ระหว่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มจูชิงเห็นชายชราคนหนึ่ง
ชายชราคนนั้นใจดีกับเขามาก เขาเอาหนวดยาวเฟื้อยหยอกล้อเล่นกับเด็กทารกตัวน้อย
ซึ่งเด็กทารกก็คือเขาเอง
ชายชรากอดเขาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าประดับรอยยิ้มปีติสุขล้น
มีหญิงสาวชายหนุ่มยืนอยู่ข้างชายชราหลายคน
ในหมู่พวกเขาอาจเป็พ่อแม่ ลุงป้าน้าอาของจูชิงก็เป็ได้
ช่างเป็ภาพที่อบอุ่นเหลือเกิน!
ทันใดนั้นภาพแห่งความสุขสันต์ก็ถูกแทนที่ด้วยแสงโลหิต
เขามองไม่เห็นว่าเกิดเื่อะไรขึ้นในแสงโลหิตนั้นบ้าง ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องคร่ำครวญ
เสียงาดังก้องอยู่ในหัว
“ไม่...” จูชิงสะดุ้งตื่น
สายตาตื่นตะลึงกวาดมองรอบๆ
“ความฝันงั้นรึ? หรือว่าความทรงจำเมื่อก่อน?” จูชิงส่ายหัว
เขาััได้ถึงความชื้นบนใบหน้า
พอแตะดูก็พบว่าตัวเองนั้นร้องไห้
“เื่จริงงั้นรึ?” จูชิงสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามนึกถึงสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้ เขาอยากจะจดจำใบหน้าเ่าั้เอาไว้
ทว่าไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ราวกับถูกพลังบางอย่างปกคลุมอยู่
แสงโลหิตสาดส่องกลางวิหารใหญ่
สาดกระทบลงบนหยกเื ทันใดนั้น หยกเืก็ค่อยๆ หดเล็กลงทีละเล็กทีละน้อย
จูชิงจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความใ
หยดเืแปรสภาพกลายเป็แผ่นหยกตกอยู่ในมือของจูชิง!
“วิ้ง!”
ทันใดนั้นพลังที่มองไม่เห็นพุ่งออกมาจากซากโบราณ
พลานุภาพปกคลุมทั่วทั้งเกาะหลัวโหว!
ัสมุทรอัษฎาเนตรลืมตาทั้งแปดท่ามกลางมหาสมุทรจ้องมองไปทางเกาะหลัวโหวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ทั้งปีติทั้งตกตะลึง!
“ซึ่ม!” ัสมุทรอัษฎาเนตรตัวสั่นสะท้าน
จมลงไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เมฆาที่ก่อตัวแ่าอยู่บนท้องฟ้าสลายหาย แสงแดงส่องทะลุหมอกลึกลับรอบเกาะหลัวโหว
เป็ครั้งแรกที่เกาะหลัวโหวต้องแสงในรอบครึ่งเดือน
ผู้าุโขุนเขากระบี่เทียนหยวนถอนหายใจ
พวกเขาประมือกับัสมุทรอัษฎาเนตรนานครึ่งเดือน
ตระหนักรู้ถึงความน่าพรั่นพรึงของราชันดึกดำบรรพ์เป็อย่างดี
กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธ์ยังรับมือไม่ไหว ยังดีที่ยามนี้ัสมุทรอัษฎาเนตรจากไปแล้ว
“ครืนน!” อาณาเขตต้องห้ามรอบเกาะหลัวโหวเปิดออก
เหล่าผู้าุโขุนเขากระบี่เทียนหยวนจับจ้องมองเกาะหลัวโหวโดยไม่ละสายตา
ไม่มีใครคาดฝันว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นนี้ขึ้นกับเกาะหลัวโหว
ไม่รู้ว่ามีศิษย์สักกี่คนที่จะรอดชีวิตจากเกาะหลัวโหวได้
หนึ่งชั่วยาม…
สองชั่วยาม…
หลังจากเกาะหลัวโหวเปิด
เวลาผ่านไปสองชั่วยามแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมาจากเกาะหลัวโหวแม้แต่คนเดียว
เพลานั้นเหล่าผู้าุโขุนเขากระบี่เทียนหยวนใจหล่นตุ้บตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ในรายชื่อของผู้ที่เข้าไปในเกาะหลัวโหว
มีผู้ที่มิอาจหาญกล้าล่วงเกินอยู่คนหนึ่ง ถ้านางตายในเกาะหลัวโหว ไม่รู้ว่าต้องมีคนสักกี่คนรับชะตากรรม
พวกเขาไม่อยากคิดเลยว่าจักเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้นกับขุนเขากระบี่เทียนหยวนมากขนาดไหน
“ฟึ่บ!” ร่างเงาหนึ่งพุ่งตัวออกมา
มีสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์หลายตัววิ่งตามหลังมาติดๆ!
