมีหรือจะสามารถเข้าเมืองหรือเดินทางไปยังแคว้นอื่นได้ โชคร้ายครั้งที่สองได้มาเยือนนางอีกครั้ง คงไม่ใช่ว่านางต้องมาเป็สาวใช้ไปตลอดชีวิตหรอกนะ ลู่หยวนซีหันกลับไปมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ก่อนส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างแห้งแล้ง
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้ลืม จะลืมได้อย่างไร เอาเถอะเื่นี้เราค่อยคุยกันอีกทีหลังจากที่หาทางรักษาท่านจนหายดีแล้ว ข้าว่าตอนนี้ข้าทำอาหารให้ท่านทานดีกว่าเ้าค่ะ”
ใบหน้าที่แสนเศร้าสร้อยของนาง กู้จิ่งเหยียนล้วนเห็นอยู่ในสายตา นางมิใช่สาวใช้ตัวจริงของเขาแน่นอนว่านางย่อมต้องจะไม่ยินดีตามเขากลับไปที่ตระกูลกู้แน่นอน หรือว่าเขาจะขอหนังสือสัญญาขายตัวของนางจากฮูหยินใหญ่กู้มา เพื่อให้นางได้เป็อิสระดี
เมื่อกู้จิ่งเหยียนคิดได้ดังนั้นความคิดสายหนึ่งก็เอ่ยปฏิเสธขึ้นภายในหัว ถ้าเขายอมปล่อยนางไปเขาคงไม่มีวันได้พบกับนางอีก เขา้าให้เป็เช่นนั้นหรือ แน่นอนว่าคำตอบคือ ไม่!!
ความคิดเหลวไหลบางอย่างก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเขาไม่หายดี เช่นนั้นก็หมายความว่านางก็จะต้องอยู่กับเขาตลอดไป ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดความคิดบ้าๆ นั้นทิ้งไป เขาคือกู้จิ่งเหยียนเขามีวิธีอีกมากมายเพื่อให้นางไม่สามารถจากไปได้ เช่นการแต่งงาน แต่เขาไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้เป็ใครมาจากไหนแล้วนางจะยอมแต่งงานกับเขาอย่างนั้นหรือ ดูจากท่าทางของนางแล้วมิใช่ผู้ที่จะยอมทำตามความคิดของผู้อื่นได้ง่ายๆ
กู้จิ่งเหยียนที่ยังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน ไม่ทันได้สนใจว่าลู่หยวนซีเดินเข้ามาใกล้ จนกระทั่งนางแตะไปที่ข้อมือของเขาแ่เบา ทำให้ร่างสูงหันกลับไปมองนางอย่างไม่รู้ตัว และปฏิกิริยาของเขาทำให้ลู่หยวนซีนึกสงสัย
“คุณชายท่าน...มองเห็นข้าหรือเ้าคะ”
กู้จิ่งเหยียนรีบมองไปด้านหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน
“เ้าหมายความว่าอย่างไร”
ลู่หยวนซีเห็นสายตาที่เขามองไปด้านหน้า นางก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อทดสอบดูว่าเขามองเห็นหรือไม่ แต่ดวงตากู้จิ่งเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง
“ขออภัยเ้าค่ะ ข้าคงจะคิดมากไปเอง เห็นดวงตาของคุณชายกลับมาเป็สีปกติ คิดว่าท่านอาจจะกลับมามองเห็นได้แล้วเสียอีก”
ท่าทางของนางทำให้กู้จิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ หรือว่านางเบื่อที่จะดูแลคนพิการอย่างเขาแล้ว ร่างสูงที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ
“เ้าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว พาข้ากลับไปที่เตียงแล้วเ้าก็ไปพักเถอะ”
