นางเป็คนเช่นไรกันแน่? นางเห็นความหวาดกลัวในใจของข้าแล้วใช่ไหม? ในขณะที่นางกำลังหัวเราะเยาะข้า นางก็ช่วยทำลายกรงขังให้ข้า? หากไม่ทำลายของเก่าแล้วจะสร้างของใหม่ได้อย่างไร?
นางเป็คนเช่นไรกันแน่?
เห็นเขาจ้องเขม็งแต่ไม่กล่าวอะไรกงอี่โม่จึงลูบใบหน้าของตนอย่างอ่อนใจ
“เลิกตะลึงได้แล้ว! ท่านรู้หรือไม่ว่าหลังจากนี้ต้องทำอย่างไรบ้าง?”
“ข้ายังพอมีอำนาจอยู่ในมือ สามารถเอาตัวรอดได้ วันพรุ่งนี้ข้าจะให้สหายของข้าบอกให้คนในตระกูลพวกเขายื่นฎีกาขึ้นไปสงสัยว่าจวนผิงอ๋องมีฏแฝงตัวอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงฆ่าฟันดังตลอดคืนอีกทั้งยังมีการส่งทหารออกไปตามหาคน” เซินสือเย่ครุ่นคิด
กงอี่โม่พยักหน้า เซินสือเย่ก็ฉลาดทีเดียวแต่ไหนแต่ไรสิ่งที่ผู้มียศตำแหน่งสูงทั้งหลายกลัวเข้าไปพัวพันมากที่สุดก็คือคำว่าก่อฏเป็คนทรยศต่อบ้านเมือง เพราะการสมคบคิดกับศัตรูก็มีโทษปะาเก้าชั่วโคตรได้แล้ว!
ดังนั้นหากเซินสือเย่ทำเช่นนี้ ผิงอ๋องจะต้องหวาดกลัวเป็กังวลเขาต้องเก็บเนื้อเก็บตัว พยายามทำเื่นี้ให้เงียบหายไปทำให้เื่ใหญ่กลายเป็เื่เล็ก ทำให้เื่เล็กกลายเป็เื่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเื่จะไปใส่ร้ายบุตรชายของตนเลยเพราะแค่มีใครบางคนเหลือบมองจวนผิงอ๋องเพียงชั่วแวบเดียวเขาก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนได้แล้ว
กงอี่โม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ นางอ้าปากหาวตอนนี้เริ่มง่วงนอนแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็คงรู้ว่าเมื่อเจอบิดาของท่านแล้วท่านควรทำอย่างไรใช่ไหม?”
“ขอแค่เขาเหยียบประตูเท่านั้น ข้าจะตัดศีรษะของสตรีนางนั้นทิ้งจากนั้นก็โยนใส่หน้าเขา!” เมื่อคิดถึงบิดาของตน ดวงตาของเซินสือเย่พลันสะท้อนประกายพิฆาต! เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
ดูเหมือนว่าเขาพลันเปลี่ยนไปเป็คนละคนภายในชั่วคืนเดียวเขาไม่ได้หนีความจริงเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้เขาพร้อมเผชิญหน้ากับทุกเื่จากนั้นก็รอยึดตำแหน่งเท่านั้น
“ข้าจะเดินทางวันพรุ่งนี้แล้ว และไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไรหากข้ากลับมาแล้วท่านสามารถดำรงตำแหน่งจั่วตูเว่ยทหารรักษาพระองค์ประจำเมืองหลวงได้แล้วข้าจะมีของขวัญให้ท่าน!” กงอี่โม่คลี่ยิ้มนางยัดสิ่งของอย่างหนึ่งให้กับเขา
เมื่อกล่าวจบนางจึงหมุนกายเดินกลับไป เมื่อแตะปลายเท้าเบาๆร่างของนางจึงะโลอยข้ามกำแพงไป
นางพลิกตัว เื้ัของนางเป็พระจันทร์ใสกระจ่างเงาของนางกำลังเท้าสะเอวหัวเราะเสียงดัง ท่าทางเช่นนี้จึงดูอวดดียิ่งนัก
“หากมีคนมาหาเื่ท่านอีก ท่านก็ใช้สิ่งนี้ตบหน้าอีกฝ่าย!”
เซินสือเย่พลิกป้ายในมือของตนขึ้นมาดู ตัวอักษร ‘ดุจข้ามาเอง’สี่อักษรมีลักษณะราวกับัเจียวหลงกำลังแยกเขี้ยวกางกรงเล็บเลยทีเดียว! เขาเลิกคิ้วพร้อมยิ้มออกมา
“เย่เอ๋อร์! เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?!”
