ต่อจากนั้นวันทั้งวันก็ไม่เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นอีก
เมื่อเข้าสู่ยามค่ำคืน คฤหาสน์ตระกูลเย่ก็ครึกครื้นยิ่งนัก ถังซานตระเตรียมงานฉลองวันเกิดพร้อมทุกอย่าง แม้มิได้หรูหรา แต่ทุกคนในคฤหาสน์ก็ได้ดื่มด่ำกับความสำราญนี้ด้วยกันทั้งสิ้น แล้วก็รู้สึกถึงเ่ิูที่ปฏิบัติต่อฉินหลันเหมือนเป็มารดา ทำตนเป็เ้าบ้านที่ดูแลแม่ตัวเองเป็อย่างดี
โคมไฟถูกจุดติด
ผู้คนที่คึกคักมาครึ่งค่อนวันกระจายกันไป
ในโถงใหญ่เหลือเพียงเ่ิูกับถังซาน
ถังซานมองสีหน้าไม่สู้สบายนักของผู้เป็นาย รู้ดีว่าเ่ิูไม่ยินดีที่ถูกเขาห้ามไว้ให้ตรวจบัญชีอยู่ที่นี่ แต่ว่าเพราะหน้าที่ผู้จัดการฝ่ายนอกคฤหาสน์ เขาตระหนักดียิ่งกว่า ว่าเื่บางเื่ก็ต้องให้เ่ิูสั่งการด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจำเป็ต้องบอกรายละเอียดของกิจการตระกูลเย่แก่นายท่านโดยครบถ้วน
ใต้ตะเกียงน้ำมัน
ถังซานพูดปากเปียกปากแฉะ
เ่ิูหาวหวอด เขาปัดมือแล้วว่า “ข้าง่วงแล้วจริงๆ นะ สรุปว่ามีไอ้บ้าสักคนมาก่อกวนที่กิจการใช่ไหม พรุ่งนี้ข้าจะไปดูเป็เพื่อนเ้า ไอ้ตาถั่วนั่นต้องได้ตาย ข้านี่แหละจะปลิดชีวิตมันทิ้งซะ...เอาล่ะ แค่นี้เ้าพอใจแล้วหรือไม่”
ถังซานยังยิ้มขื่น
อิทธิพลใดๆ ก็ตามเริ่มปรากฏตัว ้าที่จะต่อสู้่ชิงกับเขา เ่ิูทวงคืนร้านมู่หรง เมี่ยวอวี้ โรงเหล็กเหลียนเฟิงและทิงเทาซวนมาหมดแล้ว ถึงแม้ตัวกิจการจะกลับมาเป็ดังเดิม แต่ไม่มีใครนั่งบัญชาการด้วยตัวเองอย่างลัวจิ้นเป็ต้น กลุ่มอิทธิพลใหญ่น้อยรอบๆ ก็ชักเริ่มเหิมเกริมอย่างโง่เง่า ที่ใดมีคนที่นั่นมีศึก กิจการแห่งนี้เริ่มจะถูกคำท้ารบและบีบคั้น
ถึงจะไม่ใช้วิธีต่อหน้า ก็ในมุมมืด พร้อมจะยกซดเ้าไก่อ่อนถังซานผู้ไร้ประสบการณ์
เมื่อเ่ิูทวงกิจการเดิมกลับคืนมา ถังซานก็ได้ตรากตรำสุดตัวจนคล่องตัวไปส่วนมาก แต่ธุรกิจของกิจการสามสี่อย่างนี้ กลับไม่เหมือนก่อนเก่า นอกจากผลกระทบจากพวกลูกจ้างแล้ว ปัจจัยสำคัญเป็เพราะกิจการคู่แข่งกำลังมีเอี่ยวด้วยอย่างลับๆ