“ช่วยด้วย!”
หลิ่วซาน ผู้าุโขุนเขากระบี่เทียนหยวนผสานเคล็ดกระบี่ กระบี่ยาวฟาดฟันกลางอากาศ
่เวลานั้นเสมือนฟ้าดินจะขาดสะบัดออกจากกัน!
“โฮกกก!” สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์คำราม
ก่อนที่จะวิ่งหนีเข้าไปในส่วนลึกของเกาะหลัวโหว
“ผู้าุโหลิ่ว
ช่วยด้วย!” คนผู้นั้นใช้แรงเฮือกสุดท้ายปีนออกมาจากเกาะหลัวโหว
ทว่าลมปราณแห้งเหือดเต็มทน ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จักประคองร่างอีกต่อไป
ขาทั้งสองสั่นเทิ้มจวนเจียนร่วงตกลงไปในมหาสมุทร
ทันใดนั้น
เงาร่างเขียวมรกตคว้าเสื้อของชายผู้นั้นเอาไว้ แสงวูบวาบประจักษ์กลางอากาศ!
“ลมปราณแห้งเหือด
าแภายนอกไม่ร้ายแรง รักษาตัวครึ่งเดือนน่าจักหายดี” หลิ่วซานพูด
“หลิงเฟิง!”
ผู้าุโท่าทางเคร่งขรึมคนหนึ่งสืบเท้าเดินเข้าไปแล้วยัดโอสถใส่ปากชายผู้นั้น
“โอสถโลหิตบริสุทธิ์
ทุ่มเทเสียจริง” หลิ่วซานพูดด้วยหน้าปราศจากคลื่นอารมณ์
“ข้ามีศิษย์คนเดียวจักเสียดายไปทำไม!”
ผู้าุโกล่าว
เขาผู้นั้นก็คือผู้าุโสิงอวี๋ผู้ปกครองขุนเขากระบี่เทียนหยวน
มีหน้าที่จัดการลงโทษศิษย์ที่ทำผิดกฎในสำนัก
เป็หนึ่งในผู้าุโที่แกร่งกล้าอันดับต้นๆ แล้วยังเป็อาจารย์ของชวีหลิงเฟิง!
หลังจากกินโอสถโลหิตบริสุทธิ์
ชวีหลิงเฟิงก็ตื่นขึ้น ครั้นเห็นว่าตัวเองรอดพ้นจากขุมนรกแล้ว
ชวีหลิงเฟิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดมิได้
“ท่านอาจารย์
ช่วยตัดสินด้วยเถิด!” ชวีหลิงเฟิงคุกเข่าร้องไห้ตรงหน้าสิงอวี๋!
“เกิดอะไรขึ้น?” สิงอวี๋หน้าเขียวคล้ำ เขามีศิษย์เพียงคนเดียว
ชวีหลิงเฟิงเป็เด็กฉลาดและมีพร์
เขาวางแผนเอาไว้หลังจากที่ออกมาจากเกาะหลัวโหว เขาจะถ่ายทอดวิชาให้กับชวีหลิงเฟิง รับอีกฝ่ายเป็ศิษย์เอกอย่างเป็ทางการ
“จินขวาง
จินขวางฆ่าศิษย์ในสำนักเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง!” ชวีหลิงเฟิงร้องห่มร้องไห้
“เล่ามาให้หมด!”
