เดิมทีอวัยวะภายในของหลี่เอินจวนเจียนจะล้มเหลวเต็มทนแล้ว ยามนี้ในร่างกายของนางยังปรากฏพิษชนิดใหม่ที่กัดกินเซลล์ขึ้นอีก การรักษาจึงยิ่งยากเข้าไปใหญ่
“หลิงเอ๋อร์ เหตุใดจู่ๆ ท่านแม่เ้ากลายเป็เช่นนี้? เป็เพราะ...” มู่เจิ้นกั๋วเห็นมู่จื่อหลิงไม่พูดจา เขาจึงถามขึ้นอย่างตึงเครียด ส่วนคำพูดตอนท้ายเขากลับไม่กล้าพูดออกมา
ขณะนี้เขาเองก็กลัวเช่นกัน เขาเฝ้ามานานหลายปี รอคอยมานานหลายปี หากจู่ๆ หลี่เอิน...
จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปเพียงลำพังในโลกนี้ได้อย่างไร
มู่จื่อหลิงไม่ได้ตอบคำถามมู่เจิ้นกั๋ว ถามกลับด้วยความเคร่งขรึมในทันที “ปีนั้นท่านแม่ป่วยหนักด้วยสาเหตุใดกันแน่?”
สีหน้ามู่เจิ้นกั๋วชะงักไปชั่วแวบหนึ่ง อ้าปากอย่างช้าๆ “ปีนั้นพ่อยังอยู่ที่ชายแดน ไม่รู้รายละเอียดเื่นี้เช่นกัน ถามป้าเยวี่ยเถิด!”
หลายปีมานี้เขาสืบหาสาเหตุที่หลี่เอินป่วยหนักอย่างกะทันหันมาโดยตลอด แต่กลับไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ
ป้าเยวี่ยหลบหน้าไปเล็กน้อย ความนึกคิดล่องลอยไปไกล แต่กลับพูดอย่างกระชับครอบคลุม “จำได้ว่าปีนั้นนายท่านรับอาหารเย็นแต่หัววันแล้วก็เข้านอน เช้าวันต่อมาบ่าวเข้าไปปลุกนาง แต่เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น บ่าวเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ นายท่านก็กลายเป็เช่นนี้ไปได้”
มู่จื่อหลิงรู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนพูดอย่างคลุมเครือ อาจจะพูดความจริง แต่นางมั่นใจว่า พวกเขาต้องรู้อะไรอีกแน่ เหมือนกับว่ามีเจตนาจะซ่อนเร้นเอาไว้
พวกเขามีใจซ่อนเร้น นางก็จนปัญญา มีข้อเท็จจริงจึงมีมูลเหตุ มีมูลเหตุย่อมมีผลลัพธ์ มีผลลัพธ์ถึงมีความจริง ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคลี่คลายอาการป่วยของหลี่เอิน
“ถ้าไม่ได้สันนิษฐานผิดไป พิษในร่างกายท่านแม่คือพิษในพิษ!” มู่จื่อหลิงพูดอย่างเคร่งขรึมรอบคอบ
ตอนนี้มู่จื่อหลิงไม่รู้ว่าตนเองนั้นยังมีความมั่นใจว่าจะรักษาหลี่เอินให้หายเป็ปกติอยู่หรือไม่ สำหรับอาการของหลี่เอินปัจจุบันนี้นางพอจะรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว แต่กลับอับจนหนทาง!
“พิษในพิษ?” มู่เจิ้นกั๋วถามอย่างงงงวย
เขาไม่เคยได้ยินพิษในพิษอันใดนี่มาก่อน ไม่เคยได้ยินจึงยิ่งรู้สึกหวาดกลัว ตอนนี้มีความกังวลอันเข้มข้นกำลังจู่โจมเข้ามาที่หัวใจของเขา
หลงเซี่ยวอวี่มีความกังขาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน! เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน สตรีผู้นี้นับวันยิ่งทำให้เขาประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ!
