ณ บ้านสกุลฉิน แม่ฉินกำลังเล่าเื่ที่กู่ซิ่วกับลูกสาวมาพูดกับเธอเมื่อตอนบ่ายให้ครอบครัวฟังขณะรับประทานอาหารเย็น
ฉินยงจวินตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ั้แ่บังเอิญเจอสวี่ฮุ่ยที่ตำบลเถาฮวา เขาก็รู้สึกหลงใหลเธอราวกับต้องมนต์
แต่หลังจากสืบดูแล้ว เขาก็ได้รู้ว่าพ่อของเธอเป็ผู้จัดการโรงงาน แม่เป็ข้าราชการ
คุณตาของเธอยังเป็ท่านผู้เฒ่ากู่ที่ทุกคนเคารพนับถือ ส่วนคุณลุงก็ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล
คิดไปคิดมา เขาจึงไม่กล้าไปวอแวสวี่ฮุ่ย
พ่อของเขาเป็แค่หัวหน้าแผนกในโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรเท่านั้น ถ้าเขาไปตามรังควานสวี่ฮุ่ย ไม่ว่าจะเป็สกุลสวี่หรือสกุลกู่ก็มีอำนาจจัดการสกุลฉินได้ เขายังพอมีสำนึกอยู่บ้าง
เขาเ้าชู้ไม่เลือกหน้า ก็เลือกเหยื่อเหมือนกัน
แต่ไม่นึกเลยว่าหญิงงามที่เขาหมายปองจะมาเสนอตัวถึงที่ ทำให้เขาดีใจจนแทบเต้น
ฉินยงจวินยุยงแม่ของเขา “ผมชอบสวี่ฮุ่ย แม่ พรุ่งนี้เราไปสู่ขอเธอเลยนะครับ!”
พ่อฉินก็พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ “สวี่ฮุ่ยเป็จ้วงหยวน สอบได้อันดับหนึ่ง ถ้าแต่งเข้าบ้านเราจะมีหน้ามีตาขนาดไหน! การแต่งงานครั้งนี้สามารถตกลงยอมรับได้”
แม้ว่าฉินต้าเฉิงจะเป็ถึงหัวหน้าแผนกในโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร แต่เพราะลูกชายประพฤติตัวไม่เหมาะสม ไม่เอาการเอางาน ครอบครัวที่มีฐานะหน่อยเลยไม่ยอมยกลูกสาวให้ฉินยงจวิน ส่วนครอบครัวที่ฐานะไม่ดี เขาก็ไม่ชอบ
ด้วยเหตุนี้ลูกชายของเขาอายุปาไปยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้วก็ยังไม่ได้แต่งงาน กลายเป็ตัวตลกของคนอื่น
ถ้าแต่งจ้วงหยวนอันดับหนึ่งอย่างสวี่ฮุ่ยเข้ามาได้ ใครจะกล้าหัวเราะเยาะบ้านเขา มีแต่บ้านเขาที่จะไปหัวเราะเยาะบ้านอื่น
แม่ฉินสนใจแค่เื่เงิน “สินสอดตั้งสองพันหยวนแน่ะ!”
“นั่นมันจ่ายตอนของมาส่งไม่ใช่เหรอ? แถมยังเป็การเอาอัฐยายซื้อขนมยาย ไม่ต้องเสียเงินสักหยวน แถมเรายังได้กำไรก้อนโตอีก” พ่อฉินกล่าว
แม่ฉินกังวล “ถ้าสวี่ฮุ่ยไม่ได้เอาเงินติดตัวมาด้วยล่ะ? เราไม่ต้องควักเงินสองพันหยวนเป็สินสอดเองเหรอ?”
“เธอโง่หรือไง?” พ่อฉินกลอกตามองภรรยา “ถ้าสวี่ฮุ่ยไม่ได้เอาเงินมา เราก็ไม่ต้องจ่ายสินสอดสองพันหยวน”
“แต่ถ้าสกุลสวี่จะเอาล่ะ?”