สิงอวี๋หน้าเย็นเยียบ เขาเป็มีหน้าที่ตัดสินศิษย์ที่ทำผิดกฎในสำนัก
การทำร้ายศิษย์สำนักเดียวกันเป็ความผิดร้ายแรง
หากพิสูจน์ว่ามันเื่ที่เกิดขึ้นจริง คนผู้นั้นต้องถูกปะาชีวิต
ชวีหลิงเฟิงเล่าเื่ทั้งหมดให้กับผู้าุโฟัง
โดยเน้นเื่ที่เกิดขึ้นหลังจากพบศพปักษาอัสนีเก้า์
พวกผู้าุโที่มีชื่อเสียงในทวีปเฉียนหยวนพอได้ยินดังนั้นถึงกับใจหาย
มูลค่าของศพปักษาอัสนีเก้า์นั้นมิอาจพรรณนา
หากได้มา อิทธิพลของสำนักจักต้องยกระดับอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สำหรับผู้าุโแล้ว มันคือสิ่งล้ำค่าเหนือฟ้า สามารถช่วยให้ทะลวงขั้นพลังที่ติดอยู่มานานหลายปีได้!
“แต่จินขวางกลับเห็นแก่ตัว
ฆ่าศิษย์ในสำนัก พวกเราไม่คิดเลยว่าจินขวางจักเหี้ยมอำมหิตเฉกเช่นนี้
มีศิษย์น้องหลายคนตายด้วยกระบี่ของจินขวาง ศิษย์น้องจื่อหนิงหนีไปแล้ว
ข้าโชคดีรอดมาได้หากทว่าก็าเ็สาหัส!” ชวีหลิงเฟิงพูด
“โฉดชั่วยิ่งนัก!”
พวกผู้าุโหน้าเขียวคล้ำ อยากบดขยี้จินขวางให้แหลกจนแทบทนไม่ไหว
ชวีหลิงเฟิงพูดความจริงทุกอย่าง
สิ่งที่ไม่จริงมีเพียงอย่างเดียวก็คือชื่อของจินขวาง
ชวีหลิงเฟิงเชื่อว่าคำพูดของตัวเองจักต้องหลอกพวกผู้าุโสำเร็จอย่างแน่นอน
เขาเป็ผู้มีชื่อเสียงในสำนัก ต่างกับจินขวางที่หยิ่งผยอง ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
มิว่าจักเป็ศิษย์หรือผู้าุโต่างก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
เขาใส่ไฟจินขวางั้แ่เริ่ม
ถึงจินขวางจักรอดชีวิตมาได้ ทว่าคำพูดย่อมไม่มีน้ำหนัก
ส่วนซั่งกวานจือหนิงนั้นเขามิได้กังวล
ถึงนางจะมีสถานะพิเศษ แต่ผู้หญิงแค่คนเดียวจักเปลี่ยนดำเป็ขาวได้อย่างไร อย่างไรเสียพวกผู้าุโก็ต้องเชื่อคำพูดเขา
“แล้วศพปักษาอัสนีเก้า์ล่ะ?” มีผู้าุโที่สนใจศพของปักษาอัสนีเก้า์!
“ถูกจินขวาง่ชิงไปแล้ว”
ชวีหลิงเฟิงตอบ
“จินขวาง
สมควรตาย!” ผู้าุโอีกคนสบถด่า
มุมปากของชวีหลิงเฟิงกระตุกยิ้มเล็กน้อย
เขาทำสำเร็จแล้ว
ส่วนจะมีศิษย์คนอื่นรอดชีวิตอีกหรือไม่
ชวีหลิงเฟิงมั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าศิษย์ที่ร่วมเดินทางตามหาศพปักษาอัสนีเก้า์กับเขานั้นถูกฆ่าตายหมดแล้ว
หลังจากที่หนีออกมาจากจูชิง
ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ชวีหลิงเฟิงทำลายหลักฐานทั้งหมด
ล่าสังหารศิษย์ที่เหลือจนหมดเกลี้ยง
“มีคนออกมาแล้ว!”
