เมื่อเทียบเสียงและหน้าตาเธอแล้ว ทันใดนั้นก็พบว่าเธอคือดาราดังแห่งจอแก้ว ติงเจียลี่!
พนักงานร้าน Litter และลูกค้าทั้งหมดเริ่มแตกตื่น บางคนไม่แน่ใจว่าเป็ตัวจริงไหมก็เริ่มที่จะเดินกรูกันเข้ามา
“ฉันคงอยู่นานไม่ได้แล้วค่ะ ขอให้คุณเนี่ยสวยวันสวยคืนนะคะ” เมื่อพบว่าสายตาเริ่มมองมาที่เธอ ติงเจียลี่ก็ออกจากร้าน ก่อนไปก็ยังจะไปยังพูดจาแปลกๆ ใส่เธอด้วย
สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ หลังจากพูดจาแปลกๆ จบเธอก็เข้ามาจูบแบบงงๆ!
อยู่ต่างประเทศนานไปแล้วหรือ!
จ้าวหยวนฟางที่เห็นยังแอบรู้สึกอิจฉา
แต่หลังจากนาทีนั้นเขาก็อิจฉาไม่ออกแล้ว เพราะสิ่งที่ตามมาหลังจากที่ติงเจียลี่ไปแล้วก็คือ หลายคนเริ่มที่จะวิพากษ์วิจารณ์คนที่แย่งชุดกระโปรงกับติงเจียลี่อย่างเนี่ยเซิงเสี่ยว
อีกฝ่ายเป็ติงเจียลี่ที่ถูกผู้คนชื่นชมดั่งนางฟ้า หลายคนที่อยู่ตรงนั้นจึงคิดว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ได้ประมาณตัวเองเอาเสียเลย
“พี่เจียลี่เคยถ่ายโฆษณาบิกินี่ด้วยนี่ หุ่นแบบนั้นน่ะ ถ้าใส่ชุดตัวไหนแล้วก็ไม่มีใครใส่สวยเท่าเธอหรอก”
“ใช่ แถมยังใจกว้างมาก ไม่เหมือนคนบางคนที่อาศัยอำนาจของประธานจ้าวสั่งให้เก็บชุดนี้ไว้”
“ใช่แล้ว ฉันคิดว่าถ้าเธอคนนั้นใส่ไม่มีทางสวยกว่าเจียลี่หรอก”
……
เนี่ยเซิงเสี่ยวแทบจะหนีออกมาจาก Litter
จ้าวหยวนฟางเองก็เดินตามหลังมา เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เกิดคำนินทาที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอมากมายขนาดนี้ คำพูดมั่วซั่วของพนักงานร้านรวมถึงลูกค้าบางคนทำให้เขาในตอนนี้ไม่สามารถลงโทษใครคนใดคนหนึ่งได้ เขาจึงตามออกมาเพื่อขอโทษเนี่ยเซิงเสี่ยว
“เซิงเสี่ยว ฉันขอโทษ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวหันหลับมามองเสื้อที่อยู่ในมือของเขาก็แย่งไปถือ ในวินาทีนั้นเธอฉุนจนอยากจะรีบกลับไปลองสวมที่บ้านดูจริงๆ ดูว่าเธอใส่แล้วจะน่าเกลียดสักแค่ไหน!
“เซิงเสี่ยว เธอ…” พอเห็นท่าทางน่ารักของเธอ จ้าวหยวนฟางก็หัวเราะออกมา เหมือนย้อนกลับไปตอนที่เพิ่งจะรู้จักกันที่หน้าลานสแควร์ เธอยังคงเป็หญิงสาวใสซื่อคนเดิมในสายตาของเขา
“ไม่ต้องไปสนใจผู้หญิงแบบนั้นหรอก” จ้าวหยวนฟางยกมือไปทางเนี่ยเซิงเสี่ยว
เธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร เพียงแค่อาศัยสัญชาตญาณของร่างกายหลบมือข้างนั้นจากนั้นก็มองไปทางจ้าวหยวนฟางด้วยสายตาแปลกๆ “ผู้หญิงแบบนั้น? ในสายตาผู้ชายแบบพวกนาย ผู้หญิงแบบติงเจียลี่ไม่ใช่ของล้ำค่าหรือ?”
หลังจากที่มือของจ้าวหยวนฟางแตะโดนอากาศก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่นาน บนใบหน้ามีความเ็ปแฝงอยู่ “เซิงเสี่ยว หลายวันมานี้ฉันได้ยินเื่ของเหยียนจิ่งจื้อกับติงเจียลี่มา มันจะเป็เื่จริงหรือไม่ ฉันจะไม่พูด ที่สำคัญคือเขาไม่คิดจะมาเคลียร์ข่าวฉาวพวกนี้เลย เพราะอย่างนั้นคำพูดของเธอเมื่อกี้นี้เจาะจงไปที่เหยียนจิ่งจื้อใช่ไหม”
จ้าวหยวนฟางคิดว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวจะต้องถูกเหยียนจิ่งจื้อทำให้เสียใจ
“เปล่าหรอก” เนี่ยเซิงเสี่ยวกลับไม่คิดจะพูดถึงเื่นี้อีก จึงปล่อยผ่านไป ก่อนจะไปยกมือโบกเรียกรถกลับบ้านพร้อมยกเสื้อในมือขึ้น “ค่าชุดนี่ เดี๋ยวฉันจะจ่ายให้นายนะ”
จ้าวหยวนฟางกลับไม่ได้รั้งเอาไว้ กลับกันเขายังเดินไปเปิดประตูรถให้เธอแล้วยิ้มเล็กๆ “เปลี่ยนวิธีคืนได้ไหม?”
