ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็แย้มยิ้มราวกับพอใจในคำตอบที่ได้
แตู่เี่อันกลับพูดเสริมว่า “แต่ฉันแต่งงานแล้ว เลยมีแต่สามีน่ะค่ะ”
“เป็ไปได้ยังไง?” ความยินดีบนใบหน้าของชายหนุ่มหายวับไปกับตา น้ำเสียงของเขาแปรเปลี่ยนเป็แข็งกระด้าง พลางจับมือูเี่อันแน่นขึ้นกว่าเดิม “คุณยังดูสาวอยู่แท้ๆ”
ูเี่อันลองสะบัดมืออยู่หลายครั้งแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย จนเธอชักเริ่มจะโมโห
เธออุตส่าห์หวังดีช่วยเขา กลับกลายเป็หาเื่ใส่ตัวซะได้
“ไม่ใช่เพราะฉันสาวไป” จู่ๆ เธอก็ยิ้มขึ้นมา “แต่เพราะคุณแก่ไปต่างหาก ปล่อยฉัน! ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจนะ!”
“พูดเก่งดีนี่” ชายหนุ่มตรงหน้าหัวเราะเบาๆ อย่างบอกใบ้อะไรบางอย่าง “แล้วถ้าฉันไม่ปล่อยเธอไปล่ะ”
ไร้เหตุผลชะมัด!
ูเี่อันเบื่อที่จะต้องอธิบายเหตุผลกับคนตรงหน้า เธอใช้เทคนิคเทควันโดที่ร่ำเรียนมาจึงดิ้นหลุดออกจากเกาะกุมของเขาได้ในที่สุด
เมื่อเห็นมือที่ว่างเปล่าของตน ชายหนุ่มก็อดแปลกใจไม่ได้ เขามองใบหน้าดื้อรั้นของูเี่อัน ก่อนจะเผยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“เคยเรียนเทควันโดงั้นเหรอ? ดูไม่ออกเลยนะ ฉันนึกว่าเธอจะเป็แค่ดอกไม้แสนสวยที่ถูกประคบประหงมมาเป็อย่างดีก็เท่านั้น”
“ส่วนคุณดูเหมือนพวกโรคจิต!”
ูเี่อันี้เีจะเสียเวลาพูดกับชายคนนี้อีกต่อไป เธอจึงรีบเดินออกจากบริเวณที่ล้างมือไปอย่างรวดเร็ว
เธอนึกว่าคนที่แต่งตัวดูดีแบบเขาจะเป็คนดี แต่ก็อย่างว่าคนเรามองแค่ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้ ต่อไปเธอจะไม่เข้าไปยุ่งเื่ของคนอื่นอีกแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่ทันตั้งตัวว่าเธอจะดิ้นหลุดออกมาได้ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก หากลู่เป๋าเหยียนรู้เื่ล่ะก็...เธอไม่อยากจะคิดเลย
ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังูเี่อันพลางเผยรอยยิ้มบาง
เธอไม่บอกก็ไม่เป็ไร เขาจะสืบหาความจริงเอง ไม่มีเื่ไหนในเมืองนี้ที่จะรอดพ้นสายตาเขาไปได้อยู่แล้ว
ที่นี่เคยเป็ถิ่นของตระกูลเขา เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อสิบสี่ปีก่อนทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้เขาในฐานะทายาทของตระกูลได้กลับมาแล้ว เขาจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้จงได้
สิ่งที่เขาอยากได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนเขาก็ต้องคว้ามันมาอยู่ใน!