มีผู้าุโคนหนึ่งะโออกมายามเห็นคนอีกคนออกมาจากเกาะหลัวโหว
“โชคดีจริงๆ
ที่เขาไม่เป็อะไร” หลิ่วซานถอนหายใจ ถ้าทุกคนตายหมด เขาก็ไม่รู้ว่าจะบอกเื่นี้กับสำนักอย่างไร
เด็กหนุ่มผู้ที่เพิ่งออกมานั้นมิได้พูดอะไร
พอขึ้นมาบนเรือก็ทำกรรมฐานฟื้นคืนลมปราณ
ถึงจะมิได้าเ็ร้ายแรง
ทว่าอยู่ท่ามกลางสัตว์อสูรเดือนกว่า ย่อมทำให้ร่างกายและจิตใจเหน็ดเหนื่อยสุดแสน
“มีอีกคนหนึ่ง
หวังว่าจะไม่าเ็หนัก” หลิ่วซานมองเกาะหลัวโหว หวังว่าคนๆ นั้นจักไม่เป็ไร
ไม่อย่างนั้นเขาคงรับโทสะของเ้าสำนักไม่ไหว
สองชั่วยามผ่านไป
ทว่าก็ยังไม่มีใครออกมาจากเกาะหลัวโหวอีก
สีหน้าของผู้าุโขุนเขากระบี่เทียนหยวนแปรเปลี่ยนเป็อัปลักษณ์
“ฮ่าๆๆ
ดูเหมือนครั้งนี้พวกเ้าขุนเขากระบี่เทียนหยวนจักเสียหายใหญ่หลวง” บุรุษสวมชุดดำหัวเราะมาแต่ไกล
“สำนักปีศาจโม๋จึ?” หลิ่วซานขมวดคิ้ว!
“เสียศิษย์เป็พันคนรู้สึกอย่างไรบ้าง
ข้าว่าอนุชนของขุนเขากระบี่เทียนหยวนยุคสมัยนี้น่าจักหมดสิ้นแล้วกระมัง” โม๋จึแสยะยิ้ม
“พล่ามอะไรไร้สาระ
สูญเสียเพียงแค่นี้จักทำอะไรขุนเขากระบี่เทียนหยวนได้” สิงอวี๋เหยียดยิ้ม
ขุนเขากระบี่เทียนหยวนเป็สำนักอันดับต้นๆ
ของทวีปเฉียนหยวน สำหรับขุนเขากระบี่เทียนหยวนแล้ว
การสูญเสียเพียงเท่านี้มิได้ใหญ่หลวงเท่าใด อีกทั้งมีอนุชนอัจฉริยะหลายคนที่มิได้เข้าไปในเกาะหลัวโหว
ดังนั้นเสาหลักของขุนเขากระบี่เทียนหยวนยังคงมีอยู่
ห่างจากคำว่าเสียหายใหญ่หลวงมากโขนัก
ขอแค่มีเกาะหลัวโหวอยู่
ขุนเขากระบี่เทียนหยวนยังคงมีสถานะพิเศษตลอดกาล!
“งั้นรึ?” โม๋จึหัวเราะ สายตาจับจ้องมองเกาะหลัวโหว ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
นอกจากขุนเขากระบี่เทียนหยวนแล้ว
คนจากสำนักอื่นไม่มีสิทธิ์เข้าไปในเกาะหลัวโหว แค่เข้าใกล้ยังทำไม่ได้ แม้ว่าจะเห็นเกาะหลัวโหวอยู่ตรงหน้าก็ตาม
“ไม่มีหวังแล้ว”
ผู้าุโคนหนึ่งของขุนเขากระบี่เทียนหยวนถอนหายใจ พวกเขารอมานานมากแล้ว
แต่ไม่มีใครออกมาเลย
“เกาะหลัวโหวยังไม่ปิด
ยังพอมีหวังอยู่” หลิ่วซานพูด
“หืม?” โม๋จึหน้าเปลี่ยนสี เห็นร่างเงาปรากฏบนเกาะหลัวโหว
“เขาเป็ใคร?” หลิ่วซานหน้าอัปลักษณ์ เขาจำไม่เห็นได้ว่าคนๆ นั้นเข้าไปในเกาะหลัวโหวด้วย
“เขามิใช่ศิษย์ขุนเขากระบี่เทียนหยวน!”
สิงอวี๋แค่นเสียงหึ ลมปราณปกคลุมทั่วทั้งกระบี่ยาว
สามารถลงมือสังหารคนผู้นั้นได้ทุกเมื่อ!