“ข้ายังมองออกว่าลัวจิ้นยังไม่ทิ้งนิสัย แอบอยู่หลังพวกชนชั้นสูงไม่กี่คนที่คอยหนุนหลัง ทำเื่เลวร้ายไว้ไม่น้อย คนพวกนี้เมื่อก่อนก็เป็เ้าของกิจการงานใหญ่กันทั้งนั้น คุ้นเคยสถานการณ์ดี ไม่ป้องกันไม่ได้นะขอรับ” ถังซานเอ่ยลับๆ
เ่ิูหาวหวอดยาว “เข้าใจแล้วๆ ก็แค่พวกต่ำช้าคิดโดดขึ้นหลังคาใช่ไหม พรุ่งนี้ไปเก็บมันให้เรียบก็พอแล้ว”
พอเห็นเ่ิูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถังซานพลันรู้สึกเหมือนตัวเองรัวหมัดใส่ปุยนุ่น ความจำยอมด้วยไร้เรี่ยวแรงจะทัดทาน ยิ่งรู้มากเท่าไร เข้าใจมากเท่าไร ถังซานก็ยิ่งรู้ดีเข้าไปอีก ว่าผืนน้ำเมืองลู่ิได้สั่นไหวจนถึงขั้นไหน กลุ่มอิทธิพลในเงามืดอันซับซ้อนเข้าใจยาก เส้นสายเกี่ยวโยงนับพันหมื่น เขากังวลไม่น้อยว่าเ่ิูผู้วางท่าใหญ่โตเช่นนี้จะถูกพวกเ้าเล่ห์นี่เล่นงานเข้าลับหลัง
“ในเมื่อนายท่านมีปณิธานมั่นคงแล้ว ข้าผู้น้อยขอลา” ถังซานกล่าวลาอย่างไร้ทางเลือก
เ่ิูพยักหน้า เขากำลังจะเอ่ยราตรีสวัสดิ์แต่กลับนึกขึ้นมาได้ จึงกวักมือเรียก “อ้อใช่ เ้าซาน เ้าเคยได้ยินชื่อ ‘แดนม่านหมอก’ ในเมืองทิศทักษิณหรือไม่?”
ถังซานครุ่นคิด แล้วส่ายหน้า
“พรุ่งนี้ส่งคนไปสืบเื่นี้มาด้วย” เ่ิูวางแผนอะไรในใจ
ถังซานพยักหน้า เขาหันหลังจะเดินไป
เ่ิูกลับเอ่ยขึ้นมาอีก “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องส่งใครไปแล้ว เื่นี้เ้าทำทีเหมือนไม่เคยได้ยินก็แล้วกัน”
“ทราบแล้วขอรับ” ถังซานนิ่งแต่มิได้ถามอะไรมากความ เขาหันหลังเดินจากไป
ใต้ตะเกียงน้ำมันเหลืองหม่น เ่ิูนั่งเท้าคางครวญคิดอยู่บนเก้าอี้
ในเมื่อหวังเยี่ยนเอ่ยเตือนเขาแล้ว ว่ามิให้เข้าไปเกี่ยวข้อง เช่นนั้นก็บอกได้ชัดแล้วว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น เขากับนางใช่ว่าจะสนิทชิดเชื้อกันในสำนัก แต่หัวหน้าหมวดปีหนึ่งหวังผู้นี้กลับดูแลเขาหลายครั้งนัก หากนางกำลังอยู่ในมหันตภัย ใครจะรู้ว่าบางคนอาจจ้องมองเขาอยู่ในมุมมืด
ให้ถังซานไปสืบเื่แดนม่านหมอก อาจเป็การเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางหนึ่งก็ได้
เ่ิูคิดแล้วได้ข้อสรุป ว่าเขาจะไปด้วยตัวเองจะดีกว่า
ตั้งปณิธานได้แล้ว เ่ิูเริ่มฝึกฝนต่อ
พลังปราณใต้หล้าในคฤหาสน์เริ่มรวมตัวกล้าแข็งอย่างไร้เสียง
...