ในร้านอาหาร
ลู่เป๋าเหยียนมองนาฬิกาข้อมือเป็รอบที่สี่ ูเี่อันไปห้องน้ำกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
ขณะที่เขากำลังจะลุกไปตามหา เสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยก็ดังเข้ามาใกล้ ูเี่อันวิ่งตรงมาหา เธอนั่งลงพลางหอบหายใจ ก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาซดไปเกือบค่อนแก้ว
“ทำไมไปนานขนาดนั้น?” เขาขมวดคิ้วถาม
“คนเยอะมากฉันเลยต้องรอน่ะ ไหนจะต้องทาครีมกันแดดอีก ก็เลยช้าหน่อย” ูเี่อันไม่กล้าเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้ลู่เป๋าเหยียนฟัง เธอจึงหาข้ออ้างมาบอกเขา “นายกินเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วเราไปกันเถอะ”
เธอไม่อยากอยู่ในร้านอาหารแห่งนี้อีกแล้วแม้แต่วินาทีเดียว
ลู่เป๋าเหยียนคิดว่าเธอคงอยากออกไปเที่ยวเล่น เขาจึงรีบพาเธอออกจากร้าน จู่ๆ เธอก็ชี้ไปยังเครื่องเล่นที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“พวกเราไปนั่งอันนั้นกันไหม”
ชิงช้า์?
เธอเล่นเครื่องเล่นน่าหวาดเสียวมาตลอดเช้า ทำไมถึงอยากขึ้นไปนั่งบนชิงช้า์ที่ไม่ได้ตื่นเต้นสักนิด?
“ไปเถอะนะ” ูเี่อันกลัวว่าลู่เป๋าเหยียนจะปฏิเสธ จึงเขย่าแขนเขาอย่างอ้อนๆ “อายุปูนนี้แล้วฉันยังไม่เคยนั่งชิงช้า์ในสวนสนุกเลย!”
ลู่เป๋าเหยียนจึงพาเธอไปอย่างตามใจ เธอร้องยินดีราวกับเด็กๆ
ตอนนี้เป็่มื้อเที่ยง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงกำลังทานอาหารกัน คนที่เล่นเครื่องเล่นก็น้อยลงตามไป โดยเฉพาะชิงช้า์ที่ไม่ต้องต่อแถวก็สามารถขึ้นไปนั่งได้ทันที
หลังพนักงานช่วยปิดประตูกระเช้าให้ ชิงช้า์ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นสูงห่างจากพื้นดินช้าๆ
ทันใดนั้นูเี่อันก็ร้องเสียงหลง
“อ๊ะ!”
“เป็อะไร?” ลู่เป๋าเหยียนนึกว่าเธอกลัวความสูงจึงเข้ามาโอบตัวเธอไว้
ูเี่อันนึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้แต่เธอไม่กล้าพูดออกมา เธอหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้ามองวิวข้างนอก
“ไม่มีอะไร”
นานมาแล้วลั่วเสี่ยวซีเคยบอกเธอว่า คู่รักห้ามนั่งชิงช้า์ด้วยกันไม่งั้นจะเลิกรา นอกเสียจากว่า...ตอนที่ชิงช้า์ขึ้นไปบนจุดสูงสุดทั้งสองคนจะจูบกัน
เธอรู้ดีว่าเื่นี้อาจจะเป็แค่เื่เล่าที่กุขึ้นมาเพื่อโปรโมตอะไรสักอย่าง แต่ในใจก็แอบเชื่อไม่ได้ ก็เธอไม่อยากเลิกกับลู่เป๋าเหยียนนี่นา...
ลู่เป๋าเหยียนสังเกตความผิดปกติของูเี่อันมาได้สักพักแล้ว เห็นเธอกำลังเหม่อลอยเขาจึงเรียกชื่อเธอเบาๆ
“เจี่ยนอัน”
ตอนนั้นเอง ชิงช้า์ก็เคลื่อนตัวถึงจุดสูงสุด เวลาไม่เคยรอใคร ูเี่อันกลัวว่าระหว่างเธอกับเขาจะต้องเลิกกัน ว่าแล้วจึงหันหน้ากลับมาก่อนจะโน้มตัวเข้าไปจูบลู่เป๋าเหยียน สองมือของเธอกอดเขาเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะผลักเธอออก
ลู่เป๋าเหยียนรู้สึกแปลกใจ เขาดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดและจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างแ่เบา
“เป็อะไรไป?”
ในตอนนี้ชิงช้า์ได้ผ่านจุดสูงสุดและกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวลง เธอกับเขาจูบกันแล้วคงไม่มีทางเป็ไปตามเื่เล่าที่ว่าแล้วใช่ไหม?
