หรือว่าข่าวลือในหมู่บ้านก่อนหน้านี้จะเป็ความจริง ิเป่าจูคิดแค้นเคืองจึงรอโอกาสที่จะเอาคืน!
แต่ชั่วขณะที่คุยกันเพียงไม่กี่คำ กลุ่มคนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเสียงของหลี่กุ้ยเฟินจะอู้อี้ไม่ชัดเจนซ้ำยังเบามาก แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายได้พอประมาณ ต่างเริ่มอกสั่นขวัญแขวนและหวาดวิตก
หวังซื่อเพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่ เห็นชาวบ้านมามุงล้อมอย่างเนืองแน่นก็ลอบยินดีอยู่ในใจ ยากยิ่งนักที่นางจะไม่เผยตัว เพียงหลบอยู่นอกวงล้อม รอดูิเป่าจูถูกจับตัวส่งไปให้ทางการสอบสวน
เมื่อเห็นสายตาเ็าคู่นั้นที่มองมาอย่างพิจารณา หลี่กุ้ยเฟินก็เย็นวาบไปทั่วร่าง ถึงตระหนักได้ว่าตนเองเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างผิดไป
“เช่นนั้นสามีข้าต้องพิษได้อย่างไรกันล่ะ เื่การกินการดื่มก็เป็ปกติเหมือนอย่างที่เคย ยกเว้นยาต้มของท่านนั่นแหละ” พูดพลางก็ร่ำไห้ออกมาอีก
“สองวันมานี้เขากินอะไรไปบ้าง” การกินอาหารบางอย่างก็อาจต้านกับฤทธิ์ยา เพื่อป้องกันหนึ่งในหมื่น ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนดีกว่า
สตรีนางนั้นสะอึกสะอื้นพลางเล่าเกี่ยวกับอาหารสองมื้อในบ้านให้ฟังทีละอย่าง ครอบครัวยากจนกินน้อยลงมื้อหนึ่งก็จะมีกินต่ออีกมื้อ
ไม่มีอาหารใดที่ต้านกับฤทธิ์ยา หลังจากแน่ใจแล้ว ิเป่าจูก็พบว่าปัญหามิได้อยู่ที่นี่
“กากยาที่เหลือหลังต้มยังอยู่หรือไม่ ไปหยิบมาให้ข้าดู” ิเป่าจูเอ่ย หยุดเสียงร้องไห้ที่กำลังจะะเิออกมาได้ทันท่วงที
เมื่ออย่างอื่นไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ตัวแปรเดียวที่เหลืออยู่ก็คือตำรับยาที่นางเป็คนสั่ง นำกากยาออกมาเปรียบเทียบกับใบสั่งยา ผลลัพธ์ก็จะชัดแจ้งขึ้นมาทันที
“มี” หลี่กุ้ยเฟินพยักหน้า บอกให้ิเป่าจูรอสักครู่ แล้วกลับบ้านไปนำมาด้วยตนเอง
นางเพิ่งไปไม่นาน หัวหน้าหมู่บ้านทราบข่าวก็รีบมา ยังมีเฉียนซื่อภรรยาของเขาติดตามมาด้วย
ั้แ่หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินจงต้าเหนียง [1] เล่าให้ฟังว่าิเป่าจูคือศิษย์ของผู้สูงส่งที่เคยช่วยชีวิตบุตรชายของตนเองในปีนั้น ก็ปฏิบัติต่อนางเปลี่ยนไปจากเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง่นี้นางรักษาโรคให้ชาวบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ก็ยิ่งทำให้เขาชื่นชมมากขึ้น มักชมเชยนางต่อหน้าเฉียนซื่ออยู่เสมอ
ทั้งคู่ต่างเอ็นดูิเป่าจู เมื่อครู่ได้ยินว่าเทียบยาที่นางสั่งมีปัญหา ก็รีบมาทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ทั้งสองมองชาวบ้านที่นอนอยู่บนพื้นก่อนเอ่ยถาม
ิเป่าจูยังไม่ทันพูดอะไร หลี่ฟู่กุ้ยก็เข้ามาอธิบายให้ฟังอย่างกระตือรือร้น
“แล้วรู้ผลหรือยัง” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“หลี่กุ้ยเฟินกลับไปเอากากยาแล้ว รอส่งกลับมาก็จะได้รู้กันแล้ว” หลี่ฟู่กุ้ยกล่าว
“ตาเฒ่า เ้าต้องตรวจสอบให้ชัดเจนนะ อย่าให้แม่หนูเป่าจูได้รับความไม่เป็ธรรมเป็อันขาด” เฉียนซื่อกำชับ