เสียงใแกมกังวลของท่านย่าดังลอยมาแต่ไกลรวมทั้งยังมีเสียงของทหารอารักขาอีกด้วย
เซินสือเย่เงยหน้าขึ้นพร้อมถอนหายใจเบาๆ สำหรับเขาแล้วค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก
ก่อนขบวนใหญ่เดินทางออกจากเมืองหลวงม้าเร็วก็ส่งพระราชโองการไปถึงพื้นที่ในแดนทักษิณแล้ว ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้เตรียมทหารม้ามากมายนักมีเพียงทหารสองพันนายที่เดินทางไปคุ้มกันทรัพย์สินและเครื่องมือต่างๆส่วนนายช่างและผู้เชี่ยวชาญน้ำจะอยู่ท้ายขบวน มีรถม้าห้าสิบคัน
ขณะที่กงเช่อกำลังทูลลาฮ่องเต้นั้นฮ่องเต้ได้เอ่ยถามประโยคหนึ่งด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ยายหนูไม่ได้อยู่ในขบวนใช่ไหม?”
ประโยคนี้ทำให้กงเช่อมีสีหน้าไม่ดีนัก เขาทำท่าอึดอัดทว่าฮ่องเต้กลับหัวเราะเสียงดัง เขาตบบ่ากงเช่อเบาๆ แล้วปล่อยให้ออกเดินทาง
ขณะที่อยู่บนหลังม้า กงเช่อหันหน้ากลับมามองอย่างอดไม่ได้ฮ่องเต้กำลังยืนมองส่งพวกเขาอยู่บนประตูเมืองอย่างสง่างาม ดวงตาเคร่งขรึมดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะเชื่อใจและคาดหวังในตัวเขา
เสด็จพ่ออาจไม่ใช่บิดาที่ดี ทว่าเขาเป็ฮ่องเต้ที่ดีอย่างแท้จริง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ กงเช่อเหมือนตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่เขาบังคับม้ามุ่งตรงไปด้านหน้า ทว่าภายในรถม้าคันหนึ่ง มีศีรษะเล็กๆยื่นออกมาจากนอกหน้าต่าง จากนั้นจึงหันไปโบกมือให้กับฮ่องเต้
ฮ่องเต้มองมา นางจึงรีบทำหน้าตลกล้อเลียน! เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮ่องเต้จึงไม่รู้จะทำเช่นไรดี!
ยายหนูคนนี้!
กงเซิ่งยิ่งหัวเราะ ในใจของเขาก็ยิ่งเ็ป เด็กน้อยเป็คนใจกว้างการกระทำของนางแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้เขาจะถอดยศของนางต่อหน้าทุกคนก็ตาม
ทั้งๆ ที่เป็เด็กดีคนหนึ่ง นางตั้งใจทำเื่ดีๆ มาตลอดแต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปจะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายก็เพราะนาง
ส่วนกงเช่อที่เห็นการกระทำของกงอี่โม่แล้ว เดิมทีเขายังรู้สึกกังวลทว่าเมื่อเห็นท่าทางพอใจของฮ่องเต้ เขาจึงผ่อนลมหายใจโล่งอกอย่างอดไม่ได้ ใช่! จะมีใครไม่ชอบนางบ้างล่ะ? นางเป็คนที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกชอบอย่างอดไม่ได้ไม่ใช่หรือ?
เพียงแต่กงเช่อต้องจดจำไว้เสมอว่าเขาจำเป็ต้องยับยั้งชั่งใจตัวเองอยู่ตลอดเวลาเขาต้องปลีกตัวห่างจากนางไปให้ไกล เขาแอบเศร้าอยู่ในใจจากนั้นจึงควบม้ามุ่งหน้าไปอยู่ตำแหน่งหน้าสุด
ณ ศาลาสิบลี้
ครั้งที่แล้วกงอี่โม่เพิ่งส่งกงเจวี๋ยอยู่ที่นี่คาดไม่ถึงว่าเมื่อได้มาที่นี่อีกครั้งกลับมีคนกำลังรออยู่แล้ว
“องค์รัชทายาท มีสหายของข้าติดตามพวกท่านไปหลายคนเมื่อจากกันในวันนี้แล้วก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีกครั้ง! ดังนั้นข้าอยากรบกวนเวลาขององค์รัชทายาทสักเล็กน้อยขอให้พวกเราได้ดื่มสุราอำลาสักจอก” เซินสือเย่ขวางขบวนรถม้าไว้ เขากล่าวกับกงเช่อด้วยสีหน้าอวดดี
นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ กงเช่อจึงพยักหน้าจากนั้นพลันมีรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนขึ้นมาด้านหน้าทันที สวีหยวนเปิดม่านขึ้นเขากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ซื่อจื่อก็มีน้ำใจมาก เดินทางมาส่งพวกเราจริงๆเสียด้วย!”
เซินสือเย่ส่งยิ้ม ทันใดนั้นเขาพลันไอโขลกๆ สองสามครั้ง
เมื่อคืนเขาเพิ่งาเ็สาหัส อันที่จริงเขาควรรักษาตัวอยู่ที่บ้านแต่เขาออกมาด้านนอกเช่นนี้ได้อย่างไร?