...
วันที่สอง
เ่ิูฝึกยามอรุณเสร็จแล้ว ฉินหลันก็เตรียมกับข้าวพร้อมสรรพ ให้สาวใช้ยกน้ำร้อนมา ปรนนิบัติาามารล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ทุกคนก็กินข้าวเช้าด้วยรอยยิ้ม เสียวฉ่าวไปฝึกยุทธ์ที่ทิงเทาซวน
อีกประมาณหกเดือนจะถึงคราวสมัครเข้าสำนักกวางขาวครั้งใหม่ เสียวฉ่าวพื้นฐานอ่อนแอ ดังนั้นยิ่งต้องพยายามให้มากขึ้นหลายเท่า ดรุณีน้อยเคยทุกข์นักเมื่อเก่าก่อน อยากจะเป็นักยุทธ์เช่นที่พี่เ่ิูเป็ จึงทุ่มเทเต็มที่โดยไม่ต้องให้ฉินหลันเร่งเร้า นางไปทิงเทาซวนเพื่อฝึกด้วยตัวเองเสมอ มุมานะยิ่งนัก
ยามมื้อเช้าอิ่มหนำ ถังซานเองก็รีบรุดมา
เ่ิูผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ทั้งสองออกจากคฤหาสน์แล้วออกตรวจตรากิจการของตระกูล
เมื่อวานยามศึกนั้นสิ้นสุด ในเมืองก็หิมะตกทั้งคืน พอมาถึงตอนนี้ นภากว้างจึงยังมีปุยหิมะโปรยปราย หิมะทับถมหนาจนถึงหัวเข่า ยังดีที่กองหิมะบนถนนโดนกวาดออกหมดแล้ว หากตรงไหนไม่ได้กวาดก็กลายเป็น้ำแข็ง เหตุเพราะไม่มีแสงตะวัน หิมะจึงไม่ละลาย ทั้งนครกลับดูสะอาดตาขึ้นมากโข
ทุกสารทิศคล้ายห่อหุ้มด้วยอาภรณ์สีเงิน งดงามยิ่งนัก
คนบนถนนไม่ได้มากมายอะไร
อาจเป็เพราะศึกใหญ่เมื่อคืนกระมัง เสียงและอำนาจของมันจึงยังทำให้ชาวเมืองตระหนกไม่กล้าออกมาเดิน กลับกันพวกทหารลาดตระเวนกลับมีจำนวนมากขึ้น เ่ิูกับถังซานเดินไปไม่ถึงสิบห้านาทีก็เจอทหารห้าหกกลุ่ม ติดอาวุธครบครัน เกราะเหล็กแข็งขัน ท่าทีอย่างกับจะรบกับศัตรูตัวฉกาจ
เ่ิูเองก็ถูกพวกเขาไต่ถามสองสามรอบ
ดีที่ป้ายประจำตัวของสำนักกวางขาวรับมือกับดาบได้สบาย
ตลอด่สาย ด้วยการนำทางของถังซาน เ่ิูได้ตรวจตราร้านมู่หรง โรงเตี๊ยมมธุรส์ เมี่ยวอวี้ กิจการทั้งสามแห่ง ในที่สุดก็มาถึงแหล่งสุดท้าย ที่ซึ่งอวลด้วยความนึกคิดเป็ปรปักษ์ชัดเจน
ร้านมู่หรงเป็กิจการใบชา ของหวานและเครื่องทอ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าบิดาคิดอย่างไร ขอบเขตบริหารจัดการถึงได้ยุ่งเหยิงไม่น้อย เหมือนเป็โรงขายของชำเสียมากกว่า โรงเตี๊ยมมธุรส์ก็คือโรงเตี๊ยม เมี่ยวอวี้คือร้านเครื่องหยกน้ำงามเป็หลัก เป็ร้านรวงที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่ละแห่งมีลูกจ้างประจำอยู่สามถึงห้าคน หลายวันมานี้กิจการไม่ค่อยสู้ดี แต่เพราะสิทธิ์กลับมาเป็ของตระกูลเย่อีกครั้ง จึงไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ถึงได้คงอยู่ต่อไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