“วิธีไหนล่ะ?”
“งานแฟชั่นวีคของฉันที่จัดขึ้นในอาทิตย์หน้า หลังจบงานจะมีจัดเลี้ยงฉลอง ซึ่งฉันกำลังขาดคู่ควงอยู่”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเข้าไปนั่งในรถ “ฉันคืนด้วยเงินดีกว่า” ต่อหน้าจ้าวหยวนฟางเธอสามารถปฏิเสธความ้าของเขาได้ ราวกับว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีทางโกรธเธอ
แต่เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็พบว่าตัวเองติดหนี้น้ำใจเขาเอาไว้เยอะมาก แค่เื่เล็กๆ แค่นี้ก็ยังปฏิเสธคงจะไม่มีน้ำใจเกินไปสักหน่อย โดยเฉพาะสายตาของเขาในตอนนี้ที่มีความเ็ปฉายชัดอยู่
“โอเค ฉันจะกลับไปคิดดู…”
ตอนวันงานรับปริญญาของเธอ ในตอนนั้นเหยียนจิ่งจื้อถูกเพื่อนๆ ของเธอมอมเหล้า ซึ่งทุกคนต่างพูดกันว่าคนเมามักจะพูดความจริง ทุกคนที่นึกสนุกจึงให้เหยียนจิ่งจื้อพูดวิจารณ์เธอออกมา
อย่างเช่น “นายคิดว่าจุดไหนเป็ข้อดีที่สุดของเนี่ยเซิงเสี่ยว?” ตาของเหยียนจิ่งจื้อแดงก่ำ เขาสะอึกออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย “หน้าอกนิ่ม”
เนี่ยเซิงเสี่ยวจึงต่อยเขาไปหนึ่งหมัด
และยังมีอีกคำถาม “นายคิดว่าข้อเสียที่สุดของเนี่ยเซิงเสี่ยวคืออะไร?” ตาของเหยียนจิ่งจื้อยังคงแดงก่ำ “เสี่ยวเสี่ยว ฉันเดาถูกด้วยว่าจะต้องมีถามถึงข้อเสีย ดังนั้นฉันจึงเลือกคำตอบที่ตรงกันข้ามกัน ก็คือ ใจอ่อน”
ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันที ถ้าหากใจไม่อ่อนพอ ก็คงไม่มีทางทำให้คุณชายรองของตระกูลเหยียนอ่อนยวบแบบนี้ได้
และที่จ้าวหยวนฟางหลงรักเธอ ก็คือข้อเสียข้อนี้ ใจอ่อน นั่นคือสิ่งที่เขา้าจะปกป้องไปทั้งชีวิต
*
หลังจากที่เนี่ยเซิงเสี่ยวกลับมาถึงห้องพักคนป่วยของเหนี่ยวเหนี่ยว เธอก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาให้เขาดู อย่าดูถูกว่าลูกชายของเธออายุแค่หกขวบครึ่ง สายตาของเขากว้างไกลมาก จนหลายปีมานี้เธอจึงติดนิสัยว่าถ้าหากเขาพูดว่าชุดนี้ไม่สวยเธอจะไม่ใส่ออกไปข้างนอกแน่
ครั้งนี้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวมองอยู่นานก็พูดออกมาเพียง “แม่ อาเหยียนจะต้องอดทนไม่ไหวแน่ๆ”
สีหน้าของเนี่ยเซิงเสี่ยวเปลี่ยนไปด้วยความคาดไม่ถึง ก่อนจะไปตีเด็กน้อยเบาๆ “ไปเรียนคำพูดพวกนี้มาจากใคร ใครจะทนไม่ไหวกันลูกอย่ามาพูดมั่วๆ นะ!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะเปิดออก ตอนที่หานอวี้จือเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงเหนี่ยวเหนี่ยวร้องออกมาอย่างดัง “หมอหานพูด เขาพูดกับพี่สาวพยาบาลว่าจะทนไม่ไหวแล้ว ผมเห็นเขาทำท่าทางตื่นเต้นมากเลยนะ!”