“ในพิษยังมีพิษอยู่อีก เป็เพราะพิษแต่เดิมนั้นถูกปลุกเร้าออกมา มันถึงได้ปรากฏขึ้นมา เดิมท่านแม่แช่สมุนไพรเพื่อกระตุ้นสารพิษที่มีแต่เดิมออกมา ด้วยเหตุนี้จึงมีพิษชนิดใหม่เกิดขึ้น ทำให้ร่างกายท่านแม่บวมขึ้นมา” มู่จื่อหลิงอธิบายอย่างง่ายๆ
พิษในพิษ พิษนี้เป็พิษที่ทรงอานุภาพยากแก่การแก้ไขที่สุดั้แ่นางเกิดมา
ยามนี้นางเองไม่แน่ใจว่าพิษในพิษภายในร่างของหลี่เอินยังซุกซ่อนพิษไว้กี่ชนิด!
ใครเลยจะรู้ว่าถอนชนิดหนึ่งแล้วจะกำเนิดพิษอีกชนิดหรือไม่ นอกจากนี้สภาพของหลี่เอินในปัจจุบันมิอาจทนรับการกัดกินของพิษมากมายเพียงนั้นได้เลย!
ปีนั้นเป็ผู้ใดกันแน่ที่วางยาพิษอันน่าผวานี้ให้หลี่เอิน ไม่ให้นางตาย และทำลายล้างร่างกายนางเช่นนี้ ทำให้นางมีชีวิตอยู่มิสู้ตาย กลายเป็คนตายทั้งเป็
ต่อให้ถอนพิษไปแล้วหนึ่งชนิดก็จะปรากฏขึ้นมาอีกชนิด และพิษที่เกิดขึ้นล้วนทำลายร่างกายอย่างใหญ่หลวงนัก เริ่มจากอวัยวะภายใน ตอนนี้ก็ทำลายเซลล์!
หากยังเกิดขึ้นต่อไปอีกหนึ่งชนิด มู่จื่อหลิงในเวลานี้ก็ไม่กล้าคิดต่อไปอีก
มู่จื่อหลิงกล่าวอย่างง่ายๆ แต่ตรงประเด็นนัก!
คนในสถานที่แห่งนั้นล้วนเข้าใจแล้ว พิษในพิษ! เช่นนี้คือการบีบให้หลี่เอินเดินไปตาย!
“เช่น เช่นนั้นยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?” มู่เจิ้นกั๋วข่มอาการสั่นของร่างกายไว้ไม่อยู่ จับจ้องมู่จื่อหลิงอย่างตึงเครียด เหมือนกับอยากจะฟังคำพูดแห่งความหวังจากปากของนาง
“ข้าจะฝังเข็มเพื่อขับพิษเดิมที่ถูกกระตุ้นของท่านแม่ออกมา ตอนนี้พิษชนิดใหม่ตรึงมือกว่าก่อนหน้านี้นัก และไม่รู้ว่าคราวต่อไปจะเกิดขึ้นมาอีกชนิดหรือไม่ หลังจากขับพิษเดิมจนหมดสิ้น มีความมั่นใจเพียงแค่ห้าจากร้อยส่วนเท่านั้นในการประคองชีวิตท่านแม่ไว้อย่างชั่วคราว!”
ไม่รู้ว่าเป็เพราะเืข้นกว่าน้ำหรือไม่ ในใจมู่จื่อหลิงจึงทุกข์ทรมานเช่นกัน แม้ในใจจะอดทนต่อไปไม่ไหว แต่ตอนนี้นางต้องพูดตามความเป็จริง!
นางรับรองได้ว่าเมื่อกำจัดพิษเดิมออกจนหมดแล้ว อวัยวะภายในของหลี่เอินจะกลับมาเป็ปกติ แต่กลับไม่กล้ารับรองว่าพิษในปัจจุบันควรจะกำจัดอย่างไร นางกลัวว่าจะเกิดพิษชนิดใหม่ที่น่ากลัวกว่าเดิมขึ้นมาอีก
นางจะทุ่มเททั้งกายใจ แต่กลับไม่กล้าให้คำสัตย์รับรองเหมือนตอนแรก นางเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น การกระหน่ำตีเช่นนี้ ครั้งนี้ก็เกินพอแล้ว!
ให้ความหวังผู้อื่นแล้วตีอย่างแรง ความผิดหวังเช่นนั้นเ็ปที่สุด!
ความมั่นใจเพียงแค่ห้าจากร้อยส่วน นางนั้นคิดความเป็ไปได้มาหมดแล้ว และเพราะมีความช่วยเหลือจากระบบซิงเฉินถึงได้กล้าพูดออกมา!