ความกังวลเริ่มมลายหายไป แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดเข้าไปจูบลู่เป๋าเหยียนก่อน ใบหน้านวลก็กลายเป็สีแดงระเรื่อ เธอซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งของเขาอย่างเขินอาย
“ปะ เปล่า...”
เธอในตอนนี้เหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่กำลังเขินอาย ขนตางอนยาวกะพริบขึ้นลงอย่างตื่นๆ พวงแก้มทั้งสองข้างเป็สีแดงจัด ทำให้คนมองอยากจะแกล้งเธอสักครั้ง
ลู่เป๋าเหยียนเชยคางเธอขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้าลงเรียวปากบาง
เขากำลังจูบเธอ ูเี่อันตั้งหลักอยู่นานกว่าจะรู้ตัว เธอยกมือโอบรอบท้ายทอยเขาพลางจูบตอบอย่างเผลอไผล
การจูบของเธอยังคงไม่เอาไหน แต่ลู่เป๋าเหยียนชอบที่เธอเป็แบบนี้ เธอที่ถึงแม้จะไม่เชี่ยวชาญแต่ก็พยายามเอาใจเขา ทำให้เขาอยากจะมัดเธอเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ตลอดไป
ชิงช้า์ค่อยๆ เคลื่อนลงสู่เบื้องล่าง แต่วิวทิวทัศน์ทั้งหลายไม่อาจขวางกั้นความรู้สึกของหนุ่มสาวทั้งสองคนได้
ลู่เป๋าเหยียนมือหนึ่งโอบเอวเธอ อีกมือประคองท้ายทอยเธอเพื่อให้รับรสจูบของเขาอย่างลึกซึ้ง
ูเี่อันอดคิดในใจไม่ได้ว่า เธอกับลู่เป๋าเหยียนจูบกันั้แ่ตอนที่ชิงช้า์อยู่ข้างบนสุดจนถึงตอนนี้ มันหมายความว่าเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ใช่หรือเปล่า
“ถึงแล้วค่ะ!” เสียงพนักงานที่อยู่ด้านนอกดังขึ้น
ูเี่อันรีบผลักลู่เป๋าเหยียนออกแต่เขากลับไม่ยอมขยับไปไหน เขาจูบเธอหนักๆ อีกหลายทีก่อนจะยอมปล่อยให้เธอเป็อิสระ ตอนนั้นเองประตูกระเช้าก็ถูกเปิดออก คุณน้าพนักงานมองพวกเขาอย่างกล่าวโทษ
ูเี่อันรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เธอซุกหน้ากับอกของลู่เป๋าเหยียนพลางโอบเอวเขา ปล่อยให้กึ่งพากึ่งอุ้มเธอลงจากกระเช้าไป แสงแดดของฤดูใบไม้ร่วงที่กระทบลงบนใบหน้า ทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าหน้าร้อนไปหมด
ลู่เป๋าเหยียนมองลูกนกตัวน้อยในอ้อมแขนของเขาก่อนเอ่ย
“เมื่อกี้ยังเข้ามาจูบฉันก่อนอยู่เลย แล้วตอนนี้อายอะไร หืม?”
เขาคงไม่รู้เื่เื่เล่าของชิงช้า์แน่ๆ ูเี่อันทุบแผ่นหลังเขาอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
“นายไม่เข้าใจหรอก ห้ามพูดเื่นี้อีกนะ!” น้อยครั้งที่เธอจะรุกหาเขาก่อนแบบนี้ เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้เขาคงเอาไปล้อเธอทีหลังอีกแน่ๆ
เวลานี้ริมฝีปากเธอกำลังแดงระเรื่อดูอวบอิ่มกว่าเดิม ยิ่งเงยหน้าขึ้นมาหาเขาแบบนี้ยิ่งดูเหมือนกำลังเชื้อเชิญ ลู่เป๋าเหยียนก้มจูบเธออีกครั้งอย่างอดใจไม่ไหว
“อยากเล่นอะไรต่อ? หรือจะนั่งชิงช้า์อีกรอบดี?”