ลู่หยวนซีมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ก็เห็นนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร พอมาตอนนี้กลับพูดเสียยาวเหยียด ทั้งยังแสดงท่าทางห่วงใยกลัวว่านางจะเหนื่อยอีก คนผู้นี้ยังใช่กู้จิ่งเหยียนคนเดิมอยู่หรือไม่ ท่าทางของเขาช่างดูแปลกตานัก
ลู่หยวนซีไม่กล้าขัดใจคุณชายผู้เอาแต่ใจของนาง หลังจากพาร่างสูงไปส่งยังเตียงนอนในห้องใหญ่ นางก็ออกมาข้างนอกเพื่อยกชามโจ๊กที่ทำเสร็จแล้วตามเข้าไปข้างใน
“ก่อนนอนคุณชายทานโจ๊กรองท้องสักหน่อยนะเ้าคะ มื้อสุดท้ายของท่านผ่านไปนานแล้ว เดี๋ยวข้าป้อนให้เอง”
ลู่หยวนซียังไม่ลดละความพยายามของตน นางยื่นช้อนที่ตักโจ๊กไปด้านหน้าของกู้จิ่งเหยียนแล้วเอ่ยกับเขาอย่างเอาใจ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงนั่งเฉย เมื่อลู่หยวนซีรบเร้าหลายครั้งเข้าเขาก็ปัดช้อนที่อยู่ในมือของนางจนหลุดกระเด็นไป
ร่างบางชะงักไปเล็กน้อยแต่สีหน้าของนางก็ไม่ได้แปลเปลี่ยนนางมิได้ชักสีหน้าหรือแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา ลู่หยวนซีเดินไปเก็บช้อนกลับมาจากนั้นจึงยกชามโจ๊กออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
กู้จิ่งเหยียนรู้ว่านางมิได้ทำสิ่งใดผิดและตนเองกำลังเอาอารมณ์ความรู้สึกของตนไปลงที่นาง แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้เมื่อคิดว่าในอนาคตนางจะต้องจากเขาไป ความรู้สึกเช่นนี้มันคืออะไรกัน เหตุใดเขาถึงได้หวงแหนสตรีที่เขาเคยรังเกียจเข้ากระดูกดำเช่นนางมากมายเช่นนี้ ไม่ใช่สินางมิใช่สาวใช้ผู้นั้น นางก็คือนาง สตรีที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด
ลู่หยวนซีเข้าใจว่าที่กู้จิ่งเหยียนอารมณ์เสียเช่นนั้นเป็เพราะคำพูดของเถียนอวี้ซวน นางได้แต่เตะลมด่าฟ้าว่านางน่าจะทำให้เขาเป็ปุ๋ยอยู่ในป่านั่นซะ ไม่อย่างนั้นนางคงขาดทุนแน่ที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
ในระหว่างที่ลู่หยวนซีกำลังระบายอารมณ์อยู่ที่ลานเรือน ร่างสูงของเฮ่อเหวินเจ๋อก็เดินเข้ามาพอดี เขาทันได้ยินนางด่าใครบางคนที่จับใจความได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ร่างสูงยกยิ้มมุมปากให้กับท่าทางน่ารักของนาง ก่อนกระแอมไอนำทางไปเพื่อให้นางรู้ตัว
“คุณชาย ท่านมาที่นี่มีธุระกับข้าหรือ”
ลู่หยวนซีหันไปมองผู้มาใหม่ ก่อนที่จะเก็บอารมณ์โกรธของตนที่กำลังปะทุเองเอาไว้ เฮ่อเหวินเจ๋อพยักหน้าให้นางก่อนเอ่ยถึงธุระที่เขามาที่นี่
“ข้ามีสองสามเื่ที่ต้องมาบอกกับเ้า เราไปนั่งคุยกันในศาลาเถอะ”
เฮ่อเหวินเจ๋อเดินนำไปยังมุมหนึ่งของลานเรือนที่มีต้นอู๋ถงปลูกเอาไว้ ใกล้กันมีศาลาเล็กๆ ตั้งอยู่ ลู่หยวนซีก้าวตามร่างสูงไปด้วยความสงสัย เขามีธุระสำคัญอะไรกับนางกันแน่
“เื่แรกที่ข้าจะต้องพูดกับแม่นาง...เอ่อ”
“ลู่.....ไม่ใช่สิ ชื่อของข้าคือเฉียนฟางหนิงเ้าค่ะ”