หากไม่มีระบบซิงเฉิน เช่นนั้นก็หนักหนาเกินกว่าที่นางจะรักษาได้แล้ว แม้แต่ความมั่นใจหนึ่งในร้อยส่วนก็แทบจะไม่มี
ความมั่นใจห้าจากร้อยส่วนนี่สามารถประคองชีวิตไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น! นี่มันโอกาสอะไรกัน?
อีกครู่เดียวก็เหยียบเข้าสู่ความตายต่างหาก!
ได้ยินเช่นนี้สีหน้ามู่เจิ้นกั๋วก็ซีดขาวไร้ความหวัง เกือบจะยืนต่อไปไม่อยู่ ซวนเซไปพิงขาโต๊ะ ใช้โต๊ะในการประคองตัวเองไว้
ใบหน้าของชายวัยกลางคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความอิดโรยปั่นป่วน ยามนี้ไหนเลยจะยังมีความองอาจของวีรบุรุษแห่งสนามรบ ราวกับเพียงแค่ชั่วพริบตาก็แก่ชราลงไปหลายปี เหมือนดังคนชราผู้โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง
ป้าเยวี่ยถึงกับทรุดลงไป มู่จื่อหลิงตาไวมือไวจึงก้าวขึ้นไปพยุงนางไปที่เก้าอี้
ดูท่าฐานะของหลี่เอินในใจป้าเยวี่ย ไม่ได้มีแค่ความสัมพันธ์นายบ่าว!
ครู่ต่อมา
“หลิงเอ๋อร์ ขอเพียงแค่มีความหวังก็พอ ไม่ว่าผลจะเป็เช่นใด พ่อล้วนไม่โทษเ้า” สีหน้ามู่เจิ้นกั๋วยืนหยัดแน่วแน่
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเป็เื่ถูกหรือผิดที่อนุญาตให้หลิงเอ๋อร์รักษาหลี่เอิน แต่เขาไม่เสียใจ หากหลิงเอ๋อร์มิได้รักษาหลี่เอิน เขาอาจจะไม่มีทางรู้ตลอดไปว่าพิษที่อยู่ในตัวหลี่เอินเป็พิษในพิษ ไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลว่าหลี่เอินนอนหมดสติมานานปีเพียงนี้ด้วยเหตุผลกลใด
ได้ยินคำพูดนี้ในใจมู่จื่อหลิงก็ขมปร่าเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้มู่เจิ้นกั๋วก็ยังยอมเชื่อนาง และยังไม่โทษนาง
เดิมทีนางเตรียมใจไว้แล้ว ต่อให้มู่เจิ้นกั๋วโทษว่าเป็ความผิดของนาง นางก็ไม่มีคำแก้ต่างใดๆ!
ยามนี้มู่เจิ้นกั๋วพูดเช่นนี้ ก็เป็การเพิ่มเรี่ยวแรงให้กับนางโดยมิต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็อย่างไรนางจะต้องพยายามจนสุดความสามารถ ไม่ให้ความเชื่อมั่นที่พวกเขามีต่อตัวนางต้องสูญเปล่า!
มู่จื่อหลิงไม่พูดจาอีก เพียงแต่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมแล้วเก็บอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมด จากที่เคร่งเครียดอยู่ในขณะนี้ก็กลับกลายเป็มู่จื่อหลิงที่สุขุมเยือกเย็นคนนั้นอีกครั้ง
นางหยิบยาหัวเถิงออกมาจากแขนเสื้อป้อนให้หลี่เอิน
ยาหัวเถิงนี้สามารถทำให้เืพิษทั้งหมดในร่างกายของหลี่เอินมารวมกันอยู่ที่แขนอย่าง ‘เดือดพล่าน’ ทำให้เืพิษถูกกำจัดหมดจดและรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ป้าเยวี่ย ท่านมานี่ นำกรรไกรมาตัดแขนเสื้อข้างซ้ายของท่านแม่ออกให้หมด” มู่จื่อหลิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ป้าเยวี่ยที่เดิมทีทรุดนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ได้สติกลับมาทันที ไม่กล้าอืดอาด “เ้าค่ะ!”