ูเี่อันรู้ทันทีว่าลู่เป๋าเหยียนเริ่มเ้าเล่ห์ใส่เธอจึงผลักเขาให้ออกห่าง ก่อนจะลากเขาไปยังอีกโซนหนึ่งตามแผนที่ เธอเดินเข้าไปใน Biochemical Pavilion อย่างตื่นเต้น
คำแนะนำเขียนเอาไว้ว่า เพราะเชื้อไวรัสกำลังแพร่กระจาย ทำให้คนกว่าค่อนโลกล้มตายกลายเป็ซากศพ ลักษณะคล้ายกับ The Walking Dead ซีรีส์ของอเมริกา ซอมบี้ที่ถูกไล่ฆ่าอย่างทารุณแต่กลับยังมีชีวิตอยู่นั้น หากใคร้าเข้าไปในโลกแห่งนี้จะต้องมีความกล้าหาญและความรวดเร็วในการเอาชีวิตรอด
ด้านหน้าทางเข้าดูเงียบอย่างประหลาด หญิงสาวทั้งหลายพากันกอดเอวแฟนหนุ่มอย่างกลัวๆ มีเพียงูเี่อันที่กำลังทำท่าตื่นเต้นจนแทบอดใจไม่ไหว
ลู่เป๋าเหยียนรู้ดีว่าูเี่อันไม่กลัวจริงๆ เพราะเธอเคยเจอศพมามากมาย แถมยังชอบในเื่วิทยาศาสตร์อีก สำหรับเธอข้างในนั้นก็แค่ของปลอม ที่อยากเข้าไปก็เพราะความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ
“ลู่เป๋าเหยียน” ูเี่อันถามเขาอย่างสงสัยพลางกุมมือเขาเอาไว้ “ถ้ามีซอมบี้โผล่ออกมา ฉันจะตีพวกมันได้ไหม”
“เบามือหน่อย ซอมบี้พวกนั้นก็คือพนักงานทั้งนั้น” ลู่เป๋าเหยียนตอบ
“อ้อ” ูเี่อันถามต่ออย่างข้องใจ “นายว่าพวกเขาต้องแต่งหน้า สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆแบบนี้เพื่อทำให้คนใทุกวัน เขาได้ค่าจ้างวันละเท่าไร? ฉันว่าคงได้เยอะกว่าฉันแน่ๆ!” งานแบบนี้ไม่ง่ายเลยนะ!
“...ฉันไม่รู้” ลู่เป๋าเหยียนตอบ
คู่รักสองคู่ที่อยู่ด้านหน้าได้ยินสิ่งที่ลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันคุยกัน ต่างพากันหันกลับมามองด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนหญิงสาวคนหนึ่งจะถอนหายใจออกมา
“นั่นสินะ พวกเขาก็คือพนักงานที่นี่ จะกลัวไปทำไมกัน”
ตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นมาโดยรอบจนไม่รู้ว่ามาจากทางไหนกันแน่ ตามด้วยเสียงเอฟเฟคอันน่ากลัวที่ทำให้คนฟังรู้สึกว่าหายนะกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
“ว๊าก...ว๊าก...” เสียงคำรามของบางอย่างดังขึ้น
ซอมบี้มาแล้ว!