ลู่หยวนซียิ้มออกมาแหยๆ เพราะนางเกือบจะเอ่ยชื่อจริงๆ ของตนออกมา
“ออ แม่นางเฉียน เ้าเรียกข้าว่าเฮ่อเหวินก็ได้ เอาล่ะเช่นนั้นเรามาเข้าเื่สำคัญเลยแล้วกัน เื่แรกที่ข้าอยากจะพูดกับเ้าคือเื่ของมือสังหารก่อนหน้านี้ คนของข้าเข้าไปพบศพหกศพอยู่ห่างออกไปจากจุดที่เราพบกับพวกเ้า ศพพวกนั้น....ใช่ฝีมือของเ้าหรือไม่”
ลู่หยวนซีไม่คิดปิดบังเพราะนางเองก็ได้เห็นพวกเขาฆ่าคนไปแล้วเช่นกัน ถือว่าทั้งสองเสมอกันดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับ
“ใช่เ้าค่ะ เป็ฝีมือของข้าเอง”
เฮ่อเหวินเจ๋อเริ่มมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยว่านางจะต้องมิใช่สาวใช้ธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีมือสังหารมาตามฆ่านางเช่นนี้
“เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเ้าเป็ใครกันแน่ เหตุใดถึงได้มีคน้าให้เ้าตาย อีกอย่างเื่ที่เ้ารักษาาแของข้าโดยที่ทิ้งเอาไว้เพียงรอยแผลเป็เท่านั้นทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ต่อให้เป็หมอเทวดาที่เก่งที่สุดในทวีปนี้ก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นได้แน่ แม่นางเฉียน เ้ากำลังปิดบังสิ่งใดอยู่ใช่หรือไม่”
ลู่หยวนซีไม่คิดว่าตนจะถูกถามออกมาตรงๆ เช่นนั้น นางอึ้งไปเล็กน้อยก่อนกระแอมไอเพื่อขับไล่ความอึดอัด เพราะนางมิได้เตรียมคำตอบสำหรับเื่เหล่านี้เอาไว้ ความจริงนางเองก็อยากรู้เช่นกันว่าเฉียนฟางหนิงเป็ใคร ทั้งที่นางเป็เพียงสาวใช้คนหนึ่งที่เติบโตมาในจวนขุนนาง เหตุใดเืของนางถึงได้ช่วยชีวิตของกู้จิ่งเหยียนได้
ลู่หยวนซีลูบไปที่มือของตนที่มีรอยกัดของกู้จิ่งเหยียนหลงเหลืออยู่เบาๆ ก่อนมองไปยังบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าของตน
“คุณชาย ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็ใคร เท่าที่ข้าจำได้ตัวข้าถูกเลี้ยงดูและเติบโตอยู่ภายในจวนสกุลกู้ เื่มือสังหารข้าก็ไม่รู้ว่าแท้จริงพวกมัน้าฆ่าใครกันแน่ ระหว่างข้ากับคุณชายของข้า ท่านก็เห็นแล้วว่าอาการป่วยของเขาเป็อย่างไร บางทีคงมีคนไม่้าให้เขาอยู่เพื่อให้เนื้อเื่ไม่ออกทะเลไปไกลก็เป็ได้”
เฮ่อเหวินเจ๋อขมวดคิ้วอย่างสงสัยในประโยคสุดท้ายของนาง
“ขะ...ข้าหมายถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นอาจมีคนบงการอยู่เื้ั”
ลู่หยวนซีลืมตัวพูดถึงเนื้อเื่ที่เกิดขึ้นในนิยาย นางทำได้เพียงหาเื่พูดเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตน แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้บอกเฮ่อเหวินเจ๋อว่าทั้งหมดเป็เพราะฝีมือของผู้เขียน และนางเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเริ่มไม่เหมือนเื่ราวในนิยายเข้าไปทุกที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้