“ก็ส่งตัวกลับไปสิ ดูซิสกุลสวี่จะกล้ารับหรือเปล่า”พ่อฉินพูดอย่างภาคภูมิใจแล้วกินข้าวคำโต
แม่ฉินฉีกยิ้มกว้างพลางตบหัวตัวเอง “ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย? ผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว”
“เราคืนของ สกุลสวี่ที่ไหนจะกล้ารับ ไม่กลัวขายหน้าหรือไง? ลูกสาวที่เพิ่งแต่งออกไปโดนบ้านสามีไล่กลับบ้าน!”
แม่ฉินตั้งมั่นไว้ในใจว่า ต่อให้สวี่ฮุ่ยเอาเงินมาแต่งเข้าบ้านสกุลฉิน เธอก็จะไม่ให้สินสอดกู่ซิ่วสักเฟิน
ถ้ากู่ซิ่วกล้าขอสินสอด เธอจะให้ลูกชายขอหย่าสวี่ฮุ่ยซะ กู่ซิ่วไม่อยากโดนคนอื่นหัวเราะเยาะ ก็ต้องยอม
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่หลูนั่งรถไฟเที่ยวตีห้า พาเสี่ยวหงไปที่บ้านสกุลสวี่เพื่อขอโทษสวี่ฮุ่ยก่อนที่กู่ซิ่วกับสามีจะไปทำงาน
สวี่ฮุ่ยรับของขวัญจากสองแม่ลูกคู่นั้นแล้วไล่พวกเธอกลับไป ส่วนตัวเองก็ไปส่งปลาไหลให้ลุงจางที่ตัวอำเภอ
สวี่เยว่เห็นสวี่ฮุ่ยเอาของขวัญทั้งหมดเข้าไปเก็บในห้องตัวเอง ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เธออยากก่อเื่ แต่ก็กลัวสวี่ฮุ่ยไปฟ้องคุณย่าลู่ให้จัดการเธอ แล้วตัวเองจะแย่ คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ยอมแพ้ไป
กู่ซิ่วกับสวี่ต้าซานออกไปทำงานแล้ว สวี่เยว่ไม่มีอะไรทำ จึงนอนต่อ
เธอตื่นอีกทีตอนเก้าโมงกว่า
เธอถือเงินห้าเหมาที่กู่ซิ่วให้ ไปซื้ออาหารเช้ากินที่ตำบลอย่างเซื่องซึม
กินเสร็จก็กลับบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เห็นบุรุษไปรษณีย์คนหนึ่งกำลังซื้อน้ำอัดลมกินอยู่ข้างทาง สวี่เยว่ก็นึกอะไรขึ้นได้ รีบเดินเข้าไปจ่ายค่าน้ำอัดลมแทน
บุรุษไปรษณีย์มองเธอด้วยความประหลาดใจ
สวี่เยว่ยิ้มแฉ่งท่าทางไม่มีพิษมีภัย “คุณลุงคะ คุณลุงเป็คนส่งใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหรือเปล่าคะ?”
บุรุษไปรษณีย์ตอบ “ใช่ วันนี้ฉันจะไปส่งใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่โรงงานผลิตอาหารพอดี”
สวี่เยว่พูดอย่างเขินอาย “ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะ ว่าใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฉบับนี้เป็ของพี่สาวฉันหรือเปล่า? พี่สาวฉันชื่อสวี่ฮุ่ยค่ะ”
เด็กสาวจ่ายค่าน้ำอัดลมให้ แน่นอนว่าลุงบุรุษไปรษณีย์ต้องยอมช่วยเหลือเื่เล็กน้อยแค่นี้
เขามองหาจดหมายตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฉบับเดียวที่มีอยู่ ดูชื่อผู้รับแล้วพยักหน้า “เป็ของพี่สาวเธอ”
สวี่เยว่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ฉันเอาไปให้พี่สาวแทนได้ไหมคะ?”