เ่ิูเลอะเลือนกับเื่ธุรกิจเป็ยิ่งยวด การเผยหน้าค่าตาคราวนี้ก็เพื่อให้ขวัญกำลังใจทหารเท่านั้น
เดินพิรี้พิไรทั้ง่สายถึงเยี่ยมได้สามกิจการ
ยามเที่ยงตรง คนบนถนนกลับค่อยๆ เพิ่มจำนวน
หาอะไรกินในโรงเตี๊ยมมธุรส์เรียบร้อยแล้ว ถังซานก็พาเ่ิูไปยังทิงเทาซวน
ทิงเทาซวนเป็โรงศิลปะยุทธ์ เมื่อก่อนนั้นมารดาได้มาสอนศิษย์ที่นี่ด้วยตัวเอง กิจการดังเป็พลุแตกติดอันดับหนึ่งในสามของเขตเหนือ เสียงข่าวว่ามีคู่แข่งไม่น้อยคิดมาระราน แต่ถูกมารดาโต้กลับไปจนเข็ด ฉายา ‘กระบี่บุหงาขาว’ ได้มาก็เพราะเหตุนี้
อาจเรียกได้ว่า โรงศิลปะยุทธ์แห่งนี้คือเืเนื้อและิญญาของมารดา
น่าเสียดายที่เมื่อทั้งสองสิ้นชีพในา สูญเสียผู้บัญชาการฝีมือสูงส่งไป กิจการโรงศิลปะยุทธ์ก็ร่วงฮวบฮาบ จากนั้นเนี่ยอิ่นก็ฮุบไปเป็ของตัวเอง ยึดครองทิงเทาซวน ทว่าแม้เ้าคนนี้จะมีวรยุทธ์ แต่พลังก็ไม่เท่ามารดาเลย ทิงเทาซวนจึงมิได้รุ่งโรจน์เท่าหน้าร้อนในยามนั้น
เ่ิูยืนตระหง่านหน้าทิงเทาซวน
เขาเงยหน้าขึ้นเชื่องช้า
ป้ายไม้แดงตรงปากประตูทาด้วยสีดำ ดูทั้งขรึมเคร่งและภูมิฐาน นามทิงเทาซวนที่มารดาเขียนขึ้นด้วยตัวเองแขวนอยู่บนนั้น ผ่านลมฝนร้อนหนาวมาหลายปี จึงมีร่องรอยด่างพร้อยโชกโชน สองฟากประตูเป็กำแพงดินเตี้ยๆ เล่าว่าเป็บิดามารดาเขาบรรจงก่อด้วยมือตัวเอง หน้าร้อนนั้นเคยมีตะไคร่เกาะ บัดนี้กลับปกคลุมด้วยหิมะ
โรงศิลปะยุทธ์นี้มองดูคับแคบ แต่มีพื้นที่สามสิบมู่ ลานแสดงยุทธ์เล็กๆ มีกำแพงดินล้อมรอบ ขนาดประมาณยี่สิบมู่ หลังจากนั้นเป็โถงวรยุทธ์ของทิงเทาซวนและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ
ในบรรดาทุกกิจการที่มี เ่ิูรักทิงเทาซวนอย่างลึกซึ้งที่สุด
เพราะยามเยาว์วัย มารดาชอบพาเขามาที่นี่เสมอ
ใบหญ้าทุกใบ ไม้ทุกท่อน อิฐทุกด้านล้วนทำให้เขาหวนนึกถึงคืนวันอันแสนสุข ที่พ่อแม่อยู่เคียงข้างเขา
แต่ก็เป็เพราะเหตุนั้นเช่นกัน เ่ิูถึงได้มาที่นี่น้อยนัก
เขาไม่อยากนึกภาพพ่อแม่ตอนสิ้นใจอีกแล้ว
เ่ิูยืนอยู่หน้าทิงเทาซวนอย่างเงียบงัน นับแต่วันที่เข้าร่วมสมรภูมิหุบเขาปัดป้องเป็ต้นมา หลายวันมานี้ จิตใจเขากดดัน อาจเป็เพราะความชั่วช้าของเซี่ยโหวอู่และหลายคนทำให้เขาผิดหวัง อาจเป็เพราะเป็ห่วงเด็กน้อย หรืออาจเป็เพราะเห็นภาพตรงหน้านี้แล้วคิดถึงพ่อแม่จับหัวใจ...