หญิงสาวบางคนรีบหลบอยู่ในอ้อมกอดของแฟนหนุ่ม ูเี่อันเองก็ขยับเข้าไปใกล้ลู่เป๋าเหยียนมากกว่าเดิม ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ซอมบี้หกเจ็ดตนพุ่งตัวออกมา
ใบหน้าขาวซีด หางตาและเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยรอยเื ลูกตาที่ราวกับจะหลุดออกมา เสื้อผ้าที่ขาดเป็ริ้วไม่รู้ว่าพบเจอเื่อะไรมาบ้าง
พวกมันยื่นแขนมาข้างหน้าพลางก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แสงไฟสีแดง เขียว เหลืองสาดส่องไปทั่ว ทำให้บรรยากาศดูคล้ายกับอยู่ในนรกที่เต็มไปด้วยผีสางิญญา
“กรี๊ด!” พวกสาวๆ พากันลืมไปหมดว่าซอมบี้ตรงหน้าก็แค่พนักงานที่เป็คนเช่นเดียวกัน แต่ละคนถึงกับเข่าอ่อนกรีดร้องเสียงดัง ยิ่งซอมบี้เข้ามาใกล้มากเท่าไร พวกเธอก็ยิ่งกอดแฟนหนุ่มเอาไว้แน่นเท่านั้น
ทางด้านูเี่อันไม่เพียงแต่ไม่สะทกสะท้าน เธอกำลังพิจารณาการแต่งหน้าของพวกซอมบี้อย่างสนใจ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ใแม้แต่น้อย ซอมบี้สองตนจึงพุ่งเข้ามาหา
ลู่เป๋าเหยียนกำลังจะรั้งตัวเธอให้หลบไปด้านหลัง แต่เธอกลับป้องกันตัวเองเรียบร้อยจากศาสตร์ที่ร่ำเรียนมา ซอมบี้โดนเธอต่อยเข้าให้จนร้องเสียงหลง ูเี่อันจึงรีบเอ่ยปากขอโทษ
“ขอโทษด้วยค่ะ! ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าเข้ามาใกล้ฉันเลยนะคะ”
“...” เหล่าซอมบี้ผู้น่าสงสารเลยหันไปหลอกหลอนคนอื่นแทน
ูเี่อันหันไปมองลู่เป๋าเหยียนอย่างกังวล “ฉันเผลอทำร้ายพวกเขาไปแล้วใช่หรือเปล่า”
“ไม่ถึงขนาดนั้น” ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ใต้เสื้อผ้าของพวกเขามีเกราะป้องกันอยู่ เธอต่อยโดนแค่เสื้อผ้า”
“แล้วทำไมสีหน้าของพวกเขาเมื่อกี้มัน...ดูแปลกๆ ล่ะ” ูเี่อันไม่เข้าใจ ซอมบี้ตนเมื่อกี้มองเธออย่างกับว่า เธอต่างหากที่เป็ซอมบี้อย่างไรอย่างนั้น
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “คงเพราะพวกเขาเพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่กล้าหาญขนาดเธอล่ะมั้ง”
ูเี่อันตาเป็ประกาย “ลู่เป๋าเหยียน พวกเราไปที่ Escape Routes กันไหม ดูสิว่าจะหนีออกไปได้หรือเปล่า เดี๋ยวฉันนำทางเอง!”
เธอทำท่าตื่นเต้นจนลู่เป๋าเหยียนไม่อาจปฏิเสธได้ เขาเดินตามเธอไป และก็พบว่าูเี่อันนั้นฉลาดยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก เธอพาเขาหนีออกมาได้อย่างราบรื่น เมื่อพบกับซอมบี้เธอก็ทำตามกฎกติกาทุกอย่างจนกระทั่งหนีออกมาได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่ขอให้เขาช่วยบ้างก็ตาม
มีคู่รักคู่หนึ่งที่เดินตามหลังพวกเขา หญิงสาวมองูเี่อันอย่างอิจฉา
“เธอคนนั้นเก่งจัง แต่แฟนของเธอดูจะอ่อนแอไปนะ ทำตามที่สั่งอย่างเดียวเลย”
“ยัยโง่” แฟนหนุ่มเขกหัวแฟนสาวของตน “ไม่เห็นหรือไงว่าเวลาที่เกมเริ่มซับซ้อนหรือต้องอาศัยความแม่นยำเื่ตัวเลข เธอก็หันไปถามแฟนเหมือนกัน แฟนของเธอก็แค่ดูเธอเล่นสนุกเฉยๆ แต่จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นเล่นได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าเก่งมากๆ เลยนะ ว่ากันว่าขนาดผู้ชายยังผ่านที่นี่ไปไม่ได้ง่ายๆ เลยล่ะ”
