สิ้นเสียงผู้เฒ่า ทุกคนก็หันหน้าพร้อมกันไปทางต้นไม้แห่งชีวิต โคนต้นที่มีรากมากมาย มีร่างหนึ่งโปร่งแสงผุดขึ้น พระแม่แห่งชีวิตปรากฏตัวขึ้น จากร่างครึ่งกาย ดวงหน้าใจดีมีเมตตา ดั่งในนิมิตที่หลานหลี่เซ่อ สร้างให้ดูก่อนหน้า พระแม่สร้างดวงจิตจากฝ่ามือและปลดปล่อยสู่ผีเสื้อราตรี ดวงแล้วดวงเล่า ตัวแล้วตัวเล่า
“ไปเราไปเฝ้าพระแม่แห่งจิติญญากัน” หลานหลี่เซ่อ และ เหล่าหมู่ซู่าพากันเดินเท้าเข้าไป ทุกคนสามารถเหยียบลงบนทะเลเมฆนั่น และ สารเมือกขาวมุกระยิบระยับนั่นก็ทำให้พวกเค้าลอยตัวอยู่ได้ เ้าวั่งซูมีหลิ่งกวางนั่งบนบ่า ฮวาเฟยฟามีไป่ชิงหลงอยู่บนบ่า เดินนำหน้า และขึ้นบันไดไปสู่้าหน้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และพระแม่แห่งจิติญญา
“เฟยเฟยดูสิ ยิ่งเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิต ก็ยิ่งขาวสว่างไสวและยิ่งใหญ่มาก ดอกใบกิ่งก้านลำต้นล้วนเป็สีขาวบริสุทธิ์ และ ใกล้ขนาดนี้ พระแม่แห่งจิติญญาก็ใหญ่และงดงามมาก ผมยาวสยายดวงตาคู่งามที่ปิดลงเหมือนเทพธิดาเม่งเซี๊ยะ” เ้าวั่งซูพูดกับฮวาเฟยฟา ฮวาเฟยฟาพยักหน้าเห็นด้วย “ช่างยิ่งใหญ่ สว่าง และงดงามบริสุทธิ์”
“เ้าวั่งซู หนุ่มน้อยผู้เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และแบกชะตาที่ยิ่งใหญ่ของดวงจิตมากมายเอาไว้ อุปสรรคมากมายยังรอเ้าอยู่ แต่อย่ากังวลด้วยจิตใจที่ดีงาม และมันสมองอันปราดเปรื่องนั้นจะช่วยเ้าให้ผ่านพ้นไปด้วยดี อีกทั้งสหายคู่ใจที่มีวาสนาเคียงข้างกันมา เ้าจะไม่เป็ไร” เ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟาหันมองหน้ากันมือจับหู เสียงนี่ที่ดังอยู่ในหัวพวกเราคือเสียงของ......
“เสียงพระแม่แห่งจิติญญา ท่าทางแบบนี้ท่านคงกำลังพูดอะไรกับพวกท่านอยู่เป็แน่” หลานหลี่เซ่อกล่าว
“ข้าจะต้องเจออุปสรรคมากมายหรอพระแม่แห่งจิติญญามันคืออะไร แล้วข้า เ้าวั่งซู ยังต้องเกิดซ้ำไปอีกกี่ชีวิต โปรดบอกข้า” เ้าวั่งซูกล่าวถาม
“อนาคตไม่ใกล้ไม่ไกล ดวงชะตาของเ้ายิ่งใหญ่นัก เ้าจะรู้เอง คนหนึ่งคือไฟอีกคนคือน้ำช่วยกันผลักช่วยกันเสริม ท้ายสุดแล้วเ้าจะไม่เป็ไร เพราะการสิ้นสุดแห่งเดินทางมาถึง” เสียงตอบกลับจากพระแม่
“ชาติกำเนิดที่ไร้คนเทียมของเ้าชายแห่งั เ้าจะเป็คำตอบสุดท้ายให้กับทุกสิ่ง จงเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง ถ้าเผ่าพันธุ์ัผู้ถือกำเนิดพร้อมภพ์ที่เปี่ยมไปด้วยบุญบารมียังไม่แน่ใจในเส้นทาง ก็หามีผู้ใดในหล้าจะแน่ใจในสิ่งใดได้อีก จงสงบและเยือกเย็นดั่งที่เ้าเป็ คำตอบทุกสิ่งจะเรียงรายดั่งดวงประทีปส่องสว่าง” เสียงอมยิ้มในลำคอของพระแม่ก่อนจะพูดต่อ “สหายเ้าเค้าจะไม่เป็ไรอย่ากังวล เมื่อมีคนหนึ่งก็มีอีกคนหนึ่งถ้าไม่มีคนหนึ่งก็ไม่มีอีกคนหนึ่ง เ้าทั้งสองคือสัจจะนิรันดร์แก่กันและกัน”