กงอี่โม่ถือโอกาสตอนที่ขบวนรถมากำลังจัดรูปขบวนนางจึงะโลงมาทันที จากนั้นเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เวลานี้นางอยู่ในชุดของบุรุษ อีกทั้งยังเป็ชุดโดดเด่นสะดุดตามีสีพื้นเป็สีเงิน ใช้ดิ้นทองปักภาพดอกไม้อยู่้านางสวมมงกุฎอัญมณีที่สะท้อนประกายแสบตาบนศีรษะด้านล่างสวมรองเท้าสีเงินประดับด้วยไข่มุก เป็ประกายแพรวพราวมาจริงๆ เมื่อแสงอาทิตย์สะท้อนร่างของนางจะเกิดเป็ภาพระยิบระยับยิ่งนัก!
“เฮ้! เ้าใช้ของมีค่าทั้งหมดสวมอยู่บนร่างแล้วหรือ?!” เซินสือเย่ป้องดวงตาอย่างทรมาน
กงอี่โม่มองตัวเอง อืม เป็ประกายแวววาวตลอดทั้งตัว สวยจะตาย! นางเป็สาวน้อยนะ สาวน้อยก็ต้องชอบของที่เป็ประกายวิบวับไม่ใช่หรือ?
“ชุดนี้มีแค่ข้าเท่านั้นที่สวมแล้วเหมาะสม ท่านกล้าลองบ้างไหมล่ะ?” นางเชิดปลายคาง กล่าวอย่างไม่เกรงใจ
“แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่ได้ชอบใช้เงินห่อตัวเองอยู่แล้ว” เซินสือเย่มองเพียงแวบเดียว เขารู้สึกแสบตามาก
ขณะที่กล่าวนั้นเขาก็ไอเสียงต่ำอีกสองสามครั้ง ครั้งนี้กงอี่โม่จึงเป็ฝ่ายมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
“อุ๊ย! ซื่อจื่อมีสีหน้าไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนแอบไปหาสาวมาหรือ?”
“ใช่ ข้าแอบไปหาเ้ามา!” เซินสือเย่กลอกตาใส่นาง
เวลานี้กงเช่อก็เดินเข้ามาด้วยเช่นกันทุกคนต่างอยู่กันอย่างพร้อมหน้า อวี้จื่อชิงจึงรีบรินสุราจนเต็ม จากนั้นยื่นถึงมือของผู้ที่อยู่ในที่แห่งนี้จนครบทุกคน
“เอาล่ะ เอาล่ะ เลิกพูดได้แล้ว พวกเรามากล่าวคำอำลาดีกว่าอย่าเถียงกันอีกเลย พวกเรามาทำหน้าเศร้ากันหน่อยดีไหม?”
“ไม่!” เซินสือเย่รับสุรามาอย่างไม่พอใจเขาเห็นรอยยิ้มของกงอี่โม่ที่คลี่ยิ้มราวกับคนบ้าท่าทางของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง เหมือนคนกำลังอาลัยอาวรณ์เสียที่ไหน?
เซินสือเย่คิดอยู่ในใจอย่างหนักแน่น อืม! เขาก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์!
กงเช่อเหลือบมองเซินสือเย่อยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงหันมามองกงอี่โม่อย่างรวดเร็ว เขากล่าวยิ้มๆ
“ขอบใจซื่อจื่อที่มาส่งพวกเราหากดื่มหมดจอกแล้วก็ถือว่าเป็การดื่มอำลา”
เมื่อได้ยินกงเช่อกล่าวเช่นนี้พวกเขาจึงคิดได้ทันทีว่าพวกเขาต้องเดินทางอีกไกล ยังไม่รู้ว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อคิดถึงผู้คนและเหตุการณ์ในเมืองหลวงแล้ว พวกเขาก็เริ่มรู้สึกโศกขึ้นมาบ้างต่างคนต่างทยอยยกจอกสุรา
“ข้าสวีหยวนขอสาบานไว้ ณ ที่แห่งนี้การเดินทางครั้งนี้ข้าจะต้องทำผลงานอันยิ่งใหญ่! ข้าจะทำให้พี่ของข้าดู!” สวีหยวนกล่าวอย่างหนักแน่น จากนั้นจึงดื่มหมดจอกในรวดเดียว
“ถ้าเช่นนั้นข้าอวี้จื่อชิงขอสาบานว่าข้าจะนำสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยินทั้งหมดเขียนเป็บันทึกการเดินทางข้าจะทำให้พวกหนอนหนังสือในเมืองหลวงเ่าั้เห็นว่าการอ่านหนังสือหมื่นเล่มหรือจะสู้การเดินทางหมื่นลี้!” เมื่อกล่าวจบเขาก็ส่งยิ้มพร้อมดื่มหมดจอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้