ท้ายสุดแล้ว แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้แน่เลยว่าเพราะอะไร
เ่ิูรู้สึกเหมือนตัวเขาเป็ูเาไฟที่ใกล้ะเิ
และตอนนั้นเองที่เขาได้ยิน เสียงทะเลาะเบาะแว้งดังมาจากภายในประตูสีดำอย่างเดือดพล่าน มีเสียงด่าทอและร้องไห้โฮ...
ถังซานสีหน้าเปลี่ยน
เ่ิูไม่เอ่ยอะไร เขาเดินเข้าประตูนั้นไป
ลานเล็กๆ กระเื้ักำแพงดิน มีคนสองกลุ่มกำลังเผชิญหน้า
มีอยู่ประมาณห้าหกคน สวมเกราะสีแดง รังสีโหดร้ายและมุทะลุ วางท่าจองหองบังคับคน เป็พวกพลังกล้าแกร่ง หัวโจกนั้นกลับเป็แค่หนุ่มรุ่นอายุสิบหกสิบเจ็ด หวีผมแต่งหน้าเสียครบเครื่อง ฝุ่นแต้มแก้มสีแดงแทบจะชนหน้า ในมือวีพัดหยก สีหน้าเย่อหยิ่งเผยยิ้มเย็น
อีกด้าน
อีกฟากหนึ่งดูรันทดมากโข เสื้อผ้าไม่เหมือนกัน ส่วนมากมีรอยปะชุน
“ซุนอวี้หู่ เ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ทำไมให้คนของเ้าทำร้ายศิษย์น้องหวังของข้า?” เด็กหนุ่มอาภรณ์ยาวเนื้อหยาบตะเบ็งเสียงอย่างโกรธจัด
ข้างกายเขามีคนสองสามคนประคองคนเจ็บ อายุน่าจะสักยี่สิบ หน้าอกเป็รอยฝ่ามือ รอยนั้นแ่า กระดูกหน้าอกยุบลงไป เืไหลจากจมูกและปาก าเ็หนักจนหมดสติ ท่าทีอ่อนแรง
“ฮ่าๆ ก็บอกเสียดิบดีนี่ว่าแลกเปลี่ยนวรยุทธ์กัน อย่างไรก็ต้องสู้สุดแรงซี่ แต่แค่ตอนสู้กัน ดาบหอกมันไม่ดูตาม้าตาเรือ คนของข้าถึงได้พลั้งมือทำร้ายหวังอิง โทษได้แค่ว่าฝีมือเขาไม่ดีเท่านั้นแหละ” บุรุษหวีผมแต่งหน้าซุนอวี้หู่มองอย่างยั่วยุ ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“เ้า...บอกข้าว่าพอถึงเวลาแล้วจะยั้งมือ พวกเ้าจงใจเล่นสกปรก ทำเกินไปแล้ว” เ้าทุกข์ที่สวมเสื้อหยาบโกรธจนหน้ารอ้น
ตอนที่ปรามาสกันอยู่นั้นเอง เ่ิูและถังซานก็เดินเข้ามา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้