เวลานี้บุตรชายของตนเองสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว ต้องขอบคุณผู้สูงส่งในปีนั้น เมื่อหาเขาไม่พบ การช่วยเหลือลูกศิษย์ของเขาก็นับว่าเป็การตอบแทนบุญคุณเช่นเดียวกัน
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า จุดนี้เขาย่อมรู้ดี แม้ไม่ใช่เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตครานั้น แต่ลูกบ้านเกิดเื่เช่นนี้ ในฐานะผู้นำหมู่บ้าน เขาก็ต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ หลี่กุ้ยเฟินก็หิ้วห่อของกลับมา
“เอานี่ นี่คือกากยา เทียบยาข้าก็เอามาด้วย”
นางพูดพลางล้วงกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ นี่คือกระดาษซางผีที่ิเป่าจูขอมาจากหลี่ฟู่กุ้ยเพื่อใช้เขียนเทียบสั่งยา
เทียบสั่งยาที่ตนเองเป็ผู้เขียน ไม่ต้องดูิเป่าจูก็จำได้แม่น จึงบอกว่าไม่ต้องใช้ แต่หัวหน้าหมู่บ้านกลับรับไป
เมื่อเปิดห่อกระดาษที่บรรจุกากยาออก ตรวจสอบจนแน่ใจทีละอย่าง แม้สมุนไพรจะถูกต้มจนเปลี่ยนรูปร่าง สีก็ซีดจางลงแล้ว สมุนไพรบางชนิดที่มีความละเอียด หลังจากต้มแล้วก็ยากที่จะแยกแยะได้ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน
“นี่คือติงเซียง ปั้นเซี่ยน กานเฉ่า ท่านหมอหลี่ ท่านก็มายืนยันด้วยเถอะ” ิเป่าจูมองปราดเดียวก็ดูออกว่าไม่ใช่สมุนไพรที่อยู่เทียบสั่งยาของตนเอง ทั้งหมดถูกแยกออกมาวางไว้บนพื้น
ของเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านกับยาที่นางสั่ง ทำให้เกิดพิษ ขั้นเบาทำให้วิงเวียนศีรษะ อาเจียน หรือหมดสติ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงก็อาจเสียชีวิตได้เลย
ตอนที่นางจับชีพจรก็โล่งใจเป็อย่างยิ่ง ปริมาณยาไม่หนัก แต่ก็ไม่เบา ดังนั้นผู้ป่วยจึงมาถึงแค่ระดับหมดสติ คนที่ผสมยาเหล่านี้เข้ามา คิดจะเล่นงานนางให้ถึงตาย
“ถูกต้อง แม่หนูเป่าจูกล่าวไม่ผิด” หลี่ฟู่กุ้ยมองแล้วเอ่ยปาก
“แต่ของเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในเทียบยาเลยนะ”
หัวหน้าหมู่บ้านก้มหน้าอ่านเปรียบเทียบบรรทัดต่อบรรทัด สมุนไพรสามชนิดที่ิเป่าจูเอ่ยถึงไม่มีในกระดาษซางผี
“เช่นนี้ดูเหมือนว่าปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่แม่หนูเป่าจูแล้ว” เฉียนซื่อก็เห็นอักษรบนกระดาษ ไม่มีอยู่จริงๆ
“หัวหน้าหมู่บ้าน ขะ...ข้าก็จัดยาตามเทียบที่แม่หนูเป่าจูเขียนให้ทุกอย่างจริงๆ นะขอรับ” หลี่ฟู่กุ้ยพลันตื่นตระหนก
เทียบยาถูกต้อง แต่ในกากยากลับมีสมุนไพรเพิ่มขึ้นมาสองสามอย่าง ไม่เท่ากับเป็การบอกทุกคนว่าเขาจัดยาผิดหรอกหรือ
“ท่านหมอหลี่ ท่านคงมิได้คิดแค้นที่ถูกผู้อื่นเปิดโปงที่ท่านคบคิดกับนักพรตปลอมมาหลอกลวงชาวบ้านกระมัง” มีชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นมา
“เปล่านะ เปล่านะ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ” หลี่ฟู่กุ้ยหน้าแดงก่ำ รีบอธิบายด้วยความร้อนใจ “ข้ายอมรับว่าตอนนั้นโกรธจริง แต่ต่อมาเทียบสั่งยาของแม่หนูเป่าจูก็ทำให้ข้าหาเงินได้ไม่น้อย แล้วข้าจะตัดลู่ทางทำเงินของตนเองได้อย่างไร”