“ข้าจะไม่ต้องสูญเสียเค้าไปอีกแล้วใช่ไม๊” ฮวาเฟยฟาเน้นย้ำ น้ำตารื้นเล็กๆ และคำนับพระแม่แห่งจิติญญา
เ้าวั่งซูหันมองคิดในใจ “ใครกัน เฟยเฟยเคยสูญเสียใครไปหรือว่าเค้าเคยมีคนรักมาก่อน หรือพ่อแม่ ไม่สิพวกนั้นยังอยู่บน์ ใครกัน ใครกันนะ” ภาพตัดกลับสู่อดีตแว่บหนึ่ง เหมือนฮวาเฟยฟากำลังกอดร่างใครคนหนึ่ง และร้องไห้ใจสลาย และดูเหมือนคนในอ้อมอกฮวาเฟยเฟยจะใส่ชุดสีดำ คนๆ นั้นคือใคร ทำไมช่างคุ้นเคยยิ่งนัก
“ไป! ถึงเวลาที่ข้าจะพาพวกท่านกลับสู่ภพภูมิมนุษย์ และข้าก็มีของขวัญจากภพพืชพันธุ์แด่พวกท่าน” หลานหลี่เซ่อกล่าว ผู้เฒ่ามู่ซู่เอื้อมกิ่งตนขึ้นเด็ดดอกชงโคทอง์ที่สว่างระยิบระยับส่งให้ เ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟา ทั้งสองรับมา
“ให้สิ่งนี้กับพวกข้าทำไม” ทั้งสองเอ่ยถามพร้อมกัน
“ดอกชงโคทอง์เป็หนึ่งในดอกไม้ที่สูญไปจากภพ์ช้านานแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลากำเนิดใหม่ในภพภูมิที่ต่างไป ภพมนุษย์! พวกเราอยากเห็นว่ามันจะเติบโตงดงามเพียงใด มากกว่าที่เคยเติบโตในภูมิหรือไม่ในมืุ์อย่างพวกท่าน ฮ่าๆ” หลานหลี่เซ่อกล่าว หัวเราะ ทั้งสองโค้งคำนับ ผู้เฒ่าชงโคทอง์ และ หลานหลี่เซ่อกับของขวัญล้ำค่านี้
“ข้าจะดูแลอย่างดี ไว้ที่ เรือนข้า ในหมู่บ้านชุนเทียนหวังว่าพวกท่านจะตามติดดูการเจริญเติบโตของมันโดยที่ข้าไม่ต้องแจ้ง” เ้าวั่งซูรับปากแอบแซวๆ พวกต้นไม้รุ้เยอะพวกนี้
“ฮ่าๆๆๆๆ!” ทุกคนต่างหัวเราะร่าพร้อมรวมกันเสียงดัง ต่อหน้าพระแม่แห่งจิติญญา
“พายุแห่งความชั่วร้ายกำลังคืบคลานเข้ามา ข้าไม่คิดว่ามันจะเบาบางและเป็ข่าวดี ด้านล่างไม่สงบ รอสุมพลัง และนำพาความเปลี่ยนแปลง สู่ทุกภพ” พระแม่แห่งจิติญญากล่าวบอกทุกคน ขณะที่กำลังสร้าง และปลดปล่อยดวงิญญาสุดท้ายจากฝ่ามือสู่ผีเสื้อราตรี เทวทูตผู้นำทางมาตลอดหมื่นแสนปี ผีเสื้อราตรีสยายปีกงามสว่างไสวนำทางทุกดวงจิตลอยไกลสู่ท้องฟ้าที่มีจันทร์เต็มดวงส่องสว่างกลางนภา เ้าผีเสื้อแห่งจิติญญาที่สยายปีกที่กว้างงดงาม เ้าจะนำเหล่าดวงิญญานั้นไปที่แห่งใด ไปที่แห่งใด ได้โปรดบอกข้าที .........
แสงวิบวับแห่งผีเสื้อราตรีค่อยๆ ไกลห่างออกไป ในดวงตาของทุกคนต่างค่อยๆ พล่าลง พร้อมแสงที่เริ่มดับลง ทั้งสี่หมดสติไปในนิทราเหมือนเป็การสิ้นสุดของการเดินทางที่ยาวนาน และได้พักผ่อนอย่างสงบ แม้เป็เพียงแค่เวลาสั้นเพียงนิดเดียว