ในขณะที่ป้าเยวี่ยตัดแขนเสื้อของหลี่เอินออกนั้น สีดำทั่วกายของหลี่เอินก็หายไปอย่างช้าๆ กลับมาเป็สีเืฝาดเหมือนก่อนหน้านี้ มีเพียงมือข้างซ้ายที่มีสีดำนั้นเข้มขึ้นหลายเฉด ดำจนเหมือนถ่านอย่างไรอย่างนั้น
เืพิษสีดำเดือดพล่านในแขนที่บวมเป่งเหมือนกับจะะเิออกมาในครู่ถัดไป!
คนทั้งสามในที่แห่งนั้นล้วนเห็นฉากไม่น่าเชื่อนี้อยู่ในครรลองสายตา ในใจต่างก็ตกตะลึงน้อยๆ!
พวกเขาไม่เข้าใจการแพทย์ ไม่รู้จักยา แต่พวกเขารู้ว่ายาน้ำขวดนั้นที่มู่จื่อหลิงป้อนให้หลี่เอินต้องไม่เหมือนยาปกติทั่วไปเป็แน่!
มู่จื่อหลิงไม่ได้หยุดพักอีก หยิบม้วนเข็มสีทองออกมาจากแขนเสื้อ กางออกบนโต๊ะ
นางหยิบเข็มสีทองออกมา กลั้นลมหายใจ ทิ่มลงไปที่จุดชีพจรทุกจุดบนแขนซ้ายสีดำของหลี่เอินด้วยความแม่นยำชำนาญ โดยทิ่มให้แน่นและมั่นคง
จากนั้นปลายเข็มสีทองทุกเล่มกลับสั่นสะท้านตามโลหิตสีดำที่ ‘เดือดพล่าน’ อยู่ข้างในอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่ เสมือนว่าวินาทีถัดไปจะถูกโลหิตสีดำดีดออกมา
เพียงแค่ขั้นตอนง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน หน้าผากนางก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเหงื่อบางๆ ั์ตากระจ่างใสปรากฏความเหนื่อยล้าอย่างเลือนราง
แต่สีหน้าของนางยังคงจดจ่อ ความสนใจยังคงถูกรวบรวมไว้จุดเดียวเช่นเดิม นางไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวของมือเลยั้แ่เริ่มจนจบ!
มู่จื่อหลิงจดจ่อกับการเคลื่อนไหวมือ ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่าดวงตาสีดำขลับที่ลุ่มลึกนั้นจดจ้องไปที่นางอยู่ตลอด นับั้แ่ชั่วขณะที่นางออกฝีเข็มก็ไม่เคยละไปไหนเลย
ในขณะที่ทิ่มเข็มสีทองเล่มสุดท้าย โลหิตสีดำ ‘เดือดพล่าน’ ที่มีมาแต่เดิมในแขนของหลี่เอินก็ดันเข็มสีทองทั้งหมดออกมาทันที จากนั้นจึงพ่นตัวออกมาเป็ลำสายเล็กๆ ผ่านรูเข็ม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด มือที่เดิมทีเป็สีดำเข้มของหลี่เอินก็กลับมาเป็สีเืฝาดในที่สุด แต่มู่จื่อหลิงกลับมิได้ผ่อนลมหายใจเลย นางรู้ว่านี่เพิ่งเป็เพียงการเริ่มต้นง่ายๆ เท่านั้น
นางดีใจยิ่งนักที่วันนี้หลงเซี่ยวอวี่พานางออกมาจากคุกหลวง แล้วยังลงแส้ควบม้า [1] พานางมาที่สวนจิ้งซิน มิเช่นนั้นโรคของหลี่เอินก็จะยืดเยื้อไปอีกหนึ่งวัน ผลหลังจากนั้นจะเป็เช่นใดนางก็ไม่รู้ และมิกล้าคาดคิด
“ท่านพ่อ สารพิษที่มีมาแต่เดิมของท่านแม่ถูกกำจัดหมดแล้ว พิษชนิดใหม่ในยามนี้ก็ถูกควบคุมไว้ชั่วคราวเช่นกัน หลิงเอ๋อร์จะต้องกลับไปเตรียมการส่วนที่เหลือ” เสียงของมู่จื่อหลิงเรียบนิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม
วาจาที่นางพูดนี้จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง!