ิเป่าจูจดจ้องเขา สีหน้าของหลี่ฟู่กุ้ยมีความหวาดกลัว ไม่คาดคิด และน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกปรักปรำ มิคล้ายเป็การหลอกลวง ดังนั้นคำพูดจึงเชื่อถือได้
“เื่อื่นวางไว้ก่อนเถอะ หากไม่รีบถอนพิษ เขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน” ิเป่าจูพูดจบก็หันหลังกลับเข้าไปในเรือน มีเสียงร้องห่มร้องไห้ของหลี่กุ้ยเฟินตามมาด้านหลัง
“ช่วยตักน้ำมาให้ข้าถ้วยหนึ่ง” ิเป่าจูพูดกับหลี่ไหวฺอวี้
ั้แ่เปิดประตูมาจนถึงบัดนี้ ในที่สุดหลี่ไหวฺอวี้ก็มีความเคลื่อนไหวเสียที เขาหยัดกายขึ้นมาจากกรอบประตู เข้าไปในครัว ส่วนิเป่าจูก็นั่งยองลงเลือกสมุนไพรในสวน
ไม่ช้า ทุกคนก็เห็นนางเด็ดใบไม้ออกมาสองสามใบ โดยมีหลี่ไหวฺอวี้ยกถ้วยน้ำเดินตามอยู่ด้านหลัง
สิ่งที่ิเป่าจูเด็ดออกมาคืออูเฉียวกับลวี่ซวี เมื่อมีสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ต้านกัน ก็ย่อมมีที่ออกฤทธิ์ส่งเสริมกัน ทั้งสองอย่างก็เป็เช่นนี้
หากใช้เพียงอย่างเดียวก็เป็ของดีที่ช่วยบำรุงร่างกายและปรับสมดุลอวัยวะภายใน แต่ถ้านำมารวมกันผลลัพธ์ก็จะแปรเปลี่ยนเป็ที่น่าอัศจรรย์ สามารถกำจัดพิษที่เกิดจากสมุนไพรธรรมดาทั่วไปได้
ทั้งสองชนิดล้วนเป็ของล้ำค่าที่มีอยู่เพียงน้อยนิด แค่ชื่อของพวกมันหลี่ฟู่กุ้ยยังเรียกไม่ถูก ไหนเลยจะเข้าใจวิธีการใช้ที่ล้ำลึก
สมุนไพรที่แม้แต่หมอประจำหมู่บ้านยังไม่รู้จัก ชาวบ้านยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
พวกเขารู้แต่เพียงว่าเป็ใบไม้สดที่ยังไม่ผ่านการตากแห้ง นำมาขยำกับน้ำแล้วป้อนให้คนป่วยดื่ม เพียงชั่วครู่เดียว คนผู้นั้นก็มีสัญญาณฟื้นคืนสติ
“ใครกันแน่ที่คิดสังหารสามีข้า หากตรวจสอบได้ ข้าจะส่งตัวให้เ้าหน้าที่ทางการอย่างแน่นอน” หลี่กุ้ยเฟินกล่าวอย่างเป็เดือดเป็แค้น แต่ก็ดีใจจนน้ำตาไหลพราก
หวังซื่อยืนพิงอยู่มุมกำแพงด้านนอกของฝูงชนมาโดยตลอด ไม่นึกว่าิเป่าจูจะหลุดพ้นจากข้อสงสัยอย่างง่ายดาย ความเคียดแค้นพลันเกิดขึ้นในใจอีกครั้ง คิดหาวิธีจัดการกับนางต่อ
แต่พอได้ยินหลี่กุ้ยเฟินก่นด่าสาปแช่งจะจับคนวางยาส่งทางการให้ได้ ก็เกิดความหวาดกลัว ตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจสะกดกลั้น เกิดใจฝ่อคิดจะหาที่หลบซ่อนตัว
แต่กลับไม่คิดว่าตำแหน่งที่ไม่สะดุดตานี้ และอากัปกิริยาเล็กน้อยของตนเองจะถูกสายตาอันเฉียบแหลมของหลี่ไหวฺอวี้พบเห็นเข้า
“ตอนเ้าจัดยาอยู่ มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นบ้างหรือไม่” หลี่ไหวฺอวี้ถามหลี่ฟู่กุ้ย
“ข้าขอคิดดูก่อน...” หลี่ฟู่กุ้ยยังจมอยู่กับความตื่นตระหนกที่ตนเองตกเป็ผู้ต้องสงสัย ความคิดของเขาว้าวุ่นไปหมด
“อา ข้านึกออกแล้ว” ขณะที่หลี่ฟู่กุ้ยกำลังครุ่นคิด ก็มีภาพเหตุการณ์หนึ่งแวบเข้ามาในสมองของเฉียนซื่อ จึงเอ่ยปากออกมาก่อน “วันนั้นข้าเห็นหวังซื่อออกมาจากร้านของท่านหมอหลี่ ท่าทางลุกลี้ลุกลน”
เชิงอรรถ
[1] ต้าเหนียง ปกติจะหมายถึงป้าสะใภ้ หรือเป็คำเรียกที่บุตรอนุภรรยาใช้เรียกมารดาที่เป็ภรรยาเอก แต่ยังสามารถใช้เป็คำเรียกเพื่อแสดงความเคารพต่อหญิงสูงวัยที่ออกเรือนแล้วได้อีกด้วย