สิ่งที่พูดออกมานั้นเสียงดังชัดจนแม้แต่คนหูหนวกยังได้ยิน คนที่เดินผ่านมาก็ก้าวขาไม่ออกแล้ว…หานอวี้จือไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พลางคิดว่าเ้าเด็กคนนี้นี่มันแข็งแรงแล้วจริงๆ แข็งแรงจนสามารถไปแอบฟังเขาพูดหยอกกับพยาบาลได้แล้ว ยังจะต้องตรวจอาการไปอีกทำไมเนี่ย เขาตัดสินใจที่จะออกไปจากห้องนี้ทันที
“หมอหาน?” น่าเสียดายที่ถูกเนี่ยเซิงเสี่ยวเรียกเอาไว้เสียก่อน
“อ่า ฮะๆ ผมเอง ไม่สิ ทำไมคุณเนี่ยถึงรู้ว่าเป็ผมล่ะ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวกรอกตามองบน หลังจากเคาะประตูก็เปิดเข้ามาเลย นอกจากเหยียนจิ่งจื้อแล้วก็มีแค่หมอหานที่เป็หมอประจำตัวคนไข้แล้วล่ะ เหยียนจิ่งจื้อไม่มีทางมาแล้วมันยังจะมีใครมาได้อีกล่ะ
“คืนพรุ่งนี้ฉันมีธุระ รบกวนหมอหานดูแลเหนี่ยวเหนี่ยวสักคืนได้ไหมคะ?”
คืนวันต่อมา ในตอนที่หานอวี้จือปอกแอปเปิลให้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว ก็ถามเขาขึ้นมา “คืนนี้แม่นายไปไหน? ถ้าไม่พูดไม่ให้กินแอปเปิลนะ”
เหนี่ยวเหนี่ยวกลืนน้ำลายด้วยความอยากกิน ก่อนจะแย่งมาหนึ่งชิ้น “ออกเดตนิดหน่อยน่ะ ไปเจอผู้ชาย…”
หานอวี้จือใกับคำพูดทีเล่นทีจริงของเขา ก่อนจะแย่งแอปเปิลกลับมา “เอ้ เด็กน้อย นี่มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของแม่นายนะ จะเอามาพูดเล่นไม่ได้”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวกะพริบตาก่อนจะแบะมือทั้งสองข้าง “ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น ลุงหาน ผมว่าพยาบาลหลี่คนนั้นสวยอยู่นะ ลุงรสนิยมดีนะเนี่ย”
หานอวี้จือไม่ได้ถูกคำพูดของเขาเปลี่ยนหัวข้อไป และรีบโทรหาเหยียนจิ่งจื้อทันที
ใครจะรู้ว่าเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจะรีบเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปและกดวางสาย “ลุงหานโทรศัพท์ทำไมล่ะ คืนนี้แม่บอกแล้วว่าให้ลุงมาดูแลผม อย่ามาใช้โทรศัพท์ตามใจชอบนะ”
ทำไมเ้าเด็กนี่ถึงได้น่ารำคาญแบบนี้นะ หานอวี้จือแย่งโทรศัพท์กลับมาและโทรไปหาเหยียนจิ่งจื้อใหม่ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กที่ตัวเท่าเอวจะวิ่งมาแย่งโทรศัพท์เขาอีกครั้งและกดวางสายอีก
แถมสายตานั่นยังมีรังสีสังหาร…
ในใจของเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว เวลานี้เป็่เวลาที่หายากของพ่อแม่เขา ใครกล้ามารบกวน? ต้องฆ่าทิ้งอย่าปราณี!
เหยียนจิ่งจื้อเห็นโทรศัพท์ดังอยู่สองครั้ง แถมทุกครั้งยังมาจากหานอวี้จือ เขาก็ี้เีจะไปสนใจกดปิดเครื่องแล้วโยนไปด้านหลังรถ จากนั้นก็เปิดหน้าต่างรถท่ามกลางบรรยากาศในยามค่ำคืนอันมืดมิด
วิวที่ด้านนอกสะพานเป็อะไรที่ไม่เลวเลย แถมคนบางคนเหมือนจะชอบมองแสงไฟที่สะท้อนจากสายน้ำมากเสียด้วย
และในเวลานี้เนี่ยเซิงเสี่ยวจ่ายค่ารถเสร็จเรียบร้อย กำลังจะลงมาจากรถ ลมที่พัดอยู่ด้านนอกให้ความรู้สึกเย็นสบายจนเธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมา กรงที่ขังเธออยู่ในตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด หลังจากรวบรวมความกล้าจนเต็มเปี่ยมแล้วเธอถึงเริ่มที่จะตามหารถที่มีป้ายทะเบียนเป็วันครบรอบของพวกเธอ
ทว่าหาอยู่นานเธอก็พบสิ่งที่น่าเศร้าก็คือ เหมือนตัวเธอจะสายตาสั้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว แถมตอนกลางคืนก็มืดมาก ทุกครั้งที่เดินหาจะต้องยื่นหน้าเขาไปมองท้ายรถใกล้ๆ ถึงจะมองป้ายรถได้ชัด
“อืม…อืม…อา” ในตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวกำลังเตรียมตัวจะไปมองรถคันถัดไปก็ได้ยินเสียงที่ทำให้เธอยืนชะงักค้างอยู่กับที่ กิจกรรมเข้าจังหวะหรือ ขอร้องล่ะ ช่วยปิดหน้าต่างสักหน่อยได้ไหม? ถึงแม้เธอจะสายตาสั้นแต่ว่าก็ไม่ได้สั้นมากนะโอเคไหม ผิวขาวๆ นั่น…
เธออยากจะเอานิ้วจิ้มตาตัวเองจริงๆ