เื่ของหลงเซี่ยวหนานยังไม่คลี่คลาย และไม่อาจพูดกับมู่เจิ้นกั๋วได้ในทันที เพิ่มความวิตกกังวลให้เขาโดยเปล่าประโยชน์
ยิ่งกว่านั้นเื่ในวันนี้ที่หลงเซี่ยวอวี่พานางออกมาจากคุกหลวง เกรงว่าคงรู้ไปถึงในวังแล้ว ฮ่องเต้จะเป็เช่นใดนางไม่ทราบ แต่ฮองเฮาจะต้องเป็สุนัขจนตรอกแน่
ตอนนี้นางทั้งต้องเตรียมการรักษาขั้นต่อไป ทั้งต้องคลี่คลายเื่ของหลงเซี่ยวหนาน
โรคนี้ของหลี่เอินจัดการยากยิ่ง ตอนนี้นางยังไม่มีเวลามาจัดการพิษบนตัวของหลี่เอินให้เสร็จเรียบร้อยในคราเดียว
ตอนนี้หลังจากระบายพิษเดิมออกหมดแล้ว สามารถควบคุมการกัดกินเซลล์ของพิษชนิดใหม่ไว้ได้ชั่วคราวเป็เวลาสามวัน
ส่วนที่เหลือ รอคลี่คลายเื่ของหลงเซี่ยวหนานแล้ว นางถึงจะสามารถมารักษาได้อย่างวางใจ เพราะนางจะไม่ปล่อยให้มีความผิดพลาดใดเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการรักษาอีก
“ได้! ลำบากหลิงเอ๋อร์แล้ว” มู่เจิ้นกั๋วพยักหน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
เมื่อครู่ทุกการกระทำของมู่จื่อหลิงที่ทุ่มเทระบายพิษให้หลี่เอินอย่างชำนาญนั้นเขาล้วนเห็นอยู่ในสายตา เ็ปอยู่ภายในใจ บุตรสาวของพวกเขาโตเป็ผู้ใหญ่แล้ว!
มู่จื่อหลิงแน่วแน่เป็พิเศษ “เป็สิ่งที่หลิงเอ๋อร์ควรทำอยู่แล้ว ภายในสามวัน รอหลิงเอ๋อร์เตรียมการเสร็จแล้วจะกลับมา!”
สามวัน! นางจะต้องแก้ไขเื่ของหลงเซี่ยวหนานให้กระจ่างใน่เวลาก่อนที่พิษชนิดใหม่จะเริ่มกัดกินเซลล์อีกครั้ง ต่อให้มิอาจโค่นล้มฮองเฮาได้ ก็ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง!
นางบอกกับมู่เจิ้นกั๋วว่าการกำจัดพิษเดิมออกมาเป็หนึ่งในขั้นตอนง่ายๆ เท่านั้น ยังมีขั้นตอนที่สำคัญที่สุดอยู่ นางไม่กล้าพูดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ และมิอาจพูดได้!
ขั้นตอนนี้ก็คือหลังจากที่ระบายพิษออกมาแล้ว จะผ่าหน้าอกเปิดท้อง นำอวัยวะภายในของหลี่เอินที่ใกล้จะล้มเหลวออกมาล้างสารพิษและเพาะเลี้ยง เช่นนี้จึงจะสามารถกำจัดพิษได้จนถึงที่สุด เพื่อรับมือกับพิษใหม่ในตอนนี้!
ปัจจุบันนี้เซลล์ในร่างกายของหลี่เอินกำลังถูกกัดกิน ไร้ซึ่งหนทางจะรักษาอวัยวะภายในที่จวนเจียนจะล้มเหลวให้อยู่รอดได้
สถานที่เพาะเลี้ยงสมุนไพรในระบบซิงเฉินมีสระน้ำหลิงอวิ้นหัว มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูซ่อมแซมอวัยวะที่ใกล้จะล้มเหลว ยามนี้สามารถนำอวัยวะไปเพาะเลี้ยงฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้พอดิบพอดี
การเปิดหน้าอกผ่าท้องนำอวัยวะภายในออกมาชำระล้างพิษและเพาะเลี้ยง ไม่เพียงเวลาต้องเร่งด่วนรวดเร็ว ภาระงานก็มากนัก เพียงแค่นางคนเดียวไม่มีทางสำเร็จได้!
เื่นี้ ดูท่าคงต้องให้เล่อเทียนช่วยเหลือแล้ว!
----------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ลงแส้ควบม้า มีความหมายว่ากระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความรวดเร็ว