บุรุษไปรษณีย์พยักหน้า “ได้ ขอแค่เธอเซ็นชื่อก็พอ”
สวี่เยว่เซ็นชื่อแล้วรับใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของสวีฮุ่ย แล้วมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นคนรู้จัก
เธอก็ซ่อนใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของสวี่ฮุ่ยไว้กับตัว ก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านพัก
ถึงแม้ว่าสวี่เยว่จะรอบคอบ แต่ภาพเหตุการณ์นี้ก็ยังถูกสวี่ฮุ่ยที่ขายปลาไหลเสร็จกำลังกลับบ้านเห็นเข้าพอดี
รอจนสวี่เยว่เดินไปไกลแล้ว สวี่ฮุ่ยค่อยเดินออกมาจากที่ซ่อน
สวี่เยว่กลับถึงบ้านปุ๊บก็ปิดประตูทันที
สวี่ฮุ่ยเดินย่องไปที่หน้าต่างห้องนั่งเล่นเงียบ ๆ แล้วกางหูแอบฟัง
เสียงที่สวี่เยว่จงใจกดลงลอยมาจากข้างใน “แม่ หนูเอาใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของพี่สาวมาแล้ว”
กู่ซิ่วพูดอย่างหดหู่ผ่านโทรศัพท์ “ถึงลูกจะเอาใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของยัยเด็กเวรนั่นมาได้ก็ไม่มีประโยชน์ เราโดนสกุลลู่จับตามองแล้ว”
“ลูกแอบอ้างชื่อพี่สาวไปเรียนมหาวิทยาลัย เสี่ยงเกินไป แม่ว่าลูกเลิกคิดเื่นี้เถอะ”
สวี่เยว่พูด “หนูมีวิธีดี ๆ ค่ะ พี่สาวก็ได้เรียนมหาวิทยาลัย หนูก็ได้เรียนมหาวิทยาลัย”
กู่ซิ่วถาม “วิธีอะไร?”
“หนูจะปลอมใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้พี่สาว ส่วนหนูจะเอาใบจริงไปเรียนที่เมืองอื่น”
กู่ซิ่วได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็ประกาย “วิธีนี้ไม่เลวเลย แต่ต้องรอแม่ถามลุงของลูกก่อน”
ไม่นาน กู่ซิ่วก็โทรกลับมา บอกสวี่เยว่ว่ากู่เจี้ยนกั๋วไม่ให้เสี่ยง
การปลอมแปลงใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ถ้าถูกจับได้ต้องติดคุก
แม้ว่าการกระจายข้อมูลข่าวสารทั่วประเทศจะไม่ดีสักเท่าไร และการที่สวี่เยว่ปลอมตัวเป็สวี่ฮุ่ยไปเรียนที่เมืองอื่น มหาวิทยาลัยอื่นก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
แต่ปัญหาคือสวี่เยว่ถูกสกุลลู่จับตามองแล้ว
ถ้าสวี่เยว่ได้เรียนมหาวิทยาลัย สกุลลู่ต้องสืบแน่ ๆ พอถึงตอนนั้นความจริงถูกเปิดเผย อนาคตของสวี่เยว่ก็จบเห่
สวี่เยว่จึงจำใจล้มเลิกแผนการในใจ
แต่เธอไม่คิดจะเอาใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้สวี่ฮุ่ย เธอจะใช้ใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฉบับนี้ให้เป็ประโยชน์
สวีฮุ่ยแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่อะไร เคาะประตูบ้าน
สวี่เยว่เปิดประตูอย่างใจเย็น สวี่ฮุ่ยแกล้งถามด้วยความสงสัย “กลางวันแสก ๆ เธอปิดประตูทำไม? ทำอะไรไม่ดีอยู่หรือไง?”
สวีเยว่ฝืนยิ้ม “พี่สาวเดาเก่งจริง ๆ”
“งั้นเหรอ?” สวี่ฮุ่ยพูดอย่างมีเลศนัย “ดูเหมือนว่าคุณตาจะตีไม่พอ เธอถึงได้ยังไม่เชื่อฟัง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของสวี่เยว่ค่อย ๆ จางหายไป
เธอลอบมองสวี่ฮุ่ย เห็นสีหน้าเธอสงบนิ่ง ไม่เหมือนรู้ว่าเธอแอบรับใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมา
แต่คำพูดเมื่อกี้ของเธอหมายความว่ายังไง?
สวี่ฮุ่ยเห็นสวี่เยว่ไม่มีทีท่าจะเอาใบตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยออกมา เธอจงใจไม่พูดถึง รอจังหวะเหมาะสมแล้วค่อยลงมือโจมตีสวีเยว่ให้เจ็บแสบที่สุด!